สวัสดีค่า ยินดีต้อนรับสำหรับคนที่เข้ามาอ่านกระทู้มือใหม่หัดรีวิวนะคะ
ทริปนี้เป็นรอบที่ 3 ของการเที่ยวพม่าของเราเองแล้วค่ะ ครั้งแรกเราbackpack 7 วัน ซึ่งเราก็ได้ทำรีวิวไว้ในblog ของเราลิงค์ตามนี้นะคะ
https://ppantip.com/topic/35818768 ทริปนั้นเราไปกะแฟน 2 คน เส้นทาง ย่างกุ้ง-พุกาม-มัณฑะเลย์ หลงรักพม่าเลยค่ะ เลยสัญญากับตัวเองไว้ว่าจะต้องกลับมาอีก ต้องเที่ยวให้ครบทุกที่ของพม่า
ครั้งที่ 2 ไปทัวร์กับครอบครัวและญาติผู้ใหญ่ ทริปย่างกุ้ง-บาโก-พระธาตุอินทร์แขวน ก็เที่ยวแบบทัวร์ทั่วไปค่ะ ก็ไปกับครอบครัวเที่ยวแบบสบายๆ
และครั้งที่ 3 ที่เราจะรีวิวนี้เป็นทริปกับแอนเดอะแก๊งค์ เส้นทางเหมือนกับครั้งที่ 2 แต่เปลี่ยนฟิลคือกับไปกับเพื่อน ซึ่งเราก็อยากแชร์ประสบการณ์การเที่ยวแบบไม่ง้อทัวร์ของเราเอง เราไปเมื่อ 2 ปีที่แล้วค่ะ จริงๆมีแพลนจะไปอีกปีที่แล้วนัดกับเพื่อนพม่าไว้ดิบดี แต่สถานการณ์ประเทศพม่าอย่างที่เรารู้กัน มันโคตรแย่ เลยต้องcancel ไป ไว้รอประเทศเค้าเปิดอีกเมื่อไหร่ค่อยว่ากันอีกที่ ยังไงก็ลองเข้ามาอ่านเข้ามาชมกระทู้รีวิวทริป4วัน 3 คืนของเราไปพลางๆก่อนนะคะ ไปกันเลยค่า^^
เริ่มที่ Day1 เดินทางจากกรุงเทพ สู่ ย่างกุ้ง-หงสาวดี
เริ่มต้นการเดินทางจากดอนเมืองสู่ย่างกุ้ง เราเลือกไฟลท์เช้าเพราะจะได้มีเวลาไปแต่ละที่ตามแพลนให้ได้มากที่สุด ไฟลท์ออกจากดอนเมืองประมาณ 7 โมงถึงย่างกุ้งประมาณ 8 โมงเกือบ 9 โมง ถึงสนามบินประมาณตี 5 หาอะไรกินเตรียมพร้อมเพราะไปถึงคือลุยเลยไม่แวะค่ะ
สภาพเพื่อนร่วมทริปรู้เลยว่าตื่นเช้าไปไฟลท์เช้ากันจริงๆๆ55555 สภาพ=ไม่ไหว555 แกงเพื่อนแล้ว1
การเดินทางมาพม่าแบบไม่ง้อทัวร์รอบนี้ เราตัดสินใช้เลือกเช่ารถแบบเหมา 4 วันเลยค่ะ เราก็หารถเช่าจากที่เค้ารีวิวกันไว้ เราก็ติดต่อไปราคาเช่ารถพร้อมคนขับ ตกวันละ 1,000 กว่าบาท ติดต่อกับเจ้าของรถเค้ามาขับให้เอง แพลนวันแรกที่เราถึงเลยคือเค้ามารับที่สนามบิน แล้วตรงไปที่บาโก วันแรกเราจะขึ้นไปนอนกันที่พระธาตุอินทร์แขวนซึ่งเราจองโรงแรมไว้แล้ว เป็น 1 ใน 3 โรงแรมที่อยู่บนนั้น ราคาเอาเรื่องเหมือนกันค่ะ แต่เราอยากได้บรรยายกาศเลยตัดสินใจจองที่พักข้างบนเพราะเค้าว่ากันว่าการไหว้พระธาตุอินทร์แขวนต้องไหว้ 2-3 รอบ เราเลยจะไหว้กลางคืนวันแรก 1 รอบ และตอนเช้าตรู่ 1 รอบ
