สวัสดีค่ะ กระทู้ก่อนๆ เป็นรีวิวทริปยาวกันไปแล้ว วันนี้เราขอทริปเล็กบ้าง เป็น 1-day ทริป ไปเช้าเย็นกลับ ถึงจะทริปสั้นแต่รายละเอียดไม่สั้น บอกละเอียดหมดตามสไตล์ค่า ครั้งนี้พาไปไหว้พระที่พม่าค่ะ เรื่องของเรื่องคืออยากไปไหว้เทพทันใจมาก แต่ไม่มีใครว่างไปเป็นเพื่อนเลยก็เลยไปคนเดียวซะเลยค่ะ พี่สาวเราเคยไปวันเดียวกลับมาแล้วเค้าบอกทำได้ก็เลยโอเคเอาบ้าง
จุดประสงค์คือไปไหว้พระอย่างเดียว ไม่เน้นช้อปปิ้ง ไม่เน้นตระเวนกิน
ก็เป็นการลุยเดี่ยว ไปไม่ยาก ไม่ลำบาก แค่เตรียมตัว เตรียมใจกับแดดร้อนๆ (ควรพกอุปกรณ์กันแดดไปด้วยค่ะ) เตรียมเงิน และเตรียมศรัทธาไปเท่านั้นเอง
และตามสไตล์คือเราเป็นคนรักสบาย ไม่ถึกมาก รูทและการเตรียมตัวของเราจะเป็นไปแบบให้ตัวเองสบายตัว และคล่องตัวที่สุด
ทริปนี้เดินทางวันที่ 6 ธันวาคม 2561 นะคะ (แต่เพิ่งว่างมาทำรีวิวค่ะ แหะๆ)
ขอ define ทริปนี้ว่าเป็นการไหว้พระ 9 วัดนะคะ ในความเป็นจริงไม่ถึง 9 แต่ถ้านับตามจำนวนเทพและพระที่ไหว้ก็ถึงค่ะ
มาเริ่มแกะรูทกันก่อนค่ะ
วัดชเวดากอง – เจดีย์โบตะตาว – เทพทันใจ – เทพกระซิบ – วัดงาทัตจี – วัดเจาทัตจี (พระนอนตาหวาน) – เจดีย์กาบาเอ้ – วัดพระเขี้ยวแก้ว – อุทยานช้างเผือก – วัดพระหินอ่อน
รายละเอียดค่าใช้จ่ายต่าง ๆ เราะสรุปให้อีกทีท้ายบล็อกนะคะ
ที่มาที่ไป
ขอเล่าก่อนนิดว่าพี่สาวเราซื้อแพคเกจทัวร์ไป ต้อง2 คน ตกคนละ 3,500 ฿ แต่เราไปคนเดียวทัวร์จะคิด 6,000 ฿ แน่ะ แพงเกินไปรับไม่ได้ ก็เลยหาวิธีต่างๆ นานา อาศัยค้นกระทู้ในพันทิปประกอบด้วย ทำให้เราเจอคนขับรถในฝันเลยค่า (ขนาดนั้น) เห็นแนะนำคนขับรถนำเที่ยวคนหนึ่งมา บอกว่าอัธยาศัยดี รถดี ราคาไม่แพง (อ่านคอมเมนต์ก็คอนเฟิร์มว่าคนนี้ดี) เราก็เลยโอเค ติดต่อไปค่ะ
คนขับรถคนนี้ชื่อคุณซายทูน เป็นชาวไทยใหญ่ในย่างกุ้ง แต่พูดไทยพิมพ์ไทยได้คล่องมาก ก็เลยตกลง
คิดราคาเหมา 2,500 ฿ / วัน (ไม่รวมทิป ไม่รวมค่ากิน และค่าเข้าชมสถานที่) ราคาดีมากๆ
เดี๋ยวคอนแทคของคนขับจะใส่ไว้ตรงสรุปท้ายกระทู้นะคะ
ได้คนขับแล้วยังไงต่อ
