ขออภัยที่หายไปนานน้า มาต่อ Ep.5 กันค่า ^^
วันนี้เราจะพาเพื่อน ๆ เดินทางจาก Osaka ไปยังภูมิภาค Shukoku ซึ่งลงไปทางใต้ เราจะไป Hiroshima กัน จังหวัดที่เคยโดนระเบิดปรมาณู
จากที่ไม่เคยเหลืออะไรเลย ทุกวันนี้ Hiroshimaกลับมาสวยงาม อาหารการกิน อุดมสมบูรณ์ มีการคมนาคม ที่สะดวก สบาย ไม่แพ้เมืองใหญ่ ๆ เลยค่ะ
ติดตามอ่าน EP.1 ได้ที่นี่ค่ะ
https://ppantip.com/topic/38726394
ติดตามอ่าน EP.2 ได้ที่นี่ค่ะ
https://ppantip.com/topic/38741874
ติดตามอ่าน EP.3 ได้ที่นี่ค่ะ
https://ppantip.com/topic/38753792
ติดตามอ่าน EP.4 ได้ที่นี่ค่ะ
https://ppantip.com/topic/38782078
ว่าแล้วเราก็ไม่รอช้า รีบโบก Shinkansen โดยใช้ Jr Pass Kansai Hiroshima ไปกันเลยดีกว่า เนื่องจากเราพักแถว Shinsaibashi
เราก็จะไปนั่ง Subway สาย Midosuji Line โดยใช้ Icoca นั่งไป 6 สถานีไปลงที่ สถานี Shin-Osaka
ถึงแล้วสถานีShin-Osakaพอมาถึงเราก็เดินตามป้าย Shinkansen เลยจ้า โดยให้เราไปดูที่บอร์ด ก่อนว่าเราจะไปขบวนอะไร เวลาที่รถออก ซึ่งตรงนี้เราสามารถเช็คจาก Expedia หรือ Google Map (เดี๋ยวนี้ Google Map สามารถดูวัน เวลา ขบวนรถ ได้)
โดยที่บอร์ด จะระบุว่าขบวนที่เราจะนั่งนั้น ให้ไปที่ชาญชลาที่เท่าไร ถึงตรงนี้ไม่ต้องกังวลน้า เพราะมีป้ายบอกเป็นระยะ ๆ จ้า เพิ่มเติมในส่วนของเวลาที่โชว์ จะเป็นเวลาที่รถออกนะจ๊ะ ไม่ใช่เวลาที่รถมาน๊า><
รถของเรามาแล้ว วันนี้นั่ง Shinkansenไป Hiroshima ใช้เวลาเดินทาง 1.30 ชั่วโมง นั่งเพลินๆ กินข้าวกล่องไปชมวิวข้างทางไป หลับซักตื่น
แป๊บเดียวก็ถึงแล้ว
แล้วเราก็มาถึง สถานี Hiroshimaจากที่สังเกตตั้งแต่บน Shinkansen เจอนักท่องเที่ยวทางฝั่งตะวันตกมากันเยอะมากผิดหูผิดตากับที่ Osaka ที่ไม่ค่อยได้เห็นมากนัก คล้ายกับที่ไปนารา เมื่อปีที่แล้ว ก็ได้เจอนักท่องเที่ยวฝั่งตะวันตกมาเที่ยวเยอะ เลยทีเดียว
พอเราออกมาจากสถานี JR Hiroshima ให้เราเดินตามป้าย Bus sightseeing ไป ก็จะนำเราไปที่หน้าสถานี ให้เราไปรอที่ป้ายเบอร์ 2ที่ป้ายรถจะมีสัญลักษณ์ใบเมเปิ้ล อยู่ด้วย และ ที่Bus ก็จะมีสัญลักษณ์ใบเมเปิ้ลเช่นเดียวกัน เพื่อให้เราสังเกตได้ง่าย และ เนื่องจากเรามี JR Pass เราก็เลยจะได้นั่งรถเที่ยวรอบเมืองโดยไม่ต้องจ่ายตังเพิ่ม