แล้วเราก็มาเจอคนขับรถหนุ่มหล่อหน้ามนชื่อว่าโทนี่ ที่มารอรับเรามาพร้อมกับลองจี(สะโหร่ง) แบบตะมุตะมิมากก หืมมม เห็นน้องแล้วแบบน่าร๊ากก เลิ่กลั่กกันทั้งแกงค์จองน้องกันสุดพลังค่ะ5555 โทนี่เป็นเจ้าของรถ มารู้กันทีหลังอีกว่าเค้าเป็นเจ้าของบริษัทรถเช่า รับจัดทัวร์ต่าง ทริปนี้มีชนกับลูกค้าหลายกลุ่ม เค้าเลยต้องมาขับเอง ภาษาอังกฤษคือเริ่ดๆ คือดีย์! สบายใจหายห่วง น้องน่ารักสุภาพ ยิ้มเก่ง เพราะโทนี่ไม่ได้มาแค่ขับรถให้เรานะคะ แถมเป็นไกด์ ช่างภาพ พาไปแลกเงิน ซื้อซิม โน่นนี่ เยอะมากก และจะอยู่กับเราตลอดทริป 4 วันของเรา เอาง่ายๆ คือเป็นเพื่อนร่วมทริปเราคนนึงไปละ5555 แปะcontact น้องไว้ด้วยเลยละกันค่ะ
ถึงย่างกุ้งปุ๊บโทนี่เพื่อนของเราก็พาเรามุ่งหน้าไปบาโกหรือหงสาวดี ห่างจากย่างกุ้งประมาณ 2 ชั่วโมง และที่แรกที่เราไปกันคือเจดีย์ชเวมอร์ดอร์ หรือคนไทยเรียกกันว่าพระธาตุมุเตาค่ะ เป็นเจดีย์ที่สูงใหญ่ที่สุดของพม่าค่ะ
1st place in Bago (ที่แรกในกรุงหงสาวดี)
Shwemawdaw pagoda ရွှေမောဓော ဘုရား
เจดีย์ชเวมอดอหรือ พระธาตุมุเตา ตำนานเล่าว่าพ่อค้าชาวมอญ 2 คนสร้างขึ้นเพื่อบรรจุพระเกศาธาตุ 2 เส้นที่นำมาจากอินเดีย เดิมเป็นเจดีย์องค์เล็ก แต่ถูกเสริมสร้างขึ้นเรื่อยตามกษัตริย์ที่ปกครอง สูง 114 เมตรเลยล่ะค่ะ ความศักดิ์สิทธิ์ของเจดีย์ชเวทอดอ ทำให้เกิดความเลื่อมใสทั้งชาวมอญและชาวพม่า และเจ้าชายตะเบงชะเวตี้เลือกใช้เป็นสถานที่ทำพิธีเจาะพระกรรณก่อนขึ้นครองราชย์ และก่อนออกศึกก็จะมาสักการะพระธาตุทุกครั้ง และที่สำคัญสมัยสมเด็จพระนเรศวรที่เสด็จไปเป็นตัวประกันที่หงสาวดี ก็ทรงมาสักการะพระธาตุอยู่เสมอ จนตั้งพลับพลาใกล้พระธาตุให้เสด็จสักการะได้สะดวกด้วยค่ะ
อากาศร้อนใช้ได้ดรีมมารอบที่แล้วคนเยอะมากเพราะตรงกับวันพระใหญ่ วันนี้คนน้อยโพสกันชิวๆได้เลย
วิธีการอธิษฐานขอพรกับพระธาตุชเวมอรอ ให้เอามือและหน้าผากแตะไปที่พระธาตุองค์เดิมที่หัก และอธิษฐาน สิ่งที่ขอก็จะสัมฤทธิ์ผลนั่นเอง นิยมขอพรเพื่อ ความเป็นสิริมงคลเปรียบเหมือนการค้ำจุนชีวิตให้เจริญรุ่งเรืองยิ่งขึ้นไปค่ะ
2nd place in Bago
Kanbawzathadi Golden Palace ကမ္ဘောဇသာဒီ နန်းတော်
มาที่ที่ 2 ต่อเลยค่าออกจากเจดีย์ชเวมอดอเราตรงมาที่พระรางวังแห่งบาโก ต้องบอกก่อนว่าบาโกคือชื่อเมืองเค้าจริงๆ แต่ไทยจะรู้จักกันในนามหงสาวดีค่ะ
