สวัสดี Day 4 จ้า วันนี้เป็นวันแรกที่เราจะเริ่มใช้ JR Kansai HiroshimaPassกันน้า เราจะนั่ง Shinkansen จาก Shin-Osakaไปลงที่ Himeji กันค่ะ
โดยจากที่พักเราจะต้องนั่งรถไฟสายMidosuji Line จากสถานี Shinsaibashiไปลงที่ Shin-Osaka
(จากShinsaibashi ไป Shin-Osaka ต้องจ่ายเพิ่มต่างหากไม่รวมอยู่ในพาสนะคะ)
ติดตามอ่าน EP.1 ได้ที่นี่ค่ะ
https://ppantip.com/topic/38726394
ติดตามอ่าน EP.2 ได้ที่นี่ค่ะ
https://ppantip.com/topic/38741874
ติดตามอ่าน EP.3 ได้ที่นี่ค่ะ
https://ppantip.com/topic/38753792
ติดตามอ่าน EP.5 ได้ที่นี่ค่า
https://ppantip.com/topic/38872891
เราเช็ครอบขบวนรถที่เราจะนั่งมาแล้วว่าเป็นรอบ 09:29 นาที (เวลาที่เห็นคือเวลารถออกนะคะ)เพราะฉะนั้นเราควรมาถึงก่อนอย่างน้อย10-15 นาทีน้า เพราะถ้ามาใกล้เวลาเราอาจจะไม่ได้นั่ง ถ้าเราไม่ได้ Reserved Seat เราก็ต้องไปนั่งตู้ Non Reserved ซึ่งจะมีแค่ 3 ตู้ เท่านั้น ปกติจะอยู่ตู้ที่ 1-3 ค่ะ
เวลาจะดูว่าเราจะไปขึ้นรถไฟขบวนของเราที่ชาญชลาไหนก็ไม่ยากค่ะ ตอนที่เราเข้ามาในสถานีของ Shinkansen แล้ว เราจะเห็นมี บอร์ดไฟแจ้งบอกเลยว่า ชื่อขบวน เวลา ให้ไปขึ้นที่ชาญชลาที่เท่าไร เราก็เดินไปตามป้ายบอกแต่ละชาญชลาเลย ตรงนี้แหละที่บอกว่าควรเผื่อเวลาเพราะสถานีใหญ่ และ ชาญชลาเยอะ และ เดินค่อนข้างไกล เอาหละตอนนี้ขบวนที่จะพาเบียร์ไป Himeji มาแล้ว ขึ้นมาก็เดินไปจับจองที่นั่งกันเลยค่ะ ที่นั่งๆ สบายมาก กว้าง ใครมีกระเป๋าเดินทางจะเอามาวางไว้ตรงที่นั่งตัวเองก็ยังได้ หรือ ถ้ากระเป๋าเดินทางใบเล็กไซด์ Carry on ก็วางไว้ด้านบนตรงหัวที่เรานั่งได้(คล้ายๆ บนเครื่องบิน) รถออกตรงเวลาเปะๆ ค่ะ
วิวระหว่างทาง ^^
พอรถออกเราก็ตื่นเต้นกับวิวระหว่างทาง เผลอแปบเดียว 30 นาที เราก็มาถึงสถานี Himeji แล้ว
พอออกมาหน้าสถานี JR HIMEJI จะเห็นปราสาทอยู่ลิบๆ นู้น
พอมาถึงเราก็เดินออกมานอกสถานี แล้วก็เดินไปรอขึ้นรถบัสที่จะพาเราไปที่ปราสาทHimejiรถจะจอดอยู่ป้ายเบอร์ 6 ค่ารถคนละ 100 เยน จริงๆ ส่วนใหญ่เค้าก็จะเดินไปกัน เพราะมันแค่ประมาณ 1 กิโลเมตร แต่เราต้องเดินเยอะอีกหลายวันเลยขอเซฟขาไว้หน่อยละกัน แฮร่