จุดหมายที่เราจะไปก็คือPeace memorial park ที่ตั่งอยู่กลางใจเมืองฮิโรชิม่า มีเนื้อที่กว่า 120,000 ตารางกิโลเมตร ในภาพที่เราเห็นคือ A-Bom Dome
ที่เหลือเพียงโครงสร้างบางส่วน
เป็นอนุสรณ์ให้คนรุ่นหลังระลึกถึง ให้เราได้รู้ว่าสงครามไม่ได้ทำให้ใครได้ประโยชน์เลย และช่วยกันไม่ให้เกิดเหตุดการณ์ซ้ำรอยอีก เมื่อเดินมาเรื่อยๆ ริริมแม่น้ำโมโตยาสุ ข้างๆ A-Bom Dome เราก็มาเจอคุณลุงญี่ปุ่น กำลังเอาขนมปังให้นกแถวๆ นั้นกินอยู่
บริเวณนั้นมีคนล้อมรอบคุณลุง เพื่อถ่ายรูป ทุกคนต่างยิ้มแย้ม คุณลุงก็ดูท่าทางมีความสุขกับสิ่งที่ได้ทำ แถมยังเรียกเด็กๆ ที่มายืนดู ให้เข้าไปให้อาหารนกด้วยกัน อย่างที่เราเห็นในภาพ ยืนดูเก็บภาพอยู่ซักพัก เราก็เดินต่อมาเรื่อยๆ
ว่าแล้วก็เดินต่อมาถึงสะพานข้ามแม่น้ำเพื่อไปอีกฝั่ง ของสวนสันติภาพ ก่อนที่จะเดินขึ้นสะพาน ก็มีป้ายบอกชัดเจนว่าไปอะไร เดินไปทางไหนไม่หลงแน่นอน ว่าแล้วก็เดินตามลูกศรที่ชี้ไปทาง Peace Memorial Museum ที่ก็อยู่ในเขตบริเวณของ Peace Memorial Park นั้นเองค่า
มองไปที่แม่น้ำ เราเห็นเรือท้องแบนเตี้ยๆ แล่นอยู่ เป็นเรือโดยสาร ที่มีท่าเรืออยู่ตรงบริเวณนี้ สามารถนั่งไปที่เกาะมิยาจิมะได้ราคาอยู่ที่ประมาณ2,000เยน จริง ๆ ก็แอบสนใจอยู่ แต่เรามี JR Pass Kansai Hiroshimaอยู่แล้ว ที่ได้นั่งทั้งรถ ทั้งเรือ ไม่ต้องจ่ายเพิ่มอีก เราเก็บ 2,000 เยน ไว้กินของอร่อยๆ
บนเกาะมิยาจิมะ ดีก่าเนอะ อิอิ
เมื่อเดินข้ามสะพานมาจุดแรกที่เราจะเจอก็คือ อนุสาวรีย์ ของเด็กหญิงซาดาโกะ เชื่อว่าหลายๆ คน ต้องเคยได้ยินเรื่องราวที่น่าเศร้า แต่เปี่ยมไปด้วยกำลังใจ
ของเด็กหญิงคนหนึ่ง ที่ต้องต่อสู้กับโรคร้ายที่เกิดจากผลกระทบของระเบิดปรมาณูด้วยวัยเพียงแค่ 11 แต่เธอก็ไม่ย่อท้อ และมีความหวัง
ด้วยการตั้งใจพับนกกระเรียน ให้ครบ 1,000ตัว หวังว่าเธอจะหายได้ แต่เธอก็เสียชีวิตลงด้วยวัยเพียง 12 ปี และตอนที่เธอเสียชีวิต ครอบครัวของเธอก็ได้นำเอานกกระเรียนที่เธอพับใส่ลงในโลงให้เธอด้วย