เราติดต่อคุณซายทูนทางไลน์ค่ะ นัดหมายกันเรียบร้อยโดยเริ่มจาก
1. ดูวันที่ให้ตรงกัน (เนื่องจากเราไปช่วงต้นธันวา ติดวันหยุดเยอะ คุณซายทูนไม่ว่างทุกวัน)
2. คอนเฟิร์มวันแล้ว ก็จองตั๋วค่ะ มีทั้งนกแอร์ ทั้งไลอ้อนแอร์ จองแล้วก็แจ้งไฟลต์ให้คุณคนขับค่ะ
3. คุยกับเค้าล่วงหน้าว่ามีแพลนอะไรบ้าง
ส่วนตัวเรากะไปไหว้เจดีย์ชเวดากอง และเทพทันใจเป็นหลัก เลยให้คุณซายทูนช่วยวางแผนที่เหลือ บอกเค้าว่า
เน้นไหว้พระ ไม่เน้นช้อป ไม่ซื้อของ ให้เค้าจัดโปรแกรมเลยว่าจะพาเราไปไหนบ้าง ดูตามความเหมาะสมได้เลย ก็เลยออกมาเป็นรูทอย่างที่เขียนไปข้างบนนี้ค่ะ
เตรียมตัว
1. เงิน: จากที่ถามพี่สาวและหาข้อมูล เค้าบอกให้แลกเป็นเงินดอลล่าร์ไปก่อน แล้วค่อยไปแลกเงินจ๊าดตอนไปถึงพม่า แต่โชคดีที่เราปรึกษาคุณซายทูนก่อน เค้าบอกว่าเอาเงินไทยมาแลกที่สนามบินก็ได้นะ ก็เลยโอเค เอามาแลกที่สนามบินละกัน
เตรียมไป 5,000 บาท (เผื่อไว้ก่อน จริงๆ เหลือเพียบค่ะ) เป็นค่ากิน ค่าเข้าต่างๆ
เตรียมไป 2,500 บาท สำหรับจ่ายค่ารถกับคุณซายทูน
เงินจ๊าดพม่า มีตัวย่อว่า (MMK)
2.เที่ยวบิน:
Lion Air: flight SL200 (ขาไป) 1,565 ฿ / flight SL207 (ขากลับ) 1,565 ฿
ออกเดินทาง
เดินทางแต่เช้าตรู่ ด้วยสายการบินไทยไลอ้อนแอร์ ไฟลต์ SL200 เวลา 6.45 น.
ถึงย่างกุ้ง 7.35 เวลาท้องถิ่นค่ะ เช้ามากๆ ด้วยความที่ไม่มีกระเป๋าโหลด มีแค่กระเป๋าสะพายและเป้ 1 ใบเล็กๆ ก็เลยเดินตัวปลิวผ่านด่านตรวจพาสปอร์ต ออกมาก็เจอคุณซายทูนยืนถือป้ายอยู่ เค้าจะถือป้ายชื่อตัวเองนะคะ ไม่ได้เป็นชื่อเรา เรื่องนี้คุณซายทูนแจ้งมาทางไลน์อยู่แล้วว่าเค้าจะถือป้ายแบบนี้รอ (เค้าถ่ายหน้าตัวเองกับป้ายมา จะได้หาตัวถูกค่ะ)
พอเจอแล้วคุณซายทูนก็ชี้จุดแลกเงินให้ค่ะ เราก็แลกมา 2000 บาท ได้มาราวๆ เกือบเก้าหมื่นกว่าจ๊าด (ตัวเลข ณ วันที่ 6 ธค 2561 — 1 บาท = 47 จ๊าด แต่ตอนเพลินไปแลกที่สนามบิน ตกอยู่ 45 จ๊าด)
ขั้นตอนนี้กินเวลาเร็วมากค่ะ แป๊บเดียวก็มาขึ้นรถแล้ว เป็นมินิแวนใหม่เอี่ยม ติดแอร์เย็นฉ่ำเลย ใหญ่เกินจะมาคนเดียว แต่ก็นั่งสบายดีค่ะ
