ตะลุยญี่ปุ่น 17 วัน 8 เมือง – EP.6 เกียวโต เมืองเก่าหลงยุค
Day 13:
วันนี้เราจะไปเกียวโต!
เรานั่งรถไฟจากสถานีใกล้ที่พักเราในโอซาก้า ตอนแรกดูจาก Google Map เราก็กะจะมาลงที่ Kyoto Station
พี่ปุ่น: “ไม่ๆๆ เราดูแล้วไปลงที่สถานี Hankyu Arashiyama ใกล้กว่า”
- ค่ารถไฟเที่ยวละประมาณ 580 เยน (167 บาท)
ตู้รถไฟสายนี้เป็นแบบ Classic สวยดี
นั่งชิลๆ ประมาณ 1 ชั่วโมง เราก็มาถึงเกียวโตแล้ว!
เดินออกสถานีมาก็จะเจอลานกว้างๆ แล้วก็มีซุ้มขายของอยู่นิดหน่อย เราก็ออกจะเหวอๆซะหน่อย เหหห...ต้องไปทางไหนต่อล่ะเนี่ย 555
แล้วเราก็ใช้วิธีเดิม เดิมตามฝูงชนไป 555
เดินไปนิดเดียวเราก็จะเจอกับสวน
พี่ปุ่น: “เนี่ย ถ้าเรามาตอนซากุระบลูมแล้ว ตรงนี้ซากุระก็จะฟูมาก คนก็จะมานั่งปิกนิกกัน”
ลูกไผ่: “แงงงงง อย่าตอกย้ำ!!!”
ใช่แล้ว ปีนี้อากาศดั๊นนนหนาวนาน เลยทำให้ซากุระมาช้า มาจนถึงวันนี้เราก็เจอแค่ซากุระที่เป็นแบบดอกตูมๆกระปิดๆ อยู่เลย T^T
เดินผ่านสวนมาอีกนิดเราก็จะเจอลานกว้างข้างแม่น้ำ Hozugawa ที่มีสะพาน Togetsukyo หรือฉายาว่า Moon Crossing Bridge ที่มีชื่อเสียงของ Arashiyama พาดผ่าน ลานนี้โล่ง และกว้างมาก มีความชิลสูงมาก บวกกับวิวตรงนี้ก็สวยมากจริงๆ ส่วนใหญ่คนก็ชอบมานั่งชิลล์ริมแม่น้ำกัน ถ้าในช่วงที่อากาศอุ่นกว่านี้เราก็คงจะนั่งเหมือนกัน แต่ตอนนี้แค่ลมพัดมาทีนี่ก็สั่นไปทั้งหน้าละ 555
เราเลยข้ามสะพานไปอีกฝั่งนึงดีกว่า
ข้ามมาอีกฝั่งจะเป็นถนนที่มีร้านขายของขนาบอยู่สองข้างทาง อารมณ์เหมือนถนนคนเดิน แต่ว่าร้านรวงแต่ละร้านจะสวยและน่าเข้ามากๆ
พี่ปุ่น: “เดี่ยวเราเดินไปทางนี้ก่อนดีกว่า เดี๋ยวเราพาไปป่าไผ่ก่อน ละค่อยมาเดินเที่ยวตรงนี้เนอะ”
ลูกไผ่: “อ๋อ โอเคได้ค่า”
จากสะพานถ้าเราเดินเลี้ยวไปทางซ้ายมือ เดินตามทางขนาบแม่น้ำไปเรื่อยๆ จะเป็นทางเดินไปป่าไผ่
เดินไปนิดๆเราก็จะเจอสวนก่อน
ซึ่ง.....เราเจอซากุระแล้ววววว!!!!
เป็นต้นเดียวที่มีดอกเริ่มฟู คนก็เลยต่อคิวถ่ายรูปกันใหญ่เลย
จากที่เราได้ถ่ายกับซากุระตรงนี้สมใจแล้ว เราก็เดินกันต่อ
แล้วเราก็มาถึงด้านหน้าทางเข้าป่าไผ่ ทางเข้าวันนี้ดินจะแฉะๆหน่อย เพราะเมื่อวานก็ฝนตกทั้งวันเลย
พอเดินเข้าไปข้างในที่เป็นทางที่ถูกขนาบ 2 ด้านไปด้วยป่าไผ่ เอร้ยยย มันสวยมากจริงๆ
และคนก็มากเช่นกันๆ คือไม่รู้จะถ่ายยังไงให้ไม่ติดคน เราเลยเลือกที่จะเก็บกล้อง แล้วซึมซับด้วยตาเปล่า ทิวต้นไผ่สูงชะลูด เสียงลมไหวๆ เอื่อยๆ มันเป็นอะไรที่ตื่นตามาก!
