สวัสดีครับเพื่อนๆที่รักในเกาหลีกันทุกท่าน นี่เป็นรีวิวแรกของผม เป็นรีวิวเที่ยว ตม.เกาหลีและไทยครับ
ผมมีโอกาสได้เดินทางไปเกาหลีใต้เมื่อวันที่ 2 พฤศจิกายนที่ผ่านมา โดยการเดินทางในครั้งนี้ได้จองตั๋วหางแดงไว้ล่วงหน้านานถึง 4 เดือน กับโปรฯน่ารักของหางแดง เมื่อวันเดินทางมาถึง สำหรับผมแล้วการใช้ลาพักร้อนไปเที่ยวในครั้งนี้ รู้สึกประทับใจมากตั้งแต่เริ่มเดินทาง คือน้องแอร์ของหางแดงน่ารักมากๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ ผมรู้ได้ทันทีว่าการท่องเที่ยวของผมได้เริ่มต้นขึ้นแล้ว เริ่มจากการชมความสวยงามของน้องแอร์หางแดงที่ให้บริการตั้งแต่กราวด์เลย อยากจะหยิบมือถือขึ้นมาถ่ายรูปแต่ด้วยความที่เป็นคนขี้อายหน่อยๆเลยไม่กล้า (ในความรู้สึกคือผมว่าการเดินทางท่องเที่ยวของผมในคร้งนี้คุ้มแล้ว) ในระหว่างที่รอเรียกขึ้นเครื่องก็มีโอกาสได้รู้จักกับน้องสองคนที่กำลังจะไปเที่ยวเป็นคู่รักที่น่ารักมาก นิสัยดีด้วยทั้งสองคน เมื่อน้องแอร์เรียกขึ้นเครื่องก็ยิ่งประทับใจมากขึ้นไปอีกเมื่อเจอน้องแอร์บนเครื่องหางแดง โอ้ว แม่เจ้า ขาว หมวย สวย อวบ ยิ้มสวย เหมือนดาราเกาหลีอะไรปานนั้น การให้บริการของน้องแอร์หางแดงผมว่าดีมากๆๆ ทำให้นึกถึงเหตุการณ์"แอร์กราบ"ขึ้นมาทันที(แอบนอยถามหาความยุติธรรมแทนน้องแอร์ในใจนิดๆ)
การเดินทางครั้งนี้สำหรับผมประทับใจมากตลอดการเดินทาง โดยเฉพาะช่วงที่เครื่องบินลดระดับลงเพื่อเตรียมลงจอดที่สนามบินอินซอน มองออกไปนอกหน้าต่างเห็นก้อนเมฆจับตัวสวยงาม คาดว่าคงเป็นเพราะอุณหภูมิที่นี่ต่ำกว่าบ้านเรา ก้อนเมฆจึงสวยงามต่างจากเวลาที่เครื่องลดระดับเตรียมลงจอดที่บ้านเรานะครับ ความรู้สึกเหมือนตัวเองเป็นเทวดาอยู่บนสวรรค์ชั้นฟ้าเลยทีเดียว ความสุขของผมยังคงโลดแล่นต่อไป
จนกระทั่งมาถึงสนามบินอินซอน เมื่อลงเครื่องก็สะพายเป้ ลากกระเป๋าใบเล็กเดินตามผู้โดยสารท่านอื่นไป ด่านแรกก่อนถึง ตม.จะมีจุดเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยพร้อมกล้องตั้งอยู่ คือคาดว่า ตม.น่าจะสแกนนักเดินทางผ่านกล้องเป็นอันดับแรก ผมก็ชื่มชมสนามบินอย่างมีความสุขไปด้วยขณะที่เดินตามๆกันไป และพอมาถึง ตม.ก็ต้องเข้าแถวเตรียมตรวจประทับตรา ซึ่งจะมีเจ้าหน้าที่ของการท่องเที่ยวของเกาหลี คอยแจกเอกสารแนะนำการท่องเที่ยวประเทศเกาหลีใต้(Tourist information) ให้กับนักเดินทาง