ในบริเวณอนุสาวรีย์ เราก็จะเห็นว่ามีคนจากทั่วโลก พับนกกะเรียนส่งมาให้เด็กหญิงซาดาโกะ มากมายเพื่อระลึกถึงและ เพื่อเป็นอนุสารณ์เตือนใจ
คงไม่มีใครอยากให้เกิดเหตุการณ์น่าเศร้าแบบนี้อีก ไม่ว่าจะกับเชื้อชาติใดก็ตาม
เดินต่อมาจากอนุสาวรีย์เด็กหญิงซาดาโกะ เราก็จะเจอจุดที่ตั้งของเปลวไฟแห่งสันติภาพ โดยฐานเปลวไฟที่เราเห็นนั้นทางผู้ออกแบบต้องการออกแบบให้เหมือนมือสองข้างแบ แล้วหงายขึ้นโดยเอาตรงบริเวณข้อมือชิดกันผู้ออกแบบต้องการสื่อถึงการปลอบประโลมดวงวิญญาณของผู้เสียชีวิต ที่โหยหิวน้ำ
และ ไฟตรงนี้จะไม่ดับจนกว่า อาวุธนิวเคลียร์จะหมดไปจากโลกใบนี้
เดินต่อมาอีกนิด เราก็จะเจออีกจุดที่สำคัญ ตรงบริเวณนี้จะเป็นที่รวบรวมรายชื่อผู้เสียชีวิต จากเหตุการณ์ในครั้งนั้นโดยมีผู้เสียชีวิตทันทีที่ระเบิดลงถึง 70,000 คน และ ต่อมาก็มีผู้เสียชีวิตเพิ่มขึ้นอีกเรื่อยๆจนรายชื่อพุ่งขึ้นไปถึงกว่า 200,000 รายชื่อ
เห็นตัวเลขแล้วน่าใจหายมากๆ เลยค่ะในแต่ละวันก็จะมีผู้คนมากมาย จากทุกมุมโลกเดินทางมาเยี่ยมชม และ ไว้อาลัยให้แก่ดวงวิญญาณผู้ล่วงลับอย่างวันนี้ ก็มีคนมาเยียมชมเยอะพอสมควรเลยค่ะ
รูปภาพของนาฬิกา ที่หยุดเดินเมื่อเวลา 8:15 ในวันที่ 6 สิงหาคคม 1945 ในตอนที่ระเบิดลง ถ้าย้อนเวลากลับไปได้ เชื่อว่าคงไม่มีใครอยากให้เกิดเหตุการณ์นี้แน่ๆ แต่เมื่อมันเป็นไปไม่ได้เราคนรุ่นหลังก็ช่วยกัน ไม่ให้เกิดเหตุการณ์ซ้ำเดิมอีกได้ คำว่าสันติภาพ ที่แท้จริงก็คงเกิดขึ้นได้ไม่ยาก
ตอนนี้เรามาเปลี่ยนบรรยากาศ ไปเรื่องกินๆ ชิลล์ ๆ กันบ้างนะคะ เราจะไปที่เกาะมิยาจิมะ กันค่ะ โดยเราก็จะไปยือรอรถบัสที่ป้ายสัญลักษณ์รูปใบเมเปิ้ล เพื่อนั่งกลับไปที่สถานี JR Hiroshima เพื่อนั่งรถไฟไปลงที่สถานี Miyajimaguchi ใช้เวลาเดินทางไปถึงท่าเรือที่จะนั่งไปเกาะ มิยาจิม่า ประมาณ 1 ชั่วโมง (เพื่อนๆเผื่อเวลากันด้วยน้า เพราะที่เกาะค่อนข้างกว้างมีอะไรให้เดินเที่ยวเยอะเลยค่ะ )
เมื่อมาลงที่สถานี Miyajimaguji พอออกมาจากสถานี มองตามไปทางฝูงชน เดินมาไม่ไกล เราก็จะเจอท่าเรือ ตรงนี้ฝั่งขวามือ จะเป็นเรือของJR
สังเกตง่ายมากๆ คือคนจะเยอะมาก และ ที่เรือก็จะมีสัญลักษณ์ของ JR ด้วยค่ะ
