ตอนที่แล้ว
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้ตอนที่ 39 : เพื่อนเก่า
https://ppantip.com/topic/38630942
แนะนำตัวละคร
=========================================================================================================
ตอนที่ 40 : เอสคริม่า
จักรพรรดิ ปรีพุ่งเข้าหาขลุ่ยพิฆาต โจอย่างรวดเร็ว
ครั้งนี้โจไม่ได้ขยับตัวหรือยกขลุ่ยขึ้นเป่าแบบครั้งก่อน เพียงจับปลายด้านหนึ่งมั่น รอรับการเข้ามาของปรี
ผู้เป็นจักรพรรดิย่อมรู้ว่าคู่ต่อสู้ถือขลุ่ยอยู่ พอคาดการณ์ได้ว่าโจอาจจะใช้ขลุ่ยต่างอาวุธฟาดฟันเข้าใส่ตน เลยยกมือขึ้นมาบังไว้ เพื่อรอรับการโจมตีที่อาจเข้ามา
ซึ่งโจก็ฟาดขลุ่ยมาจริง ๆ
ปรียกมือขึ้นใช้การเบี่ยงวิถีเปลี่ยนทิศทางของแรงที่เข้ามาให้เลยออกไป การฟาดขลุ่ยจากด้านข้างของโจจึงทำอะไรปรีไม่ได้
แต่ทว่าทันทีที่ขลุ่ยเลานั้นเลยออกไป มันก็หวนพุ่งกลับมาดังนกนางแอ่น
ในครั้งนี้ปรีก็คาดการณ์ไว้อีก เขาเอี้ยวตัวหลบหลีกไว้ได้ทัน ขลุ่ยที่โจโจมตีจึงเลยออกไปอีกครั้ง
และพอพ้นแล้วปรีก็ออกหมัดหมายโจมตีทันที
แต่เมื่อเขาชกออกไปกลับพบว่าขลุ่ยที่เขาหลบพ้นนั้นถูกโจสลับเปลี่ยนมือจากขวาไปซ้ายอย่างรวดเร็ว แล้วฟาดเข้าใส่ท่อนแขนที่ปรีออกหมัดอย่างต่อเนื่อง
“โอ้ย!” ปรีร้องขึ้นทันที หมัดนั้นไม่อาจชกถูกตัวโจได้
และมันยังไม่หมดเพียงแค่นั้น ขลุ่ยที่ฟาดใส่ท่อนแขนพอฟาดเสร็จกลับพุ่งเปลี่ยนทิศทางเข้าหาต้นคอของปรีอีก
ปรีคล้ายพลาดพลั้ง เพราะท่อนแขนข้างที่ออกหมัดถูกฟาดตก ต้องใช้มืออีกข้างขึ้นรับแทน
ยังดีที่มือซ้ายของปรีคว้าปลายขลุ่ยที่พุ่งมาทางขวาของตัวเองได้ทัน เลยไม่ได้โดนการโจมตีครั้งนี้
แต่ทว่าการโจมตีของโจไม่ได้หยุดลงตรงนี้ ทันทีที่ปรีใช้มือจับปลายขลุ่ยไว้ โจแทงขลุ่ยที่โดนจับนั้นพุ่งต่อสู้แรงปรีอย่างไม่สนใจ ทำให้มือซ้ายของปรีที่จับอยู่ถูกดึงตามไปพร้อมขลุ่ย กลายเป็นการล็อคคอตัวเองด้วยแขนซ้ายของตัวเองแทน
ปรีเห็นท่าไม่ดีรีบปล่อยมือ ดีดตัวถอยหลังจนเกือบล้ม ยังดีที่สปริงตัวลุกขึ้นยืนได้ แล้วเขาก็พูดขึ้นว่า
“ร้ายกาจมากนะโจ” ปรีพูดกระท่อนกระแท่นเล็กน้อย เพราะพอมีอาการจากล็อคคอตัวเอง
“ขอบคุณที่ชมเพื่อน..” โจยิ้มรับ “นี่คือวิชาการต่อสู้หลักของฉัน”
“แล้วมันคือวิชาอะไร ดูแล้วไม่ใช่วิชาดาบหรือกระบี่กระบองเลยนี่”
“หึ.. ถูกแล้ว นี่ไม่ใช่วิชาเหล่านั้นหรอก”
“มันคืออะไร?”
