เมื่อหลายวันก่อน เห็นมีการดีเบต ผู้สมัคร สส. Young blood ที่ทีวีช่องหนึ่ง แล้วก็อ้างตามหัวข้อกระทู้
ซึ่งถ้าเป็นคนที่ไม่ได้ลงทุนหุ้นแบบเป็นเรื่องเป็นราว ก็จะคิดว่า”เออจริงด้วย” ประเด็นก็คือ
นี่คือความจริงแค่ครึ่งเดียวครับ ความจริงทั้งหมดก็คือ ปกติแล้วหุ้นจะขึ้นเฉลี่ยปีละ 10 กว่าเปอร์เซ็นต์
(ไม่ว่าเศรษฐกิจของโลกจะเป็นยังไงก็ตาม) ถ้านับจากช่วงก่อนจะมีม็อบนกหวีด ตอนนั้นดัชนีอยู่ที่ 1650
แปลว่า ถ้าไม่เกิดม็อบ และไม่มีการรัฐประหาร ดัชนีหุ้นในทุกวันนี้ควรจะอยู่ที่ 2000 กว่าๆครับ
และเมื่อเปรียบเทียบเศรษฐกิจของโลกในช่วงรัฐบาลชุดปัจจุบันกับรัฐบาลชุดก่อนๆ จะพบว่า
เศรษฐกิจของโลกมีปัญหา น้อยกว่าเศรษฐกิจในช่วงของรัฐบาลก่อนๆด้วยซ้ำ
ที่จะต้องไม่ลืมอีกอย่างหนึ่งก็คือ ทันทีที่เริ่มมีม็อบ เงินก้อนใหญ่ซึ่งก็คือเรื่องลงทุนของต่างชาติ
ไหลออกจากไทยมาโดยตลอด ยิ่งพอมีรัฐประหาร ยิ่งไหลแรงขึ้น ด้วยเหตุผลที่เพิ่มเติมก็คือ
ประเทศที่ปกครองไม่เป็นประชาธิปไตย กองทุนเหล่านี้ต้องถอนเงินลงทุนออก
ถึงขั้นทุกวันนี้ เงินไหลออกจากตลาดหุ้นไทย มากกว่าช่วงวิกฤตเศรษฐกิจระดับโลกอย่างวิกฤติ subprime
(hamberger crisis)ปี51 ด้วยซ้ำ กอรปกับ หลังจากนั้น เศรษฐกิจของไทยค่อยๆแย่ลง
ผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนค่อยๆตกลงเรื่อยๆ ช่วงเดือนม.ค.62 ที่ผ่านมา
ดัชนีหุ้นไทยอยู่แถวๆ 1,550(ต่ำกว่าสมัยยิ่งลักษณ์ด้วยซ้ำ) และเพิ่งจะเริ่มปรับขึ้น หลังมีกฤษฎีกาเลือกตั้งนี่แหละครับ
ปล.สำหรับช่วง period ระยะสั้น ดัชนีหุ้นไม่สามารถเป็นตัวชี้วัดเศรษฐกิจได้
แต่สำหรับ period ระยะยาว หุ้นใช้อธิบายสภาพเศรษฐกิจได้ดี อย่างหนึ่งเลยทีเดียว