ด้วยความที่เช้าอยู่ แดดยังไม่แรง คุณซายทูนเลยว่าไปชเวดากองก่อนก็ได้ ถ้าช้ากว่านี้แดดจะแรงเที่ยวไม่สนุก เราก็เลยเริ่มกันที่แรกที่ชเวดากองเลย
SHWEDAGON PAGODA วัดชเวดากอง
เจดีย์ชเวดากอง สถานที่ศักดิ์สิทธิ์คู่บ้านคู่เมืองพม่า จุดเด่นของที่แห่งนี้ก็คือ พระมหาเจดีย์สีทองอร่าม มีความสูงถึง 105 เมตร หรือเทียบเท่ากับตึก 36 ชั้น ด้านบนพระเจดีย์ประดับด้วยพลอยไพลิน และอัญมณีมีค่ามากมาย อีกทั้งภายในยังเป็นที่บรรจุพระเกศาธาตุของพระพุทธเจ้า ส่วนฐานแปดเหลี่ยมพระเจดีย์ทำจากอิฐ ปกคลุมด้วยแผ่นทอง นักท่องเที่ยวสามารถขึ้นชมพระเจดีย์ได้ด้วยแต่อนุญาตให้เฉพาะผู้ชายเท่านั้นค่ะ
พอมาถึงคุณซายทูนก็พาไปจุดเช่าผ้าถุงค่ะเพราะเราใส่กางเกงขายาวมา จากนั้นก็ขึ้นลิฟต์ไป (ระหว่างนั้นเค้าก็ติดต่อเพื่อนข้างบนให้เตรียมดอกไม้ธูปเทียนสำหรับสักการะบูชาไว้ให้ พอขึ้นลิฟต์มาปุ๊บก็ได้รับของไหว้ทันที ถ้าจำไม่ผิดน่าจะ 1,000 จ๊าดค่ะ)
บัตรเข้า 10,000 จ๊าดค่ะ
ถึงแล้วค่ะ เช้าตรู่แดดก็ยังเปรี้ยงนะคะ ตอนนี้เจดีย์กำลังบูรณะอยู่ค่ะ แต่ก็ยังเห็นความยิ่งใหญ่อลังการ
เริ่มต้นวันด้วยการจุดธูปเทียนบูชากลาง “ลานอธิษฐาน” ค่ะ เป็นจุดแรกที่ต้องไปสักการะเลย เชื่อกันว่าเป็นจุดที่พลังอธิษฐานไปถึงยอดเจดีย์ (ตำนานเล่าว่าพระเจ้าบุเรงนองก่อนจะทำอะไรต้องมาอธิษฐานตรงนี้)
จากนั้นก็ค่อย ๆ เดินชมความงามและหยุดไหว้พระขอพรไปเรื่อย ๆ บนชเวดากองนี้กินพื้นที่กว้างขวาง มีองค์พระองค์เทพมากมายให้เราสักการะบูชาค่ะ
เราชอบที่หนุ่มสาวพ็มาเดตกันที่วัดด้วย น่ารักดีค่ะ
มุมไหนก็เห็นเจดีย์ชเวดากองสวยไปหมด
เราค่อยๆ เดินสักการะขอพรองค์พระไปเรื่อยๆ มีพระศักดิ์สิทธิ์หลายองค์ อิ่มใจดีค่ะ
พระอุปคุต
อย่างองค์นี้คือ
พระอุปคุต ค่ะ ว่ากันว่าศักดิ์สิทธิ์มาก พระอุปคุต หมายถึง พระที่ยังมีชีวิตอยู่และจะอยู่รอจนถึงยุคพระศรีอาริยเมตไตรย์ ว่ากันว่าทรงโปรดของหอม เวลาถวายให้ถวายมะลิ หรือน้ำหอมก็ได้ แต่เราเพิ่งทราบตอนฟังประวัติเลยไม่ได้เตรียมไป
พระราหู
เยื้องมาตรงข้ามกับพระอุปคุตเราจะเห็น
