สวัสดีค่า ผ่านกระทู้รีวิวมา 3-4 ทริปแล้ว กระทู้นี้ขอรีวิวทริปทิเบตบ้างนะคะ ถึงจะไปกับทัวร์แต่ไม่ชะโงกและได้ฟีลไม่น้อยเลยค่ะ แล้วได้ความรู้แน่นมากค่ะ ทิเบตเป็นดินแดนในฝันของเราเลย อยากไปมานานมาก แต่คงเพราะทิเบตอยู่สูงจนได้ชื่อว่าเป็น “หลังคาโลก” ออกจะเป็นดินแดนปิดถึงขั้น “ลับแล” มาแต่ไหนแต่ไร เราจึงอยากมาให้ได้
แม้ว่าตอนนี้จีนเข้ามาทำให้เสน่ห์ดิบ ๆ ที่คิดว่าจะได้เจอหายไปก็ตาม แต่ทิเบตยังคงสวยงามน่าประทับใจอยู่ดีค่ะ
ทริปนี้เดินทางเดือนกันยา ปี 2561 นะคะ
เหตุผลที่เลือกไปทัวร์เพราะ
1. ไปยากไม่ใช่ว่ามีวีซ่าจีนแล้วจะเข้าทิเบตได้นะคะ ต้องยื่นขอวีซ่าเข้าทิเบตจากจีนต่างหาก เราเลยให้เอเจนท์ประสานงานให้
2. เราพูดจีนได้แค่นิดหน่อย
3. เดินทางลำบาก คือถ้าพูดจีนไม่ได้ก็ลำบาก จะติดต่อจ้างรถอะไรก็ยาก และเค้าจะมีกฎเกณฑ์จุกจิกมากมายที่นั่งท่องเที่ยวไม่ค่อยรู้ ถ้ามากับทัวร์จะเป็นระบบ ระเบียบกว่า
สิ่งที่ต้องรู้ & เตรียมเมื่อจะเดินทางไปทิเบต
1. ทิเบตอยู่บนที่สูง อากาศเบาบางมาก ออกซิเจนจะลดลง 30-40%
2. อากาศแห้งมาก และแดดแรง ควรพกเสื้อแขนยาว แว่นกันแดด ครีมกันแดดมาด้วย
3. ทานยาสมุนไพรก่อนเดินทาง 3-4 วัน แนะนำยา หงจินเทียน หรือ โสมเบต
4. พกยา DIAMOX มาด้วยเพื่อแก้โรคแพ้ความสูง หรือ ACUTE altitude SICKNESS ไปด้วย
5. ทิเบตใช้ภาษาทิเบต และภาษาจีน
6.ใช้ WORLD TRAVEL SIM ของ TRUE หรือ SIM2FLY ของ AIS มาได้ ปัจจุบันมีสัญญาณ 4Gในลาซาแล้ว (11 กันยา 2018) ก่อนหน้านั้นสามเดือนยังเป็นแค่ 2Gเพราะถูกภูเขาสูงตัดสัญญาณ
7. ชาวทิเบตเคารพรักและศรัทธาองค์ดาไลลามะอย่างมาก ปัจจุบันองค์ดาไลลามะเสด็จลี้ภัยประทับอยู่ที่ประเทศอินเดีย
8. ทิเบตนับถือศาสนาพุทธแบบวัชรยาน นิกายเกลุกปะอย่างเหนียวแน่น และศาสนาเป็นส่วนหนึ่งของวิถีชีวิตและการปกครอง แต่ก็ถูกรัฐบาลจีนเข้าเปลี่ยนแปลงการปกครองแบบคอมมิวนิสต์และพัฒนาความเป็นเมือง
9. ไม่ควรพูดหรือแสดงสิ่งของที่มีรูปองค์ดาไลลามะ เพราะอาจถูกทหารคุมตัวไปสอบสวนได้ (มีเรื่องการเมืองมาเกี่ยวมาก ต้องระวัง)
10. ของน่าซื้อ (หรือควรซื้อ) ที่ทิเบตคือ หินทิเบต, ถังเช่า
มาดูรูทกันก่อนนะคะ
เฉินตู
โชว์เปลี่ยนหน้ากาก – เดินเล่นชมตัวเมือง
ลาซา
เดินเล่นชมเมือง – วัดเหย้าหวังซาน – พิพิธภัณฑ์แห่งชาติทิเบต – วัดเซรา – พระราชวังโปตาลา – วัดโจคัง – ทะเลสาบยัมดรก – โรงงานถังเช่า – การแสดงเจ้าหญิงเหวินเฉิง – รถไฟตู้นอน VIP จากลาซาไปซีหนิง – ซีหนิง
ซีหนิง – เฉินตู
ซีหนิง – เฉินตู
ตลาดโบราณจินลี่
TIPS: เริ่มต้นที่เฉินตู ประเทศจีนก่อน แทนที่จะบินตรงไปที่กรุงลาซาเลยเพื่อปรับสภาพร่างกายให้ชินกับความสูงก่อน ถ้าไปเลยอาจจะช็อกได้ค่ะ
DAY1:
เริ่มต้นทริปช่วงสาย ไฟลต์ 10.15 น. ไปถึงเมืองเฉินตู ประเทศจีน แต่มาถึงสนามบินราว 7.30 น. เตรียมความพร้อมหลีกเลี่ยงรถติดก่อนและเผื่อมีคิวยาวค่ะ
แต่โชคดีที่วันนี้คนไม่เยอะ ผ่านขั้นตอนอะไรแป๊บ ๆ ก็เรียบร้อย มีเวลาเดินเล่นชอปปิ้งที่ดิวตี้ฟรีและนั่งเลาจน์ไปพลาง ๆ ก่อน
ใช้เวลาเดินทางไปเฉินตูราว 3 ชั่วโมงนิด ๆ
เฉินตู เป็นเมืองหลวงของมณฑลเสฉวน ตั้งอยู่บริเวณลุ่มแม่น้ำหมิน ปัจจุบันเป็นทั้งศูนย์กลางด้านการเมือง การทหาร และด้านการศึกษาของภูมิภาคตะวันตกเฉียงใต้ค่ะ
เนื่องมาจากมาถึงเฉินตูก็บ่ายแก่ๆ แล้วโปรแกรมในเฉินตูวันนี้เราจะชิล ๆ ไปชม
“วังแพะเขียว” และ ชม
“ระบำเปลี่ยนหน้ากาก” ซึ่งเป็นไฮไลต์
วังแพะเขียว (Qingyang Temple)
วัดนี้สร้างขึ้นเมื่อปีค.ศ. 881 ในสมัยราชวงศ์ถัง และบูรณะซ่อมแซมต่อเนื่องมาตลอด จนตำหนักต่าง ๆ ที่พบเห็นในปัจจุบันส่วนใหญ่บูรณะในสมัยคั่งซี่ฮ่องเต้แห่งราชวงศ์ชิง
ภายในมีตำหนักสวย ๆ หลายแห่ง (เป็นทั้งวังทั้งวัด) ทั้งตำหนักคุนหยวน ตำหนักอวี้หวัง ตำหนังซานชิง ตำหนังถังหวัง และศาลาแปดเหลี่ยม
น่าเสียดายที่ฝนตกหนัก ฟ้ามัว เราเลยไม่ได้เดินเล่นให้สมอยากมาก ขนาดฟ้ามืดมัวซัวขนาดนี้เรายังเห็นถึงความยิ่งใหญ่อลังการและสวยงามของวังแพะเขียวแห่งนี้เลยค่ะ ถ้าได้มาตอนอากาศสดใส มีแดดคงจะยิ่งสวยงาม
ภายในตำหนักประดิษฐานรูปปั้นเทวดาที่คนจีนนับถือ แต่ไฮไลต์คือตำหนักซานชิงที่จะมี
แพะทองเหลืองอันศักดิ์สิทธิ์สองตัวตั้งตระหง่านอยู่ตั้งแต่สมัยราชวงศ์ชิง ซึ่งคนจีนเชื่อว่าถ้าเจ็บป่วยไม่สบายที่อวัยวะส่วนไหนในร่างกาย ให้นำมือไปลูบจับส่วนนั้นของแพะแล้วจะหายจากอาการเจ็บป่วยทันที สีจะเหลือบเขียว ๆ นะคะ เลยได้ชื่อว่าแพะเขียว
นอกจากนี้ที่นี่ยังเป็นสำนักลัทธิเต๋าที่สร้างขึ้นเพื่อระลึกถึงนักปราชญ์เล่าจื๊อด้วยค่ะ
แวะทานอาหารเย็นแล้วไปดูระบำหน้ากากต่อ
ระบำเปลี่ยนหน้ากาก
ไฮไลต์ของโชว์นี้คือการที่ผู้แสดงสะบัดหน้าเพียงครั้งเดียวก็เปลี่ยนหน้าได้ คือเร็วมาก แค่เสี้ยววินาทีเท่านั้นเอง การเปลี่ยนหน้ากากนี้ถือเป็นศิลปะของคนจีนตั้งแต่โบราณแล้วค่ะ
ส่วนตัวเราคิดว่าตอนเปลี่ยนหน้ากากสนุกดี แต่ตอนต้น ๆ ที่เป็นคนมาเล่นละครแสดงอะไรนั้นจะน่าเบื่อไปหน่อยแทบจะหลับเลยทีเดียว ไฮไลต์เปลี่ยนหน้ากากมีนิดเดียวเองค่ะ
โชว์รวมเวลาทั้งหมดประมาณชั่วโมงครึ่ง
โรงแรม
คืนแรก (และต่อๆ มา) ก็ขอนอนสบายหน่อยค่ะ นอน Intercontinental ห้องกว้างมาก สบายมากค่ะ
DAY2: Lhasa
วันนี้ต้องตื่นเช้าเพราะต้องขึ้นเครื่องบินไปลาซาไฟลต์ 8.40 น. นั่งประมาณ 1 ชั่วโมงนิด ๆก็ถึงกรุงลาซา ทิเบตค่ะ
ถึงแล้วว สนามบินที่สูงที่สุดในโลก…. สนามบิน
Lhasa Gonggar Airport (LXA) ตอนนี้เราอยู่ที่ระดับความสูง 3,660 เมตรเหนือระดับน้ำทะเล!