ส่วนอีกด้านนึงก็จะเป็นเรือของเอกชนจ้า หน้าตาเป็นแบบในรูปนี้เลยค่ะ เอาละค่ะ ตอนนี้เราก็อยู่บนเรือพร้อมแล้วที่จะมุ่งหน้าไปที่เกาะมิยาจิมะ
ใช้เวลาข้ามเรือประมาณ 15 นาที ชมวิวเพลินๆ แป๊บเดียวก็ถึงค่ะ
ระหว่างทางเรามองไปที่ทะเล ก็จะเห็นไม้ๆ แพๆ ตรงนี้เค้าใช้เลี้ยงหอยนางรมค่ะ ซึ่งเจ้าหอยนางรมเนี่ย ที่ฮิโรชิม่า ถือเป็นของขึ้นชื่อมากๆ เลย เพราะ
มีการเพาะเลี้ยงเยอะเป็นอันดับต้นๆ ของญี่ปุ่นเลย นี่แหละค่ะ อีกสิ่งหนึ่งที่พาเรามาที่นี่ อิอิ เพื่อมากินเจ้าหอยนางรมนี่เอง แฮร่ๆ
ตอนนี้เราก็เข้ามาใกล้ตัวเกาะมิยาจิมะ แล้วนะคะ ซึ่งกัปตันเรือเค้าก็เอาใจนักท่องเที่ยวมากๆ เลยค่ะ ก่อนเข้าท่าเรือ เค้าก็ขับอ้อมมาทางด้านขวา
เพื่อให้นักท่องเที่ยวเก็บภาพความยิ่งใหญ่ของเสาโทริอิ ที่ตั้งอยู่กลางทะเลและ ภาพของศาลเจ้าอิสึคุชิมะ ที่ลอยอยู่กลางน้ำ ก่อนที่จะวนมาทางซ้ายเพื่อเข้าจอดที่ท่าเรือ น่ารักมากๆ เลยค่ะ
จุดหมายของเราที่มายังเกามิยาจิมะแห่งนี้ ก็คือ ศาลเจ้ากลางน้ำ และ เสาโอโทริอิ ที่มีน้ำหนักมากถึง 60 ตัน ที่ตั้งตระหง่านอยู่กลางทะเล
ว่าแล้วเราก็ไปกันเลย แต่....โอ๊ะๆ ๆ แหมระหว่างทางจะไปศาลเจ้า เราต้องผ่านถนนเส้นเล็ก ๆ ที่เต็มไปด้วยของกินอร่อย ๆ และที่มีเยอะมากก็คงจะเป็นเจ้าหอยนางรม ของเด็ดนี่หละค่ะ มาเชื้อเชิญ กวักมือ ควิก ๆ ๆ ให้เราเข้าไปลิ้มลอง แล้วเราจะเสียมารยาทได้ยังไงอะเนอะ เค้าเรียกแล้ว
ร้านที่ 1 หอยนางรมย่าง
ร้านที่ 2 ชิกุวะ หรือ ลูกชิ้นปลานั้นเอง อิอิ
ร้านที่ 3 ขนมโมมิจิมันจู ของดังของที่นี่ด้วย ไม่พลาดอยู่แล้ว มีให้เลือกหลายใส้เลยค่ะ เราเลือกใส่ครีม กับ ใส้ถั่วแดง แป้งบางมากใส่เยอะมากๆ แต่แอบหวานไปนิดสำหรับเราค่ะ ซื้อเป็นของฝากก้ได้น้า แพคเกจเค้าน่ารักค่ะ
ร้านที่ 4 หอยนางรมย่าง 2 ตัว 400 เยน บอกเลยว่าตัวอวบมาก และ สดมากๆ ค่ะ
ร้านที่ 5 หอยนางรมชุบแป้งทอด ไม่ละ 300 เยน ค่ะ อันนี้เราเฉยๆ ค่ะ ^^
ร้านที่ 6 ไอศครีมมันหวาน 400 เยน บอกเลยว่าถ้าใครมาต้องกินน้า อร่อยมาก ที่เนื้อไอศครีมมีมันหวานผสมอยู่ด้วย และ เค้าก็มีโปะมันหวานเป็นท้อปปิ้งมาให้อีก ทานแล้วสดชื่นเลยค่ะ ^^
ร้านที่ 7 ซาลาเปาใส้เนื้อ ค่ะ ร้านนี้เค้ามี ใส้เนื้อ ก
[CR] รีวิว เที่ยวญี่ปุ่นด้วยตัวเอง คันไซ โอซาก้า ช่วงซากุระ EP.5
