สวัสดีค่าาา กะทู้นี้เป็นกะทู้ที่สองของทริปพม่า ทริปอิ่มบุญ 3วัน2คืน (สำหรับวันแรก ลิ้งค์อยู่ข้างล่างสุดของรีวิวเลยค่ะ)
ตอนนี้เรามาต่อกันที่รีวิวของวันที่ 2 นะคะ ถ้าพร้อมแล้วก็ไปกันเล๊ยยย
Day 2: พระธาตุอินทร์แขวน – พระธาตุมุเตา - มื้อเที่ยง – พระนอนยิ้มหวาน – พระพุทธรูปสี่ทิศ - ย่างกุ้ง – Afternoon Tea - สักการะเทพทันใจ - สักการะเทพกระซิบ – เจดีย์ชเวดากอง –มื้อเย็น International and Sea food Buffet – Lotte Hotel Yangung
Morning Call ของวันนี้คือ
ตีสี่ พนักงานจะเคาะประตูเพื่อเป็นการปลุก ถึงเวลาเราก็เตรียมตัวเพื่อถวายข้าวพระพุทธตรง
พระธาตุอินทร์แขวนกันค่ะ เนื่องจาก จขกท.เป็นคนใต้ เลยไม่ชินกับอากาศหนาว ประกอบกับไม่มีเครื่องทำความร้อนในห้องเหมือนตอนที่ไปเกาหลีกับญี่ปุ่น อีกทั้งเครื่องทำน้ำอุ่น ก็แบบว่า…… ปรับหาความอุ่นของน้ำที่จะอาบไม่ค่อยได้ คือ ร้อนก็ร้อนเกิน เย็นก็เย็นจนอาบไม่ได้ เราเป็นคนง่าย ๆ เราตัดสินใจว่า แค่ล้างหน้า แปรงฟันจบ เดี๋ยวผลบุญที่ทำมาเมื่อคืนจะหายไปกับน้ำ
อิอิ ล้อเล่น
เราขึ้นไปทำบุญประมาณตีห้า ตรงโรงแรมจะมีพระสงฆ์มายืนบิณบาตรตอนเช้ามืด เราสามารถถวายปัจจัย หรือ สิ่งของที่เตรียมมาไว้ได้ค่ะ สิ่งของที่จะถวายตอนเช้า ท่านสามารถซื้อได้ตรงบริเวณลานพระธาตุอินทร์แขวน ชุดละ 5,000 จ๊าด
หลังจากที่เราถวายข้าวพระพุทธกันเสร็จแล้ว เราก็กลับไปกินอาหารเช้าที่โรงแรมกัน ก่อนเช็คเอ๊าท์ค่ะ ไกด์นัดเจอทุกคนตอน 06:40 น. เราเลยมีเวลาเก็บภาพบรรยากาศยามเช้า ตรงพระธาตุอินทร์แขวนและระหว่างทางเดินกลับไปยังจุดนัด
ระหว่างทางที่เดินลงจากพระธาตุอินทร์แขวนจะมีพระภิกษุและสามเณรเดินบิณฑบาตเป็นจำนวนมาก ในขณะเดียวกัน ก็จะมีพ่อค้าแม่ค้า คอยมะรุมมะตุ้มให้เราซื้อของใส่บาตร โปรดระมัดระวังกันด้วยนะคะ เดี๋ยวจะได้บาปแทนบุญ
ไกด์ที่ดูแลคณะของเราบอกว่า คณะของเราบุญบารมีสูงมาก เพราะตามหลักการนั่งรถ 6 ล้อไปยังพระธาตุอินทร์แขวนจะมีบริเวณที่รถสามารถผ่านได้แค่ขาเดียวเท่านั้น เช่น ให้รถที่กำลังขึ้นไปในเวลาเดียวกันขึ้นไปให้หมดก่อน เราถึงจะลงได้ แต่คณะเราไม่ต้องรอเลยจ้า ดีงาม ขากลับจากประธาตุอินทร์แขวนในตอนเช้าประมาณ 8 โมงกว่า บรรยากาศในยามเช้าดีมากคะ แต่มือทั้งสองมือก็ต้องจับราวไว้แน่นเพราะต้องนั่งรถผ่านหุบเขา 45 ลูกเช่นกัน เกิดอาการหวาดเสียวเล็กน้อย เรานั่งรถ 6 ล้อมายังจุดขึ้นรถบัส ก่อนขึ้นรถไกด์ให้เราเช็คกระเป๋าและจ่ายทิปให้กับคนแบกกระเป๋าขึ้นบนพระธาตุอินทร์แขวนตาม หลังจากนั้นก็นั่งรถไปยังพระธาตุมุเตากันต่อค่ะ
