ไหว้พระย่างกุ้ง (เมียนมาร์) แบบไม่ต้องใช้เน็ตซิม เที่ยวคนเดียว วันเดียวก็เที่ยวได้

[CR] ไหว้พระย่างกุ้ง (เมียนมาร์) แบบไม่ต้องใช้เน็ตซิม เที่ยวคนเดียว วันเดียวก็เที่ยวได้

กระทู้รีวิว

ทริปไหว้พระย่างกุ้งนี้ ต้องการ Update และแชร์เหตุการณ์ทั้งก่อนเดินทางและระหว่างเดินทาง เพื่อเป็นประโยชน์สำหรับคนที่จะเดินทางไปพม่าคนเดียวในช่วงนี้ โดยเดินทางในวันที่ 4 มกราคม 2566 กับสายการบินไทยแอร์เอเชีย เที่ยวบิน FD 251 ออกเดินทางจากดอนเมือง 07.30 น. ถึงสนามบินย่างกุ้งเวลา 08.15 น. (เวลาท้องถิ่นในย่างกุ้งจะช้ากว่าไทย 30 นาที)

เริ่มแรกหลังจากจองตั๋วข้ามปี รอลุ้นว่าเมื่อไหร่พม่าจะยกเลิกการซื้อประกันโควิดเพื่อเข้าประเทศ จนแล้วจนรอดก็ไม่ยังประกาศยกเลิกให้ซื้อประกันของพม่าซักที เลยต้องควักตังค์จ่ายซื้อประกันโควิด (แต่จริงๆ ไปค้างแค่คืนเดียว ไม่คุ้มกับค่าประกันอย่างมาก แต่ถ้าใครไปตามทริปนี้ ไปเช้าเย็นกลับก็ได้) แต่ตั้งใจไว้แล้วว่าจะไปไหว้พระหลังปีใหม่ วันที่ 2 มกราคม 2565 เลยต้องตัดสินใจซื้อประกัน 50 USD สำหรับการเที่ยวในพม่าไม่เกิน 15 วัน (คิดเป็นเงิน 1,797 บาท ขึ้นอยู่กับอัตราแลกเปลี่ยน ณ วันที่ซื้อประกัน) :ซื้อประกันโควิด https://www.mminsurance.gov.mm/inbound-travel-accident-insurance/
กดรูปตระกร้ามุมซ้ายล่างที่มีคำว่า Continue and Buy แล้วเลื่อนลงมามุมซ้ายล่าง ให้ติ๊กช่องสี่เหลี่ยมที่มีคำว่า I agree terms and condition เพื่อยอมรับ หลังจากนั้นก็กรอกข้อความส่วนตัวทำตามขั้นตอนไปเรื่อยๆ จนเสร็จ ก็ปริ้นเอกสารใบประกันโควิดเพื่อยื่นแสดงตอนเช็คอิน (ปริ้นแค่หน้าแรกหน้าเดียวก็ได้ครับ ตามภาพหมายเลข 2 ท้ายข้อความนี้) ถ้าไม่มีเอกสารประกันโควิดสายการบินไม่ให้เช็คอินเดินทางน่ะครับ

พอซื้อประกันโควิดเรียบร้อยผมได้เข้ามาปริ้นใบจองโรงแรมในย่างกุ้ง ที่จองผ่าน Agoda โรงแรมที่จองไว้คือ Backpacker Bad and Breakfast (เลือกแบบห้องพักและห้องน้ำส่วนตัว) ติดตัวไปด้วยเผื่อว่า เมื่อไปถึงสนามบินให้แท็กซี่ดูเพื่อไปส่งโรงแรม แต่พอเช็คดูปรากฎว่าใบจองโรงแรมไม่มีเบอร์โทรศัพท์ เผื่อแท็กซี่หาโรงแรมไม่เจอจะได้ให้โทรถามทาง เลยลอง searh หาเบอร์โรงแรมใน google ไปเจอข้อความว่า Permanently Closed (ปิดกิจการถาวร) แต่โรงแรมยังเปิดระบบขายห้องพักอยู่ เงิบมาก (ตามภาพ)

