สวัสดีครับเพื่อนๆ ชาว pantip วันนี้หนังสือเดินทางของผมขอเริ่มต้นด้วยการแชร์ประสบการณ์การเดินทางท่องเที่ยวทิเบต
ซึ่งอาจจะเป็น dream destination ของหลายๆ คน ที่ดูเหมือนดินแดนลี้ลับ ห่างไกล เต็มไปด้วยความสงบและจิตวิญญาณ
เพื่อนๆ รู้จักทิเบตกันผ่านช่องทางไหนกันครับ จุดที่ทำให้ทิเบตเข้ามาวนเวียนอยู่ในจุดหมายปลายทางที่เป็น bucket list ของผม
คือ ผ่านมาทางรายการท่องเที่ยว แดนบีม the series (บอกอายุมากๆ 555) ตอนดูน่าจะช่วงมัธยมต้น
ตามมาเที่ยวกันนะครับ รู้สึกว่าทิเบตเป็นอีกหนึ่งดินแดนที่ถ้าใครอยากไปสัมผัสควรรีบไปครับ
การเดินทางจากไทยไปทิเบต
- เครื่องบิน: ไม่มีบินตรงต้องไปต่อเครื่องที่เมืองหลักในจีนก่อน (ส่วนมากมักจะไปต่อเครื่องกันที่เฉินตู หรือ คุนหมิง)
- เครื่องบิน+รถไฟ: สำหรับคนที่มีเวลาเยอะหน่อยถือเป็นทางเลือกที่ดี นอกจากจะได้สัมผัสวิวที่สวยงามระหว่างทางแล้ว ยังเป็นการปรับสภาพร่างกายเพื่อลดความเสี่ยงในการเกิดอาการแพ้ความสูงอีกด้วย
บริษัททัวร์ที่เลือกใช้บริการ : Tibet Vista
D.01: BKK-Kunming-Lhasa (11-10-24)
วันแรกของการเดินทางกลุ่มของพวกเรา 4 คนนัดพบกันที่สนามบินสุวรรณภูมิแต่เช้า การเดินทางไปถึงกรุงลาซาเมืองใหญ่ที่สุดของทิเบตเราเลือกใช้ทางเครื่องบินโดยไปเปลี่ยนเครื่องที่สนามบิน Kunming Changshui โดยใช้บริการของสายการบิน China eastern airline
เที่ยวบิน MU 9622 ออกเดินทางจากสนามบินสุวรรณภูมิ 7.50 น.
flight แรกจากสุวรรณภูมิไปคุนหมิง ใช้เครื่องบินแบบ B737 เสิร์ฟเป็นอาหารเช้าทานได้ครับ (อาหารโหลดมาจากครัวที่ไทยครับ)
ใช้เวลาบินประมาณ 2 ชั่วโมงนิดๆ พวกเราก็มาถึงสนามบิน Kunming Changshui ซึ่งต้อนรับพวกเราด้วยฝนครับ ชุ่มฉ่ำมากๆ
ตอน check-in ที่สุวรรณภูมิกระเป๋าเราจะถูก check thru ไปรับที่ลาซาได้เลย แต่ตัวเราต้องผ่านกระบวนการตรวจคนเข้าเมืองที่สนามบินคุนหมิงก่อน
จากนั้นต้องไปเข้าทาง domestic เพื่อต่อเครื่องไปลาซาครับ
ตม.ที่จีนค่อนข้างจะถามเยอะเนื่องจากเห็นว่าเรามีเดินทางต่อไปยังลาซา ขอดูเอกสารต่างๆ ยังไงแนะนำว่าเพื่อนๆ ควรเตรียมไปแสดงให้พร้อมครับ พวกตั๋วเครื่องบิน เอกสารเกี่ยวกับที่พัก โปรแกรมทัวร์ต่างๆ (ทิเบตไม่สามารถไปเที่ยวเองได้ ต้องผ่านบริษัททัวร์เท่านั้น)
พวกเรามีเวลารอเปลี่ยนเครื่องที่สนามบินเกือบ 4 ชั่วโมง สนามบินคุนหมิงกว้างขวางใหญ่โต มีร้านอาหารมากมาย มื้อเที่ยงของเราทานร้านอาหารในสนามบินครับ
Domestic Security Check เป็นจุดที่เราต้องเข้าไปอีกครั้ง หลังจากผ่าน ตม. มาแล้วครับ
ทานอาหารกลางวัน เดินเล่นนิดหน่อย ก็ได้เวลาไปต่อเครื่องกันแล้วครับ ฝนก็ยังคงตกแต่เริ่มมีช่วงหยุดบ้างแล้ว
จากคุนหมิงไปลาซาด้วยเที่ยวบิน MU9737 ออกตรงเวลา 15.25 ใช้เครื่องบินแบบ B737 เหมือนกันครับ ใช้เวลาบินประมาณ 2 ชั่วโมงครึ่ง บนเที่ยวบินนี้เสริฟของทานเล่นเป็นขนมปังกับเครื่องดื่มตามปกติ ไม่ได้เสริฟอาหารมื้อหลักครับ
วิวระหว่างทางครับสวยงามมากๆ ผ่านภูมิประเทศที่หลากหลายมากๆ ครับ แนะนำถ้าเป็นไปได้เลือกนั่งริมหน้าต่างครับ
enjoy view ไปเรื่อยๆ ครับ เครื่องบินบินที่ระดับความสูงเท่าเดิมแต่เราอยู่ใกล้พื้นมากขึ้นครับ เพราะพื้นที่ตรงนี้สูงขึ้นมาอีกระดับนึง
ประมาณ 18.00 น.พวกเราก็มาถึงสนามบิน Lhasa Gonggar (3,570 เมตรเหนือระดับน้ำทะเล) อากาศดีมากๆ สำหรับผมคือไม่ได้หนาวกำลังเย็นสบายเลย หลังจากรับกระเป๋าเรียบร้อย ก็ออกมาเจอ guide ของเราชื่อ Keldor ต้อนรับพวกเราด้วยการคล้องผ้าพันคอสีขาวแบบทิเบต จากนั้นพาเรานั่งรถตู้เพื่อเดินทางเข้าไปยังกรุงลาซาซึ่งห่างจากสนามบินประมาณ 70 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินทาง 1 ชั่วโมง ถนนดีมากๆ ใบไม้เริ่มเปลี่ยนสี