หน้าตารถน่ารักมากๆ ค่ะ วินเทจหน่อยๆ ^^
นั่งรถมาไม่นานเราก็มาถึงตรงริมรั้วของปราสาท ลงจากรถเราก็ได้ตะลึงกับความงามของซากุระเลยค่า กำลังฟลูบูมอู้ฟู้สุดๆไปเลย สวยมากๆ
พอเราเดินเข้ามาบริเวณด้านในรั้วก็ยิ่งตื่นตาตื่นใจกับต้นซากุระนับร้อยๆ ต้น และเราก็ได้เห็นว่าหนทางจากตรงประตูใหญ่ไปถึงตัวปราสาทนั้นช่างไกลมากๆ 555 คิดดูว่าเดินไปชมซากุระไป ถ่ายรูปไป เราจะใช้เวลาเท่าไหร่น๊อกว่าจะถึงตัวปราสาท เพราะฉะนั้นแนะนำว่าถ้าใครจะมาช่วงฟลูบูมแบบนี้ เผื่อเวลาอย่างน้อยๆ ครึ่งวันเลยค่า ^^
พอเข้ามาด้านในเราก็ยิ่งหันซ้าย ห้นขวา คอแทบเคร็ด เพราะความสวยของซากุระ ที่กำลังแข่งกันเบ่งบาน มันสวยไปทุกต้นจริงๆค่ะ ^^
ดูทุกคนมีความสุขมาก มีทั้งนั่งปิกนิก นั่งคุยกันไปชมซากุระกันไป หน้าตายิ้มแย้มกันทุกคน
ภาพนี้ ตอนลมพัดแล้วดอกซากุระปลิวลงมาสวยมากๆ ค่ะ แต่ก็ให้ทำให้คิดว่าเสียดายมากๆ เพราะหมายความว่าอีกไม่กี่วันต้ซากุระก็จะผลิใบแล้ว ><
เดินมาได้ไม่ทันไร ก็เจอกับดักของโปรดจ้า เจ้าตู้กาชาปอง ที่เป็นสัญลักษณ์ของปราสาทHimeji เค้าทำเป็นตราปั๊มแบบต่างๆ เราก็หมุนมา1ลูก
สบายใจเดินต่อได้
อยากได้สีชมพูๆๆ ต้องพึ่งสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ^^'
ในที่สุดเราก็ได้...สีเขียวจ้าาาา ไม่เป็นไรสวยเหมือนกัน อิอิ
เราก็เดินถ่ายรูป ซากุระมาเรื่อยๆ จนถึงจุดขายบัตรก่อนเข้าตัวปราสาท คนเยอะมากๆ ค่ะ น่าจะเพราะเป็นช่วงซากุระฟลูบูมด้วย มีทั้งนักท่องเที่ยว และ คนญี่ปุ่นเองก็เยอะ ทุกคนก็อยากมาชื่นชมซากุระกัน
ก่อนเข้าไปด้านในตัวปราสาทเค้าก็จะมีตู้ขายตั๋วอัตโนมัติค่ะ ค่าตั๋วของผู้ใหญ่คนละ 1,000 เยน เด็ก 300 เยน
ได้ตั๋วมาแล้วเราก็เดินเข้ามาด้านในแต่ยังไม่ถึงตัวปราสาทนะคะ เป็นช่วงที่กำลังจะถึงตัวปราสาทค่ะ เค้ามีเป็นแผ่นพับบอกเล่าเรื่องราวของปราสาทแจกด้วย
ทำเป็นหลายๆ ภาษาเลยค่ะ มีภาษาไทยด้วย
ปราสาทHimeji แห่งนี้ได้ฉายาว่าปราสาทนกกระสาขาว ด้วยตัวปราสาทเป็นสีขาว และทำจากไม้เกือบทั้งหลัง ทำให้ดูสวยสง่างามมากค่ะ