สิ่งแรกที่สัมผัสได้คือ… อากาศเบาลงจริงด้วยค่ะ เพราะตอนนี้เราอยู่สูงมาก เค้าบอกออกซิเจนลดลง 30-40% เลยนะคะ หายใจลำบากแบบไม่เต็มปอด พออากาศเบาเราต้องเคลื่อนไหวช้า ๆ ค่ะ อย่าเร่งรีบ
Lhasa, Tibet
วันนี้ฟ้าใสมาก ที่ทิเบตอากาศจะแห้งและร้อน ยูวีจะแรงมาก เราเลยใส่แขนยาวขายาวมามิดชิด ทากันแดดมาอย่างดี ใส่หมวกพร้อม
ที่นี่ถูกจีนเข้าปกครองค่ะ เราจะเห็นทหารเดินเพ่นพ่านไปหมด ตอนแรกก็ไม่กล้าถ่ายรูป แต่แบบ ขอหน่อยละกันนะ
ผ่านการตรวจคนเข้าเมืองปุ๊บ สาวน้อยเสี่ยวลี่ ไกด์ท้องถิ่นของพวกเราก็มาต้อนรับด้วยหน้าตายิ้มแย้มสดใส คล้องผ้าสีขาวให้ทันที อารมณ์เหมือนฝรั่งมาไทยแล้วไกด์มีพวงมาลัยคล้องคอต้อนรับ อารมณ์นั้น
แต่สิ่งที่น่าสนใจคือ เค้าบอกว่าผ้าสีขาวนี้ห้ามทิ้งนะคะ คือถ้าเราจะไม่คล้องก็ถอดเก็บไว้ก็ได้ แต่อย่าทิ้งเป็นอันขาดเพราะถือว่าเป็น
ผ้าศักดิ์สิทธิ์!
ผ้านี้ยังสามารถใช้ถวายวัดเวลาเราไปทำบุญได้ด้วยค่ะ
ขึ้นรถปุ๊บเสี่ยวลี่ก็แจกกระป๋องออกซิเจนเลยค่ะ ยังไงต้องได้ใช้ระหว่างทางแน่ ๆ แต่กระป๋องนึงใช้สูดได้ไม่กี่ครั้งเองค่ะ ของมีน้อย ใช้สอยประหยัดนะก๊ะ
เราเพิ่งใช้วันหลัง ๆ เองค่ะ
จะเห็นจากทิวทัศน์ลาซาระหว่างทางว่า เต็มไปด้วยภูเขาสูงชันทำให้ที่นี่เหมือนเป็นดินแดนปิดไปโดยปริยายเลย และไม่มีต้นไม้สูงอะไร จะเป็นเขาโล้นๆ เพราะที่นี่อยู่สูง ปลูกอะไรไม่ค่อยขึ้น
จากที่สังเกตจะเห็นว่าลาซายังมีความดิบตามธรรมชาติจากสภาพภูมิประเทศอยู่มาก ขณะเดียวกันก็ถูกความเป็นเมืองรุกรานไม่น้อย คงเพราะจีนเข้ามาปกครองพัฒนาตั้งแต่ปี 2008 ที่เรียกได้ว่าเปลี่ยนโฉมหน้าไปมาก เราจะเห็นตึกรามบ้านช่อง ตึกสูงตามทางมากมาย ทำให้อดผิดหวังหน่อย ๆ ไม่ได้เพราะคิดว่าจะมาเห็นความเป็นวัฒนธรรมดั้งเดิมเก่าแก่เหมือนที่ประทับใจกับภูฏานมาแล้ว
ระหว่างที่ตัวเมืองมีความเป็นเมืองสูง ตัวทิวทัศน์ใต้ฟ้าครามสดใสก็แวดล้อมด้วยทิวเขาสูงและสายน้ำหย่าหลูจั่งปู้ หรือแม่น้ำพรหมบุตรที่ใสสะอาด ไหลเอื่อยขนานไปกับถนน ผ่านแปลงเพาะปลูกต้นน้ำมันหยิวไช่ฮัวที่บานสะพรั่งเป็นทุ่งดอกสีเหลือง และนาข้าวบาเล่ย์ชิงเคอ