พระราชวังบาโก สร้างขึ้นในปี ค.ศ.1553 โดยพระเจ้าบุเรงนอง (พม่าออกเสียงพระเจ้าประหยิ่นหน่าว) ที่มีความสามารถในการรบและสงคราม จนได้สมญานามว่า "ผู้ชนะสิบทิศ" เพื่อเป็นศูนย์กลางทางทหารและว่าราชการ และที่นี่เคยเป็นที่ประทับของพระนางสุพรรณกัลยาและสมเด็จพระนเรศวรมหาราช ครั้งเป็นเชลยศึกเมื่อเสียกรุงครั้งที่ 1 ด้วยค่ะ พอถึงสมัยพระเจ้านันทบุเรง(รุ่นลูกมั้ยไม่แน่ใจค่ะ55) พระราชวังถูกทำลายโดยกองทัพตองอูและถูกปล่อยทิ้งร้าง จนรัฐบาลพม่ารู้ว่าตรงนี้เคยเป็นพระราชวัง จึงได้ทำการสำรวจจนเจอซากพระรางวัง จนในปี 1990 กรมโบราณคดีของพม่าจึงได้ทำการสร้างพระราชวังจำลอง(บางส่วน) ขึ้นมาบนรากฐานเดิม ค่ะ
ในพระราชวังก็จะเป็นสีทองอร่ามเหลืองเรืองรองมากค่ะ ก็เป็นโถงกว้างมีวัตถุโบราณโชว์เป็นจุดๆ เราก็เดินดูรอบ และนี่ก็เป็นจุดเริ่มต้นของแฟชั่นและคอสตูมสำหรับทริปนี้ค่าา
ภาพดังต่อไปนี้มีคนพม่าทั้งหมดกี่คน5555 มิงกะลาบาเลยทีเดียว อิอิ และจากวันแรกวันนี้ เราทั้ง 3 คนรวมน้องโทนี่ ก็จะใส่ลองจี(สะโหร่ง) เที่ยวเกือบทั้งทริปเลยค่ะ
เมื่อหนุ่มสาวชาวพม่า แว๊นมอไซค์มาเที่ยวพระรางชวัง555555 (พี่กับน้องของชั้นกลายเป็นคนพม่าไปแล้วค่าทุกคนนน)
ใช้เวลากับ 2 ที่แรกพอสมควรเราก็มุ่งหน้าไปยังเจดีย์ไจ๊ติโย หรือที่เรารู้จักกันว่าพระธาตุอินทร์แขวนอันศักดิ์สิทธิ์ของเราต่อเลยค่า ซึ่งเราจะใช้เวลาจากบาโกไปคินปุนเพื่อที่จะขึ้นไปไจ๊ติโย ประมาณ 3 ชั่วโมง เราออกจากบาโกก็ประมาณเที่ยงๆ มื้อเที่ยงของเราแว๊ะปั๊มกินระหว่างทางค่ะ การมากับรถเช่าจะดีตรงที่เค้าก้จะพาเราแวะแต่ที่มันโอเคค่ะ ฝากท้องกับมาม่าคัพที่ปั๊มเสร็จสรรพ ก็เดินทางต่อไปยังปลายทางคือท่ารถคินปุนเพื่อที่จะต่อรถขึ้นไปบนเจดีย์ไจ๊ติโยกันค่า
แล้วเราก็ถึงท่ารถที่คินปุนบ่าย 3 กว่าๆ แต่รถรอบบ่าย3 ออกไปแล้วเราต้องรอรถ 4 โมงเย็นค่ะ รถโดยสารขึ้นไปบนเจดีย์จะเป็นรถ 6 ล้อแล้วนั่งเป็นแถวหน้ากระดาน หรือที่เรียกกันว่า "รถขนหมู" ขึ้นเขาค่ะ555
ระหว่างรอก็เม้ามอยถ่ายรูป แล้วโทนี่ก็สอนวิธีนุ่งลองจีให้น้อง ใช้เวลากันอยู่พักใหญ่ สอนทริคนุ่งยังไงไม่ให้หลุด คือลองจีของผู้ชายเทคนิคการใส่จะใส่ยากกว่าของผู้หญิงเพราะผ้าเค้าเป็นผืนๆ วิธีนุ่งสไตล์พม่าของผู้ชายนุ่งแล้วแน่นจิง แต่ของผู้หญิงจะเป็นแบบสำเร็จนุ่งง่ายค่ะ
นั่งรอรถพักใหญ่โทนี่ก็นั่งรอเป็นเพื่อน ซึ่งโทนี่จะไม่ได้ขึ้นไปกับเราค่ะ เค้าจะพักรอเราอยู่ที่คินปุน เพราะถ้านางขึ้นไปส่งเรา นางจะไม่มีรถกลับลงมาข้างล่าง รถรอบสุดท้ายคือ 5 โมง รถส่วนตัวขึ้นไม่ได้นะคะต้องเป็นรถโดยสารที่ขึ้นได้เท่านั้นค่ะ แล้วถ้านางจะไปพักกับเราข้างบนคือโรงแรมมันแพงค่ะทุกคน555 นางเลยส่งเราขึ้นรถ แล้วรอรับเราพรุ่งนี้ที่ท่ารถ เราก็นัดแนะกับนางว่าถึงท่ารถประมาณ 8 - 9 โมงเพราะเราต้องไปเก็บที่ๆ เหลือที่บาโกอีกรอบค่ะ