ตอนแรกที่อ่านในประวัติมาก็ไม่คิดว่าของจริงจะสวยขนาดนี้ แล้วยิ่งช่วงซากุระบาน ยิ่งขับให้ตัวปราสาทยิ่งสวยละมุนไปอีก ^^
ปราสาทแห่งนี้ถูกสร้างมากว่า 400 ปี แล้ว ตามประวัติเล่าว่าตั้งแต่สร้างปราสาทขึ้นมายังไม่เคยได้ทำศึกสงครามเลย
ปราสาทฮิเมจิ ถือเป็น1 ใน 3 ปราสาท ที่สวยที่สุดในญี่ปุ่น และทางยูเนสโก้ ได้บันทึกให้ปราสาทแห่งนี้เป็นมรดกโลก อีกด้วย ^^
ตอนนี้เราก็ต่อแถวเพื่อเข้าไปชมในตัวปราสาทกันค่ะ คนเยอะมาก แถวจะค่อยๆ ขยับทีละนิดๆ โชคดีที่อากาศไม่ร้อนเราเลยยืนรอได้ชิวๆ
ระหว่างยืนรอก็มองนู้น ชมนี่ไปเรื่อยๆ
พอเราจะเดินเข้าถึงตัวอาคาร เจ้าหน้าที่เค้าก็จะแจกถุงก๊อบแก๊บให้เราค่ะ เอาไว้ใส่รองเท้าแล้วเดินถือไปด้วย ระหว่างที่เราเที่ยวชมในตัวปราสาท
ในปราสาทบางจุดค่อนข้างมืด และบันไดชันมากค่ะ เดินขึ้นต้องระวังกันหน่อยน้า ^^
วิวที่ถ่ายลงมาจากบนปราสาท สวยมากเลย ^^
เราเดินขึ้นมาได้ถึงชั้น 3 เท่านั้น (แถวยาวมาก ยืนไม่ไหวแล้วจ้า) พอดีเหลือบไปเห็นมีช่องที่เจ้าหน้าที่เค้าเปิดให้ลงอีกทางได้สำหรับคนที่ไม่ไปต่อ ปกติจะต้องเดินวนขึ้นไปจนสุด แล้วค่อยเดินลงอีกทางค่ะ
ตอนนี้เราก็ออกมาจากตัวปราสาทแล้วนะคะ เราอยู่บริเวณด้านหลังของตัวปราสาท ตรงจุดนี้มีเรื่องเล่าต่อๆ กันมา ว่ามีบ่อน้ำที่เคยมีสาวใช้ที่ทำงานอยู่ในปราสาทแห่งนี้กระโดดลงไปฆ่าตัวตาย เพราะหนีความผิดที่ทำจานล้ำค่าของท่านเข้าของปราสาทหายไป 1 ใบ (ตามตำนานเล่าว่าสาวใช้โดนกลั่นแกล้งนะคะ) หลังจากนั้นตอนกลางคืนจะมีคนได้ยินเสียงสาวใช้นับจานลอยก้องออกมาจากบ่อน้ำ ค่ะ อันนี้เราเล่าตามประวัติที่อ่านเจอมาน้า จริง ไม่จริง ไม่รู้นะคะ^^'
เดินต่อมาอีกหน่อย เราก็มาเห็นสัญลักษณ์ ปลาวาฬเพรชฆาต ทำจากโลหะ มีลักษณะหัวเป็นเสือหางเป็นปลา เค้าจะติดตั้งไว้บนยอดปราสาท เพื่อใช้เป็นสื่อล่อฟ้า ไม่ให้ฟ้าผ่าลงที่ปราสาท และอีกนัยนึงก็เพื่อเป็นเครื่องรางกันไฟไหม้ ค่ะ
ระหว่างเดินออกมาเราก็เดินถ่ายรูปเล่นไปเรื่อยๆ ค่ะ บรรยากาศดีมากๆ
ด้านข้างปราสาทฮิเมจิ มีสวนสัตว์ด้วยนะคะ ค่าเข้าไม่แพงเลย ^^