“พระธาตุมุเตา หรือ เจดีย์ชเวมอร์ดอ”
“พระธาตุมุเตา หรือ เจดีย์ชเวมอร์ดอ” เป็น 1 ใน 5 มหาเจดีย์สำคัญของประเทศพม่า โดยถือเป็นเจดีย์คู่บ้านคู่เมืองของหงสาวดี หรือเมืองพะโค มีความเก่าแก่ยาวนานกว่า 1,000 ปี และเชื่อกันว่าภายในตัวเจดีย์เป็นที่ประดิษฐานของพระบรมสารริกธาตุในส่วนของพระเกศาและพระทนต์ ตั้งอยู่ในเมืองพะโค ประเทศพม่า
ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาตัวเจดีย์ได้รับความเสียหายเนื่องจากแผ่นดินไหวหลายครั้ง รวมทั้งในปี ค.ศ. 1917 และ ปี ค.ศ. 1930 ซึ่งเหตุการณ์แผ่นดินไหวครั้งใหญ่ในปี ค.ศ. 1917 นั้นทำให้ยอดพระเจดีย์พังลงมา หลังการบูรณะได้มีการเก็บส่วนยอดพระเจดีย์ที่พังลงมาไว้ในจุดเดิมทั้งความสวยงามของตัวเจดีย์ และบรรยากาศโดยรอบ ถือว่าใกล้เคียงกับเจดีย์ชเวดากองเป็นอย่างยิ่ง แต่ลักษณะทางสถาปัตยกรรมจะมีความแตกต่างออกไปเล็กน้อย เนื่องจากเป็นเจดีย์ที่สร้างด้วยศิลปะแบบมอญ เจดีย์ชเวมอร์ดอนี้ยังมีชื่อเรียกในหมู่คนไทยว่า “เจดีย์พระธาตุมุเตา” โดยคำว่ามุเตานั้นเป็นภาษามอญที่แปลว่า “จมูกร้อน” แสดงให้เห็นถึงความสูงขององค์เจดีย์ที่ทำให้ทุกคนต้องแหงนหน้ามองจนแดดส่องมากระทบจมูก
วิธีการไหว้ขอพร พระธาตุมุเตา
ท่านสามารถซื้อดอกไม้ ธูป เทียนภายในบริเวณพระธาตุมุเตาได้ ราคาชุดละ 2000 จ๊าด หลังจากนั้นให้ท่านไหว้พระถวายดอกไม้ก่อนไปอธิฐานขอพร จุดเทียน จุดธูปตรงบริเวณหน้าพระธาตุมุเตา เว้นธูปไว้ 1 ดอกไม่ต้องจุด หลังจากนั้นให้ท่านนำธูปที่เว้นไว้ มาค้ำตรงยอดเจดีย์ที่หักลงมา แล้วให้แตะหน้าผาพร้อมอธิฐานขอพร พระธาตุมุเตาเป็นที่นิยมในการขอพรเกี่ยวกับหน้าที่การงาน การทำมาค้า การทำธุรกิจให้เจริญรุ่งเรือง หรือถ้าใครดวงตกก็ให้อธิษฐานค้ำจุนชีวิตให้ดีขึ้น เราใช้เวลาอยู่ที่นี่ประมาณ 30 นาทีจ้า หลังจากนั้นเราเดินทางไปยัง
วัดไจ๊คะวาย
ท่านใดที่เดินทางมาเที่ยวหงสาวดี ห้ามพลาดเลยกับการมาตักบาตรพระสงฆ์กว่า 1,000 รูป ที่
“วัดไจ๊คะวาย” เพราะที่นี่ถือเป็นโรงเรียนสอนพระพุทธศาสนาเปรียญธรรมชั้นตรี, โท, เอก ที่มีชื่อเสียงของพม่า พ่อแม่ผู้ปกครองหลาย ๆ คน จะส่งลูกหลานมาบวชเรียนที่นี่กันมากมาย จึงเป็นสถานที่ที่สามารถพบพระสงฆ์และสามเณรเป็นจำนวนมากในที่เดียว นอกจากนี้เรายังถวายอาหารเพลและบริจาคสมุด, ปากกา, ดินสอ ที่ใช้สำหรับการเรียนได้ด้วย ลองมาตักบาตรทำบุญที่นี่กันดูนะคะ