ทางเดินนี้ทอดยาวไปค่อนข้างไกล พอสุดทางก็จะเป็นทางให้เราเดินตามทางไปเรื่อย ไม่มีทางเลี้ยว
จนเรามาถึงวัดโนโนมิยะ ก็เลยขอแวะซะหน่อย ด้านหน้าเจอกลุ่มสาวญี่ปุ่นกำลังถ่ายรูปกันน่ารักเลย พี่ปุ่นนี่สะกิดเราใหญ่เลย
พี่ปุ่น: “น่ารักๆ”
ฮึ่ย! เห็นสาวน่ารักเป็นไม่ได้! แต่ในนั้นมีคนนึงน่ารักจริง เราแอบถ่ายรูปมาตั้งหลายรูป 555
จากทางเข้าเราจะเห็นคนต่อคิวกัน พอเดินเข้าไปใกล้ๆ อ้อ เค้าต่อคิวสั่นกระดิ่งนี่เอง เราก็เอาซะหน่อย เอาโชคเอาลาภ
เดินถัดมาจากวัดนิดนึง ก็เป็นทางรถไฟที่เราต้องเดินข้ามไปอีกฝั่ง
ฝั่งนี้ก็จะเริ่มเป็นบ้านคน ร้านขายของ
เราไปเจอร้านขายตุ๊กตาเรซิ่นอยู่ร้านนึง
ลูกไผ่: “พี่ปุ่นๆ มีตุ๊กตาแมวอ้วนด้วยค่ะ เป็นคู่กันด้วย ดูสิๆ”
ใช่แล้ว บ้านเราชอบตุ๊กตาแมวกวักเรซิ่นที่เป็นแมวตัวอ้วนๆมาก พอดูราคาแล้วก็ เอาไว้ก่อนละกัน
ลูกไผ่: “โหย ถ้ามีตังค์นะ ไผ่อยากจะเหมาร้านนี้ทั้งร้านเลย”
พี่ปุ่น: “ขนาดนั้นเลย 555”
แล้วเราก็ตัดใจเดินต่อไปเรื่อยๆ มาเจอร้านน้ำชา ที่รูปปั้นตัวทานูกิเต็มไปหมดเลย
จากนั้นก็จะเป็นวัดหลายวัดเลย เสียค่าเข้าบ้าง ไม่เสียบ้าง ละก็มีวัดนึงที่เราต้องเดินตัดผ่านตัววัดไป เป็นวัดที่ค่อนข้างกว้าง
และแล้ว
ลูกไผ่: “อึ๊ย! พี่ปุ่นๆๆ ซากุระๆๆค่ะ”
มองไปไกลๆเห็นคนมุงกลุ่มต้นซากุระอยู่
ไอเราก็หยุดถ่ายรูปตรงนี้ใหญ่เลย ว่าแต่
ลูกไผ่: “พี่ปุ่นคะ ว่าแต่นี่มันต้นซากุระจริงๆใช่มั้ยคะ”
พี่ปุ่น: “เราก็ไม่แน่ใจแฮะ”
คือมันจะดอกไม้ที่หน้าตาเหมือนซากุระ อย่างดอกบ๊วยไรงี้ ที่เราหลงดีใจคิดว่าเป็นซากุระมาหลายทีแล้ว เราก็ลองเปิด search google ดู ก็พบว่าซากุระมีหลายพันธุ์ หน้าตาก็จะต่างๆกันไป แต่เราก็ไม่แน่ใจอยู่ดีว่าต้นนี้มันใช่ซากุระรึเปล่า 555
เดินออกมาจากวัดนี้ เราก็จะเข้าสู่ถนนที่เราเจอเมื่อตอนข้ามสะพานมาตอนแรก มีของกินข้างทางล่อตาล่อใจเยอะแยะเลย เราก็ลองเป็นอย่างๆไป
อย่างอันนี้ เห็นคนมุงกันเยอะ เราเลยของลองดูมั่ง ราคาค่อนข้างแพงใช้ได้สำหรับไม้กระจิ๊ดริดนี่ รู้สึกว่าจะไม้ละ 300 – 400 เยน ซึ่งเมื่อกัดเข้าไปมันก็รสชาติเหมือนดังโงะราดซอสดีๆนี่เอง 555
