มิง-กะ-ลา-บา...สวัสดีเพื่อนๆทุกคนเป็นภาษาพม่า เพราะว่าเราจะมาพาเพื่อนๆไปเที่ยวไปทำบุญที่พม่ากับพวกเราในรีวิวนี้ ไม่พูดพร่ำทำเพลงกันมากมาย บอกเลยว่าทริปนี้เราตั้งใจไปทำบุญกันค่ะ ซึ่งเราออกเดินทางวันที่ 4-6 เมษายน 2560 ที่ผ่านมา โดยรายละเอียดการเดินทางคร่าวๆจะประมาณนี้ค่ะ
วันที่ 4 เม.ย. : ดอนเมือง – ย่างกุ้ง
วันที่ 5 เม.ย. : ย่างกุ้ง – ไจ้ทิโย (พระธาตุอินทร์แขวน)
วันที่ 6 เม.ย. : ไจ้ทิโย – พะโค (หงสาวดี) – ย่างกุ้ง – ดอนเมือง
ทริปนี้เราเดินทางด้วยกันสองคนคือเพื่อนเราชื่อ “ตั๊กกี้” และเรา(เสื้อลาย)ชื่อ “เบนซ์”  
หน้าตาแต่ละคนพร้อมมาก

วันที่ 4 เมษายน  2560
เราเดินทางด้วยสายการบินแอร์เอเชีย บินตรงสู่เมืองย่างกุ้งประเทศพม่า ไฟท์ FD251 ออกจากดอนเมือง 7.15 น. (ตามเวลาประเทศไทย) ถึงย่างกุ้ง 8.00 น. (ตามเวลาประเทศพม่าซึ่งช้ากว่าไทย 30 นาที) แต่ก่อนอื่นเราต้องแลกเงินกันก่อน ประเทศพม่าใช้สกุลเงินจ๊าด (Kyat) แต่ที่ดอนเมืองไม่มีให้แลกนะ เพราะฉะนั้นเราต้องแลกเงินสกุล USD ไปก่อน ค่าเงินวันนี้คือ 1: 34.7 บาท เราแลกไปคนละ 350 USD หรือประมาณ 12,145 บาท (ไม่ต้องตกใจว่าทำไมแลกไปเยอะ กลับมาเงินเหลือเพียบ)
แอบกระซิบนิดนึง แลกเงินกับธนาคารสีม่วงนี้ ได้แถมฟรีประกันการเดินทางด้วยนะ (เราไม่ได้ค่าโฆษณานะคะ แค่แอบกระซิบ) เพราะจริงๆแล้วก่อนเดินทางไปต่างประเทศเราได้ทำประกันการเดินทางกับที่อื่นไว้เรียบร้อยแล้ว
พร้อมแล้วก็ออกเดินทางกันเลยค่ะ
นั่งเครื่องไม่นานนักเราก็ถึงสนามบินย่างกุ้งประเทศพม่า หลังจากผ่านด่านตรวจคนเข้าเมืองเรียบร้อย สิ่งต่อไปที่จะทำคือ แลกเงิน USD เป็นเงินจ๊าด เราเดินมาที่เคาน์เตอร์แลกเงินด้านล่างตรงประตูทางออกมีหลายธนาคารด้วยกัน แต่เราเลือกธนาคารนี้เพราะเจ้าหน้าที่หน้าตายิ้มแย้มมาก
ค่าเงินวันนี้ 1USD = 1,351 จ๊าด เราแลกคนละ 200 USD ได้เงินมาทั้งสิ้น 270,200 จ๊าด รวยเงินแสนกันเลยทีเดียว ถ้าจะคำนวณกลับเป็นเงินไทยง่ายๆคือ 1,000 จ๊าด ก็ประมาณ 25 บาทค่ะ
หลังจากแลกเงินเสร็จเรียบร้อยเราก็เปิดเครื่องโทรศัพท์เพื่อติดต่อกับแท็กซี่ที่เราจองไว้ก่อนการเดินทาง (เราไม่ได้ซื้อซิมการ์ดใหม่ เพราะเราเปิดโรมมิ่งมาจากประเทศไทย แพคเกจ 3 วันราคาพอๆกับซื้อซิมใหม่เราเลยเลือกเปิดโรมมิ่งกับค่ายดีแทคมา) ยังไม่ทันจะโทรหา ก็เจอแท็กซี่ยืนถือป้ายชื่อเราตรงประตูทางออกแล้ว เจอกันก็กล่าวทักทายแนะนำตัว