ระหว่างทางไกด์แวะให้เราซื้อของตรงมินิมาร์ทตรงปั๊ม ก่อนถึงวัด วันนี้มีพระภิกษุและสามเณรมาเดินบิณฑบาต 500 รูป เราเตรียม สมุดและดินสอ มา 12 ชุด สำหรับตักบาตรพระ 12 รูป ท่านสามารถทำบุญตามกำลังที่ท่านสามารถทำได้ค่ะ ไม่จำเป็นต้องครบ 500 รูป พระภิกษุและสามเณรเริ่มบิณฑบาตเวลา 11 โมงโดยประมาณ
เราใช้เวลาตักบาตรอยู่ที่วัดไจ๊คะวายประมาณเกือบหนึ่งชั่วโมง หลังจากนั้นได้เวลาสำหรับมื้อเที่ยง เราเดินออกไปกินอาหารเที่ยงตรงร้านอาหารใกล้กับวัดค่ะ
มื้อเที่ยงวันที่สอง
มื้อเที่ยงมันก็ฟินนิดนึง มีกุ้งแม่น้ำอีกแล้วนะคะ และอีกหนึ่งอย่างที่ขาดไม่ได้คือ ไข่เจียวค่าาาาา เมนูเที่ยงวันนี้ก็จะมี ผัดกะเพราไก่, ผัดมะเขือยาว ชอบมาก แกงจืด, ผัดผักบุ้ง, ปลากะพงทอดทานคู่กับตำไทย, ผักชุบแป้งทอด มื้อเที่ยงวันที่ 2 ของเราก็คืออาหารไทยดี ๆ นี่เอง
เราใช้เวลาทานข้าวประมาณ 1 ชั่วโมง ก็ได้เวลาเดินทางกันต่อค่ะ สถานที่ต่อไปคือ “วัดพระนอนยิ้มหวาน”
“พระนอนชเวตาเลียว หรือ พระพุทธไสยาสน์ชเวตาเลียว”
“พระนอนชเวตาเลียว หรือ พระพุทธไสยาสน์ชเวตาเลียว” มีอายุเก่าแก่กว่า 1,200 ปี คนไทยรู้จักในนาม พระนอนยิ้มหวาน เนื่องจากพระพักตร์ของท่านได้รับการวาดตกแต่งไว้อย่างสวยงามพร้อมด้วยรอยยิ้มหวาน องค์พระเป็นศิลปะแบบมอญ สร้างโดยพระเจ้าเมงกะติปะ ในพ.ศ. 1537 ซึ่งเป็นสมัยที่มอญเรืองอำนาจ พุทธลักษณะเด่นคือ บริเวณพระบาทวางไม่เสมอกันเหมือนพระพุทธไสยาสน์ของไทย อันมีความหมายว่า ในขณะนั้นพระพุทธเจ้ายังทรงมีพระชนม์ชีพอยู่ ซึ่งเป็นอากัปกิริยาก่อนที่พระองค์จะเสด็จสู่ปรินิพพานในวันถัดมา องค์พระมีความยาว 181 ฟุต สูง 50 ฟุต
ด้านหลังองค์พระ มีภาพวาดเล่าตำนานไว้ว่า มีพระราชาองค์หนึ่งไม่ศรัทธาพุทธศาสนา ทรงลุ่มหลงบูชายักษ์ตนหนึ่งขนาดปั้นรูปไว้กราบไหว้ วันหนึ่งขณะที่พระราชาเสด็จประพาสป่าพร้อมพระโอรส และพระโอรสไปพบสาวชาวบ้านกำลังอาบน้ำอยู่ในลำธารก็เกิดความหลงรัก ถึงกับพากลับเข้าวัง แต่สาวเจ้าอันเชิญพระพุทธรูปไปบูชาในวังด้วย ทำให้พระราชากริ้วมาก ถึงขั้นสั่งให้ทหารจับพระโอรสและคนรักมัดรวมกันเพื่อจะประหาร แต่ชาวบ้านได้ตั้งจิตอธิษฐานว่าถ้าพระพุทธเจ้ามีจริง ขอให้นางแคล้วคลาด ปรากฏว่าเชือกขาดโดยพลัน ขณะที่รูปปั้นยักษ์แตกกระจาย พระราชาถึงกับทรงหันกลับมานับถือพระพุทธศาสนา และขอไถ่บาปด้วยการสร้างพระพุทธไสยาสน์เป็นเครื่องเตือนสติ และถือเป็นอนุสรณ์แห่งความรักของหนุ่มสาวทั้งสอง