ถัดมาก็นี่เลย ลูกชิ้นปลาเสียบไม้ เค้ามีให้เลือก 4 อย่าง เราเลือกลูกชิ้นปลาเบค่อนไส้ชีส ราคาไม้ละ 350 เยน ก็อร่อยดีนะ
ละนี่เลย เห็นถือกันจัง เดินไปเจอกี่คนๆก็ถือไอนี่ทาน แตงกวาดอง เราเลยเอามั่ง สรุปทานกันไปแค่ครึ่งชิ้น ทิ้งค่า 555 รสชาติก็แตงกวาดองนั่นแหละค่ะ อาจจะไม่ใช่ทางของเรา 555
เดินกันมาถึงตอนนี้ก็บ่ายสามแล้ว ยังไม่ได้ทานข้าวเป็นเรื่องเป็นราวเลย ร้านอาหารในถนนเส้นนี้ราคาจะค่อนข้างสูงกว่าข้างนอกนิดหน่อย แล้วเราก็ไปเจอร้านนึงที่ราคาโอเคเลย ถึงว่าคนต่อคิวกันเยอะเลย เราก็เลยไปยืนต่อคิวมั่ง และเราก็ได้ข้าวแกงกระหรี่มาเป็นอาหารมื้อกลางวันของวันนี้
อิ่มกันแล้ว เดินกันต่อ สองข้างทางก็จะเป็นร้านขายของฝากแบบญี่ปุ่น น่ารัก กระจุกกระจิก แพจเกจจิ้งล่อตาล่อใจ น่าซื้อไปหมด ณ จุดนี้ต้องดูแลเงินในกระเป๋าให้ดี เพราะอาจจะเผลอควักตังค์ซื้อนู้นซื้อนี่โดยไม่รู้ตัว แล้วเราก็เดินมาจนสุดถนน เจอร้านไอติมอยู่ตรงหัวมุมพอดี คนซื้อคนเยอะเลย เราเลยเอามั่ง ไอติมโคนเหมือนกับทุกที่ที่เราทาน แต่ร้านนี้ต่างไปตรงที่ไม่ใช่ soft cream แต่เป็นไอติมโฮมเมด มีให้เลือกหลายรส
เราก็นี่เลย รสชาติที่คุ้นเคย ชาเขียนถั่วแดง อร่อยมากกก
เราเดินข้ามสะพาน Togetsukyo ตอนนี้กำลังสวยมาก เพราะพระอาทิตย์เริ่มลอยต่ำเตรียมจะตกดินในเย็นนี้แล้ว
ข้ามมาแล้วก็เดินผ่านลานริมแม่น้ำสุดชิลเหมือนเดิม แต่ขากลับนี้
ลูกไผ่: “นี่ๆๆ ปลานี่น่าลองมากอ่ะค่ะพี่ปุ่น”
พี่ปุ่น: “เอาสิ อร่อยนะ เราทานตอนมาคราวก่อน”
เราเลยเดินไปซื้อมา 1 ไม้ แล้วก็พบว่า เฮ้ย มันอร่อยมาก นี่ถ้าไม่จุกแล้วต้องมีเดินกลับไปซื้ออีกไม้ล่ะเอ้า
แล้วก็ได้เวลาขึ้นรถไฟกลับโอซาก้ากันแล้ว เดี๋ยวพรุ่งนี้เรามาใหม่นะ เกียวโต
**อาจจะงงนิดหน่อยว่าจาก EP ที่แล้วเป็น Day 11 แล้วทำไม EP นี้ข้ามาเป็น Day 13 ล่ะ เพราะว่าวันที่ 12 เราอยู่ที่โอซาก้า ก็เลยกะว่าจะเอาไปเขียนรวมไว้ใน EP สุดท้ายที่เป็นเรื่องของโอซาก้าไปเลย จะได้เก็บข้อมูลเป็นเมืองๆไปเนอะ ^^
เพิ่งตัดวีดีโอเสร็จค่ะ ใครอยากดูเป็นวีดีโอ ดูได้จาก link นี้นะคะ =>
https://goo.gl/rzysBp
[CR] เกียวโต เมืองเก่าหลงยุค
Day 13:
วันนี้เราจะไปเกียวโต!