บรรยากาศทางขึ้นเขาไปยังเจดีย์คือฟินมากค่ะ หมอกหนามาก เพราะฝนตกปรอยๆด้วยแล้วเราขึ้นไปใกล้ค่ำแล้ว คือทั้งอากาศและบรรยากาศเย็นสบายท่ามกลางหมอก คือมันสดชึ่นมากจิงๆค่ะ
แล้วเราก็ถึงบนยอดเขาไจ๊ติโยประมาณทุ่มนึงค่ะ หมอกยังหนาเหมือนเดิม ถึงข้างบนก็มืดแล้วค่ะจากท่ารถ เราต้องเดินไปที่พักอีกซักพักประมาณ 1-2 กิโล เราต้องเดินขึ้นเนินเขามันก็เหนื่อยแหละ แต่มันฟินตรงที่เราเดินท่ามกลางหมอก หมอกหนาจนเราต้องใส่เสื้อกันฝนค่ะ ไม่ใส่คือเปียก555
โรงแรมที่เราเลือกคือโรงแรมไจ๊โถ่ (Kyaik Hto Hotel) ซึ่งอยู่ห่างจากตัวพระธาตุประมาณ 400 เมตร ที่เลือกโรงแรมนี้เพราะมากับทัวร์ครั้งที่แล้วพักที่นี่ค่ะ ซึ่งอีก 2 ที่ข้างบนที่นึงจะแพงมากก และอีกที่เอาจิงๆ ใกล้พระธาตุที่สุดแต่ห้องเล็กมาก เราเห็นสภาพแล้วที่นี่โอเคสุด ราคาแอบแรงนะคะทุกคน ขอแนะนำว่าถ้าใครอยากที่เที่ยวแบบประหยัดงบ ให้พักด่านล่างคือที่คินปุน แล้วตอนเช้าค่อยนั่งรถขึ้นมา แต่!!! มันจะไม่ฟินก็ตรงที่เราจะได้ไหว้พระธาตุแค่ครั้งเดียว ถ้านอนข้างบนคือเราไหว้กลางคืน เช้า สาย ได้ 3 เวลา เค้าบอกว่าไหว้ 3 ครั้งคือศักดิ์สิทธิ์ เราต้องการจุดๆนี้แหละค่ะ 5555 แล้วคนพม่าขึ้นไปนอนด้านบนบริเวณใกล้ตัวพระธาตุเยอะมาก เค้าไปนั่งสมาธิบ้าง ไปสวดมนต์บ้าง นอนบ้าง
เช็คอินเรียบร้อยนั่งพักเก็บข้าวเก็บของกันซักหน่อยก็เริ่มหิวกันละ คือจะบอกว่าอากาศข้างบนคือชื้นมาก เดินข้างนอกคือเปียกเหมือนฝนตกปรอยๆ ที่นอนยังรู้สึกเปียกๆเลยค่ะ คือด้วยความที่ยอดเขาคินปุน 3,615 ฟุตจากน้ำทะเล สูงจนเหมือนเราอยู่ระดับเดียวกับก้อนเมฆ หมอกเลยเยอะ ความชื้นเลยสูงค่ะ
ได้เวลาอาหารเย็นแล้วค่ะ ที่เราจองเราจองมาเฉพาะอาหารเช้า ฉะนั้นมื้อเย็นเราต้องจ่ายเพิ่ม เป็นบุฟเฟ่ต์น่าจะประมาณคนละ 15USD ถ้าจำไม้ผิดนะคะ ด้วยความหิวของเราทั้ง 3 คนกินก็กินแพงก็ต้องกินเพราะค่ำแล้วไม่มีที่อื่นจะกินแล้ว แล้วอาหารคือดีย์!!!!! กินกุ้งเค้าจะ 3 โลได้มั้งคะ กินไปเม้ามอยกันไป จัดอาหารชุดใหญ่กันไปจ้า
นี่คือซากกุ้ง 1 ใน 3 ของที่เรากินไปนะคะ555555 กินเสร็จวกะว่าจะขึ้นไปไหว้พระธาตุแต่ฝนตกแรงมาก เลยยกไปวันพรุ่งนี้ เจอกันตอนต่อไปจ้า^^