ตอนนี้เราก็เดินเที่ยวเดินชมที่ปราสาท และ รอบๆ มาพอสมควรแล้ว เดี๋ยวเราจะกลับไปที่โอซาก้า กัน จะไปช้อปปิ้งของฝาก และ หาอะไรทานมื้อเย็นกันค่า
วิธีเดินทางกลับ เราก้เดินออกไปที่เดิมที่เราลงรถเมื่อเช้าแล้วก็ยืนรอรถคันเดิมเค้าจะวิ่งวนมารับนักท่องเที่ยวตามจุด และ สุดท้ายก็ไปลงที่ที่สถานี JR ฮิเมจิ
ค่ารถก็คนละ 100 เยน ค่า
ระหว่างทางเราก้จะเห็นผู้คนที่กำลังหลั่งไหลเข้ามาเที่ยวชมซากุระกันอย่างไม่ขาดสายเลยทีเดียว^^
นั่งรถมาซักพักประมาณ 20 นาที เราก็มาถึงสถานี JR HIMEJI แล้วค่า ไปนั่งShinkansen กลับ Osaka กัน
เพียง 30 นาที Shikansen ก็พาเรามาถึงโอซาก้า แล้ว เดี๋ยวเราว่าจะเดินหาของกิน และ ช้อปปิ้งแถวๆ ที่พัก ย่าน Shinsaibashiกันค่ะ
ประเดิมร้านแรก เล็งไว้ตั้งแต่วันก่อน เพราะเห็นว่าทำเลดีน่านั่งชิวๆ เป็นร้านสไตล์ อิซากายะ เราเลือกนั่งในร้านก็ได้ หรือ
ด้านหลังร้านมีนั่ง Out Door อยู่ 3-4 โต๊ะ สั่งเกตุง่ายๆ คือร้านอยู่ริมคลอง Dotonbori เยื้องกับอิชิรันราเมน กับ ดองกี้ ค่ะ
เดี๋ยวมาต่อนะคะ ^^
[CR] รีวิว เที่ยวญี่ปุ่นด้วยตัวเอง คันไซ โอซาก้า ช่วงซากุระ EP.4
โดยจากที่พักเราจะต้องนั่งรถไฟสายMidosuji Line จากสถานี Shinsaibashiไปลงที่ Shin-Osaka
(จากShinsaibashi ไป Shin-Osaka ต้องจ่ายเพิ่มต่างหากไม่รวมอยู่ในพาสนะคะ)
ติดตามอ่าน EP.1 ได้ที่นี่ค่ะ https://ppantip.com/topic/38726394
ติดตามอ่าน EP.2 ได้ที่นี่ค่ะ https://ppantip.com/topic/38741874
ติดตามอ่าน EP.3 ได้ที่นี่ค่ะ https://ppantip.com/topic/38753792
ติดตามอ่าน EP.5 ได้ที่นี่ค่า https://ppantip.com/topic/38872891
เราเช็ครอบขบวนรถที่เราจะนั่งมาแล้วว่าเป็นรอบ 09:29 นาที (เวลาที่เห็นคือเวลารถออกนะคะ)เพราะฉะนั้นเราควรมาถึงก่อนอย่างน้อย10-15 นาทีน้า เพราะถ้ามาใกล้เวลาเราอาจจะไม่ได้นั่ง ถ้าเราไม่ได้ Reserved Seat เราก็ต้องไปนั่งตู้ Non Reserved ซึ่งจะมีแค่ 3 ตู้ เท่านั้น ปกติจะอยู่ตู้ที่ 1-3 ค่ะ