เรานั่งรถไฟจากสถานีใกล้ที่พักเราในโอซาก้า ตอนแรกดูจาก Google Map เราก็กะจะมาลงที่ Kyoto Station
พี่ปุ่น: “ไม่ๆๆ เราดูแล้วไปลงที่สถานี Hankyu Arashiyama ใกล้กว่า”
- ค่ารถไฟเที่ยวละประมาณ 580 เยน (167 บาท)
ตู้รถไฟสายนี้เป็นแบบ Classic สวยดี
นั่งชิลๆ ประมาณ 1 ชั่วโมง เราก็มาถึงเกียวโตแล้ว!
เดินออกสถานีมาก็จะเจอลานกว้างๆ แล้วก็มีซุ้มขายของอยู่นิดหน่อย เราก็ออกจะเหวอๆซะหน่อย เหหห...ต้องไปทางไหนต่อล่ะเนี่ย 555
แล้วเราก็ใช้วิธีเดิม เดิมตามฝูงชนไป 555
เดินไปนิดเดียวเราก็จะเจอกับสวน
พี่ปุ่น: “เนี่ย ถ้าเรามาตอนซากุระบลูมแล้ว ตรงนี้ซากุระก็จะฟูมาก คนก็จะมานั่งปิกนิกกัน”
ลูกไผ่: “แงงงงง อย่าตอกย้ำ!!!”
ใช่แล้ว ปีนี้อากาศดั๊นนนหนาวนาน เลยทำให้ซากุระมาช้า มาจนถึงวันนี้เราก็เจอแค่ซากุระที่เป็นแบบดอกตูมๆกระปิดๆ อยู่เลย T^T
เดินผ่านสวนมาอีกนิดเราก็จะเจอลานกว้างข้างแม่น้ำ Hozugawa ที่มีสะพาน Togetsukyo หรือฉายาว่า Moon Crossing Bridge ที่มีชื่อเสียงของ Arashiyama พาดผ่าน ลานนี้โล่ง และกว้างมาก มีความชิลสูงมาก บวกกับวิวตรงนี้ก็สวยมากจริงๆ ส่วนใหญ่คนก็ชอบมานั่งชิลล์ริมแม่น้ำกัน ถ้าในช่วงที่อากาศอุ่นกว่านี้เราก็คงจะนั่งเหมือนกัน แต่ตอนนี้แค่ลมพัดมาทีนี่ก็สั่นไปทั้งหน้าละ 555
เราเลยข้ามสะพานไปอีกฝั่งนึงดีกว่า
ข้ามมาอีกฝั่งจะเป็นถนนที่มีร้านขายของขนาบอยู่สองข้างทาง อารมณ์เหมือนถนนคนเดิน แต่ว่าร้านรวงแต่ละร้านจะสวยและน่าเข้ามากๆ
พี่ปุ่น: “เดี่ยวเราเดินไปทางนี้ก่อนดีกว่า เดี๋ยวเราพาไปป่าไผ่ก่อน ละค่อยมาเดินเที่ยวตรงนี้เนอะ”
ลูกไผ่: “อ๋อ โอเคได้ค่า”
จากสะพานถ้าเราเดินเลี้ยวไปทางซ้ายมือ เดินตามทางขนาบแม่น้ำไปเรื่อยๆ จะเป็นทางเดินไปป่าไผ่
เดินไปนิดๆเราก็จะเจอสวนก่อน
ซึ่ง.....เราเจอซากุระแล้ววววว!!!!
เป็นต้นเดียวที่มีดอกเริ่มฟู คนก็เลยต่อคิวถ่ายรูปกันใหญ่เลย
จากที่เราได้ถ่ายกับซากุระตรงนี้สมใจแล้ว เราก็เดินกันต่อ
แล้วเราก็มาถึงด้านหน้าทางเข้าป่าไผ่ ทางเข้าวันนี้ดินจะแฉะๆหน่อย เพราะเมื่อวานก็ฝนตกทั้งวันเลย
พอเดินเข้าไปข้างในที่เป็นทางที่ถูกขนาบ 2 ด้านไปด้วยป่าไผ่ เอร้ยยย มันสวยมากจริงๆ
และคนก็มากเช่นกันๆ คือไม่รู้จะถ่ายยังไงให้ไม่ติดคน เราเลยเลือกที่จะเก็บกล้อง แล้วซึมซับด้วยตาเปล่า ทิวต้นไผ่สูงชะลูด เสียงลมไหวๆ เอื่อยๆ มันเป็นอะไรที่ตื่นตามาก!