“พระราหู” เป็นพระปางนาคปรก มียักษ์สามตัวด้านล่างซึ่งก็คือพระราหูนั่นเองค่ะ ถ้าใครโดนทักว่าให้ไหว้ราหูให้มาไหว้ที่นี่เลยค่ะ
จากนั้นก็แวะเวียนไหว้สักการะพระอีกหลายองค์ บางองค์คุณซายทูนเล่าให้ฟังเราก็ลืมไปบ้างแล้ว แหะๆ
แม่ยักษ์
จากนั้นมาไหว้แม่ยักษ์ ที่ว่ากันว่าใครอยากได้เรื่องชื่อเสียงเงินทองต่าง ๆ ให้มากราบไหว้ท่านค่ะ บูชาด้วยยาเส้น บุหรี่ หรือมะพร้าวค่ะ
พระสิวลี และ พระเปิดโลก
แล้วที่เป็นบุญมากๆ คือได้ไปสักการะพระสิวลีองค์แรกในพม่า คือในพม่ามีพระสิวลีหลายองค์ แต่องค์แรกนั้นเชื่อว่าศักดิ์สิทธิ์ที่สุด ให้พรได้สำเร็จที่สุด ท่านจะอยู่ในซี่ลูกกรงข้างใน เยื้องไปทางข้างหลัง พวกเราเข้าไม่ได้นะคะ ผู้ชายไปได้มากสุดก็คือหน้าลูกกรง ผู้หญิงได้นั่งอยู่บนพื้นต่ำข้างล่าง คุณซายทูนพยายามชี้ให้เราดูอยู่ เห็นเป็นเงาหลบๆ ข้างใน มีแดดสะท้อนมาแทบไม่เห็นเลยค่ะ เอาเป็นว่าพอเห็นแวบๆ ให้ได้ชื่นใจ เพราะพระสิวลีไม่ใช่ว่าจะเจอกันได้ง่ายๆ น้า (เค้าว่ายังงั้น)
ส่วนไม่ไกลกันนั้นจะเป็น
“พระเปิดโลก” บางที่ก็เรียกกันว่า
“พระสำเร็จ” หรือ
"พระประทานพร" ทำจากทองคำทั้งองค์ พระเปิดโลก เคยไปอยู่ที่มิวเซียมที่อังกฤษ เพิ่งส่งคืนตอนส่งมอบกลับประเทศ มีเรื่องเล่าว่าท่านอยากกลับบ้าน เลยมีการแสดงปาฏิหาริย์อะไรด้วย (ขอไปค้นก่อนว่าคือเรื่องอะไร)
ส่วนมือที่ชี้ลง หมายความว่าพรที่ขอ ท่านจะประทานให้
สรงน้ำพระประจำวันเกิด
จากนั้นเราก็จะไปสรงน้ำพระประจำวันเกิดค่ะ คุณซายทูนสอนวิธีที่ถูกต้องคือ
ต้องอธิษฐานขอพรด้านหน้าก่อน จากนั้นจึงจะไปสรงน้ำพระ ซึ่งแบ่งเป็น 2 วิธี แล้วแต่สะดวกแบบไหน
OPTION1) สรงเท่าจำนวนอายุ +1
OPTION2) กรณีอายุเยอะแล้ว ลุกนั่งไม่สะดวก ให้สรงตามเลขกำลังประจำวัน
อย่างเรากิดวันพฤหัส เลขกำลังประจำวันคือ 19
เวลาสรงให้สรง
พระพุทธรูปประจำวันเกิด เทวดา (เทพนัต) เสาประจำวันเกิด (สีแดง) และ
สัตว์ประจำวันเกิดข้างหน้า
นอกจากนี้ ไหนๆ มาทั้งที เราสามารถทำบุญเปิดไฟพระเจดีย์ได้นะคะ เรากำหนดวันได้ค่ะว่าจะให้เปิดวันไหน ถ้าไม่ประกาศก็จะเป็นของวันนั้นเลย