โปรแกรมของวันนี้ไม่มีอะไรมากเพราะเป็นวันสำหรับปรับตัวให้ชินกับอากาศเบาบนที่สูง และอาจจะมีอาการข้างเคียงได้ เช่น ปวดหัว คลื่นไส้ อาเจียน ใจเต้นแรง
ไกด์แนะนำว่าให้เราเคลื่อนไหวช้า ๆ พอเข้าโรงแรมให้นอนนิ่ง ๆ แล้วที่สำคัญคืนนี้
“ห้ามอาบน้ำ”
ใช่ค่ะ
ห้ามอาบน้ำห้ามอาบคืนนี้ ไปจนถึงคืนถัดไปค่ะ คือคืนนี้ห้ามอาบ ตื่นเช้ามาก็ห้าม ให้อาบได้อีกทีเย็นวันถัดไปค่ะ
ไกด์เล่าว่าเคยมีคนไม่เชื่อ อาบน้ำตอนเช้าวันรุ่งขึ้น น้ำท่วมปอดเลยค่า
แต่เราสามารถล้างหน้า แปรงฟันอะไรได้ตามปกติค่ะ
ของขึ้นชื่อที่ต้องลองคือชานมจามรีค่ะ เป็นชาผสมนมจามรีและเนย (เนยก็เป็นเนยที่ปั่นจากนมจามรีค่ะ) ก็จะมันๆ หน่อย หลายคนไม่ชอบ แต่เราชอบนะ
ชานี้เสิร์ฟที่โรงแรม
ก่อนอื่นต้องบอกก่อนว่าคืนนั้นปวดหัวมากอย่างที่หัวหน้าทัวร์บอกเลยค่ะ อาการก็จะแตกต่างกันไปแต่ละคนนะคะ ปวดหัว หัวใจเต้นแรง อึดอัด อาเจียน แล้วก็หายใจลำบาก เลยต้องยอมทานยา
Diamox (ไดอะมอก) ซึ่งเป็นยาลดความดันลูกตาไปค่ะ เดิมทีเราไม่อยากทานตัวนี้เพราะอ่านในเนตว่าผลข้างเคียงเยอะ เช่น มือชา เท้าชา ปัสสาวะบ่อย
แต่ในเมื่อมันแก้โรค
Acute Mountain Sickness (AMS) หรือโรคแพ้ความสูง (แพ้ที่สูง เพราะอากาศเบาบาง หายใจไม่ออก) ได้ค่อนข้างทันทีก็เลยต้องทานค่ะ
ทานแล้วอาการปวดหัวก็ทุเลาลงเล็กน้อย แต่ใจยังเต้นแรง นอนกระสับกระส่ายทั้งคืนเพราะหายใจไม่สะดวกค่ะ
เราก็นึกนะว่าก่อนเดินทางก็ทานยาสมุนไพรหงจินเทียนล่วงหน้าแล้ว แต่เหมือนยังไม่พอนะิไกด์เล่าว่าแล้วแต่คนเลยค่ะ บางคนออกกำลังกายแข็งแรงดีก็ใช่ว่าจะไม่มีอาการนะคะ ตรงกันข้าม ยิ่งคนแข็งแรงปอดใหญ่ยิ่งทรมานเพราะสูดออกซิเจนได้น้อยกว่าที่ปอดรับได้
คืนนี้พักที่โรงแรม
Lhasa VIP ค่ะ เป็นโรงแรม Local ทิเบต ขนาดใหญ่แต่ห้องไม่กว้างเท่าโรงแรมเชนต่าง ๆ
แต่ที่ชวนให้อึดอัดคือ… มีรูปภาพท่านเหมาติดกำแพงปลายเตียง เท่ากับต้องนอนประจันหน้ามองท่านเหมาไปทั้งคืน!
