ประสพการณ์ติด ตม.เกาหลี (เป็นผู้ชายก็ใช่ว่าจะไม่โดน)

มีประสพการณ์การติด ตม.เกาหลีมาเล่าให้ฟังครับ

ผมมีแพลนกินเที่ยวเกาหลีโดยจะพาแฟนไปและมีเพื่อนแฟนที่เป็นผู้หญิงอีกหนึ่งคน รวมทั้งหมด3คนไปมาเมื่อวันที่24/2/62กลับวันที่28/2/62 รวม5วัน ไปเองไม่ง้อทัวร์เพราะไม่อยากไปในที่ๆทัวร์พาไป
ตั้งใจจะเที่ยวแต่ในกรุงโซล หาของอร่อยๆกิน ไปกินตามร้านที่คนเกาหลีเค้ากินกันจริงๆ แวะเที่ยววังเที่ยวแหล่งช๊อปปิ้งนิดหน่อย ที่เหลือหาของกินล้วนๆ
(เอาไว้จะเอามาลงให้ดูกันอีกกระทู้ในห้องก้นครัว)

ก่อนไปเราเตรียมตัวเรื่องเอกสารทุกอย่างเรียบร้อย ใบจองที่พัก ตั๋วเครื่องบินไปกลับ ใบรับรองการทำงาน แพลนเที่ยว พาสปอร์ท ทุกอย่างทำสำเนาแจกให้ถือทุกคนเวลาเข้าตม.จะได้ไม่ต้องมีปัญหา เพราะสิ่งที่เราห่วงที่สุดคือแฟนผมเพราะเธอยังไม่เคยไปเกาหลี พาสปอร์ทก็เพิ่งไปทำมา ส่วนเพื่อนเธอและผมเคยไปมาแล้วคนละรอบ เพื่อนเธอเคยไปเที่ยว ผมไปดูและตรวจรับเครื่องจักรที่บริษัทสั่งซื้อเข้ามาติดตั้งที่เมืองไทย(https://ppantip.com/topic/32621447)พอมีโอกาสไปครั้งนี้เลยอยากพาแฟนไปเที่ยวบ้าง

พอถึงเวลาเครื่องออกจากไทยประมาณบ่าย3 ไปถึงเกาหลีประมาณ5ทุ่ม ตามเวลาเกาหลี
บนเครื่อง แอร์โฮสเตทก็แจกเอกสารตม.ให้กรอกตามปรกติ ลงเครื่องเสร็จก็เดืนเข้าตม.ระหว่างนั้นผมสังเกตุเห็นที่หน้า ตม. จะมีเจ้าหน้าที่ผู้ชายเดินตรวจไปมา แล้วเจ้าหน้าที่ในตู้ก็จะกวักมือเรียกให้เจ้าหน้าที่คนนั้นเดินมารับ พาสปอร์ทพร้อมเชิญตัวคนไทยที่ดูน่าสงสัย พาตัวไปเข้าห้องเย็นด้านข้าง

ซึ่งรอบนี้ที่ลงเครื่องพร้อมผม ผมก็สังเกตุเห็นคนไทยทั้งชายหญิงหลายๆคนมีท่าทีลุกรี้ลุกลน ตอนต่อแถวก็กระแซะกัน ได้ยินเสียงกระซิบ แกไปก่อนซิ
อะไรประมาณนี้ บอกตรงๆว่าดูออกว่าตั้งใจไปโดด

ซึ่งตอนนั้นผมก็ไม่คิดอะไร ห่วงแค่แฟนที่เดินเข้าคนละตู้ว่าจะรอดมั๊ย ส่วนเพื่อนแฟนเดินออกตม.ไปแล้ว ซักพักหันไปดูเธอก็เดอนออกตม.ไป หมดห่วง
แต่ที่ไหนได้ ผมเองกลับต้องยืนรอให้ตม.ที่ตู้ของผมเช็คเอกสาร เดี๋ยวมองจอ เดี๋ยวมองพาสปอร์ทผม แล้วก็มองหน้าผม ซักพักก็กวักมือเรียกเจ้าหน้าที่ผู้ชายที่เดินอยู่หน้าเค้าเตอร์ตม.ให้มารับตัวผมไป

เค้าก็พาผมเข้าไปห้องทางด้านขวามือ

ถามว่าตอนนั้นรู้สึกยังไง ก็รู้สึกกเฉยๆนะ แถมรู้สึกดีซะอีกจะได้รู้ว่าเค้าเข้าไปทำอะไรกัน

ทีนี้เข้าไปภายในห้องจะมีห้องต่อไปอีกห้อง ห้องแรกเป็นห้องสัมภาษณ์เบื้องต้น จะมีเจ้าหน้าที่นั่งอยู่หน้าคอมฯเรียงกันไป เค้าจะเอาพาสปอร์ทเราไปใส่ใว้ในกล่องพลาสติก รอเจ้าหน้าที่คนไหนว่างเค้าก็จะเดินมาหยิบไปเปิดดูข้อมูล พอผมนั่งรอซักพักไม่ถึง5นาทีก็มีเจ้าหน้าที่ผู้หญิงท่านนึงเดินมาหยิบไปแล้วเรียกผมไปนั่งข้างหน้าเพื่อสัมภาษณ์(เป็นภาษาอังกฤษ)