ราคา
15,000 จ๊าด (315-320 ฿) เสร็จแล้วจะได้ใบประกาศมาด้วย เลือกได้ว่าใส่กรอบหรือไม่
ชักเริ่มยาว เดี๋ยวต่อในคอมเมนต์นะคะ (ยังไม่จบง่ายๆ ^^)
===
กระทู้รีวิวทริปอย่างละเอียดอื่นๆ
ทริปเพิ่มเติมติดตามได้ที่
Instagram: ploenthejourney
Youtube: Ploen The Journey
[CR] 1-Day Trip in Myanmar พม่าคนเดียวก็เปรี้ยวได้ (ทริปไหว้พระ 9วัด) เก็บครบชิล ๆ ไม่ยัด ฉบับสาวไม่ถึกก็สนุกได้
จุดประสงค์คือไปไหว้พระอย่างเดียว ไม่เน้นช้อปปิ้ง ไม่เน้นตระเวนกิน
ก็เป็นการลุยเดี่ยว ไปไม่ยาก ไม่ลำบาก แค่เตรียมตัว เตรียมใจกับแดดร้อนๆ (ควรพกอุปกรณ์กันแดดไปด้วยค่ะ) เตรียมเงิน และเตรียมศรัทธาไปเท่านั้นเอง
และตามสไตล์คือเราเป็นคนรักสบาย ไม่ถึกมาก รูทและการเตรียมตัวของเราจะเป็นไปแบบให้ตัวเองสบายตัว และคล่องตัวที่สุด
ทริปนี้เดินทางวันที่ 6 ธันวาคม 2561 นะคะ (แต่เพิ่งว่างมาทำรีวิวค่ะ แหะๆ)
ขอ define ทริปนี้ว่าเป็นการไหว้พระ 9 วัดนะคะ ในความเป็นจริงไม่ถึง 9 แต่ถ้านับตามจำนวนเทพและพระที่ไหว้ก็ถึงค่ะ
มาเริ่มแกะรูทกันก่อนค่ะ
วัดชเวดากอง – เจดีย์โบตะตาว – เทพทันใจ – เทพกระซิบ – วัดงาทัตจี – วัดเจาทัตจี (พระนอนตาหวาน) – เจดีย์กาบาเอ้ – วัดพระเขี้ยวแก้ว – อุทยานช้างเผือก – วัดพระหินอ่อน
รายละเอียดค่าใช้จ่ายต่าง ๆ เราะสรุปให้อีกทีท้ายบล็อกนะคะ
ที่มาที่ไป
ขอเล่าก่อนนิดว่าพี่สาวเราซื้อแพคเกจทัวร์ไป ต้อง2 คน ตกคนละ 3,500 ฿ แต่เราไปคนเดียวทัวร์จะคิด 6,000 ฿ แน่ะ แพงเกินไปรับไม่ได้ ก็เลยหาวิธีต่างๆ นานา อาศัยค้นกระทู้ในพันทิปประกอบด้วย ทำให้เราเจอคนขับรถในฝันเลยค่า (ขนาดนั้น) เห็นแนะนำคนขับรถนำเที่ยวคนหนึ่งมา บอกว่าอัธยาศัยดี รถดี ราคาไม่แพง (อ่านคอมเมนต์ก็คอนเฟิร์มว่าคนนี้ดี) เราก็เลยโอเค ติดต่อไปค่ะ
คนขับรถคนนี้ชื่อคุณซายทูน เป็นชาวไทยใหญ่ในย่างกุ้ง แต่พูดไทยพิมพ์ไทยได้คล่องมาก ก็เลยตกลง
คิดราคาเหมา 2,500 ฿ / วัน (ไม่รวมทิป ไม่รวมค่ากิน และค่าเข้าชมสถานที่) ราคาดีมากๆ
เดี๋ยวคอนแทคของคนขับจะใส่ไว้ตรงสรุปท้ายกระทู้นะคะ
ได้คนขับแล้วยังไงต่อ