เวลาจะดูว่าเราจะไปขึ้นรถไฟขบวนของเราที่ชาญชลาไหนก็ไม่ยากค่ะ ตอนที่เราเข้ามาในสถานีของ Shinkansen แล้ว เราจะเห็นมี บอร์ดไฟแจ้งบอกเลยว่า ชื่อขบวน เวลา ให้ไปขึ้นที่ชาญชลาที่เท่าไร เราก็เดินไปตามป้ายบอกแต่ละชาญชลาเลย ตรงนี้แหละที่บอกว่าควรเผื่อเวลาเพราะสถานีใหญ่ และ ชาญชลาเยอะ และ เดินค่อนข้างไกล เอาหละตอนนี้ขบวนที่จะพาเบียร์ไป Himeji มาแล้ว ขึ้นมาก็เดินไปจับจองที่นั่งกันเลยค่ะ ที่นั่งๆ สบายมาก กว้าง ใครมีกระเป๋าเดินทางจะเอามาวางไว้ตรงที่นั่งตัวเองก็ยังได้ หรือ ถ้ากระเป๋าเดินทางใบเล็กไซด์ Carry on ก็วางไว้ด้านบนตรงหัวที่เรานั่งได้(คล้ายๆ บนเครื่องบิน) รถออกตรงเวลาเปะๆ ค่ะ
วิวระหว่างทาง ^^
พอรถออกเราก็ตื่นเต้นกับวิวระหว่างทาง เผลอแปบเดียว 30 นาที เราก็มาถึงสถานี Himeji แล้ว
พอออกมาหน้าสถานี JR HIMEJI จะเห็นปราสาทอยู่ลิบๆ นู้น
พอมาถึงเราก็เดินออกมานอกสถานี แล้วก็เดินไปรอขึ้นรถบัสที่จะพาเราไปที่ปราสาทHimejiรถจะจอดอยู่ป้ายเบอร์ 6 ค่ารถคนละ 100 เยน จริงๆ ส่วนใหญ่เค้าก็จะเดินไปกัน เพราะมันแค่ประมาณ 1 กิโลเมตร แต่เราต้องเดินเยอะอีกหลายวันเลยขอเซฟขาไว้หน่อยละกัน แฮร่
หน้าตารถน่ารักมากๆ ค่ะ วินเทจหน่อยๆ ^^
นั่งรถมาไม่นานเราก็มาถึงตรงริมรั้วของปราสาท ลงจากรถเราก็ได้ตะลึงกับความงามของซากุระเลยค่า กำลังฟลูบูมอู้ฟู้สุดๆไปเลย สวยมากๆ
พอเราเดินเข้ามาบริเวณด้านในรั้วก็ยิ่งตื่นตาตื่นใจกับต้นซากุระนับร้อยๆ ต้น และเราก็ได้เห็นว่าหนทางจากตรงประตูใหญ่ไปถึงตัวปราสาทนั้นช่างไกลมากๆ 555 คิดดูว่าเดินไปชมซากุระไป ถ่ายรูปไป เราจะใช้เวลาเท่าไหร่น๊อกว่าจะถึงตัวปราสาท เพราะฉะนั้นแนะนำว่าถ้าใครจะมาช่วงฟลูบูมแบบนี้ เผื่อเวลาอย่างน้อยๆ ครึ่งวันเลยค่า ^^
พอเข้ามาด้านในเราก็ยิ่งหันซ้าย ห้นขวา คอแทบเคร็ด เพราะความสวยของซากุระ ที่กำลังแข่งกันเบ่งบาน มันสวยไปทุกต้นจริงๆค่ะ ^^
ดูทุกคนมีความสุขมาก มีทั้งนั่งปิกนิก นั่งคุยกันไปชมซากุระกันไป หน้าตายิ้มแย้มกันทุกคน
ภาพนี้ ตอนลมพัดแล้วดอกซากุระปลิวลงมาสวยมากๆ ค่ะ แต่ก็ให้ทำให้คิดว่าเสียดายมากๆ เพราะหมายความว่าอีกไม่กี่วันต้ซากุระก็จะผลิใบแล้ว ><