เลยติดต่อไปทาง Agoda ให้ช่วยยืนยันการจองห้องพัก สรุปโรงแรมปิดกิจการถาวรจริงๆ ทาง Agoda เลยเสนอมา 2 แนวทาง คือ
1. คืนเงินเต็มจำนวนเข้าช่องทางเดิมที่ได้มีการชำระมา
2. Agoda จะช่วยเช็คห้องพักในย่างกุ้งในบริเวณที่เราต้องการพัก และติดต่อทางโรงแรมเพื่อยืนยันการเปิดบริการของโรงแรม โดยราคาค่าห้องพักใหม่ที่จองนี้จะต้องไม่เกิน 2 เท่าของราคาที่เราจอง (โดย Agoda จะรับผิดชอบส่วนที่เกินทั้งหมด) เช่น ถ้าเราจองห้องพักราคา 500 บาท Agoda จะจัดหาห้องพักใหม่ให้เราในราคาไม่เกิน 1,000 บาท บวกลบนิดหน่อยได้ครับ

ผมเลยตัดสินใจเลือกแนวทางที่ 2 เพราะยังไงจะต้องเดินทางอยู่แล้ว เพราะถ้าเลือกแนวทางที่ 1 รับเงินคืนแล้วมาจองใหม่เอง สุ่มเสี่ยงกับราคาห้องพักแพงที่จองในเวลากระชั้นชิด และก็ไม่แน่ใจว่าโรงแรมนั้นอาจปิดกิจการไปแล้วเพราะสถานการณ์โควิด ในช่วงระหว่างรอ Agoda หาห้องพักใหม่ให้เรา ระหว่างนี้เราก็ลองหาห้องใหม่ในทำเลที่เราต้องการ เป็นทางเลือกเผื่อไว้ (ถ้าโรงแรมใหม่ที่เราเลือกไว้ตรงกับที่ทาง Agoda หาให้ ก็ match ได้เข้าพักโรงแรมใหม่ แต่ถ้าโรงแรมที่ Agoda หาให้ไม่ถูกใจเรา หรือไม่อยู่ในทำเลที่เราต้องการ ตอนนี้เราก็อาจแจ้งชื่อโรงแรมที่เราหาเผื่อไว้ให้ทาง Agoda ช่วยตรวจสอบจนกว่าจะได้โรงแรมที่เราต้องการ สรุปมาได้โรงแรม Hotel Balmi อยู่ย่าน China Town (ตามภาพ) โรงแรมนี้ดีมากหลังการเข้าพัก รีวิวการบริการดีเยี่ยม

สรุปเอกสารที่ต้องปริ้นออกมาเพื่อใช้ในการเดินทางเข้าพม่า
1. ใบฉีดวัคซีน 2 เข็ม (ตามภาพหมายเลข 1) บังเอิญใบฉีดวัคซีนของผมไม่เหมือนชาวบ้าน เพราะไม่เคยฉีดที่ไทย ถ้าเป็นของไทยก็ปริ้นจากในระบบหมอพร้อมได้เลย

2. ใบซื้อประกันโควิด (ตามภาพหมายเลข 2) มีทั้งหมด 7 หน้า ปริ้นแค่หน้าแรกแผ่นเดียวก็ได้

3. ใบจองโรงแรมที่พัก (อันนี้ไม่ต้องปริ้นก็ได้ save ใส่มือถือ) เอาความสะดวกของแต่ละคน มีไว้ใช้สำหรับเรียกแท็กซี่ให้พาไปโรงแรม

