อายุ 33 เงินเดือน 40.5K ทำงานมา 10ปียังเป็นแค่พนักงานธรรมดา เพราะบริษัทเป็นบริษัทที่มีพนักงานน้อย และหัวหน้าก็เล่นเส้นสาย มีหัวหน้าตำแหน่ง Senior Manager 1คน และ Manager อีก 1 คน ในขณะที่ในแผนกมีลูกน้องแค่ 3 คน คิดว่าโอกาสก้าวหน้าคงตัน เมื่อ 2 ปีก่อน ตัดสินใจไปเรียนขายออนไลน์ แล้วลองมาทำขายเองเพราะคุณแม่มีความรู้ด้านสมุนไพร เลยลองทำแชมพู และสบู่สมุนไพรขาย ปรากฏว่ายอดขายจากตอนแรก 3K-4K / เดือน และเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ จนอยู่ตัวที่ 100K-150K หักต้นทุนและค่าแรงผู้ช่วยแล้วก็เหลือ 60K-90K โดยที่เรามีหน้าที่ออกแบบแบนเนอร์ และลงโฆษณา แฟนช่วยแพ็คของส่ง และน้องแฟนช่วยเป็นแอดมินตอบลูกค้า ด้วยความที่เราชอบถ่ายรูป ชอบทำคอมฯและชอบแต่งรูปอยู่แล้ว และคิดแคปชั่นในการขายเก่ง เลยทำให้การโฆษณาได้ผลดีลุกค้าสนใจเยอะมากทักทุกวัน แพ็คส่งทุกวัน แม่กับแฟนเราก็มีรายได้เสริมไปด้วย มีความคิดบ่อยครั้งมากที่อยากลาออก เพราะแฟนพูดกรอกหูทุกวันว่า ขนาดทำงานไปด้วยยังขายได้ขนาดนี้ ถ้าออกมาทำเต็มตัว มีเวลามากขึ้นน่าจะขายได้มากกว่านี้อีกเยอะ คิดหนักมากเพราะมีภาระบ้านและคอนโด รวมๆ เดือนนึง 40K พยายามโป๊ะมาตลอดตั้งแต่ขายของมา จนตอนนี้ยอดหนี้อสังหาฯเหลือรวมแค่ 3.8ล้าน แต่ก็ยังคิดหนัก บางวันเจอหัวหน้างี่เง่าใส่ก็เบื่อคิดอยากยื่นใบลาออกตลอดเวลา ใจจริงคิดว่าจะรอโปะบ้านและคอนโดให้หมดก่อน แต่กว่าจะหมดคาดว่า 4-5 ปี ** บางทีมีโปรเจ็คที่คิดจะทำแต่ติดว่าทำงานอยู้เลยต้องรอเลิกงานถึงกลับไปทำได้ เคยคิดว่าประสบการณ์ขนาดนี้ ทำงานได้ขนาดนี้ลองไปสมัครตำแหน่งที่สูงกว่านี้ดีมั้ย แต่กลัวว่าจะเสียเวลามากกว่าเดิม อีกอย่างบริษัทที่อยู่ได้มานานขนาดนี้เพราะคนรอบข้าง เพื่อนร่วมงานที่ดี น้องๆในแผนกที่น่ารัก ชวนกันไปกินข้าวตีแบต เลยไม่อยากจะไปเริ่มใหม่ เพราะกลัวจะเจอแบบร้ายๆชิงดีชิงเด่นและหักหลังกัน แต่ในบางอารมณ์ก็เสียดายในเวลานี้เราน่าจะมีเวลาทำอะไรที่ได้มากกว่าเดิม ดีกว่ามาเสียเวลาเดินในเส้นทางที่มีทางตันรอข้างหน้า
ขอความเห็นเพื่อนๆหน่อยค่ะว่าควรจะยังไงดี เพราะเศรษฐกิจและสถานการณ์โลกปัจจุบันมันควรจะลาออกมั้ย? หรือต้องรออะไร?
เศรษฐกิจตอนนี้ควรออกจากงานประจำ และไปขายของออนไลน์อย่างเดียวดีมั่ยคะ?
ขอความเห็นเพื่อนๆหน่อยค่ะว่าควรจะยังไงดี เพราะเศรษฐกิจและสถานการณ์โลกปัจจุบันมันควรจะลาออกมั้ย? หรือต้องรออะไร?