เดินมาได้ไม่ทันไร ก็เจอกับดักของโปรดจ้า เจ้าตู้กาชาปอง ที่เป็นสัญลักษณ์ของปราสาทHimeji เค้าทำเป็นตราปั๊มแบบต่างๆ เราก็หมุนมา1ลูก
สบายใจเดินต่อได้
อยากได้สีชมพูๆๆ ต้องพึ่งสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ^^'
ในที่สุดเราก็ได้...สีเขียวจ้าาาา ไม่เป็นไรสวยเหมือนกัน อิอิ
เราก็เดินถ่ายรูป ซากุระมาเรื่อยๆ จนถึงจุดขายบัตรก่อนเข้าตัวปราสาท คนเยอะมากๆ ค่ะ น่าจะเพราะเป็นช่วงซากุระฟลูบูมด้วย มีทั้งนักท่องเที่ยว และ คนญี่ปุ่นเองก็เยอะ ทุกคนก็อยากมาชื่นชมซากุระกัน
ก่อนเข้าไปด้านในตัวปราสาทเค้าก็จะมีตู้ขายตั๋วอัตโนมัติค่ะ ค่าตั๋วของผู้ใหญ่คนละ 1,000 เยน เด็ก 300 เยน
ได้ตั๋วมาแล้วเราก็เดินเข้ามาด้านในแต่ยังไม่ถึงตัวปราสาทนะคะ เป็นช่วงที่กำลังจะถึงตัวปราสาทค่ะ เค้ามีเป็นแผ่นพับบอกเล่าเรื่องราวของปราสาทแจกด้วย
ทำเป็นหลายๆ ภาษาเลยค่ะ มีภาษาไทยด้วย
ปราสาทHimeji แห่งนี้ได้ฉายาว่าปราสาทนกกระสาขาว ด้วยตัวปราสาทเป็นสีขาว และทำจากไม้เกือบทั้งหลัง ทำให้ดูสวยสง่างามมากค่ะ
ตอนแรกที่อ่านในประวัติมาก็ไม่คิดว่าของจริงจะสวยขนาดนี้ แล้วยิ่งช่วงซากุระบาน ยิ่งขับให้ตัวปราสาทยิ่งสวยละมุนไปอีก ^^
ปราสาทแห่งนี้ถูกสร้างมากว่า 400 ปี แล้ว ตามประวัติเล่าว่าตั้งแต่สร้างปราสาทขึ้นมายังไม่เคยได้ทำศึกสงครามเลย
ปราสาทฮิเมจิ ถือเป็น1 ใน 3 ปราสาท ที่สวยที่สุดในญี่ปุ่น และทางยูเนสโก้ ได้บันทึกให้ปราสาทแห่งนี้เป็นมรดกโลก อีกด้วย ^^
ตอนนี้เราก็ต่อแถวเพื่อเข้าไปชมในตัวปราสาทกันค่ะ คนเยอะมาก แถวจะค่อยๆ ขยับทีละนิดๆ โชคดีที่อากาศไม่ร้อนเราเลยยืนรอได้ชิวๆ
ระหว่างยืนรอก็มองนู้น ชมนี่ไปเรื่อยๆ
พอเราจะเดินเข้าถึงตัวอาคาร เจ้าหน้าที่เค้าก็จะแจกถุงก๊อบแก๊บให้เราค่ะ เอาไว้ใส่รองเท้าแล้วเดินถือไปด้วย ระหว่างที่เราเที่ยวชมในตัวปราสาท
ในปราสาทบางจุดค่อนข้างมืด และบันไดชันมากค่ะ เดินขึ้นต้องระวังกันหน่อยน้า ^^
วิวที่ถ่ายลงมาจากบนปราสาท สวยมากเลย ^^
เราเดินขึ้นมาได้ถึงชั้น 3 เท่านั้น (แถวยาวมาก ยืนไม่ไหวแล้วจ้า) พอดีเหลือบไปเห็นมีช่องที่เจ้าหน้าที่เค้าเปิดให้ลงอีกทางได้สำหรับคนที่ไม่ไปต่อ ปกติจะต้องเดินวนขึ้นไปจนสุด แล้วค่อยเดินลงอีกทางค่ะ