“ยังไม่บอก” โจส่ายหน้า “นายต้องเข้ามาดูเอง”
“ได้” ว่าแล้วปรีก็พุ่งเข้าหาโจอีกครั้ง
ปรีพุ่งเข้าหาด้วยความเร็วมากกว่าเดิม แต่เมื่อถึงระยะหนึ่ง ไม่ทันที่เขาจะออกหมัดก็ถูกขลุ่ยของโจตีเข้าใส่ที่สีข้างอย่างรวดเร็ว ยังไม่พอขลุ่ยนั้นวกไปกระแทกมือที่จะสวนกลับของปรีให้ตกไป แล้วพุ่งต่อเนื่องไปลอดใต้แขนของปรีกลับกลายเป็นการล็อค
จากนั้นผู้คุมกฎหนุ่มก็บิดข้อมือพร้อมพุ่งมืออีกข้างเข้าจับปลายขลุ่ยด้วย แล้วออกแรงทุ่มเหวี่ยงจนปรีต้องล้มตามแรงลงกับพื้นไป
แน่นอนว่าครั้งนี้ปรีต้องเจ็บ แต่สำหรับผู้เป็นจักรพรรดิต่อให้เจ็บปวดเพียงใด ก็ต้องลุกขึ้นมาต่อสู้ต่อไปให้ได้
ปรีชันตัวลุกขึ้นมา แล้วพูดว่า
“วิชาอะไรเนี่ย การโจมตีรวดเร็วและเปลี่ยนแปลงได้ตลอด”
โจนิ่งมองคู่ต่อสู้ แต่ก็ยังไม่พูดอะไร
แล้วก็มีผู้หนึ่งพูดขึ้นมาแทน
คนผู้นี้คือ เฮอมิต ใหญ่ หนึ่งในสี่ขุนพลที่ชมการต่อสู้อยู่ เขาพูดขึ้นมาว่า
“น่าจะเป็นเอสคริม่า”
“เอสคริม่า?” เจที่อยู่ข้าง ๆ งุนงง เพราะไม่เคยได้ยินคำ ๆ นี้มาก่อน
“เอสคริม่าเหรอ..” ปรีก็ได้ยินที่ใหญ่พูด ถามขึ้นว่า “ใช่วิชาการใช้ไม้ต่อสู้ของฟิลิปปินส์หรือเปล่า?”
“คงใช่ ดูจากลักษณะการโจมตีแล้วน่าจะเป็นเอสคริม่า เพราะรวดเร็วและเปลี่ยนแปลงตลอด แถมยังมีท่าหลากหลายแตกต่างจากกระบี่กระบองของไทยมาก”
“ถูกต้อง” โจพูดขึ้นต่อ “นี่คือวิชาเอสคริม่า ที่ฉันได้เรียนมาจากคนฟิลิปปินส์โดยตรง”
ที่แท้แล้ววิชาอาวุธที่โจใช้ก็คือ เอสคริม่า ศิลปะการต่อสู้พื้นเมืองของฟิลิปปินส์ ซึ่งเป็นเทคนิคการต่อสู้ด้วยไม้และมีด ที่เคยสังหารใช้เฟอร์ดินาน แมกจิลแลน นักสำรวจชาวสเปน และยังใช้ทำลายล้างองค์กรอาบูซาเยฟอีกด้วย
โดยวิชาที่จะใช้การเหวี่ยงไม้ที่รวดเร็วฟาดฟันเข้าใส่ ไม่มีการง้างเงื้อประการใด ไม้ที่พุ่งออกจึงสามารถเปลี่ยนตำแหน่งได้อย่างฉับไว แถมยังมีท่าล็อคคู่ต่อสู้ประกอบกับการใช้ไม้อีกด้วย ซึ่งปกติแล้วไม้ที่ใช้จะเป็นไม้เฉพาะที่ใช้ฝึกเอสคริม่า แต่โชคดีที่ความยาวของไม้ฝึกนั้นใกล้เคียงกับขลุ่ย ทำให้โจใช้ขลุ่ยแทนไม้เอสคริม่าได้เลย
“มิน่าล่ะ ถึงดูไม่ออก เพราะฉันเองก็ไม่เคยเห็นใครใช้เอสคริม่า ปกติคนไทยก็ไม่ค่อยมีใครเป็นวิชานี้อยู่แล้ว” ปรีพูดต่อ
“ในเมื่อรู้ว่าฉันใช้เอสคริม่า นายยังจะสู้กับฉันอีกหรือเปล่าล่ะ?”