วันนี้เราจะพาเพื่อน ๆ เดินทางจาก Osaka ไปยังภูมิภาค Shukoku ซึ่งลงไปทางใต้ เราจะไป Hiroshima กัน จังหวัดที่เคยโดนระเบิดปรมาณู
จากที่ไม่เคยเหลืออะไรเลย ทุกวันนี้ Hiroshimaกลับมาสวยงาม อาหารการกิน อุดมสมบูรณ์ มีการคมนาคม ที่สะดวก สบาย ไม่แพ้เมืองใหญ่ ๆ เลยค่ะ
ติดตามอ่าน EP.1 ได้ที่นี่ค่ะ https://ppantip.com/topic/38726394
ติดตามอ่าน EP.2 ได้ที่นี่ค่ะ https://ppantip.com/topic/38741874
ติดตามอ่าน EP.3 ได้ที่นี่ค่ะ https://ppantip.com/topic/38753792
ติดตามอ่าน EP.4 ได้ที่นี่ค่ะ https://ppantip.com/topic/38782078
ว่าแล้วเราก็ไม่รอช้า รีบโบก Shinkansen โดยใช้ Jr Pass Kansai Hiroshima ไปกันเลยดีกว่า เนื่องจากเราพักแถว Shinsaibashi
เราก็จะไปนั่ง Subway สาย Midosuji Line โดยใช้ Icoca นั่งไป 6 สถานีไปลงที่ สถานี Shin-Osaka
ถึงแล้วสถานีShin-Osakaพอมาถึงเราก็เดินตามป้าย Shinkansen เลยจ้า โดยให้เราไปดูที่บอร์ด ก่อนว่าเราจะไปขบวนอะไร เวลาที่รถออก ซึ่งตรงนี้เราสามารถเช็คจาก Expedia หรือ Google Map (เดี๋ยวนี้ Google Map สามารถดูวัน เวลา ขบวนรถ ได้)
โดยที่บอร์ด จะระบุว่าขบวนที่เราจะนั่งนั้น ให้ไปที่ชาญชลาที่เท่าไร ถึงตรงนี้ไม่ต้องกังวลน้า เพราะมีป้ายบอกเป็นระยะ ๆ จ้า เพิ่มเติมในส่วนของเวลาที่โชว์ จะเป็นเวลาที่รถออกนะจ๊ะ ไม่ใช่เวลาที่รถมาน๊า><
รถของเรามาแล้ว วันนี้นั่ง Shinkansenไป Hiroshima ใช้เวลาเดินทาง 1.30 ชั่วโมง นั่งเพลินๆ กินข้าวกล่องไปชมวิวข้างทางไป หลับซักตื่น
แป๊บเดียวก็ถึงแล้ว
แล้วเราก็มาถึง สถานี Hiroshimaจากที่สังเกตตั้งแต่บน Shinkansen เจอนักท่องเที่ยวทางฝั่งตะวันตกมากันเยอะมากผิดหูผิดตากับที่ Osaka ที่ไม่ค่อยได้เห็นมากนัก คล้ายกับที่ไปนารา เมื่อปีที่แล้ว ก็ได้เจอนักท่องเที่ยวฝั่งตะวันตกมาเที่ยวเยอะ เลยทีเดียว
พอเราออกมาจากสถานี JR Hiroshima ให้เราเดินตามป้าย Bus sightseeing ไป ก็จะนำเราไปที่หน้าสถานี ให้เราไปรอที่ป้ายเบอร์ 2ที่ป้ายรถจะมีสัญลักษณ์ใบเมเปิ้ล อยู่ด้วย และ ที่Bus ก็จะมีสัญลักษณ์ใบเมเปิ้ลเช่นเดียวกัน เพื่อให้เราสังเกตได้ง่าย และ เนื่องจากเรามี JR Pass เราก็เลยจะได้นั่งรถเที่ยวรอบเมืองโดยไม่ต้องจ่ายตังเพิ่ม