ตอนนี้เราก็ออกมาจากตัวปราสาทแล้วนะคะ เราอยู่บริเวณด้านหลังของตัวปราสาท ตรงจุดนี้มีเรื่องเล่าต่อๆ กันมา ว่ามีบ่อน้ำที่เคยมีสาวใช้ที่ทำงานอยู่ในปราสาทแห่งนี้กระโดดลงไปฆ่าตัวตาย เพราะหนีความผิดที่ทำจานล้ำค่าของท่านเข้าของปราสาทหายไป 1 ใบ (ตามตำนานเล่าว่าสาวใช้โดนกลั่นแกล้งนะคะ) หลังจากนั้นตอนกลางคืนจะมีคนได้ยินเสียงสาวใช้นับจานลอยก้องออกมาจากบ่อน้ำ ค่ะ อันนี้เราเล่าตามประวัติที่อ่านเจอมาน้า จริง ไม่จริง ไม่รู้นะคะ^^'
เดินต่อมาอีกหน่อย เราก็มาเห็นสัญลักษณ์ ปลาวาฬเพรชฆาต ทำจากโลหะ มีลักษณะหัวเป็นเสือหางเป็นปลา เค้าจะติดตั้งไว้บนยอดปราสาท เพื่อใช้เป็นสื่อล่อฟ้า ไม่ให้ฟ้าผ่าลงที่ปราสาท และอีกนัยนึงก็เพื่อเป็นเครื่องรางกันไฟไหม้ ค่ะ
ระหว่างเดินออกมาเราก็เดินถ่ายรูปเล่นไปเรื่อยๆ ค่ะ บรรยากาศดีมากๆ
ด้านข้างปราสาทฮิเมจิ มีสวนสัตว์ด้วยนะคะ ค่าเข้าไม่แพงเลย ^^
ตอนนี้เราก็เดินเที่ยวเดินชมที่ปราสาท และ รอบๆ มาพอสมควรแล้ว เดี๋ยวเราจะกลับไปที่โอซาก้า กัน จะไปช้อปปิ้งของฝาก และ หาอะไรทานมื้อเย็นกันค่า
วิธีเดินทางกลับ เราก้เดินออกไปที่เดิมที่เราลงรถเมื่อเช้าแล้วก็ยืนรอรถคันเดิมเค้าจะวิ่งวนมารับนักท่องเที่ยวตามจุด และ สุดท้ายก็ไปลงที่ที่สถานี JR ฮิเมจิ
ค่ารถก็คนละ 100 เยน ค่า
ระหว่างทางเราก้จะเห็นผู้คนที่กำลังหลั่งไหลเข้ามาเที่ยวชมซากุระกันอย่างไม่ขาดสายเลยทีเดียว^^
นั่งรถมาซักพักประมาณ 20 นาที เราก็มาถึงสถานี JR HIMEJI แล้วค่า ไปนั่งShinkansen กลับ Osaka กัน
เพียง 30 นาที Shikansen ก็พาเรามาถึงโอซาก้า แล้ว เดี๋ยวเราว่าจะเดินหาของกิน และ ช้อปปิ้งแถวๆ ที่พัก ย่าน Shinsaibashiกันค่ะ
ประเดิมร้านแรก เล็งไว้ตั้งแต่วันก่อน เพราะเห็นว่าทำเลดีน่านั่งชิวๆ เป็นร้านสไตล์ อิซากายะ เราเลือกนั่งในร้านก็ได้ หรือ
ด้านหลังร้านมีนั่ง Out Door อยู่ 3-4 โต๊ะ สั่งเกตุง่ายๆ คือร้านอยู่ริมคลอง Dotonbori เยื้องกับอิชิรันราเมน กับ ดองกี้ ค่ะ
เดี๋ยวมาต่อนะคะ ^^
CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้