“มีหรือฉันจะไม่สู้” ปรีพูดสวนทันที “ไหนๆ เพื่อนเก่าอุตส่าห์ไปฝึกวิชาดี ๆ อย่างนี้มาแล้ว คงไม่สู้ไม่ได้แล้ว”
ขลุ่ยพิฆาต โจพยักหน้าหนึ่งครั้ง พูดต่อว่า “นายคงไม่เสียเปรียบนะที่ฉันใช้อาวุธสู้กับนายแบบนี้”
“ไม่เป็นไร ฉันเป็นจักรพรรดิย่อมต้องรับมือได้ทุกรูปแบบอยู่แล้ว”
แม้การโจมตีของโจจะมีผล เพราะปรีมีอาการปรากฏให้เห็นบ้าง แต่จิตใจที่หึกเหิมและอยากต่อสู้กับผู้เป็นเพื่อน ทำให้ดูเหมือนปรีไม่มีอาการเจ็บอะไรเท่าไหร่
สักพักปรีก็พุ่งเข้าหาอีกครั้งแบบไม่เกรงกลัวขลุ่ยต่างอาวุธของโจเลย
โจเหวี่ยงขลุ่ยหวดเข้าใส่ปรีทันที แต่ครั้งนี้คล้ายปรีพอรู้รัศมีการโจมตีขยับตัวถอยหลบได้ และแม้ว่าโจจะควงไม้เปลี่ยนมือหวนโจมตีเป็นระลอกสองอย่างรวดเร็ว ก็ไม่อาจกระทบถูกร่างกายของปรีได้
ดูเหมือนปรีจะเข้าใจระยะโจมตีแบบเอสคริม่า
ที่เป็นอย่างนี้ก็เพราะว่าพอปรีทราบว่าวิชาอาวุธที่โจใช้คือเอสคริม่าก็รับรู้ถึงระยะในการจู่โจม เนื่องจากสามารถกะระยะความยาวของขลุ่ย และวิถีการโจมตีแบบเอสคริม่าได้
แต่นั้นแค่ระดับหนึ่ง เพราะปรีไม่ได้เป็นวิชาเอสคริม่า เพียงเคยเห็นตามสารคดีและตามคลิปวิดีโอเท่านั้น จึงรู้ซึ้งเพียงเบาบาง พอโจเริ่มเพิ่มการโจมตีให้ซับซ้อนและรวดเร็วยิ่งขึ้น การหลบหลีกโดยการกะระยะก็ไม่เป็นผลแล้ว
หลายการโจมตีของโจเริ่มเข้าเป้า ใบหน้า ท่อนแขน และลำตัวเริ่มกระทบถูกขลุ่ยมากขึ้น บาดแผลฟกช้ำเริ่มปรากฏเป็นจ้ำแดงจ้ำเขียวให้เห็นเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ซึ่งแม้แต่ละครั้งการโจมตีจะไม่รุนแรงถึงขนาดล้มคู่ต่อสู้ได้เพียงครั้งเดียว แต่พอปรีต้องรับการโจมตีมาก ๆ ขึ้น ร่างกายของเขาก็เริ่มออกอาการมากขึ้นแล้ว
และตั้งแต่ต่อสู้มา ปรีก็ยังมิอาจออกอาวุธโจมตีกลับได้เลย
“ปรีท่าจะแย่แล้ว” เสนาธิการ เจพูดขึ้นด้วยสีหน้าเป็นห่วง
“อืม...” สปอร์ทแมน เจมส์พยักหน้ารับ “ระยะการโจมตีมันกว้างเกินเข้าถึง ปรีที่คุ้นเคยกับคู่ต่อสู้มือเปล่า ไม่เคยสู้กับผู้ใช้อาวุธที่เพิ่มระยะขึ้นมา ตอนนี้ไม่ต่างอะไรกับการต่อสู้กับผู้ที่มีความสูงเกินสองเมตรเลย”
“แล้วจะทำไงล่ะ อย่างนี้ปรีก็แพ้สิ” เจพูดอีก