จุดหมายที่เราจะไปก็คือPeace memorial park ที่ตั่งอยู่กลางใจเมืองฮิโรชิม่า มีเนื้อที่กว่า 120,000 ตารางกิโลเมตร ในภาพที่เราเห็นคือ A-Bom Dome
ที่เหลือเพียงโครงสร้างบางส่วน
เป็นอนุสรณ์ให้คนรุ่นหลังระลึกถึง ให้เราได้รู้ว่าสงครามไม่ได้ทำให้ใครได้ประโยชน์เลย และช่วยกันไม่ให้เกิดเหตุดการณ์ซ้ำรอยอีก เมื่อเดินมาเรื่อยๆ ริริมแม่น้ำโมโตยาสุ ข้างๆ A-Bom Dome เราก็มาเจอคุณลุงญี่ปุ่น กำลังเอาขนมปังให้นกแถวๆ นั้นกินอยู่
บริเวณนั้นมีคนล้อมรอบคุณลุง เพื่อถ่ายรูป ทุกคนต่างยิ้มแย้ม คุณลุงก็ดูท่าทางมีความสุขกับสิ่งที่ได้ทำ แถมยังเรียกเด็กๆ ที่มายืนดู ให้เข้าไปให้อาหารนกด้วยกัน อย่างที่เราเห็นในภาพ ยืนดูเก็บภาพอยู่ซักพัก เราก็เดินต่อมาเรื่อยๆ
ว่าแล้วก็เดินต่อมาถึงสะพานข้ามแม่น้ำเพื่อไปอีกฝั่ง ของสวนสันติภาพ ก่อนที่จะเดินขึ้นสะพาน ก็มีป้ายบอกชัดเจนว่าไปอะไร เดินไปทางไหนไม่หลงแน่นอน ว่าแล้วก็เดินตามลูกศรที่ชี้ไปทาง Peace Memorial Museum ที่ก็อยู่ในเขตบริเวณของ Peace Memorial Park นั้นเองค่า
มองไปที่แม่น้ำ เราเห็นเรือท้องแบนเตี้ยๆ แล่นอยู่ เป็นเรือโดยสาร ที่มีท่าเรืออยู่ตรงบริเวณนี้ สามารถนั่งไปที่เกาะมิยาจิมะได้ราคาอยู่ที่ประมาณ2,000เยน จริง ๆ ก็แอบสนใจอยู่ แต่เรามี JR Pass Kansai Hiroshimaอยู่แล้ว ที่ได้นั่งทั้งรถ ทั้งเรือ ไม่ต้องจ่ายเพิ่มอีก เราเก็บ 2,000 เยน ไว้กินของอร่อยๆ
บนเกาะมิยาจิมะ ดีก่าเนอะ อิอิ
เมื่อเดินข้ามสะพานมาจุดแรกที่เราจะเจอก็คือ อนุสาวรีย์ ของเด็กหญิงซาดาโกะ เชื่อว่าหลายๆ คน ต้องเคยได้ยินเรื่องราวที่น่าเศร้า แต่เปี่ยมไปด้วยกำลังใจ
ของเด็กหญิงคนหนึ่ง ที่ต้องต่อสู้กับโรคร้ายที่เกิดจากผลกระทบของระเบิดปรมาณูด้วยวัยเพียงแค่ 11 แต่เธอก็ไม่ย่อท้อ และมีความหวัง
ด้วยการตั้งใจพับนกกระเรียน ให้ครบ 1,000ตัว หวังว่าเธอจะหายได้ แต่เธอก็เสียชีวิตลงด้วยวัยเพียง 12 ปี และตอนที่เธอเสียชีวิต ครอบครัวของเธอก็ได้นำเอานกกระเรียนที่เธอพับใส่ลงในโลงให้เธอด้วย
ในบริเวณอนุสาวรีย์ เราก็จะเห็นว่ามีคนจากทั่วโลก พับนกกะเรียนส่งมาให้เด็กหญิงซาดาโกะ มากมายเพื่อระลึกถึงและ เพื่อเป็นอนุสารณ์เตือนใจ