คำถามแรกที่เธอถาม ว่าผมชื่อนี้ นาสกุลนี้ใช่มั๊ย ผมก็ตอบว่าใช่

มากี่วัน ผมตอบ5วัน

พักที่ไหน ผมยี่นใบจองที่พักให้ดู

มีตั๋วกลับรึยัง ผมยื่นตั๋วให้ดู

มากี่คน กับใครบ้าง ผมชี้ให้ดูในใบจองโรงแรมซึ่งมีจำนวนคนและชื่อผู้เข้าพัก

เธอถามไปก็คีย์ข้อมูลไป

ซักพักผมก็ถามกลับ

ผมมีอะไรผิดปรกติรึเปล่าครับ ถึงถูกเรียกมาสัมภาษณ์

เธอตอบพร้อมกับยิ้มให้บอกว่าไม่มี แค่รูปในพาสปอร์ทเล่มเก่าที่ฐานข้อมูลบันทึกไว้ หน้าไม่เหมือนกับเล่มใหม่

อ่อ ผมมาถึงบางอ้อก็ตอนนี้  เพราะคราวที่แล้วที่ผมมาตอนนั้นน้ำหนัก110กิโล ส่วนไปคราวนี้น้ำหนักผมเหลือ90กิโล

เพราะผมผอมลงนี่เอง จึงทำให้หน้าไม่เหมือนในรูปและพาสปอร์ทก็เพิ่งทำใหม่เพราะเล่มเก่าหมดอายุเมื่อต้นปีที่ผ่านมา

พอเธอคีย์ข้อมูลเสร็จเรียบร้อย เธอก็บอกไม่มีอะไรแล้วเดี๋ยวจะเดินออกไปส่ง
เธอยื่นพาสปอร์คืนผมและพาเดินออกทางประตูทางเข้าและเธอก็สแกนนิ้วเธอเพื่อเปิดประตูให้ผมออกมา
รวมแล้วใช้เวลาทั้งหมดประมาณ10นาที

จบเรื่องการเข้าห้องเย็นของผม อาจจะดูไม่ตื่นเต้นหรือไม่ได้ตื่นตาตื่นใจอะไร

แต่ สิ่งที่ผมสังเกตุในช่วง10นาทีที่อยู่ในห้องนั้น

ได้ยินโต๊ะอื่นๆถูกสัมภาษณ์ (ขอบอกว่าคนไทยล้วนๆที่โดนเรียกเข้าไป)

ช่นโต๊ะทางด้านขวา เป็นชายไทย(ลักษณะบ่งบอก...)ถูกถามเป็นภาษาอังกฤษง่ายๆ แต่แกไม่ตอบอะไรเลย ไม่พูดอะไรซักคำ ถามไปกี่ประโยคแกก็เงียบ ซักพัก ตม.ส่ายหัว แล้วปริ้นท์เอกสารขนาดกระดาษA4มาให้แกอ่าน1ใบแล้วเชิญไปนั่งรอต่อในห้องถัดไป ตอนั้แกเปิดประตูเข้าไปผมเห็นคนอยู่ในห้องนั้นไม่ต่ำกว่า30คน น่าจะเป็นผู้ต้องสงสัยที่จะหลบหนีเข้าเมือง

ส่วนอีกโต๊ะทางซ้ายเป็นผู้หญิง ก็ถูกซักคล้ายๆกันแต่จะถามเยอะกว่า เช่น รู้จักใครในเกาหลีมั๊ย เธอตอบรู้จัก ตม.ถามต่อว่ามีเบอร์โทรเค้ามั๊ย เธอบอกไม่มี
และหลายๆคำถามเธอก็ตอบไม่ได้ ตอบได้แค่เดี๋ยวจะมีคนมารับ ซึ่งแน่นอน ตม.ส่ายหัว แล้วปริ้นท์เอกสารขนาดกระดาษA4มาให้แล้วเชิญไปนั่งรอต่อในห้องถัดไป

บอกตรงๆครับ หลายๆคนที่ถูกเชิญตัวเข้าไป ก็ไม่ได้ออกมา ซึ่งแต่ละคนมองดูแล้ว ก็ดูจุดประสงค์ออกครับว่าไปทำอะไร ถึงจะแต่งตัวดีแค่ไหน แต่กริยาท่าทางมันฟ้องพอเดินเข้าตู้ตม.นี่อาการออกกันทุกคน  ส่วนคนที่ถูกเชิญเข้าห้องสัมภาษณ์แต่ละคนนี่เหมือนจะหมดแรงหมดหวัง ว่าจะไม่ได้เข้าประเทศต้องถูกส่งกลับ

เอาละครับขอบคุณที่อ่านมาถึงตรงนี้ ผมอาจจะเรียบเรียงอะไรไม่ค่อยเก่งแต่ขอรับรองว่าทั้งหมดคือเรื่องจริงครับ

มีอะไรสอบถามได้ครับ
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่