DAY 3
ตื่นเช้ามาเราก็ต้องอย่าลืมว่ายังอาบน้ำไม่ได้ ก็ล้างหน้าแปรงฟัน แต่งหน้าอะไรเรียบร้อย ลงมาทานอาหารเช้า
เรายังมึน ๆ จากเมื่อคืนแต่ก็นับว่าดีขึ้นมาก หลังอาหารก็ทานไดอามอกไปอีกที ตอนนี้ไม่กลัวยานี้แล้วล่ะ ยังไงก็ได้ขอให้อาการเหล่านี้หายไป
วันนี้จะเที่ยววัดกันเบา ๆ และพิพิธภัณฑ์
(ยาวไปแล้ว เดี๋ยวต่อในคอมเมนต์ถัดไปนะคะ)
====
เพื่อนๆ สามารถอ่านรีวิวทริปอย่างละเอียดได้ในบล็อก
https://ploen-thejourney.com/2018/03/29/how-to-survive-in-23-c-weather-in-siberia%E2%80%A8รีวิวชุดเครื่อ/
====
#โลกของฉันเปลี่ยนไปทุกครั้งเมื่อได้เดินทาง
Instagram: ploenthejourney
Youtube: Ploen The Journey
[CR] 7 DAYS IN TIBET ไต่หลังคาโลก – ทิเบต พันปีบนที่สูง เที่ยวทัวร์แบบไม่ชะโงก (ฉบับสาวไม่ถึกแต่อยากผจญภัย)
สวัสดีค่า ผ่านกระทู้รีวิวมา 3-4 ทริปแล้ว กระทู้นี้ขอรีวิวทริปทิเบตบ้างนะคะ ถึงจะไปกับทัวร์แต่ไม่ชะโงกและได้ฟีลไม่น้อยเลยค่ะ แล้วได้ความรู้แน่นมากค่ะ ทิเบตเป็นดินแดนในฝันของเราเลย อยากไปมานานมาก แต่คงเพราะทิเบตอยู่สูงจนได้ชื่อว่าเป็น “หลังคาโลก” ออกจะเป็นดินแดนปิดถึงขั้น “ลับแล” มาแต่ไหนแต่ไร เราจึงอยากมาให้ได้
แม้ว่าตอนนี้จีนเข้ามาทำให้เสน่ห์ดิบ ๆ ที่คิดว่าจะได้เจอหายไปก็ตาม แต่ทิเบตยังคงสวยงามน่าประทับใจอยู่ดีค่ะ
ทริปนี้เดินทางเดือนกันยา ปี 2561 นะคะ
เหตุผลที่เลือกไปทัวร์เพราะ
1. ไปยากไม่ใช่ว่ามีวีซ่าจีนแล้วจะเข้าทิเบตได้นะคะ ต้องยื่นขอวีซ่าเข้าทิเบตจากจีนต่างหาก เราเลยให้เอเจนท์ประสานงานให้
2. เราพูดจีนได้แค่นิดหน่อย
3. เดินทางลำบาก คือถ้าพูดจีนไม่ได้ก็ลำบาก จะติดต่อจ้างรถอะไรก็ยาก และเค้าจะมีกฎเกณฑ์จุกจิกมากมายที่นั่งท่องเที่ยวไม่ค่อยรู้ ถ้ามากับทัวร์จะเป็นระบบ ระเบียบกว่า
สิ่งที่ต้องรู้ & เตรียมเมื่อจะเดินทางไปทิเบต
1. ทิเบตอยู่บนที่สูง อากาศเบาบางมาก ออกซิเจนจะลดลง 30-40%
2. อากาศแห้งมาก และแดดแรง ควรพกเสื้อแขนยาว แว่นกันแดด ครีมกันแดดมาด้วย
3. ทานยาสมุนไพรก่อนเดินทาง 3-4 วัน แนะนำยา หงจินเทียน หรือ โสมเบต
4. พกยา DIAMOX มาด้วยเพื่อแก้โรคแพ้ความสูง หรือ ACUTE altitude SICKNESS ไปด้วย
5. ทิเบตใช้ภาษาทิเบต และภาษาจีน
6.ใช้ WORLD TRAVEL SIM ของ TRUE หรือ SIM2FLY ของ AIS มาได้ ปัจจุบันมีสัญญาณ 4Gในลาซาแล้ว (11 กันยา 2018) ก่อนหน้านั้นสามเดือนยังเป็นแค่ 2Gเพราะถูกภูเขาสูงตัดสัญญาณ
7. ชาวทิเบตเคารพรักและศรัทธาองค์ดาไลลามะอย่างมาก ปัจจุบันองค์ดาไลลามะเสด็จลี้ภัยประทับอยู่ที่ประเทศอินเดีย
8. ทิเบตนับถือศาสนาพุทธแบบวัชรยาน นิกายเกลุกปะอย่างเหนียวแน่น และศาสนาเป็นส่วนหนึ่งของวิถีชีวิตและการปกครอง แต่ก็ถูกรัฐบาลจีนเข้าเปลี่ยนแปลงการปกครองแบบคอมมิวนิสต์และพัฒนาความเป็นเมือง
9. ไม่ควรพูดหรือแสดงสิ่งของที่มีรูปองค์ดาไลลามะ เพราะอาจถูกทหารคุมตัวไปสอบสวนได้ (มีเรื่องการเมืองมาเกี่ยวมาก ต้องระวัง)
10. ของน่าซื้อ (หรือควรซื้อ) ที่ทิเบตคือ หินทิเบต, ถังเช่า
มาดูรูทกันก่อนนะคะ
เฉินตู
โชว์เปลี่ยนหน้ากาก – เดินเล่นชมตัวเมือง
ลาซา