เค้าชื่อ Mr. Aung ko หรือ “อังโกะ” ใครที่อ่านรีวิวพม่าบ่อยๆก็จะเคยได้ยินชื่อนี้  เราติดต่อกับอังโกะไว้และตกลงราคากันก่อนการเดินทางมาแล้ว เราแค่บอกว่าเราจะไปไหนบ้าง อังโกะจัดให้ทุกอย่าง จัดให้ทุกที่ มากกว่าที่เราบอกอีก เอาเป็นว่าใช้บริการกับอังโกะแล้วไม่ผิดหวัง ราคาไม่แพง ขับรถสุภาพ แต่อังโกะพูดภาษาไทยได้นิดหน่อยเท่านั้น เราต้องใช้ภาษาอังกฤษในการสื่อสาร แต่นั่นไม่ใช่ปัญหาเพราะเราพูดได้ฟังได้อยู่แล้ว ซึ่งอังโกะสัญญากับเราว่า ถ้าเรากลับไปคราวหน้า อังโกะจะพูดสื่อสารกับเราโดยใช้ภาษาไทยแน่นอน ใครสนใจจะใช้บริการ เราแนบช่องทางการติดต่อไว้ให้นะ (สำหรับค่าบริการที่เราตกลงราคากับอังโกะ ไว้ในราคารวม 3 วัน อยู่ที่ 180 USD ราคานี้เป็นราคาที่สมเหตุสมผล ใครได้ถูกแพงกว่านี้ มาแชร์ประสบการณ์กันนะ)
หลังจากแนะนำตัว ขึ้นรถเรียบร้อย อังโกะพาเราไปไหว้พระที่แรกคือ “วัดพระหินขาว” (Lawka Chantha Abaya) ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากสนามบินมากนัก (ส่วนประวัติความเป็นมาของแต่ละวัด เพื่อนๆสามารถหาข้อมูลเพิ่มเติมได้ทางอินเตอร์เน็ตหรือที่อื่นๆนะคะ)
วันนี้เราโชคดี เพราะวันนี้มีพิธีการบวชสามเณรที่วัดนี้พอดี เราเลยได้เห็นประเพณีการบวชของพม่า
เกือบลืมบอกไปว่า การมาไหว้พระที่พม่านั้น ทุกวัดจะให้ถอดรองเท้าเดินเข้าเขตบริเวณวัดนะคะ แต่งกายให้สุภาพ เราจะเห็นป้ายห้ามนี้ตั้งอยู่ทุกวัดเลยค่ะ
สถานที่ต่อไปที่อังโกะจะพาเราไปก็อยู่ไม่ไกลจากวัดพระหินขาว แค่ประมาณ 2 นาทีคือ  “ปางช้างเผือกพม่า”
เราอยู่ที่นี่แค่แป๊บเดียว ก็เดินทางต่อไปที่ “วัดพระเขี้ยวแก้วจุฬามณี หรือ วัดซเวตอเมียต” (Swe Taw Myat, Buddha Tooth Relic Pagoda) วัดนี้เราต้องเสียค่าเข้าด้วย 2,000 จ๊าด หรือประมาณ 50 บาท วัดนี้สวยงามมากค่ะ แต่วันนี้อากาศร้อนมาก ประมาณ 35องศา อากาศดูจะร้อนกว่าประเทศไทย แต่ได้มาทำบุญแล้วรู้สึกว่าเย็นใจอย่างบอกไม่ถูก
หลังจากนั้นเราก็เดินทางต่อไปที่ “วัดพระพุทธไสยาสน์เจาทัตยี หรือ วัดพระนอนตาหวาน”  Kyauk Htat Gyi Reclining Buddha
เห็นมั้ยคะว่า ตาหวานจริงๆ

วัดต่อไปที่เราจะไปไหว้พระคือ “วัดงาทัตจี” Nga Htat Gyi Pagoda เป็นพระพุทธรูปปางมารวิชัยที่แกะสลักจากหินอ่อน ทรงเครื่องแบบกษัตริย์ สวยงาม อลังการงานสร้างมากค่ะ