ด้านหน้าของวัดจะมีร้านขายของ ไม่ว่าจะเป็นผ้าถุง ไม้แกะสลัก ซึ่งสามารถซื้อเป็นของฝากได้
พระเจดีย์ไจ๊ปุ่น
“พระเจดีย์ไจ๊ปุ่น” ไจ๊ คือ พระ หรือ เจดีย์ ปุ่น คือ 4 ดังนั้น พระเจดีย์จุ่น คือ พระเจดีย์ที่มีพระ 4 ทิศ โดยพระพุทธรูปปางมารวิชัยขนาดใหญ่ 4 องค์ อายุกว่า 500 ปี หันพระพักตร์ไปยัง 4 ทิศ สร้างขึ้นโดย 4 สาวพี่น้อง ที่อุทิศตนแด่พุทธศาสนา จึงสร้างพระพุทธรูปแทนตนเอง และได้สาบานไว้ว่าจะไม่ข้องแวะกับบุรุษเพศ ซึ่งมีตำนานเล่าขานกันว่า ในที่สุดแล้ว น้องสาวคนสุดท้อง กลับพบรักกับชายหนุ่มและแต่งงานกัน จึงเกิดอาเพศฟ้าผ่าพระพุทธรูปที่แทนตัวของน้องสาวคนสุดท้องพังทลายลงมา จนต้องมีการสร้างขึ้นมาใหม่ตามที่เห็นในปัจจุบัน โดยพระพุทธรูปองค์นี้จะมีลักษณะแตกต่างจากองค์อื่น ๆ คือ พระพักตร์จะเศร้ากว่าองค์อื่น
จากนั้นมีบูรณะ วัดนี้เมื่อ พ.ศ.2019 พระเจดีย์นี้ มีพระพุทธรูปปางประทับนั่งโดยรอบทั้ง 4 ทิศ อันได้แก่
• สมเด็จพระสมณโคดมสัมมาสัมพุทธเจ้า ทางทิศเหนือ
• พระ พุทธเจ้าโกนาคมโน ทางทิศใต้
• พระพุทธเจ้ากกุสันโธ ทางทิศตะวันออก
• พระ พุทธเจ้ามหากัสสปะ ในทิศตะวันตก
เราใช้เวลาสักการะประมาณครึ่งชั่วโมงเดินรอบพระเจดีย์ 1 รอบ เพราะเราต้องเดินทางกลับไปย่างกุ้งซึ่งจากเมืองหงสาวดีไปเมืองย่างกุ้งใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมง
ทุก ๆ สถานที่ที่เราไป จะมีอาหาร ผลไม้หั่นเป็นชิ้นๆขายด้านหน้า แต่ไกด์ไม่แนะนำให้เราซื้อทาน เพราะไม่ค่อยสะอาด กลัวว่าจะท้องเสีย บวกกับเราไม่อยากใช้บริการห้องน้ำ 2}000 ไร่ก็เลยไม่กล้าซื้อทาน
เราออกเดินทางจากหงสาวดีประมาณบ่าย 2 โมงกว่า ไปถึงเมืองย่างกุ้ง ประมาณ 4 โมงกว่า ไกด์พาเราไป
นั่งจิบชา กาแฟ afternoon tea ที่โรงแรมระดับ 5 ดาวติดริมแม่น้ำย่างกุ้ง
กาแฟพม่ารสชาติ สำหรับเรา รสชาติเหมือนชานม ไม่ค่อยมีความเข้มข้นของกาแฟ จขกท.เคยลองซื้อกาแฟกระป๋องในมินิมาร์ทของพม่ารสชาติก็ไม่ต่าง มันคือ ชานมดี ๆ นี่เอง Afternoon tea สำหรับ 4 ท่านก็จะมีเค้กด้านบนสุด รองลงมาจะคล้ายขนมคุกกี้ราดวิปครีมช็อกโกแลตอยู่ด้านบน ล่างสุดจะเป็นแซนวิช เสิร์ฟพร้อมกับผลไม้ มีแตงโม, มะละกอ และแคนตาลูป รสชาติโดยรวมถือว่า ไม่ผ่านค่ะ มันไม่อร่อยเลย