[CR] รีวิวเที่ยวพม่าเองได้ไม่ง้อทัวร์ (Trip 4 วัน 3 คืน กับแอนเดอะแก๊งค์) ตอนที่ 1...เดินทางสู่ย่างกุ้ง-หงสาวดี
ทริปนี้เป็นรอบที่ 3 ของการเที่ยวพม่าของเราเองแล้วค่ะ ครั้งแรกเราbackpack 7 วัน ซึ่งเราก็ได้ทำรีวิวไว้ในblog ของเราลิงค์ตามนี้นะคะ https://ppantip.com/topic/35818768 ทริปนั้นเราไปกะแฟน 2 คน เส้นทาง ย่างกุ้ง-พุกาม-มัณฑะเลย์ หลงรักพม่าเลยค่ะ เลยสัญญากับตัวเองไว้ว่าจะต้องกลับมาอีก ต้องเที่ยวให้ครบทุกที่ของพม่า
ครั้งที่ 2 ไปทัวร์กับครอบครัวและญาติผู้ใหญ่ ทริปย่างกุ้ง-บาโก-พระธาตุอินทร์แขวน ก็เที่ยวแบบทัวร์ทั่วไปค่ะ ก็ไปกับครอบครัวเที่ยวแบบสบายๆ
และครั้งที่ 3 ที่เราจะรีวิวนี้เป็นทริปกับแอนเดอะแก๊งค์ เส้นทางเหมือนกับครั้งที่ 2 แต่เปลี่ยนฟิลคือกับไปกับเพื่อน ซึ่งเราก็อยากแชร์ประสบการณ์การเที่ยวแบบไม่ง้อทัวร์ของเราเอง เราไปเมื่อ 2 ปีที่แล้วค่ะ จริงๆมีแพลนจะไปอีกปีที่แล้วนัดกับเพื่อนพม่าไว้ดิบดี แต่สถานการณ์ประเทศพม่าอย่างที่เรารู้กัน มันโคตรแย่ เลยต้องcancel ไป ไว้รอประเทศเค้าเปิดอีกเมื่อไหร่ค่อยว่ากันอีกที่ ยังไงก็ลองเข้ามาอ่านเข้ามาชมกระทู้รีวิวทริป4วัน 3 คืนของเราไปพลางๆก่อนนะคะ ไปกันเลยค่า^^
เริ่มที่ Day1 เดินทางจากกรุงเทพ สู่ ย่างกุ้ง-หงสาวดี
เริ่มต้นการเดินทางจากดอนเมืองสู่ย่างกุ้ง เราเลือกไฟลท์เช้าเพราะจะได้มีเวลาไปแต่ละที่ตามแพลนให้ได้มากที่สุด ไฟลท์ออกจากดอนเมืองประมาณ 7 โมงถึงย่างกุ้งประมาณ 8 โมงเกือบ 9 โมง ถึงสนามบินประมาณตี 5 หาอะไรกินเตรียมพร้อมเพราะไปถึงคือลุยเลยไม่แวะค่ะ
สภาพเพื่อนร่วมทริปรู้เลยว่าตื่นเช้าไปไฟลท์เช้ากันจริงๆๆ55555 สภาพ=ไม่ไหว555 แกงเพื่อนแล้ว1
การเดินทางมาพม่าแบบไม่ง้อทัวร์รอบนี้ เราตัดสินใช้เลือกเช่ารถแบบเหมา 4 วันเลยค่ะ เราก็หารถเช่าจากที่เค้ารีวิวกันไว้ เราก็ติดต่อไปราคาเช่ารถพร้อมคนขับ ตกวันละ 1,000 กว่าบาท ติดต่อกับเจ้าของรถเค้ามาขับให้เอง แพลนวันแรกที่เราถึงเลยคือเค้ามารับที่สนามบิน แล้วตรงไปที่บาโก วันแรกเราจะขึ้นไปนอนกันที่พระธาตุอินทร์แขวนซึ่งเราจองโรงแรมไว้แล้ว เป็น 1 ใน 3 โรงแรมที่อยู่บนนั้น ราคาเอาเรื่องเหมือนกันค่ะ แต่เราอยากได้บรรยายกาศเลยตัดสินใจจองที่พักข้างบนเพราะเค้าว่ากันว่าการไหว้พระธาตุอินทร์แขวนต้องไหว้ 2-3 รอบ เราเลยจะไหว้กลางคืนวันแรก 1 รอบ และตอนเช้าตรู่ 1 รอบ