ทางเดินนี้ทอดยาวไปค่อนข้างไกล พอสุดทางก็จะเป็นทางให้เราเดินตามทางไปเรื่อย ไม่มีทางเลี้ยว
จนเรามาถึงวัดโนโนมิยะ ก็เลยขอแวะซะหน่อย ด้านหน้าเจอกลุ่มสาวญี่ปุ่นกำลังถ่ายรูปกันน่ารักเลย พี่ปุ่นนี่สะกิดเราใหญ่เลย
พี่ปุ่น: “น่ารักๆ”
ฮึ่ย! เห็นสาวน่ารักเป็นไม่ได้! แต่ในนั้นมีคนนึงน่ารักจริง เราแอบถ่ายรูปมาตั้งหลายรูป 555
จากทางเข้าเราจะเห็นคนต่อคิวกัน พอเดินเข้าไปใกล้ๆ อ้อ เค้าต่อคิวสั่นกระดิ่งนี่เอง เราก็เอาซะหน่อย เอาโชคเอาลาภ
เดินถัดมาจากวัดนิดนึง ก็เป็นทางรถไฟที่เราต้องเดินข้ามไปอีกฝั่ง
ฝั่งนี้ก็จะเริ่มเป็นบ้านคน ร้านขายของ
เราไปเจอร้านขายตุ๊กตาเรซิ่นอยู่ร้านนึง
ลูกไผ่: “พี่ปุ่นๆ มีตุ๊กตาแมวอ้วนด้วยค่ะ เป็นคู่กันด้วย ดูสิๆ”
ใช่แล้ว บ้านเราชอบตุ๊กตาแมวกวักเรซิ่นที่เป็นแมวตัวอ้วนๆมาก พอดูราคาแล้วก็ เอาไว้ก่อนละกัน
ลูกไผ่: “โหย ถ้ามีตังค์นะ ไผ่อยากจะเหมาร้านนี้ทั้งร้านเลย”
พี่ปุ่น: “ขนาดนั้นเลย 555”
แล้วเราก็ตัดใจเดินต่อไปเรื่อยๆ มาเจอร้านน้ำชา ที่รูปปั้นตัวทานูกิเต็มไปหมดเลย
จากนั้นก็จะเป็นวัดหลายวัดเลย เสียค่าเข้าบ้าง ไม่เสียบ้าง ละก็มีวัดนึงที่เราต้องเดินตัดผ่านตัววัดไป เป็นวัดที่ค่อนข้างกว้าง
และแล้ว
ลูกไผ่: “อึ๊ย! พี่ปุ่นๆๆ ซากุระๆๆค่ะ”
มองไปไกลๆเห็นคนมุงกลุ่มต้นซากุระอยู่
ไอเราก็หยุดถ่ายรูปตรงนี้ใหญ่เลย ว่าแต่
ลูกไผ่: “พี่ปุ่นคะ ว่าแต่นี่มันต้นซากุระจริงๆใช่มั้ยคะ”
พี่ปุ่น: “เราก็ไม่แน่ใจแฮะ”
คือมันจะดอกไม้ที่หน้าตาเหมือนซากุระ อย่างดอกบ๊วยไรงี้ ที่เราหลงดีใจคิดว่าเป็นซากุระมาหลายทีแล้ว เราก็ลองเปิด search google ดู ก็พบว่าซากุระมีหลายพันธุ์ หน้าตาก็จะต่างๆกันไป แต่เราก็ไม่แน่ใจอยู่ดีว่าต้นนี้มันใช่ซากุระรึเปล่า 555
เดินออกมาจากวัดนี้ เราก็จะเข้าสู่ถนนที่เราเจอเมื่อตอนข้ามสะพานมาตอนแรก มีของกินข้างทางล่อตาล่อใจเยอะแยะเลย เราก็ลองเป็นอย่างๆไป
อย่างอันนี้ เห็นคนมุงกันเยอะ เราเลยของลองดูมั่ง ราคาค่อนข้างแพงใช้ได้สำหรับไม้กระจิ๊ดริดนี่ รู้สึกว่าจะไม้ละ 300 – 400 เยน ซึ่งเมื่อกัดเข้าไปมันก็รสชาติเหมือนดังโงะราดซอสดีๆนี่เอง 555