เราใช้เวลาอยู่ที่นี่ประมาณ 1 ชั่วโมง เวลาที่เรารอคอยก็มาถึงค้า ได้เวลาไปสักการะขอพร เทพทันใจและเทพกระซิบกันที่ เจดีย์ โบตาทาวน์ ซึ่งเจดีย์โบตาทาวน์ไม่ไกลจาก จากโรงแรมที่เราทาน Afternoon Tea เรานั่งรถไปไม่ถึง 5 นาทีก็ถึงค่ะ
*ต่อในคอมเม้นท์นะคะ*
[CR] รีวิวทริปพม่า ทริปอิ่มบุญ 3 วัน 2 คืน เที่ยวหงสาวดี ย่างกุ้ง ไปกับทัวร์ครั้งแรก DAY 2
ตอนนี้เรามาต่อกันที่รีวิวของวันที่ 2 นะคะ ถ้าพร้อมแล้วก็ไปกันเล๊ยยย
Day 2: พระธาตุอินทร์แขวน – พระธาตุมุเตา - มื้อเที่ยง – พระนอนยิ้มหวาน – พระพุทธรูปสี่ทิศ - ย่างกุ้ง – Afternoon Tea - สักการะเทพทันใจ - สักการะเทพกระซิบ – เจดีย์ชเวดากอง –มื้อเย็น International and Sea food Buffet – Lotte Hotel Yangung
Morning Call ของวันนี้คือ ตีสี่ พนักงานจะเคาะประตูเพื่อเป็นการปลุก ถึงเวลาเราก็เตรียมตัวเพื่อถวายข้าวพระพุทธตรงพระธาตุอินทร์แขวนกันค่ะ เนื่องจาก จขกท.เป็นคนใต้ เลยไม่ชินกับอากาศหนาว ประกอบกับไม่มีเครื่องทำความร้อนในห้องเหมือนตอนที่ไปเกาหลีกับญี่ปุ่น อีกทั้งเครื่องทำน้ำอุ่น ก็แบบว่า…… ปรับหาความอุ่นของน้ำที่จะอาบไม่ค่อยได้ คือ ร้อนก็ร้อนเกิน เย็นก็เย็นจนอาบไม่ได้ เราเป็นคนง่าย ๆ เราตัดสินใจว่า แค่ล้างหน้า แปรงฟันจบ เดี๋ยวผลบุญที่ทำมาเมื่อคืนจะหายไปกับน้ำ อิอิ ล้อเล่น
เราขึ้นไปทำบุญประมาณตีห้า ตรงโรงแรมจะมีพระสงฆ์มายืนบิณบาตรตอนเช้ามืด เราสามารถถวายปัจจัย หรือ สิ่งของที่เตรียมมาไว้ได้ค่ะ สิ่งของที่จะถวายตอนเช้า ท่านสามารถซื้อได้ตรงบริเวณลานพระธาตุอินทร์แขวน ชุดละ 5,000 จ๊าด
หลังจากที่เราถวายข้าวพระพุทธกันเสร็จแล้ว เราก็กลับไปกินอาหารเช้าที่โรงแรมกัน ก่อนเช็คเอ๊าท์ค่ะ ไกด์นัดเจอทุกคนตอน 06:40 น. เราเลยมีเวลาเก็บภาพบรรยากาศยามเช้า ตรงพระธาตุอินทร์แขวนและระหว่างทางเดินกลับไปยังจุดนัด
ระหว่างทางที่เดินลงจากพระธาตุอินทร์แขวนจะมีพระภิกษุและสามเณรเดินบิณฑบาตเป็นจำนวนมาก ในขณะเดียวกัน ก็จะมีพ่อค้าแม่ค้า คอยมะรุมมะตุ้มให้เราซื้อของใส่บาตร โปรดระมัดระวังกันด้วยนะคะ เดี๋ยวจะได้บาปแทนบุญ