แล้วเราก็มาเจอคนขับรถหนุ่มหล่อหน้ามนชื่อว่าโทนี่ ที่มารอรับเรามาพร้อมกับลองจี(สะโหร่ง) แบบตะมุตะมิมากก หืมมม เห็นน้องแล้วแบบน่าร๊ากก เลิ่กลั่กกันทั้งแกงค์จองน้องกันสุดพลังค่ะ5555 โทนี่เป็นเจ้าของรถ มารู้กันทีหลังอีกว่าเค้าเป็นเจ้าของบริษัทรถเช่า รับจัดทัวร์ต่าง ทริปนี้มีชนกับลูกค้าหลายกลุ่ม เค้าเลยต้องมาขับเอง ภาษาอังกฤษคือเริ่ดๆ คือดีย์! สบายใจหายห่วง น้องน่ารักสุภาพ ยิ้มเก่ง เพราะโทนี่ไม่ได้มาแค่ขับรถให้เรานะคะ แถมเป็นไกด์ ช่างภาพ พาไปแลกเงิน ซื้อซิม โน่นนี่ เยอะมากก และจะอยู่กับเราตลอดทริป 4 วันของเรา เอาง่ายๆ คือเป็นเพื่อนร่วมทริปเราคนนึงไปละ5555 แปะcontact น้องไว้ด้วยเลยละกันค่ะ
ถึงย่างกุ้งปุ๊บโทนี่เพื่อนของเราก็พาเรามุ่งหน้าไปบาโกหรือหงสาวดี ห่างจากย่างกุ้งประมาณ 2 ชั่วโมง และที่แรกที่เราไปกันคือเจดีย์ชเวมอร์ดอร์ หรือคนไทยเรียกกันว่าพระธาตุมุเตาค่ะ เป็นเจดีย์ที่สูงใหญ่ที่สุดของพม่าค่ะ
1st place in Bago (ที่แรกในกรุงหงสาวดี)
Shwemawdaw pagoda ရွှေမောဓော ဘုရား
เจดีย์ชเวมอดอหรือ พระธาตุมุเตา ตำนานเล่าว่าพ่อค้าชาวมอญ 2 คนสร้างขึ้นเพื่อบรรจุพระเกศาธาตุ 2 เส้นที่นำมาจากอินเดีย เดิมเป็นเจดีย์องค์เล็ก แต่ถูกเสริมสร้างขึ้นเรื่อยตามกษัตริย์ที่ปกครอง สูง 114 เมตรเลยล่ะค่ะ ความศักดิ์สิทธิ์ของเจดีย์ชเวทอดอ ทำให้เกิดความเลื่อมใสทั้งชาวมอญและชาวพม่า และเจ้าชายตะเบงชะเวตี้เลือกใช้เป็นสถานที่ทำพิธีเจาะพระกรรณก่อนขึ้นครองราชย์ และก่อนออกศึกก็จะมาสักการะพระธาตุทุกครั้ง และที่สำคัญสมัยสมเด็จพระนเรศวรที่เสด็จไปเป็นตัวประกันที่หงสาวดี ก็ทรงมาสักการะพระธาตุอยู่เสมอ จนตั้งพลับพลาใกล้พระธาตุให้เสด็จสักการะได้สะดวกด้วยค่ะ
อากาศร้อนใช้ได้ดรีมมารอบที่แล้วคนเยอะมากเพราะตรงกับวันพระใหญ่ วันนี้คนน้อยโพสกันชิวๆได้เลย
วิธีการอธิษฐานขอพรกับพระธาตุชเวมอรอ ให้เอามือและหน้าผากแตะไปที่พระธาตุองค์เดิมที่หัก และอธิษฐาน สิ่งที่ขอก็จะสัมฤทธิ์ผลนั่นเอง นิยมขอพรเพื่อ ความเป็นสิริมงคลเปรียบเหมือนการค้ำจุนชีวิตให้เจริญรุ่งเรืองยิ่งขึ้นไปค่ะ
2nd place in Bago
Kanbawzathadi Golden Palace ကမ္ဘောဇသာဒီ နန်းတော်
มาที่ที่ 2 ต่อเลยค่าออกจากเจดีย์ชเวมอดอเราตรงมาที่พระรางวังแห่งบาโก ต้องบอกก่อนว่าบาโกคือชื่อเมืองเค้าจริงๆ แต่ไทยจะรู้จักกันในนามหงสาวดีค่ะ