เอกสารหมายเลข 1-2 ครบ ก็พร้อมเดินทาง เมื่อเดินทางมาถึงสนามบินย่างกุ้งเวลาเรียกแท็กซี่ จากประสบการณ์ที่ไปมา 4 ครั้ง ไม่ต้องรีบ หาคันที่ถูกที่สุด ก่อนโควิดค่าแท็กซี่จากสนามบินย่างกุ้งเข้าเมืองในเขต Township (ย่าน China Town, ห้าง Junction City, หรือบริเวณวัดต่างๆ ในย่างกุ้งอยู่ใกล้กันมาก) ราคาก่อนช่วงโควิดไม่เกิน 10,000 จ๊าด (Kyts) แต่หลังจากโควิดน้ำมันแพง ผมก็ประมาณไว้ 12,000 - 15,000 จ๊าด อยู่ในราคาที่รับได้ (อัตราแลกเปลี่ยนที่แลกเงินที่ร้าน Superich สีเขียวที่แลกไว้ก่อนเดินทาง คือ 1,000 จ๊าด เท่ากับ 15 บาท แต่หลังจากวันที่ 5 มกราคมตอนกลับมาถึงไทย ลองเช็คดู แลก 1,000 จ๊าดใช้แค่ 14 บาท (เรทดีกว่า)

เข้าเรื่องเลยครับ 08.15 น. ถึงสนามบินย่างกุ้ง ณ วันที่ 4 มกราคมที่เดินทางยกเลิกการตรวจ ATK เมื่อเดินทางมาถึงแล้ว เดินออกมาเรียกแท็กซี่ได้เลย เจอคันแรกบอก 30,000 จ๊าด ก็บ๊ายบายขี้เกียจคุยต่อ เดินไปเรียกคันอื่น (ได้คันที่ 3) จากสนามบินย่างกุ้งไปโรงแรมระยะทางประมาณ 16 กิโล ในราคา 12,000 จ๊าด (180 บาท) ถือว่าราคารับได้ ถึงโรงแรมประมาณเกือบ 9 โมง ยังเช็คอินไม่ได้เลยฝากกระเป๋าและเปลี่ยนโสร่งตลุยไหว้พระในย่างกุ้ง เริ่มจากโรงแรมไปโบตาทาวน์ (Botahtaung) เพื่อไปกราบสักการะพระบรมสารีริกธาตุ และไปขอพรโบโบยี (Bo Bo Gyi) คนไทยเรียกเทพทันใจ ตอนนี้อยู่โรงแรมขอรหัส Wifi กดเรียกแท็กซี่ผ่าน Grab 3,100 จ๊าด (46 บาท) (สำหรับทริปนี้ไม่ได้ใช้เน็ต Sim อาศัยเรียกแท็กซี่ข้างทางส่วนใหญ่ แต่ถ้าใครใช้ Sim กดเรียก Grab จะได้ราคาถูกว่า รถใหม่กว่า ซึ่งผิดกับไทย ถ้ากดเรียก Grab ค่ารถจะแพงกว่าโบกเรียกมิเตอร์ แต่ที่พม่าโบกเรียกราคาแพงกว่า Grab แถมรถเก่า เจอคนขับแก่ ขับไปเคี้ยวหมากไป บ้วนน้ำหมากไปตลอดทาง ถ้าเจอกรณีนี้ เวลานั่งข้างหลัง อย่านั่งด้านหลังคนขับ ให้นั่งอีกด้าน เพราะแท็กซี่ในพม่าจะเปิดกระจกทุกคัน เวลาบ้วนน้ำหมากจากหน้ารถคนขับจะปลิวมาตามลมด้านหลัง เราอาจโดนน้ำหมาก 5555) ถึงแล้ว ทางเข้าโบตาทาวน์

เมื่อมาถึงแท็กซี่จะจอดตรงข้างหน้าที่ซื้อบัตรผ่านเข้าไปในวัด 8,000 จ๊าด (120 บาท) ซื้อเสร็จด้านขวามือข้างๆ จะมีช่องใส่รองเท้า (ในพม่าห้ามใส่รองเท้าเริ่มตั้งแต่ทางเข้า) ทางเข้ากราบพระบรมสารีริกธาตุ

พระบรมสารีริกธาตุ (เข้ามากราบใกล้มาก ไปที่อินเดียหรือที่ไหนก็ไม่ใกล้ขนาดนี้)