“ไม่รู้เหมือนกัน ถ้าเป็นฉันเองก็ยังไม่รู้จะโจมตีกลับได้หรือเปล่า ถึงฉันจะสูงแต่การโจมตีแบบเอสคริม่าของผู้คุมกฎนั่นก็รวดเร็วมาก แถมยังหลากหลายแง่มุม ปรับเปลี่ยนทิศทางได้แบบคิดไม่ถึงด้วย มันโจมตีกลับได้ยากมาก”
“ใช่ ปรีคงต้องหาทางเข้าไปในระยะโจมตีของตัวเองให้ได้” เฮอมิต ใหญ่ช่วยเสริม “กลายเป็นงานหนักของจักรพรรดิแล้วล่ะ แต่ก็ดี เพราะปรีเองก็ไม่เคยสู้กับใครที่ใช้อาวุธได้ชำนาญอย่างนี้ด้วย ที่ผ่านมาก็เจอแต่ไอ้พวกใช้ไม้แต่ไม่มีวิชาอาวุธอะไร”
“ใหญ่ แล้วถ้าเป็นจะทำยังไง?” เจมส์ถาม
“ฉันหรือ.. คงต้องหาทางเลี่ยงการต่อสู้ครั้งนี้ก่อน เพราะรู้ว่าตัวว่าเสียเปรียบ แล้วค่อยไปวางแผนรับมือสู้กันใหม่อีกครั้ง”
“อย่างนั้นเหรอ.. ก็สมเป็นนายดี”
“แล้วถ้าเป็นนายล่ะเจมส์ จะรับมือยังไง?”
“เอ่อ ไม่รู้สิ” เจมส์ตอบ “ค่อนข้างยาก ทางที่ดีต้องหาทางหยุดการโจมตีด้วยอาวุธให้ได้ก่อน”
“อืม...” ใหญ่พยักหน้ารับ แล้วหันมองเจ “เจ นายก็เรียนรู้ไว้ด้วยนะ ฉันเชื่อว่าปรีต้องหาทางทำอะไรสักอย่างได้อยู่แล้ว”
(มีต่อครับ)
TWO TOP สองอันตราย - [บทประจิมปะทะบูรพา] - ตอนที่ 40 : เอสคริม่า
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
จักรพรรดิ ปรีพุ่งเข้าหาขลุ่ยพิฆาต โจอย่างรวดเร็ว
ครั้งนี้โจไม่ได้ขยับตัวหรือยกขลุ่ยขึ้นเป่าแบบครั้งก่อน เพียงจับปลายด้านหนึ่งมั่น รอรับการเข้ามาของปรี
ผู้เป็นจักรพรรดิย่อมรู้ว่าคู่ต่อสู้ถือขลุ่ยอยู่ พอคาดการณ์ได้ว่าโจอาจจะใช้ขลุ่ยต่างอาวุธฟาดฟันเข้าใส่ตน เลยยกมือขึ้นมาบังไว้ เพื่อรอรับการโจมตีที่อาจเข้ามา
ซึ่งโจก็ฟาดขลุ่ยมาจริง ๆ
ปรียกมือขึ้นใช้การเบี่ยงวิถีเปลี่ยนทิศทางของแรงที่เข้ามาให้เลยออกไป การฟาดขลุ่ยจากด้านข้างของโจจึงทำอะไรปรีไม่ได้
แต่ทว่าทันทีที่ขลุ่ยเลานั้นเลยออกไป มันก็หวนพุ่งกลับมาดังนกนางแอ่น
ในครั้งนี้ปรีก็คาดการณ์ไว้อีก เขาเอี้ยวตัวหลบหลีกไว้ได้ทัน ขลุ่ยที่โจโจมตีจึงเลยออกไปอีกครั้ง
และพอพ้นแล้วปรีก็ออกหมัดหมายโจมตีทันที
แต่เมื่อเขาชกออกไปกลับพบว่าขลุ่ยที่เขาหลบพ้นนั้นถูกโจสลับเปลี่ยนมือจากขวาไปซ้ายอย่างรวดเร็ว แล้วฟาดเข้าใส่ท่อนแขนที่ปรีออกหมัดอย่างต่อเนื่อง
“โอ้ย!” ปรีร้องขึ้นทันที หมัดนั้นไม่อาจชกถูกตัวโจได้