เราติดต่อคุณซายทูนทางไลน์ค่ะ นัดหมายกันเรียบร้อยโดยเริ่มจาก
1. ดูวันที่ให้ตรงกัน (เนื่องจากเราไปช่วงต้นธันวา ติดวันหยุดเยอะ คุณซายทูนไม่ว่างทุกวัน)
2. คอนเฟิร์มวันแล้ว ก็จองตั๋วค่ะ มีทั้งนกแอร์ ทั้งไลอ้อนแอร์ จองแล้วก็แจ้งไฟลต์ให้คุณคนขับค่ะ
3. คุยกับเค้าล่วงหน้าว่ามีแพลนอะไรบ้าง
ส่วนตัวเรากะไปไหว้เจดีย์ชเวดากอง และเทพทันใจเป็นหลัก เลยให้คุณซายทูนช่วยวางแผนที่เหลือ บอกเค้าว่าเน้นไหว้พระ ไม่เน้นช้อป ไม่ซื้อของ ให้เค้าจัดโปรแกรมเลยว่าจะพาเราไปไหนบ้าง ดูตามความเหมาะสมได้เลย ก็เลยออกมาเป็นรูทอย่างที่เขียนไปข้างบนนี้ค่ะ
เตรียมตัว
1. เงิน: จากที่ถามพี่สาวและหาข้อมูล เค้าบอกให้แลกเป็นเงินดอลล่าร์ไปก่อน แล้วค่อยไปแลกเงินจ๊าดตอนไปถึงพม่า แต่โชคดีที่เราปรึกษาคุณซายทูนก่อน เค้าบอกว่าเอาเงินไทยมาแลกที่สนามบินก็ได้นะ ก็เลยโอเค เอามาแลกที่สนามบินละกัน
เตรียมไป 5,000 บาท (เผื่อไว้ก่อน จริงๆ เหลือเพียบค่ะ) เป็นค่ากิน ค่าเข้าต่างๆ
เตรียมไป 2,500 บาท สำหรับจ่ายค่ารถกับคุณซายทูน
เงินจ๊าดพม่า มีตัวย่อว่า (MMK)
2.เที่ยวบิน:
Lion Air: flight SL200 (ขาไป) 1,565 ฿ / flight SL207 (ขากลับ) 1,565 ฿
ออกเดินทาง
เดินทางแต่เช้าตรู่ ด้วยสายการบินไทยไลอ้อนแอร์ ไฟลต์ SL200 เวลา 6.45 น.
พอเจอแล้วคุณซายทูนก็ชี้จุดแลกเงินให้ค่ะ เราก็แลกมา 2000 บาท ได้มาราวๆ เกือบเก้าหมื่นกว่าจ๊าด (ตัวเลข ณ วันที่ 6 ธค 2561 — 1 บาท = 47 จ๊าด แต่ตอนเพลินไปแลกที่สนามบิน ตกอยู่ 45 จ๊าด)
ขั้นตอนนี้กินเวลาเร็วมากค่ะ แป๊บเดียวก็มาขึ้นรถแล้ว เป็นมินิแวนใหม่เอี่ยม ติดแอร์เย็นฉ่ำเลย ใหญ่เกินจะมาคนเดียว แต่ก็นั่งสบายดีค่ะ
ด้วยความที่เช้าอยู่ แดดยังไม่แรง คุณซายทูนเลยว่าไปชเวดากองก่อนก็ได้ ถ้าช้ากว่านี้แดดจะแรงเที่ยวไม่สนุก เราก็เลยเริ่มกันที่แรกที่ชเวดากองเลย
SHWEDAGON PAGODA วัดชเวดากอง