ถัดมาก็นี่เลย ลูกชิ้นปลาเสียบไม้ เค้ามีให้เลือก 4 อย่าง เราเลือกลูกชิ้นปลาเบค่อนไส้ชีส ราคาไม้ละ 350 เยน ก็อร่อยดีนะ
ละนี่เลย เห็นถือกันจัง เดินไปเจอกี่คนๆก็ถือไอนี่ทาน แตงกวาดอง เราเลยเอามั่ง สรุปทานกันไปแค่ครึ่งชิ้น ทิ้งค่า 555 รสชาติก็แตงกวาดองนั่นแหละค่ะ อาจจะไม่ใช่ทางของเรา 555
เดินกันมาถึงตอนนี้ก็บ่ายสามแล้ว ยังไม่ได้ทานข้าวเป็นเรื่องเป็นราวเลย ร้านอาหารในถนนเส้นนี้ราคาจะค่อนข้างสูงกว่าข้างนอกนิดหน่อย แล้วเราก็ไปเจอร้านนึงที่ราคาโอเคเลย ถึงว่าคนต่อคิวกันเยอะเลย เราก็เลยไปยืนต่อคิวมั่ง และเราก็ได้ข้าวแกงกระหรี่มาเป็นอาหารมื้อกลางวันของวันนี้
อิ่มกันแล้ว เดินกันต่อ สองข้างทางก็จะเป็นร้านขายของฝากแบบญี่ปุ่น น่ารัก กระจุกกระจิก แพจเกจจิ้งล่อตาล่อใจ น่าซื้อไปหมด ณ จุดนี้ต้องดูแลเงินในกระเป๋าให้ดี เพราะอาจจะเผลอควักตังค์ซื้อนู้นซื้อนี่โดยไม่รู้ตัว แล้วเราก็เดินมาจนสุดถนน เจอร้านไอติมอยู่ตรงหัวมุมพอดี คนซื้อคนเยอะเลย เราเลยเอามั่ง ไอติมโคนเหมือนกับทุกที่ที่เราทาน แต่ร้านนี้ต่างไปตรงที่ไม่ใช่ soft cream แต่เป็นไอติมโฮมเมด มีให้เลือกหลายรส
เราก็นี่เลย รสชาติที่คุ้นเคย ชาเขียนถั่วแดง อร่อยมากกก
เราเดินข้ามสะพาน Togetsukyo ตอนนี้กำลังสวยมาก เพราะพระอาทิตย์เริ่มลอยต่ำเตรียมจะตกดินในเย็นนี้แล้ว
ข้ามมาแล้วก็เดินผ่านลานริมแม่น้ำสุดชิลเหมือนเดิม แต่ขากลับนี้
ลูกไผ่: “นี่ๆๆ ปลานี่น่าลองมากอ่ะค่ะพี่ปุ่น”
พี่ปุ่น: “เอาสิ อร่อยนะ เราทานตอนมาคราวก่อน”
เราเลยเดินไปซื้อมา 1 ไม้ แล้วก็พบว่า เฮ้ย มันอร่อยมาก นี่ถ้าไม่จุกแล้วต้องมีเดินกลับไปซื้ออีกไม้ล่ะเอ้า
แล้วก็ได้เวลาขึ้นรถไฟกลับโอซาก้ากันแล้ว เดี๋ยวพรุ่งนี้เรามาใหม่นะ เกียวโต
**อาจจะงงนิดหน่อยว่าจาก EP ที่แล้วเป็น Day 11 แล้วทำไม EP นี้ข้ามาเป็น Day 13 ล่ะ เพราะว่าวันที่ 12 เราอยู่ที่โอซาก้า ก็เลยกะว่าจะเอาไปเขียนรวมไว้ใน EP สุดท้ายที่เป็นเรื่องของโอซาก้าไปเลย จะได้เก็บข้อมูลเป็นเมืองๆไปเนอะ ^^
เพิ่งตัดวีดีโอเสร็จค่ะ ใครอยากดูเป็นวีดีโอ ดูได้จาก link นี้นะคะ => https://goo.gl/rzysBp