เดินเล่นชมเมือง – วัดเหย้าหวังซาน – พิพิธภัณฑ์แห่งชาติทิเบต – วัดเซรา – พระราชวังโปตาลา – วัดโจคัง – ทะเลสาบยัมดรก – โรงงานถังเช่า – การแสดงเจ้าหญิงเหวินเฉิง – รถไฟตู้นอน VIP จากลาซาไปซีหนิง – ซีหนิง
ซีหนิง – เฉินตู
ซีหนิง – เฉินตู
ตลาดโบราณจินลี่
TIPS: เริ่มต้นที่เฉินตู ประเทศจีนก่อน แทนที่จะบินตรงไปที่กรุงลาซาเลยเพื่อปรับสภาพร่างกายให้ชินกับความสูงก่อน ถ้าไปเลยอาจจะช็อกได้ค่ะ
DAY1:
เริ่มต้นทริปช่วงสาย ไฟลต์ 10.15 น. ไปถึงเมืองเฉินตู ประเทศจีน แต่มาถึงสนามบินราว 7.30 น. เตรียมความพร้อมหลีกเลี่ยงรถติดก่อนและเผื่อมีคิวยาวค่ะ
แต่โชคดีที่วันนี้คนไม่เยอะ ผ่านขั้นตอนอะไรแป๊บ ๆ ก็เรียบร้อย มีเวลาเดินเล่นชอปปิ้งที่ดิวตี้ฟรีและนั่งเลาจน์ไปพลาง ๆ ก่อน
ใช้เวลาเดินทางไปเฉินตูราว 3 ชั่วโมงนิด ๆ
เฉินตู เป็นเมืองหลวงของมณฑลเสฉวน ตั้งอยู่บริเวณลุ่มแม่น้ำหมิน ปัจจุบันเป็นทั้งศูนย์กลางด้านการเมือง การทหาร และด้านการศึกษาของภูมิภาคตะวันตกเฉียงใต้ค่ะ
เนื่องมาจากมาถึงเฉินตูก็บ่ายแก่ๆ แล้วโปรแกรมในเฉินตูวันนี้เราจะชิล ๆ ไปชม “วังแพะเขียว” และ ชม “ระบำเปลี่ยนหน้ากาก” ซึ่งเป็นไฮไลต์
วังแพะเขียว (Qingyang Temple)
วัดนี้สร้างขึ้นเมื่อปีค.ศ. 881 ในสมัยราชวงศ์ถัง และบูรณะซ่อมแซมต่อเนื่องมาตลอด จนตำหนักต่าง ๆ ที่พบเห็นในปัจจุบันส่วนใหญ่บูรณะในสมัยคั่งซี่ฮ่องเต้แห่งราชวงศ์ชิง
ภายในมีตำหนักสวย ๆ หลายแห่ง (เป็นทั้งวังทั้งวัด) ทั้งตำหนักคุนหยวน ตำหนักอวี้หวัง ตำหนังซานชิง ตำหนังถังหวัง และศาลาแปดเหลี่ยม
น่าเสียดายที่ฝนตกหนัก ฟ้ามัว เราเลยไม่ได้เดินเล่นให้สมอยากมาก ขนาดฟ้ามืดมัวซัวขนาดนี้เรายังเห็นถึงความยิ่งใหญ่อลังการและสวยงามของวังแพะเขียวแห่งนี้เลยค่ะ ถ้าได้มาตอนอากาศสดใส มีแดดคงจะยิ่งสวยงาม
ภายในตำหนักประดิษฐานรูปปั้นเทวดาที่คนจีนนับถือ แต่ไฮไลต์คือตำหนักซานชิงที่จะมีแพะทองเหลืองอันศักดิ์สิทธิ์สองตัวตั้งตระหง่านอยู่ตั้งแต่สมัยราชวงศ์ชิง ซึ่งคนจีนเชื่อว่าถ้าเจ็บป่วยไม่สบายที่อวัยวะส่วนไหนในร่างกาย ให้นำมือไปลูบจับส่วนนั้นของแพะแล้วจะหายจากอาการเจ็บป่วยทันที สีจะเหลือบเขียว ๆ นะคะ เลยได้ชื่อว่าแพะเขียว
นอกจากนี้ที่นี่ยังเป็นสำนักลัทธิเต๋าที่สร้างขึ้นเพื่อระลึกถึงนักปราชญ์เล่าจื๊อด้วยค่ะ
แวะทานอาหารเย็นแล้วไปดูระบำหน้ากากต่อ
ระบำเปลี่ยนหน้ากาก
ไฮไลต์ของโชว์นี้คือการที่ผู้แสดงสะบัดหน้าเพียงครั้งเดียวก็เปลี่ยนหน้าได้ คือเร็วมาก แค่เสี้ยววินาทีเท่านั้นเอง การเปลี่ยนหน้ากากนี้ถือเป็นศิลปะของคนจีนตั้งแต่โบราณแล้วค่ะ
ส่วนตัวเราคิดว่าตอนเปลี่ยนหน้ากากสนุกดี แต่ตอนต้น ๆ ที่เป็นคนมาเล่นละครแสดงอะไรนั้นจะน่าเบื่อไปหน่อยแทบจะหลับเลยทีเดียว ไฮไลต์เปลี่ยนหน้ากากมีนิดเดียวเองค่ะ
โชว์รวมเวลาทั้งหมดประมาณชั่วโมงครึ่ง
โรงแรม
คืนแรก (และต่อๆ มา) ก็ขอนอนสบายหน่อยค่ะ นอน Intercontinental ห้องกว้างมาก สบายมากค่ะ
DAY2: Lhasa
วันนี้ต้องตื่นเช้าเพราะต้องขึ้นเครื่องบินไปลาซาไฟลต์ 8.40 น. นั่งประมาณ 1 ชั่วโมงนิด ๆก็ถึงกรุงลาซา ทิเบตค่ะ
ถึงแล้วว สนามบินที่สูงที่สุดในโลก…. สนามบิน Lhasa Gonggar Airport (LXA) ตอนนี้เราอยู่ที่ระดับความสูง 3,660 เมตรเหนือระดับน้ำทะเล!