ช่วงนี้ก็รอคิวไปครับเมื่อถึงคิวก็จะมีคนที่จัดคิวเรียกให้เข้าช่องตรวจที่ว่าง ผมเองด้วยความที่ตั้งใจมาเที่ยวอยู่แล้วเมื่อโดนเรียกให้เข้าช่องตรวจก็ดีใจสุดๆ ด้วยจำนวนที่คนเยอะทำให้ยืนรอคิวนาน คิดว่าจะได้ไปเที่ยวสักที ผมเองรีบเดินแจกยิ้มเข้าไปที่ช่องเลยครับ พอยื่นเอกสารให้ ลุงแกมองหน้าผมสลับกับพาสปอร์ต แล้วก็ไล่เปิดทีละหน้า ผมเองก็งงว่าพาสปอร์ตขาวขนาดนี้ยังจะเปิดทำไม แล้วลุงแกก็ถามผมว่ามาเที่ยวคนเดียวเหรอ ผมก็บอกว่ามาคนเดียว แล้วแกก็ถามว่ามาอยู่กี่วัน ผมก็ตอบว่า 4 วัน เดินทางกลับ วันที่ 5 พฤศจิกายน แล้วแกก็ก้มลงไปเปิดหน้าพาสปอร์ตใหม่อีกรอบแล้วทำท่าครุ่นคิด แล้วก็บอกให้ผมสแกนนิ้ว มองกล้องถ่ายรูป (ในใจคิดว่าคงเรียบร้อยแล้ว) เมื่อเรียบร้อยแล้วผมเห็นลุงแกหยิบตราประทับเตรียมปั้มวีซ่าผ่านให้แล้ว แล้วแกก็ครุ่นคริดเหมือนคนหนีเมียไปหาเมียน้อยแล้วระแวงว่าเมียหลวงจะจับได้อะไรประมาณนั้น แล้วแกก็บอกผมประมาณว่าขอให้ไปสัมภาษณ์ในห้องก่อน คุณตกลงมั้ย แกคงถามพอเป็นพิธีแล้วแกก็กดปุ่มเรียกเจ้าหน้าที่ให้มารับพาสปอร์ตและตัวผมไปที่ห้องสัมภาษณ์หรือที่เพื่อนตั้งชื่อกันว่า ห้องเย็น นั่นเอง (เดี๋ยวมาต่อประสบการณ์ในห้องเย็นและห้องกักตัว มีอะไรน่ารู้น่าสนใจเยอะมากครับ ขอไปธุระที่เซ็นทรัลก่อนเดี๋ยวมาเล่าทีละตอนแบบละเอียด)
เที่ยวเกาหลีสุดประทับใจ อยากไปให้ถึงเกาะนามิ แต่สุดท้ายไปถึงแค่เกาะ ตม.(ประสบการณ์ใหม่ที่ยากจะลืมเลือน)
ผมมีโอกาสได้เดินทางไปเกาหลีใต้เมื่อวันที่ 2 พฤศจิกายนที่ผ่านมา โดยการเดินทางในครั้งนี้ได้จองตั๋วหางแดงไว้ล่วงหน้านานถึง 4 เดือน กับโปรฯน่ารักของหางแดง เมื่อวันเดินทางมาถึง สำหรับผมแล้วการใช้ลาพักร้อนไปเที่ยวในครั้งนี้ รู้สึกประทับใจมากตั้งแต่เริ่มเดินทาง คือน้องแอร์ของหางแดงน่ารักมากๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ ผมรู้ได้ทันทีว่าการท่องเที่ยวของผมได้เริ่มต้นขึ้นแล้ว เริ่มจากการชมความสวยงามของน้องแอร์หางแดงที่ให้บริการตั้งแต่กราวด์เลย อยากจะหยิบมือถือขึ้นมาถ่ายรูปแต่ด้วยความที่เป็นคนขี้อายหน่อยๆเลยไม่กล้า (ในความรู้สึกคือผมว่าการเดินทางท่องเที่ยวของผมในคร้งนี้คุ้มแล้ว) ในระหว่างที่รอเรียกขึ้นเครื่องก็มีโอกาสได้รู้จักกับน้องสองคนที่กำลังจะไปเที่ยวเป็นคู่รักที่น่ารักมาก นิสัยดีด้วยทั้งสองคน เมื่อน้องแอร์เรียกขึ้นเครื่องก็ยิ่งประทับใจมากขึ้นไปอีกเมื่อเจอน้องแอร์บนเครื่องหางแดง โอ้ว แม่เจ้า ขาว หมวย สวย อวบ ยิ้มสวย เหมือนดาราเกาหลีอะไรปานนั้น การให้บริการของน้องแอร์หางแดงผมว่าดีมากๆๆ ทำให้นึกถึงเหตุการณ์"แอร์กราบ"ขึ้นมาทันที(แอบนอยถามหาความยุติธรรมแทนน้องแอร์ในใจนิดๆ)