วันแรกถือว่าเป็นวันของการเดินทาง เราเข้าพักที่ Gang-Gyan Hotel Lhasa ซึ่งเป็นโรงแรมที่อยู่ในย่านเมืองเก่าลาซา วันแรกรถก็ขับผ่านพระราชวังโปตาลา สวยและยิ่งใหญ่มากๆ เย็นวันแรกเรา step diet กันด้วย McDonald's แล้วรีบนอนพักผ่อนกันเพื่อเตรียมตัวลุยพรุ่งนี้กันครับ guide แนะนำว่า 24 ชั่วโมงแรกไม่ให้อาบน้ำนะครับ เจอกันวันพรุ่งนี้ครับ
D.02: Lhasa (12-10-24)
วันที่สองของการเดินทาง โปรแกรมของเราในวันนี้คือการไปเที่ยวชม monastery ต่างๆ รอบๆ กรุงลาซากันครับ หลังจากรับประทานอาหารเช้าที่โรงแรมเรียบร้อย ประมาณ 9.00 guide ก็มารับเราที่ lobby พาเราขึ้นรถไปยังสถานที่แรกของเราในวันนี้ คือ Drepung Monastery: the largest of all Tibetan monasteries
อารามแห่งนี้ตั้งอยู่บนเชิงเขาทำให้มองกลับไปเห็นวิวของกรุงลาซา สวยมากๆ ครับ
ภาพอารามมุมกว้างแสดงให้เห็นถึงความยิ่งใหญ่ของอารามแห่งนี้
หลังจากเที่ยวชมความสวยงามของอารามแห่งนี้ใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมงนิดๆ guide พาเรามาทานอาหารกลางวันน่าจะเป็นโรงอาหารของทางวัด อาหารทานได้ไม่แย่ครับ (ผมค่อนข้างจะทานยาก)
ทานอาหารกลางวันกันเรียบร้อยก็ออกเดินทางต่อไปยังพระราชวังฤดูร้อนขององค์ลาไลลามะกันครับ Norbulingka Palace (UNESCO): the traditional summer residence of the successive Dalai Lamas
ภาพบรรยากาศของตำหนักต่างๆ เราสามารถเข้าไปเดินดูห้องต่างๆ ภายในได้ครับ แต่ห้ามถ่ายรูปออกมาครับ
หลังจากเที่ยวชมความงดงามของพระราชวังฤดูร้อนกันเสร็จ ก็ได้เวลาออกไปยังสถานที่สุดท้ายของวันนี้กันครับ
Sera Monastery: debating monks
Highlight ที่สำคัญของที่นี่คือการได้มาเห็นพระทิเบตที่ศึกษาธรรมมาถกปัญหาธรรมกันครับ เป็นอะไรที่ไม่สามารถเห็นได้ในที่อื่นๆ ครับ
หลังสิ้นสุดโปรแกรมวันนี้ไกด์มาส่งเราที่โรงแรมครับ แต่ด้วยพลังงานของพวกเราที่ยังเหลือ เลยวางแผนเดินไปชมพระราชวังโปตาลาตอนกลางคืนกันครับ ก่อนที่จะเข้าไปชมภายในกันพรุ่งนี้ บอกเลยว่าห้ามพลาด!!! สวยตะลึงมากๆ ครับ light up ที่พระราชวัง เราเดินจากที่พักกันมาเรื่อยๆ จนถึงบริเวณ Potala square
Potala Palace (night time)
วันนี้อาบน้ำได้แล้วครับ พวกเราอาบน้ำพักผ่อนกันเตรียมตัวสำหรับการไปเที่ยวชมภายในพระราชวังโปตาลาอันยิ่งใหญ่ในวันพรุ่งนี้กันครับ
D.03: Lhasa (13-10-24)
วันนี้เป็นวันที่เราจะได้เข้าชมภายในพระราชวังโปตาลา ซึ่งเป็นอีกหนึ่ง highlight ที่สำคัญ ถือว่าเป็น Tibet's landmark เลยทีดียวครับ
Potala Palace (UNESCO): the winter residence of Dalai Lamas
ชมบรรยากาศกันไปเรื่อยๆ นะครับ
และนั่นคือเส้นทางที่เราต้องเดินไต่บันไดขึ้นไปชมภายในกันครับ
ระหว่างเดินขึ้นก็พักเหนื่อยด้วยการดูวิวไปเรื่อยๆ ครับ
จากจุดนี้ไปจะไม่สามารถถ่ายภาพได้แล้วครับ
ช่วงบ่ายโปรแกรมของเราคือไปทานข้าวเที่ยงแถวๆ Jokhang Temple
Jokhang Temple (UNESCO): heart of Lhasa
Barkhor Street: the oldest street in Lhasa, shopping street
เจอกันพร
[CR] หนังสือเดินทาง x Tibet, roof top of the world
Potala Palace (UNESCO): the winter residence of Dalai Lamas
ชมบรรยากาศกันไปเรื่อยๆ นะครับ
Barkhor Street: the oldest street in Lhasa, shopping street
เจอกันพร
CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้