สิ่งแรกที่สัมผัสได้คือ… อากาศเบาลงจริงด้วยค่ะ เพราะตอนนี้เราอยู่สูงมาก เค้าบอกออกซิเจนลดลง 30-40% เลยนะคะ หายใจลำบากแบบไม่เต็มปอด พออากาศเบาเราต้องเคลื่อนไหวช้า ๆ ค่ะ อย่าเร่งรีบ
Lhasa, Tibet
วันนี้ฟ้าใสมาก ที่ทิเบตอากาศจะแห้งและร้อน ยูวีจะแรงมาก เราเลยใส่แขนยาวขายาวมามิดชิด ทากันแดดมาอย่างดี ใส่หมวกพร้อม
ที่นี่ถูกจีนเข้าปกครองค่ะ เราจะเห็นทหารเดินเพ่นพ่านไปหมด ตอนแรกก็ไม่กล้าถ่ายรูป แต่แบบ ขอหน่อยละกันนะ
ผ่านการตรวจคนเข้าเมืองปุ๊บ สาวน้อยเสี่ยวลี่ ไกด์ท้องถิ่นของพวกเราก็มาต้อนรับด้วยหน้าตายิ้มแย้มสดใส คล้องผ้าสีขาวให้ทันที อารมณ์เหมือนฝรั่งมาไทยแล้วไกด์มีพวงมาลัยคล้องคอต้อนรับ อารมณ์นั้น
แต่สิ่งที่น่าสนใจคือ เค้าบอกว่าผ้าสีขาวนี้ห้ามทิ้งนะคะ คือถ้าเราจะไม่คล้องก็ถอดเก็บไว้ก็ได้ แต่อย่าทิ้งเป็นอันขาดเพราะถือว่าเป็นผ้าศักดิ์สิทธิ์!
ผ้านี้ยังสามารถใช้ถวายวัดเวลาเราไปทำบุญได้ด้วยค่ะ
ขึ้นรถปุ๊บเสี่ยวลี่ก็แจกกระป๋องออกซิเจนเลยค่ะ ยังไงต้องได้ใช้ระหว่างทางแน่ ๆ แต่กระป๋องนึงใช้สูดได้ไม่กี่ครั้งเองค่ะ ของมีน้อย ใช้สอยประหยัดนะก๊ะ
เราเพิ่งใช้วันหลัง ๆ เองค่ะ
จะเห็นจากทิวทัศน์ลาซาระหว่างทางว่า เต็มไปด้วยภูเขาสูงชันทำให้ที่นี่เหมือนเป็นดินแดนปิดไปโดยปริยายเลย และไม่มีต้นไม้สูงอะไร จะเป็นเขาโล้นๆ เพราะที่นี่อยู่สูง ปลูกอะไรไม่ค่อยขึ้น
จากที่สังเกตจะเห็นว่าลาซายังมีความดิบตามธรรมชาติจากสภาพภูมิประเทศอยู่มาก ขณะเดียวกันก็ถูกความเป็นเมืองรุกรานไม่น้อย คงเพราะจีนเข้ามาปกครองพัฒนาตั้งแต่ปี 2008 ที่เรียกได้ว่าเปลี่ยนโฉมหน้าไปมาก เราจะเห็นตึกรามบ้านช่อง ตึกสูงตามทางมากมาย ทำให้อดผิดหวังหน่อย ๆ ไม่ได้เพราะคิดว่าจะมาเห็นความเป็นวัฒนธรรมดั้งเดิมเก่าแก่เหมือนที่ประทับใจกับภูฏานมาแล้ว
ระหว่างที่ตัวเมืองมีความเป็นเมืองสูง ตัวทิวทัศน์ใต้ฟ้าครามสดใสก็แวดล้อมด้วยทิวเขาสูงและสายน้ำหย่าหลูจั่งปู้ หรือแม่น้ำพรหมบุตรที่ใสสะอาด ไหลเอื่อยขนานไปกับถนน ผ่านแปลงเพาะปลูกต้นน้ำมันหยิวไช่ฮัวที่บานสะพรั่งเป็นทุ่งดอกสีเหลือง และนาข้าวบาเล่ย์ชิงเคอ
โปรแกรมของวันนี้ไม่มีอะไรมากเพราะเป็นวันสำหรับปรับตัวให้ชินกับอากาศเบาบนที่สูง และอาจจะมีอาการข้างเคียงได้ เช่น ปวดหัว คลื่นไส้ อาเจียน ใจเต้นแรง
ไกด์แนะนำว่าให้เราเคลื่อนไหวช้า ๆ พอเข้าโรงแรมให้นอนนิ่ง ๆ แล้วที่สำคัญคืนนี้