การเดินทางครั้งนี้สำหรับผมประทับใจมากตลอดการเดินทาง โดยเฉพาะช่วงที่เครื่องบินลดระดับลงเพื่อเตรียมลงจอดที่สนามบินอินซอน มองออกไปนอกหน้าต่างเห็นก้อนเมฆจับตัวสวยงาม คาดว่าคงเป็นเพราะอุณหภูมิที่นี่ต่ำกว่าบ้านเรา ก้อนเมฆจึงสวยงามต่างจากเวลาที่เครื่องลดระดับเตรียมลงจอดที่บ้านเรานะครับ ความรู้สึกเหมือนตัวเองเป็นเทวดาอยู่บนสวรรค์ชั้นฟ้าเลยทีเดียว ความสุขของผมยังคงโลดแล่นต่อไป
จนกระทั่งมาถึงสนามบินอินซอน เมื่อลงเครื่องก็สะพายเป้ ลากกระเป๋าใบเล็กเดินตามผู้โดยสารท่านอื่นไป ด่านแรกก่อนถึง ตม.จะมีจุดเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยพร้อมกล้องตั้งอยู่ คือคาดว่า ตม.น่าจะสแกนนักเดินทางผ่านกล้องเป็นอันดับแรก ผมก็ชื่มชมสนามบินอย่างมีความสุขไปด้วยขณะที่เดินตามๆกันไป และพอมาถึง ตม.ก็ต้องเข้าแถวเตรียมตรวจประทับตรา ซึ่งจะมีเจ้าหน้าที่ของการท่องเที่ยวของเกาหลี คอยแจกเอกสารแนะนำการท่องเที่ยวประเทศเกาหลีใต้(Tourist information) ให้กับนักเดินทาง
ช่วงนี้ก็รอคิวไปครับเมื่อถึงคิวก็จะมีคนที่จัดคิวเรียกให้เข้าช่องตรวจที่ว่าง ผมเองด้วยความที่ตั้งใจมาเที่ยวอยู่แล้วเมื่อโดนเรียกให้เข้าช่องตรวจก็ดีใจสุดๆ ด้วยจำนวนที่คนเยอะทำให้ยืนรอคิวนาน คิดว่าจะได้ไปเที่ยวสักที ผมเองรีบเดินแจกยิ้มเข้าไปที่ช่องเลยครับ พอยื่นเอกสารให้ ลุงแกมองหน้าผมสลับกับพาสปอร์ต แล้วก็ไล่เปิดทีละหน้า ผมเองก็งงว่าพาสปอร์ตขาวขนาดนี้ยังจะเปิดทำไม แล้วลุงแกก็ถามผมว่ามาเที่ยวคนเดียวเหรอ ผมก็บอกว่ามาคนเดียว แล้วแกก็ถามว่ามาอยู่กี่วัน ผมก็ตอบว่า 4 วัน เดินทางกลับ วันที่ 5 พฤศจิกายน แล้วแกก็ก้มลงไปเปิดหน้าพาสปอร์ตใหม่อีกรอบแล้วทำท่าครุ่นคิด แล้วก็บอกให้ผมสแกนนิ้ว มองกล้องถ่ายรูป (ในใจคิดว่าคงเรียบร้อยแล้ว) เมื่อเรียบร้อยแล้วผมเห็นลุงแกหยิบตราประทับเตรียมปั้มวีซ่าผ่านให้แล้ว แล้วแกก็ครุ่นคริดเหมือนคนหนีเมียไปหาเมียน้อยแล้วระแวงว่าเมียหลวงจะจับได้อะไรประมาณนั้น แล้วแกก็บอกผมประมาณว่าขอให้ไปสัมภาษณ์ในห้องก่อน คุณตกลงมั้ย แกคงถามพอเป็นพิธีแล้วแกก็กดปุ่มเรียกเจ้าหน้าที่ให้มารับพาสปอร์ตและตัวผมไปที่ห้องสัมภาษณ์หรือที่เพื่อนตั้งชื่อกันว่า ห้องเย็น นั่นเอง (เดี๋ยวมาต่อประสบการณ์ในห้องเย็นและห้องกักตัว มีอะไรน่ารู้น่าสนใจเยอะมากครับ ขอไปธุระที่เซ็นทรัลก่อนเดี๋ยวมาเล่าทีละตอนแบบละเอียด)