และมันยังไม่หมดเพียงแค่นั้น ขลุ่ยที่ฟาดใส่ท่อนแขนพอฟาดเสร็จกลับพุ่งเปลี่ยนทิศทางเข้าหาต้นคอของปรีอีก
ปรีคล้ายพลาดพลั้ง เพราะท่อนแขนข้างที่ออกหมัดถูกฟาดตก ต้องใช้มืออีกข้างขึ้นรับแทน
ยังดีที่มือซ้ายของปรีคว้าปลายขลุ่ยที่พุ่งมาทางขวาของตัวเองได้ทัน เลยไม่ได้โดนการโจมตีครั้งนี้
แต่ทว่าการโจมตีของโจไม่ได้หยุดลงตรงนี้ ทันทีที่ปรีใช้มือจับปลายขลุ่ยไว้ โจแทงขลุ่ยที่โดนจับนั้นพุ่งต่อสู้แรงปรีอย่างไม่สนใจ ทำให้มือซ้ายของปรีที่จับอยู่ถูกดึงตามไปพร้อมขลุ่ย กลายเป็นการล็อคคอตัวเองด้วยแขนซ้ายของตัวเองแทน
ปรีเห็นท่าไม่ดีรีบปล่อยมือ ดีดตัวถอยหลังจนเกือบล้ม ยังดีที่สปริงตัวลุกขึ้นยืนได้ แล้วเขาก็พูดขึ้นว่า
“ร้ายกาจมากนะโจ” ปรีพูดกระท่อนกระแท่นเล็กน้อย เพราะพอมีอาการจากล็อคคอตัวเอง
“ขอบคุณที่ชมเพื่อน..” โจยิ้มรับ “นี่คือวิชาการต่อสู้หลักของฉัน”
“แล้วมันคือวิชาอะไร ดูแล้วไม่ใช่วิชาดาบหรือกระบี่กระบองเลยนี่”
“หึ.. ถูกแล้ว นี่ไม่ใช่วิชาเหล่านั้นหรอก”
“มันคืออะไร?”
“ยังไม่บอก” โจส่ายหน้า “นายต้องเข้ามาดูเอง”
“ได้” ว่าแล้วปรีก็พุ่งเข้าหาโจอีกครั้ง
ปรีพุ่งเข้าหาด้วยความเร็วมากกว่าเดิม แต่เมื่อถึงระยะหนึ่ง ไม่ทันที่เขาจะออกหมัดก็ถูกขลุ่ยของโจตีเข้าใส่ที่สีข้างอย่างรวดเร็ว ยังไม่พอขลุ่ยนั้นวกไปกระแทกมือที่จะสวนกลับของปรีให้ตกไป แล้วพุ่งต่อเนื่องไปลอดใต้แขนของปรีกลับกลายเป็นการล็อค
จากนั้นผู้คุมกฎหนุ่มก็บิดข้อมือพร้อมพุ่งมืออีกข้างเข้าจับปลายขลุ่ยด้วย แล้วออกแรงทุ่มเหวี่ยงจนปรีต้องล้มตามแรงลงกับพื้นไป
แน่นอนว่าครั้งนี้ปรีต้องเจ็บ แต่สำหรับผู้เป็นจักรพรรดิต่อให้เจ็บปวดเพียงใด ก็ต้องลุกขึ้นมาต่อสู้ต่อไปให้ได้
ปรีชันตัวลุกขึ้นมา แล้วพูดว่า
“วิชาอะไรเนี่ย การโจมตีรวดเร็วและเปลี่ยนแปลงได้ตลอด”
โจนิ่งมองคู่ต่อสู้ แต่ก็ยังไม่พูดอะไร
แล้วก็มีผู้หนึ่งพูดขึ้นมาแทน
คนผู้นี้คือ เฮอมิต ใหญ่ หนึ่งในสี่ขุนพลที่ชมการต่อสู้อยู่ เขาพูดขึ้นมาว่า
“น่าจะเป็นเอสคริม่า”
“เอสคริม่า?” เจที่อยู่ข้าง ๆ งุนงง เพราะไม่เคยได้ยินคำ ๆ นี้มาก่อน
“เอสคริม่าเหรอ..” ปรีก็ได้ยินที่ใหญ่พูด ถามขึ้นว่า “ใช่วิชาการใช้ไม้ต่อสู้ของฟิลิปปินส์หรือเปล่า?”