คงไม่มีใครอยากให้เกิดเหตุการณ์น่าเศร้าแบบนี้อีก ไม่ว่าจะกับเชื้อชาติใดก็ตาม
เดินต่อมาจากอนุสาวรีย์เด็กหญิงซาดาโกะ เราก็จะเจอจุดที่ตั้งของเปลวไฟแห่งสันติภาพ โดยฐานเปลวไฟที่เราเห็นนั้นทางผู้ออกแบบต้องการออกแบบให้เหมือนมือสองข้างแบ แล้วหงายขึ้นโดยเอาตรงบริเวณข้อมือชิดกันผู้ออกแบบต้องการสื่อถึงการปลอบประโลมดวงวิญญาณของผู้เสียชีวิต ที่โหยหิวน้ำ
และ ไฟตรงนี้จะไม่ดับจนกว่า อาวุธนิวเคลียร์จะหมดไปจากโลกใบนี้
เดินต่อมาอีกนิด เราก็จะเจออีกจุดที่สำคัญ ตรงบริเวณนี้จะเป็นที่รวบรวมรายชื่อผู้เสียชีวิต จากเหตุการณ์ในครั้งนั้นโดยมีผู้เสียชีวิตทันทีที่ระเบิดลงถึง 70,000 คน และ ต่อมาก็มีผู้เสียชีวิตเพิ่มขึ้นอีกเรื่อยๆจนรายชื่อพุ่งขึ้นไปถึงกว่า 200,000 รายชื่อ
เห็นตัวเลขแล้วน่าใจหายมากๆ เลยค่ะในแต่ละวันก็จะมีผู้คนมากมาย จากทุกมุมโลกเดินทางมาเยี่ยมชม และ ไว้อาลัยให้แก่ดวงวิญญาณผู้ล่วงลับอย่างวันนี้ ก็มีคนมาเยียมชมเยอะพอสมควรเลยค่ะ
รูปภาพของนาฬิกา ที่หยุดเดินเมื่อเวลา 8:15 ในวันที่ 6 สิงหาคคม 1945 ในตอนที่ระเบิดลง ถ้าย้อนเวลากลับไปได้ เชื่อว่าคงไม่มีใครอยากให้เกิดเหตุการณ์นี้แน่ๆ แต่เมื่อมันเป็นไปไม่ได้เราคนรุ่นหลังก็ช่วยกัน ไม่ให้เกิดเหตุการณ์ซ้ำเดิมอีกได้ คำว่าสันติภาพ ที่แท้จริงก็คงเกิดขึ้นได้ไม่ยาก
ตอนนี้เรามาเปลี่ยนบรรยากาศ ไปเรื่องกินๆ ชิลล์ ๆ กันบ้างนะคะ เราจะไปที่เกาะมิยาจิมะ กันค่ะ โดยเราก็จะไปยือรอรถบัสที่ป้ายสัญลักษณ์รูปใบเมเปิ้ล เพื่อนั่งกลับไปที่สถานี JR Hiroshima เพื่อนั่งรถไฟไปลงที่สถานี Miyajimaguchi ใช้เวลาเดินทางไปถึงท่าเรือที่จะนั่งไปเกาะ มิยาจิม่า ประมาณ 1 ชั่วโมง (เพื่อนๆเผื่อเวลากันด้วยน้า เพราะที่เกาะค่อนข้างกว้างมีอะไรให้เดินเที่ยวเยอะเลยค่ะ )
เมื่อมาลงที่สถานี Miyajimaguji พอออกมาจากสถานี มองตามไปทางฝูงชน เดินมาไม่ไกล เราก็จะเจอท่าเรือ ตรงนี้ฝั่งขวามือ จะเป็นเรือของJR
สังเกตง่ายมากๆ คือคนจะเยอะมาก และ ที่เรือก็จะมีสัญลักษณ์ของ JR ด้วยค่ะ
ส่วนอีกด้านนึงก็จะเป็นเรือของเอกชนจ้า หน้าตาเป็นแบบในรูปนี้เลยค่ะ เอาละค่ะ ตอนนี้เราก็อยู่บนเรือพร้อมแล้วที่จะมุ่งหน้าไปที่เกาะมิยาจิมะ