เจดีย์ชเวดากอง สถานที่ศักดิ์สิทธิ์คู่บ้านคู่เมืองพม่า จุดเด่นของที่แห่งนี้ก็คือ พระมหาเจดีย์สีทองอร่าม มีความสูงถึง 105 เมตร หรือเทียบเท่ากับตึก 36 ชั้น ด้านบนพระเจดีย์ประดับด้วยพลอยไพลิน และอัญมณีมีค่ามากมาย อีกทั้งภายในยังเป็นที่บรรจุพระเกศาธาตุของพระพุทธเจ้า ส่วนฐานแปดเหลี่ยมพระเจดีย์ทำจากอิฐ ปกคลุมด้วยแผ่นทอง นักท่องเที่ยวสามารถขึ้นชมพระเจดีย์ได้ด้วยแต่อนุญาตให้เฉพาะผู้ชายเท่านั้นค่ะ
พอมาถึงคุณซายทูนก็พาไปจุดเช่าผ้าถุงค่ะเพราะเราใส่กางเกงขายาวมา จากนั้นก็ขึ้นลิฟต์ไป (ระหว่างนั้นเค้าก็ติดต่อเพื่อนข้างบนให้เตรียมดอกไม้ธูปเทียนสำหรับสักการะบูชาไว้ให้ พอขึ้นลิฟต์มาปุ๊บก็ได้รับของไหว้ทันที ถ้าจำไม่ผิดน่าจะ 1,000 จ๊าดค่ะ)
บัตรเข้า 10,000 จ๊าดค่ะ
เราชอบที่หนุ่มสาวพ็มาเดตกันที่วัดด้วย น่ารักดีค่ะ
มุมไหนก็เห็นเจดีย์ชเวดากองสวยไปหมด
พระราหู
เยื้องมาตรงข้ามกับพระอุปคุตเราจะเห็น “พระราหู” เป็นพระปางนาคปรก มียักษ์สามตัวด้านล่างซึ่งก็คือพระราหูนั่นเองค่ะ ถ้าใครโดนทักว่าให้ไหว้ราหูให้มาไหว้ที่นี่เลยค่ะ
จากนั้นก็แวะเวียนไหว้สักการะพระอีกหลายองค์ บางองค์คุณซายทูนเล่าให้ฟังเราก็ลืมไปบ้างแล้ว แหะๆ
ส่วนไม่ไกลกันนั้นจะเป็น “พระเปิดโลก” บางที่ก็เรียกกันว่า “พระสำเร็จ” หรือ "พระประทานพร" ทำจากทองคำทั้งองค์ พระเปิดโลก เคยไปอยู่ที่มิวเซียมที่อังกฤษ เพิ่งส่งคืนตอนส่งมอบกลับประเทศ มีเรื่องเล่าว่าท่านอยากกลับบ้าน เลยมีการแสดงปาฏิหาริย์อะไรด้วย (ขอไปค้นก่อนว่าคือเรื่องอะไร)
ส่วนมือที่ชี้ลง หมายความว่าพรที่ขอ ท่านจะประทานให้
จากนั้นเราก็จะไปสรงน้ำพระประจำวันเกิดค่ะ คุณซายทูนสอนวิธีที่ถูกต้องคือ
ต้องอธิษฐานขอพรด้านหน้าก่อน จากนั้นจึงจะไปสรงน้ำพระ ซึ่งแบ่งเป็น 2 วิธี แล้วแต่สะดวกแบบไหน
OPTION1) สรงเท่าจำนวนอายุ +1
OPTION2) กรณีอายุเยอะแล้ว ลุกนั่งไม่สะดวก ให้สรงตามเลขกำลังประจำวัน
อย่างเรากิดวันพฤหัส เลขกำลังประจำวันคือ 19
เวลาสรงให้สรงพระพุทธรูปประจำวันเกิด เทวดา (เทพนัต) เสาประจำวันเกิด (สีแดง) และสัตว์ประจำวันเกิดข้างหน้า
ราคา 15,000 จ๊าด (315-320 ฿) เสร็จแล้วจะได้ใบประกาศมาด้วย เลือกได้ว่าใส่กรอบหรือไม่
CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้