“คงใช่ ดูจากลักษณะการโจมตีแล้วน่าจะเป็นเอสคริม่า เพราะรวดเร็วและเปลี่ยนแปลงตลอด แถมยังมีท่าหลากหลายแตกต่างจากกระบี่กระบองของไทยมาก”
“ถูกต้อง” โจพูดขึ้นต่อ “นี่คือวิชาเอสคริม่า ที่ฉันได้เรียนมาจากคนฟิลิปปินส์โดยตรง”
ที่แท้แล้ววิชาอาวุธที่โจใช้ก็คือ เอสคริม่า ศิลปะการต่อสู้พื้นเมืองของฟิลิปปินส์ ซึ่งเป็นเทคนิคการต่อสู้ด้วยไม้และมีด ที่เคยสังหารใช้เฟอร์ดินาน แมกจิลแลน นักสำรวจชาวสเปน และยังใช้ทำลายล้างองค์กรอาบูซาเยฟอีกด้วย
โดยวิชาที่จะใช้การเหวี่ยงไม้ที่รวดเร็วฟาดฟันเข้าใส่ ไม่มีการง้างเงื้อประการใด ไม้ที่พุ่งออกจึงสามารถเปลี่ยนตำแหน่งได้อย่างฉับไว แถมยังมีท่าล็อคคู่ต่อสู้ประกอบกับการใช้ไม้อีกด้วย ซึ่งปกติแล้วไม้ที่ใช้จะเป็นไม้เฉพาะที่ใช้ฝึกเอสคริม่า แต่โชคดีที่ความยาวของไม้ฝึกนั้นใกล้เคียงกับขลุ่ย ทำให้โจใช้ขลุ่ยแทนไม้เอสคริม่าได้เลย
“มิน่าล่ะ ถึงดูไม่ออก เพราะฉันเองก็ไม่เคยเห็นใครใช้เอสคริม่า ปกติคนไทยก็ไม่ค่อยมีใครเป็นวิชานี้อยู่แล้ว” ปรีพูดต่อ
“ในเมื่อรู้ว่าฉันใช้เอสคริม่า นายยังจะสู้กับฉันอีกหรือเปล่าล่ะ?”
“มีหรือฉันจะไม่สู้” ปรีพูดสวนทันที “ไหนๆ เพื่อนเก่าอุตส่าห์ไปฝึกวิชาดี ๆ อย่างนี้มาแล้ว คงไม่สู้ไม่ได้แล้ว”
ขลุ่ยพิฆาต โจพยักหน้าหนึ่งครั้ง พูดต่อว่า “นายคงไม่เสียเปรียบนะที่ฉันใช้อาวุธสู้กับนายแบบนี้”
“ไม่เป็นไร ฉันเป็นจักรพรรดิย่อมต้องรับมือได้ทุกรูปแบบอยู่แล้ว”
แม้การโจมตีของโจจะมีผล เพราะปรีมีอาการปรากฏให้เห็นบ้าง แต่จิตใจที่หึกเหิมและอยากต่อสู้กับผู้เป็นเพื่อน ทำให้ดูเหมือนปรีไม่มีอาการเจ็บอะไรเท่าไหร่
สักพักปรีก็พุ่งเข้าหาอีกครั้งแบบไม่เกรงกลัวขลุ่ยต่างอาวุธของโจเลย
โจเหวี่ยงขลุ่ยหวดเข้าใส่ปรีทันที แต่ครั้งนี้คล้ายปรีพอรู้รัศมีการโจมตีขยับตัวถอยหลบได้ และแม้ว่าโจจะควงไม้เปลี่ยนมือหวนโจมตีเป็นระลอกสองอย่างรวดเร็ว ก็ไม่อาจกระทบถูกร่างกายของปรีได้
ดูเหมือนปรีจะเข้าใจระยะโจมตีแบบเอสคริม่า
ที่เป็นอย่างนี้ก็เพราะว่าพอปรีทราบว่าวิชาอาวุธที่โจใช้คือเอสคริม่าก็รับรู้ถึงระยะในการจู่โจม เนื่องจากสามารถกะระยะความยาวของขลุ่ย และวิถีการโจมตีแบบเอสคริม่าได้