ใช้เวลาข้ามเรือประมาณ 15 นาที ชมวิวเพลินๆ แป๊บเดียวก็ถึงค่ะ
ระหว่างทางเรามองไปที่ทะเล ก็จะเห็นไม้ๆ แพๆ ตรงนี้เค้าใช้เลี้ยงหอยนางรมค่ะ ซึ่งเจ้าหอยนางรมเนี่ย ที่ฮิโรชิม่า ถือเป็นของขึ้นชื่อมากๆ เลย เพราะ
มีการเพาะเลี้ยงเยอะเป็นอันดับต้นๆ ของญี่ปุ่นเลย นี่แหละค่ะ อีกสิ่งหนึ่งที่พาเรามาที่นี่ อิอิ เพื่อมากินเจ้าหอยนางรมนี่เอง แฮร่ๆ
ตอนนี้เราก็เข้ามาใกล้ตัวเกาะมิยาจิมะ แล้วนะคะ ซึ่งกัปตันเรือเค้าก็เอาใจนักท่องเที่ยวมากๆ เลยค่ะ ก่อนเข้าท่าเรือ เค้าก็ขับอ้อมมาทางด้านขวา
เพื่อให้นักท่องเที่ยวเก็บภาพความยิ่งใหญ่ของเสาโทริอิ ที่ตั้งอยู่กลางทะเลและ ภาพของศาลเจ้าอิสึคุชิมะ ที่ลอยอยู่กลางน้ำ ก่อนที่จะวนมาทางซ้ายเพื่อเข้าจอดที่ท่าเรือ น่ารักมากๆ เลยค่ะ
จุดหมายของเราที่มายังเกามิยาจิมะแห่งนี้ ก็คือ ศาลเจ้ากลางน้ำ และ เสาโอโทริอิ ที่มีน้ำหนักมากถึง 60 ตัน ที่ตั้งตระหง่านอยู่กลางทะเล
ว่าแล้วเราก็ไปกันเลย แต่....โอ๊ะๆ ๆ แหมระหว่างทางจะไปศาลเจ้า เราต้องผ่านถนนเส้นเล็ก ๆ ที่เต็มไปด้วยของกินอร่อย ๆ และที่มีเยอะมากก็คงจะเป็นเจ้าหอยนางรม ของเด็ดนี่หละค่ะ มาเชื้อเชิญ กวักมือ ควิก ๆ ๆ ให้เราเข้าไปลิ้มลอง แล้วเราจะเสียมารยาทได้ยังไงอะเนอะ เค้าเรียกแล้ว
ร้านที่ 1 หอยนางรมย่าง
ร้านที่ 2 ชิกุวะ หรือ ลูกชิ้นปลานั้นเอง อิอิ
ร้านที่ 3 ขนมโมมิจิมันจู ของดังของที่นี่ด้วย ไม่พลาดอยู่แล้ว มีให้เลือกหลายใส้เลยค่ะ เราเลือกใส่ครีม กับ ใส้ถั่วแดง แป้งบางมากใส่เยอะมากๆ แต่แอบหวานไปนิดสำหรับเราค่ะ ซื้อเป็นของฝากก้ได้น้า แพคเกจเค้าน่ารักค่ะ
ร้านที่ 4 หอยนางรมย่าง 2 ตัว 400 เยน บอกเลยว่าตัวอวบมาก และ สดมากๆ ค่ะ
ร้านที่ 5 หอยนางรมชุบแป้งทอด ไม่ละ 300 เยน ค่ะ อันนี้เราเฉยๆ ค่ะ ^^
ร้านที่ 6 ไอศครีมมันหวาน 400 เยน บอกเลยว่าถ้าใครมาต้องกินน้า อร่อยมาก ที่เนื้อไอศครีมมีมันหวานผสมอยู่ด้วย และ เค้าก็มีโปะมันหวานเป็นท้อปปิ้งมาให้อีก ทานแล้วสดชื่นเลยค่ะ ^^
ร้านที่ 7 ซาลาเปาใส้เนื้อ ค่ะ ร้านนี้เค้ามี ใส้เนื้อ ก
CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้