ไกด์ที่ดูแลคณะของเราบอกว่า คณะของเราบุญบารมีสูงมาก เพราะตามหลักการนั่งรถ 6 ล้อไปยังพระธาตุอินทร์แขวนจะมีบริเวณที่รถสามารถผ่านได้แค่ขาเดียวเท่านั้น เช่น ให้รถที่กำลังขึ้นไปในเวลาเดียวกันขึ้นไปให้หมดก่อน เราถึงจะลงได้ แต่คณะเราไม่ต้องรอเลยจ้า ดีงาม ขากลับจากประธาตุอินทร์แขวนในตอนเช้าประมาณ 8 โมงกว่า บรรยากาศในยามเช้าดีมากคะ แต่มือทั้งสองมือก็ต้องจับราวไว้แน่นเพราะต้องนั่งรถผ่านหุบเขา 45 ลูกเช่นกัน เกิดอาการหวาดเสียวเล็กน้อย เรานั่งรถ 6 ล้อมายังจุดขึ้นรถบัส ก่อนขึ้นรถไกด์ให้เราเช็คกระเป๋าและจ่ายทิปให้กับคนแบกกระเป๋าขึ้นบนพระธาตุอินทร์แขวนตาม หลังจากนั้นก็นั่งรถไปยังพระธาตุมุเตากันต่อค่ะ
ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาตัวเจดีย์ได้รับความเสียหายเนื่องจากแผ่นดินไหวหลายครั้ง รวมทั้งในปี ค.ศ. 1917 และ ปี ค.ศ. 1930 ซึ่งเหตุการณ์แผ่นดินไหวครั้งใหญ่ในปี ค.ศ. 1917 นั้นทำให้ยอดพระเจดีย์พังลงมา หลังการบูรณะได้มีการเก็บส่วนยอดพระเจดีย์ที่พังลงมาไว้ในจุดเดิมทั้งความสวยงามของตัวเจดีย์ และบรรยากาศโดยรอบ ถือว่าใกล้เคียงกับเจดีย์ชเวดากองเป็นอย่างยิ่ง แต่ลักษณะทางสถาปัตยกรรมจะมีความแตกต่างออกไปเล็กน้อย เนื่องจากเป็นเจดีย์ที่สร้างด้วยศิลปะแบบมอญ เจดีย์ชเวมอร์ดอนี้ยังมีชื่อเรียกในหมู่คนไทยว่า “เจดีย์พระธาตุมุเตา” โดยคำว่ามุเตานั้นเป็นภาษามอญที่แปลว่า “จมูกร้อน” แสดงให้เห็นถึงความสูงขององค์เจดีย์ที่ทำให้ทุกคนต้องแหงนหน้ามองจนแดดส่องมากระทบจมูก
วิธีการไหว้ขอพร พระธาตุมุเตา
ท่านสามารถซื้อดอกไม้ ธูป เทียนภายในบริเวณพระธาตุมุเตาได้ ราคาชุดละ 2000 จ๊าด หลังจากนั้นให้ท่านไหว้พระถวายดอกไม้ก่อนไปอธิฐานขอพร จุดเทียน จุดธูปตรงบริเวณหน้าพระธาตุมุเตา เว้นธูปไว้ 1 ดอกไม่ต้องจุด หลังจากนั้นให้ท่านนำธูปที่เว้นไว้ มาค้ำตรงยอดเจดีย์ที่หักลงมา แล้วให้แตะหน้าผาพร้อมอธิฐานขอพร พระธาตุมุเตาเป็นที่นิยมในการขอพรเกี่ยวกับหน้าที่การงาน การทำมาค้า การทำธุรกิจให้เจริญรุ่งเรือง หรือถ้าใครดวงตกก็ให้อธิษฐานค้ำจุนชีวิตให้ดีขึ้น เราใช้เวลาอยู่ที่นี่ประมาณ 30 นาทีจ้า หลังจากนั้นเราเดินทางไปยัง วัดไจ๊คะวาย
ท่านใดที่เดินทางมาเที่ยวหงสาวดี ห้ามพลาดเลยกับการมาตักบาตรพระสงฆ์กว่า 1,000 รูป ที่ “วัดไจ๊คะวาย” เพราะที่นี่ถือเป็นโรงเรียนสอนพระพุทธศาสนาเปรียญธรรมชั้นตรี, โท, เอก ที่มีชื่อเสียงของพม่า พ่อแม่ผู้ปกครองหลาย ๆ คน จะส่งลูกหลานมาบวชเรียนที่นี่กันมากมาย จึงเป็นสถานที่ที่สามารถพบพระสงฆ์และสามเณรเป็นจำนวนมากในที่เดียว นอกจากนี้เรายังถวายอาหารเพลและบริจาคสมุด, ปากกา, ดินสอ ที่ใช้สำหรับการเรียนได้ด้วย ลองมาตักบาตรทำบุญที่นี่กันดูนะคะ