“ห้ามอาบน้ำ”
ใช่ค่ะ
ห้ามอาบน้ำห้ามอาบคืนนี้ ไปจนถึงคืนถัดไปค่ะ คือคืนนี้ห้ามอาบ ตื่นเช้ามาก็ห้าม ให้อาบได้อีกทีเย็นวันถัดไปค่ะ
ไกด์เล่าว่าเคยมีคนไม่เชื่อ อาบน้ำตอนเช้าวันรุ่งขึ้น น้ำท่วมปอดเลยค่า
แต่เราสามารถล้างหน้า แปรงฟันอะไรได้ตามปกติค่ะ
ของขึ้นชื่อที่ต้องลองคือชานมจามรีค่ะ เป็นชาผสมนมจามรีและเนย (เนยก็เป็นเนยที่ปั่นจากนมจามรีค่ะ) ก็จะมันๆ หน่อย หลายคนไม่ชอบ แต่เราชอบนะ
ชานี้เสิร์ฟที่โรงแรม
ก่อนอื่นต้องบอกก่อนว่าคืนนั้นปวดหัวมากอย่างที่หัวหน้าทัวร์บอกเลยค่ะ อาการก็จะแตกต่างกันไปแต่ละคนนะคะ ปวดหัว หัวใจเต้นแรง อึดอัด อาเจียน แล้วก็หายใจลำบาก เลยต้องยอมทานยาDiamox (ไดอะมอก) ซึ่งเป็นยาลดความดันลูกตาไปค่ะ เดิมทีเราไม่อยากทานตัวนี้เพราะอ่านในเนตว่าผลข้างเคียงเยอะ เช่น มือชา เท้าชา ปัสสาวะบ่อย
แต่ในเมื่อมันแก้โรค Acute Mountain Sickness (AMS) หรือโรคแพ้ความสูง (แพ้ที่สูง เพราะอากาศเบาบาง หายใจไม่ออก) ได้ค่อนข้างทันทีก็เลยต้องทานค่ะ
ทานแล้วอาการปวดหัวก็ทุเลาลงเล็กน้อย แต่ใจยังเต้นแรง นอนกระสับกระส่ายทั้งคืนเพราะหายใจไม่สะดวกค่ะ
เราก็นึกนะว่าก่อนเดินทางก็ทานยาสมุนไพรหงจินเทียนล่วงหน้าแล้ว แต่เหมือนยังไม่พอนะิไกด์เล่าว่าแล้วแต่คนเลยค่ะ บางคนออกกำลังกายแข็งแรงดีก็ใช่ว่าจะไม่มีอาการนะคะ ตรงกันข้าม ยิ่งคนแข็งแรงปอดใหญ่ยิ่งทรมานเพราะสูดออกซิเจนได้น้อยกว่าที่ปอดรับได้
คืนนี้พักที่โรงแรม Lhasa VIP ค่ะ เป็นโรงแรม Local ทิเบต ขนาดใหญ่แต่ห้องไม่กว้างเท่าโรงแรมเชนต่าง ๆ
แต่ที่ชวนให้อึดอัดคือ… มีรูปภาพท่านเหมาติดกำแพงปลายเตียง เท่ากับต้องนอนประจันหน้ามองท่านเหมาไปทั้งคืน!
DAY 3
ตื่นเช้ามาเราก็ต้องอย่าลืมว่ายังอาบน้ำไม่ได้ ก็ล้างหน้าแปรงฟัน แต่งหน้าอะไรเรียบร้อย ลงมาทานอาหารเช้า
เรายังมึน ๆ จากเมื่อคืนแต่ก็นับว่าดีขึ้นมาก หลังอาหารก็ทานไดอามอกไปอีกที ตอนนี้ไม่กลัวยานี้แล้วล่ะ ยังไงก็ได้ขอให้อาการเหล่านี้หายไป
วันนี้จะเที่ยววัดกันเบา ๆ และพิพิธภัณฑ์
(ยาวไปแล้ว เดี๋ยวต่อในคอมเมนต์ถัดไปนะคะ)
====
เพื่อนๆ สามารถอ่านรีวิวทริปอย่างละเอียดได้ในบล็อก https://ploen-thejourney.com/2018/03/29/how-to-survive-in-23-c-weather-in-siberia%E2%80%A8รีวิวชุดเครื่อ/
====
CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้