เราไหว้พระกันมาหลายวัดแล้ว เวลาก็ล่วงเลยมาถึงตอนเที่ยง ท้องเริ่มหิว ต้องหาอะไรกินกันก่อน อังโกะพาเราไปเลือกร้านอาหาร 3-4 ร้าน ว่าเราจะชอบร้านไหน สุดท้ายเราก็เลือกที่ร้านนี้ “Feel Restaurant”
อาหารที่นี่อร่อยดีค่ะ เป็นอาหารพื้นเมืองทั่วๆไป แต่มีอย่างนึงที่ได้ลองชิมแล้วต้องร้องหาน้ำกันเลยทีเดียวคือน้ำพริก(ฟรี) ของที่นี่รสชาติเค็มมาก เหมือนน้ำพริกใส่ปลาร้า แล้วทำกระปุกเกลือหกลงไป555
หลังจากกินเสร็จก็เช็คบิล มื้อนี้เรากินกันเป็นหมื่น(จ๊าด)เลยค่ะ เป็นเงินไทยประมาณ 430 บาท
เราบอกอังโกะว่า เราอยากไปตลาด เพื่อหาซื้อของฝาก และผ้าถุงพื้นเมือง เพื่อจะไปใส่ไปไหว้เจดีย์ชเวดากอง ไม่รอช้า อังโกะพาเราไป “ตลาดสก๊อต” ที่นี่ก็คล้ายๆประตูน้ำ สำเพ็ง จตุจักร บ้านเรา
เราได้ผ้าถุงมาคนละผืน เป็นเงินไทยประมาณ 145 บาท
คนขายใจดี ซื้อผ้าถุง แถมทา ทานาคา ให้ด้วยนะ
หลังจากเดินตลาดเสร็จเรียบร้อย อังโกะพาเราไปไหว้พระที่ต่อไป มาที่ย่างกุ้งต้องไม่พลาดวัดนี้ “เจดีย์โบดาทาวน์ เทพทันใจ (นัตโบโบจี) และ เทพกระซิบ”
ขอพรกันเป็นที่เรียบร้อย อังโกะก็แนะนำว่า เราควรไปเช็คอินที่โรงแรมก่อน อาบน้ำล้างหน้า เปลี่ยนเสื้อผ้า กันก่อนที่จะมาเจดีย์ชเวดากอง พวกเราก็เห็นด้วย เลยมุ่งหน้าสู่โรงแรม Hotel Grand United Chinatown โรงแรมนี้เราจองผ่านอโกด้า ราคาต่อคืนประมาณ 1,700 บาท ซึ่งอยู่ย่านไชน่าทาวน์ และ Night Market
เรานัดให้อังโกะมารับที่หน้าโรงแรม เวลา 17.00 น. เพื่อเดินทางไปไหว้เจดีย์ชเวดากอง ที่เราไปตั้งแต่ตอนเย็นเพราะว่าเราจะได้สัมผัสบรรยากาศและความสวยงามของเจดีย์ในเวลาก่อนพระอาทิตย์ตกดิน และยาวไปจนถึงยามค่ำคืน
ที่นี่เสียค่าเข้าด้วยนะ คนละ 8,000 จ๊าด หรือประมาณ 200 บาท
ภายในบริเวณเจดีย์มีห้องแสดงภาพเกี่ยวกับประวัติศาสตร์ของเจดีย์อยู่ด้วยนะ
เต็มอิ่มแล้วสำหรับวันนี้ ท้องเริ่มหิว เรากลับโรงแรมไปหาอะไรกินใกล้ๆโรงแรมกันดีกว่า แล้วก็ไม่ผิดหวัง เราเจอร้านข้างทางที่อยู่ติดโรงแรมเลย มองแล้วเหมือนจะไม่อร่อย แต่มันอร่อยมาก ร้านไม่มีชื่อร้านนี้ขาย “ก๋วยเตี๋ยวกะทิ” หรือ Coconut Noodle หรือ Oun no kaut swel (อน โนะ ข้าว ส่วย)
อร่อยมาก ชามนี้ราคา 500 จ๊าด หรือประมาณ 13 บาท อิ่มแล้วก็พักผ่อนตามอัธยาศัย เจอกันใหม่พรุ่งนี้นะคร้าบบบ