พระราชวังบาโก สร้างขึ้นในปี ค.ศ.1553 โดยพระเจ้าบุเรงนอง (พม่าออกเสียงพระเจ้าประหยิ่นหน่าว) ที่มีความสามารถในการรบและสงคราม จนได้สมญานามว่า "ผู้ชนะสิบทิศ" เพื่อเป็นศูนย์กลางทางทหารและว่าราชการ และที่นี่เคยเป็นที่ประทับของพระนางสุพรรณกัลยาและสมเด็จพระนเรศวรมหาราช ครั้งเป็นเชลยศึกเมื่อเสียกรุงครั้งที่ 1 ด้วยค่ะ พอถึงสมัยพระเจ้านันทบุเรง(รุ่นลูกมั้ยไม่แน่ใจค่ะ55) พระราชวังถูกทำลายโดยกองทัพตองอูและถูกปล่อยทิ้งร้าง จนรัฐบาลพม่ารู้ว่าตรงนี้เคยเป็นพระราชวัง จึงได้ทำการสำรวจจนเจอซากพระรางวัง จนในปี 1990 กรมโบราณคดีของพม่าจึงได้ทำการสร้างพระราชวังจำลอง(บางส่วน) ขึ้นมาบนรากฐานเดิม ค่ะ
ในพระราชวังก็จะเป็นสีทองอร่ามเหลืองเรืองรองมากค่ะ ก็เป็นโถงกว้างมีวัตถุโบราณโชว์เป็นจุดๆ เราก็เดินดูรอบ และนี่ก็เป็นจุดเริ่มต้นของแฟชั่นและคอสตูมสำหรับทริปนี้ค่าา
ภาพดังต่อไปนี้มีคนพม่าทั้งหมดกี่คน5555 มิงกะลาบาเลยทีเดียว อิอิ และจากวันแรกวันนี้ เราทั้ง 3 คนรวมน้องโทนี่ ก็จะใส่ลองจี(สะโหร่ง) เที่ยวเกือบทั้งทริปเลยค่ะ
เมื่อหนุ่มสาวชาวพม่า แว๊นมอไซค์มาเที่ยวพระรางชวัง555555 (พี่กับน้องของชั้นกลายเป็นคนพม่าไปแล้วค่าทุกคนนน)
ใช้เวลากับ 2 ที่แรกพอสมควรเราก็มุ่งหน้าไปยังเจดีย์ไจ๊ติโย หรือที่เรารู้จักกันว่าพระธาตุอินทร์แขวนอันศักดิ์สิทธิ์ของเราต่อเลยค่า ซึ่งเราจะใช้เวลาจากบาโกไปคินปุนเพื่อที่จะขึ้นไปไจ๊ติโย ประมาณ 3 ชั่วโมง เราออกจากบาโกก็ประมาณเที่ยงๆ มื้อเที่ยงของเราแว๊ะปั๊มกินระหว่างทางค่ะ การมากับรถเช่าจะดีตรงที่เค้าก้จะพาเราแวะแต่ที่มันโอเคค่ะ ฝากท้องกับมาม่าคัพที่ปั๊มเสร็จสรรพ ก็เดินทางต่อไปยังปลายทางคือท่ารถคินปุนเพื่อที่จะต่อรถขึ้นไปบนเจดีย์ไจ๊ติโยกันค่า
แล้วเราก็ถึงท่ารถที่คินปุนบ่าย 3 กว่าๆ แต่รถรอบบ่าย3 ออกไปแล้วเราต้องรอรถ 4 โมงเย็นค่ะ รถโดยสารขึ้นไปบนเจดีย์จะเป็นรถ 6 ล้อแล้วนั่งเป็นแถวหน้ากระดาน หรือที่เรียกกันว่า "รถขนหมู" ขึ้นเขาค่ะ555
ระหว่างรอก็เม้ามอยถ่ายรูป แล้วโทนี่ก็สอนวิธีนุ่งลองจีให้น้อง ใช้เวลากันอยู่พักใหญ่ สอนทริคนุ่งยังไงไม่ให้หลุด คือลองจีของผู้ชายเทคนิคการใส่จะใส่ยากกว่าของผู้หญิงเพราะผ้าเค้าเป็นผืนๆ วิธีนุ่งสไตล์พม่าของผู้ชายนุ่งแล้วแน่นจิง แต่ของผู้หญิงจะเป็นแบบสำเร็จนุ่งง่ายค่ะ
นั่งรอรถพักใหญ่โทนี่ก็นั่งรอเป็นเพื่อน ซึ่งโทนี่จะไม่ได้ขึ้นไปกับเราค่ะ เค้าจะพักรอเราอยู่ที่คินปุน เพราะถ้านางขึ้นไปส่งเรา นางจะไม่มีรถกลับลงมาข้างล่าง รถรอบสุดท้ายคือ 5 โมง รถส่วนตัวขึ้นไม่ได้นะคะต้องเป็นรถโดยสารที่ขึ้นได้เท่านั้นค่ะ แล้วถ้านางจะไปพักกับเราข้างบนคือโรงแรมมันแพงค่ะทุกคน555 นางเลยส่งเราขึ้นรถ แล้วรอรับเราพรุ่งนี้ที่ท่ารถ เราก็นัดแนะกับนางว่าถึงท่ารถประมาณ 8 - 9 โมงเพราะเราต้องไปเก็บที่ๆ เหลือที่บาโกอีกรอบค่ะ