แต่นั้นแค่ระดับหนึ่ง เพราะปรีไม่ได้เป็นวิชาเอสคริม่า เพียงเคยเห็นตามสารคดีและตามคลิปวิดีโอเท่านั้น จึงรู้ซึ้งเพียงเบาบาง พอโจเริ่มเพิ่มการโจมตีให้ซับซ้อนและรวดเร็วยิ่งขึ้น การหลบหลีกโดยการกะระยะก็ไม่เป็นผลแล้ว
หลายการโจมตีของโจเริ่มเข้าเป้า ใบหน้า ท่อนแขน และลำตัวเริ่มกระทบถูกขลุ่ยมากขึ้น บาดแผลฟกช้ำเริ่มปรากฏเป็นจ้ำแดงจ้ำเขียวให้เห็นเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ซึ่งแม้แต่ละครั้งการโจมตีจะไม่รุนแรงถึงขนาดล้มคู่ต่อสู้ได้เพียงครั้งเดียว แต่พอปรีต้องรับการโจมตีมาก ๆ ขึ้น ร่างกายของเขาก็เริ่มออกอาการมากขึ้นแล้ว
และตั้งแต่ต่อสู้มา ปรีก็ยังมิอาจออกอาวุธโจมตีกลับได้เลย
“ปรีท่าจะแย่แล้ว” เสนาธิการ เจพูดขึ้นด้วยสีหน้าเป็นห่วง
“อืม...” สปอร์ทแมน เจมส์พยักหน้ารับ “ระยะการโจมตีมันกว้างเกินเข้าถึง ปรีที่คุ้นเคยกับคู่ต่อสู้มือเปล่า ไม่เคยสู้กับผู้ใช้อาวุธที่เพิ่มระยะขึ้นมา ตอนนี้ไม่ต่างอะไรกับการต่อสู้กับผู้ที่มีความสูงเกินสองเมตรเลย”
“แล้วจะทำไงล่ะ อย่างนี้ปรีก็แพ้สิ” เจพูดอีก
“ไม่รู้เหมือนกัน ถ้าเป็นฉันเองก็ยังไม่รู้จะโจมตีกลับได้หรือเปล่า ถึงฉันจะสูงแต่การโจมตีแบบเอสคริม่าของผู้คุมกฎนั่นก็รวดเร็วมาก แถมยังหลากหลายแง่มุม ปรับเปลี่ยนทิศทางได้แบบคิดไม่ถึงด้วย มันโจมตีกลับได้ยากมาก”
“ใช่ ปรีคงต้องหาทางเข้าไปในระยะโจมตีของตัวเองให้ได้” เฮอมิต ใหญ่ช่วยเสริม “กลายเป็นงานหนักของจักรพรรดิแล้วล่ะ แต่ก็ดี เพราะปรีเองก็ไม่เคยสู้กับใครที่ใช้อาวุธได้ชำนาญอย่างนี้ด้วย ที่ผ่านมาก็เจอแต่ไอ้พวกใช้ไม้แต่ไม่มีวิชาอาวุธอะไร”
“ใหญ่ แล้วถ้าเป็นจะทำยังไง?” เจมส์ถาม
“ฉันหรือ.. คงต้องหาทางเลี่ยงการต่อสู้ครั้งนี้ก่อน เพราะรู้ว่าตัวว่าเสียเปรียบ แล้วค่อยไปวางแผนรับมือสู้กันใหม่อีกครั้ง”
“อย่างนั้นเหรอ.. ก็สมเป็นนายดี”
“แล้วถ้าเป็นนายล่ะเจมส์ จะรับมือยังไง?”
“เอ่อ ไม่รู้สิ” เจมส์ตอบ “ค่อนข้างยาก ทางที่ดีต้องหาทางหยุดการโจมตีด้วยอาวุธให้ได้ก่อน”
“อืม...” ใหญ่พยักหน้ารับ แล้วหันมองเจ “เจ นายก็เรียนรู้ไว้ด้วยนะ ฉันเชื่อว่าปรีต้องหาทางทำอะไรสักอย่างได้อยู่แล้ว”
(มีต่อครับ)