รูปนี้เป็นสร้องคอทองคำและอัญมณีที่มีคนบริจาค ทางวัดเอามาเรียงเป็นรูปภาพ สวยมาก

มาขอพรโบโบยี (เทพทันใจ) ตอนนี้ย้ายมาตั้งที่ใหม่ แต่อยู่ในบริเวณของวัดเหมือนกัน

วิธีการเรียกแท็กซี่ในพม่า เพี้ยนขำหนักมาก

ก่อนเดินทางไปพม่าให้ เพี้ยนแคปเจอร์

รูปสถานที่ต่างๆ ที่เราจะไปไว้ในมือถือ เวลาจะไปไหนก็โชว์รูปในมือถือที่ Cap. ไว้ แล้วถามราคาต่อรองกัน (ควรเขียนราคาที่ต่อรองกันไว้ในกระดาษ ยื่นให้คนขับแท็กซี่เห็น ว่าใช่ราคาที่เราต่อรองกัน จะได้ไม่มีปัญหา) แต่ถ้าใครเรียก Grab ก็ตัดประเด็นนี้ไปได้เลย

เสร็จจากวัดโบตาทาวน์วัดแรก ตอนนี้ไม่มีเน็ต ก็เรียกแท็กซี่ไปวัดจาวตาจี หรือวัดพระนอนตาหวาน (Chauk Htat Gyi) ค่ารถ 3,000 จ๊าด (45 บาท) เรียกแบบไม่ได้ต่อราคา ถ้าต่อราคา 2,000 - 2,500 จ๊าดก็ได้แล้วครับ แท็กซี่จะมาจอดทางเข้าด้านหน้าเลย สังเกตขวามือจะมีที่ให้ฝากรองเท้าก่อนเข้า

พระนอนตาหวาน (Chauk Htat Gyi)

เสร็จจากวัดที่ 2 วัดจาวตาจีหรือวัดพระนอนตาหวาน (Chauk Htat Gyi) หลังจากไหว้วัดนี้เสร็จก่อนเดินออกมาเอารองเท้า ให้สังเกตทางขวามือจะมีทางเดิน หรือเมื่อเอารองเท้าแล้วให้หันหลังกลับ (ให้ที่เอารองเท้าอยู่ด้านหลังเรา) เดินตรงไปเรื่อยๆ ตามทางประมาณ 100 เมตร จะเห็นถนนให้เลี้ยวขวาเดินตรงไปประมาณ 200 เมตร จะเห็นมีป้ายทางเข้าวัดพระเจ้างาทัตยี (Ngar Htat Gyi) พระเครื่องทรงจักรพรรดิ์อยู่ทางซ้าย เดินข้ามถนนมาเข้าทางวัดได้เลยใช้เวลาไม่เกิน 10 นาที เพราะถ้าจากวัดพระนอนตาหวานมาวัดพระเจ้างาทัตยี ถ้าดูจาก Google Map ระยะทางประมาณ 3.7 กิโล (ต้องขับรถอ้อมไปอีกด้าน) แต่วิธีที่บอกข้างต้น จะใช้การเดินตัดถนนจะเร็วกว่า ไม่ต้องเสียค่าแท็กซี่

วัดพระเจ้างาทัตยี (Ngar Htat Gyi) พระเครื่องทรงจักรพรรดิ์

เสร็จจากวัดที่ 3 วัดพระเจ้างาทัตยี (Ngar Htat Gyi) เรียกแท็กซี่ไปวัดพระมหาธาตุเจดีย์ชเวดากอง 3,000 จ๊าด (45 บาท) ซึ่งทางเข้าวัดสามารถเข้าได้หลายทาง ขึ้นอยู่กับความสะดวกของแท็กซี่แต่ละคัน ว่าจะไปส่งเราทางด้านทิศไหน (ถ้าแท็กซี่มาส่งทางด้านทิศตะวันตก ก็โชคดีหน่อย เพราะทางขึ้นจะมีบันไดเลื่อน) ส่วนทิศอื่นๆ ก็ต้องเดินขึ้นเอง ค่าเข้าวัดพระมหาธาตุเจดีย์ชเวดากอง 10,000 จ๊าด (150 บาท)