บรรยากาศทางขึ้นเขาไปยังเจดีย์คือฟินมากค่ะ หมอกหนามาก เพราะฝนตกปรอยๆด้วยแล้วเราขึ้นไปใกล้ค่ำแล้ว คือทั้งอากาศและบรรยากาศเย็นสบายท่ามกลางหมอก คือมันสดชึ่นมากจิงๆค่ะ
แล้วเราก็ถึงบนยอดเขาไจ๊ติโยประมาณทุ่มนึงค่ะ หมอกยังหนาเหมือนเดิม ถึงข้างบนก็มืดแล้วค่ะจากท่ารถ เราต้องเดินไปที่พักอีกซักพักประมาณ 1-2 กิโล เราต้องเดินขึ้นเนินเขามันก็เหนื่อยแหละ แต่มันฟินตรงที่เราเดินท่ามกลางหมอก หมอกหนาจนเราต้องใส่เสื้อกันฝนค่ะ ไม่ใส่คือเปียก555
โรงแรมที่เราเลือกคือโรงแรมไจ๊โถ่ (Kyaik Hto Hotel) ซึ่งอยู่ห่างจากตัวพระธาตุประมาณ 400 เมตร ที่เลือกโรงแรมนี้เพราะมากับทัวร์ครั้งที่แล้วพักที่นี่ค่ะ ซึ่งอีก 2 ที่ข้างบนที่นึงจะแพงมากก และอีกที่เอาจิงๆ ใกล้พระธาตุที่สุดแต่ห้องเล็กมาก เราเห็นสภาพแล้วที่นี่โอเคสุด ราคาแอบแรงนะคะทุกคน ขอแนะนำว่าถ้าใครอยากที่เที่ยวแบบประหยัดงบ ให้พักด่านล่างคือที่คินปุน แล้วตอนเช้าค่อยนั่งรถขึ้นมา แต่!!! มันจะไม่ฟินก็ตรงที่เราจะได้ไหว้พระธาตุแค่ครั้งเดียว ถ้านอนข้างบนคือเราไหว้กลางคืน เช้า สาย ได้ 3 เวลา เค้าบอกว่าไหว้ 3 ครั้งคือศักดิ์สิทธิ์ เราต้องการจุดๆนี้แหละค่ะ 5555 แล้วคนพม่าขึ้นไปนอนด้านบนบริเวณใกล้ตัวพระธาตุเยอะมาก เค้าไปนั่งสมาธิบ้าง ไปสวดมนต์บ้าง นอนบ้าง
เช็คอินเรียบร้อยนั่งพักเก็บข้าวเก็บของกันซักหน่อยก็เริ่มหิวกันละ คือจะบอกว่าอากาศข้างบนคือชื้นมาก เดินข้างนอกคือเปียกเหมือนฝนตกปรอยๆ ที่นอนยังรู้สึกเปียกๆเลยค่ะ คือด้วยความที่ยอดเขาคินปุน 3,615 ฟุตจากน้ำทะเล สูงจนเหมือนเราอยู่ระดับเดียวกับก้อนเมฆ หมอกเลยเยอะ ความชื้นเลยสูงค่ะ
ได้เวลาอาหารเย็นแล้วค่ะ ที่เราจองเราจองมาเฉพาะอาหารเช้า ฉะนั้นมื้อเย็นเราต้องจ่ายเพิ่ม เป็นบุฟเฟ่ต์น่าจะประมาณคนละ 15USD ถ้าจำไม้ผิดนะคะ ด้วยความหิวของเราทั้ง 3 คนกินก็กินแพงก็ต้องกินเพราะค่ำแล้วไม่มีที่อื่นจะกินแล้ว แล้วอาหารคือดีย์!!!!! กินกุ้งเค้าจะ 3 โลได้มั้งคะ กินไปเม้ามอยกันไป จัดอาหารชุดใหญ่กันไปจ้า
นี่คือซากกุ้ง 1 ใน 3 ของที่เรากินไปนะคะ555555 กินเสร็จวกะว่าจะขึ้นไปไหว้พระธาตุแต่ฝนตกแรงมาก เลยยกไปวันพรุ่งนี้ เจอกันตอนต่อไปจ้า^^
CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้