ระหว่างทางไกด์แวะให้เราซื้อของตรงมินิมาร์ทตรงปั๊ม ก่อนถึงวัด วันนี้มีพระภิกษุและสามเณรมาเดินบิณฑบาต 500 รูป เราเตรียม สมุดและดินสอ มา 12 ชุด สำหรับตักบาตรพระ 12 รูป ท่านสามารถทำบุญตามกำลังที่ท่านสามารถทำได้ค่ะ ไม่จำเป็นต้องครบ 500 รูป พระภิกษุและสามเณรเริ่มบิณฑบาตเวลา 11 โมงโดยประมาณ
เราใช้เวลาตักบาตรอยู่ที่วัดไจ๊คะวายประมาณเกือบหนึ่งชั่วโมง หลังจากนั้นได้เวลาสำหรับมื้อเที่ยง เราเดินออกไปกินอาหารเที่ยงตรงร้านอาหารใกล้กับวัดค่ะ
มื้อเที่ยงวันที่สอง
มื้อเที่ยงมันก็ฟินนิดนึง มีกุ้งแม่น้ำอีกแล้วนะคะ และอีกหนึ่งอย่างที่ขาดไม่ได้คือ ไข่เจียวค่าาาาา เมนูเที่ยงวันนี้ก็จะมี ผัดกะเพราไก่, ผัดมะเขือยาว ชอบมาก แกงจืด, ผัดผักบุ้ง, ปลากะพงทอดทานคู่กับตำไทย, ผักชุบแป้งทอด มื้อเที่ยงวันที่ 2 ของเราก็คืออาหารไทยดี ๆ นี่เอง
เราใช้เวลาทานข้าวประมาณ 1 ชั่วโมง ก็ได้เวลาเดินทางกันต่อค่ะ สถานที่ต่อไปคือ “วัดพระนอนยิ้มหวาน”
ด้านหลังองค์พระ มีภาพวาดเล่าตำนานไว้ว่า มีพระราชาองค์หนึ่งไม่ศรัทธาพุทธศาสนา ทรงลุ่มหลงบูชายักษ์ตนหนึ่งขนาดปั้นรูปไว้กราบไหว้ วันหนึ่งขณะที่พระราชาเสด็จประพาสป่าพร้อมพระโอรส และพระโอรสไปพบสาวชาวบ้านกำลังอาบน้ำอยู่ในลำธารก็เกิดความหลงรัก ถึงกับพากลับเข้าวัง แต่สาวเจ้าอันเชิญพระพุทธรูปไปบูชาในวังด้วย ทำให้พระราชากริ้วมาก ถึงขั้นสั่งให้ทหารจับพระโอรสและคนรักมัดรวมกันเพื่อจะประหาร แต่ชาวบ้านได้ตั้งจิตอธิษฐานว่าถ้าพระพุทธเจ้ามีจริง ขอให้นางแคล้วคลาด ปรากฏว่าเชือกขาดโดยพลัน ขณะที่รูปปั้นยักษ์แตกกระจาย พระราชาถึงกับทรงหันกลับมานับถือพระพุทธศาสนา และขอไถ่บาปด้วยการสร้างพระพุทธไสยาสน์เป็นเครื่องเตือนสติ และถือเป็นอนุสรณ์แห่งความรักของหนุ่มสาวทั้งสอง
ด้านหน้าของวัดจะมีร้านขายของ ไม่ว่าจะเป็นผ้าถุง ไม้แกะสลัก ซึ่งสามารถซื้อเป็นของฝากได้
จากนั้นมีบูรณะ วัดนี้เมื่อ พ.ศ.2019 พระเจดีย์นี้ มีพระพุทธรูปปางประทับนั่งโดยรอบทั้ง 4 ทิศ อันได้แก่
• สมเด็จพระสมณโคดมสัมมาสัมพุทธเจ้า ทางทิศเหนือ
• พระ พุทธเจ้าโกนาคมโน ทางทิศใต้
• พระพุทธเจ้ากกุสันโธ ทางทิศตะวันออก
• พระ พุทธเจ้ามหากัสสปะ ในทิศตะวันตก
เราใช้เวลาสักการะประมาณครึ่งชั่วโมงเดินรอบพระเจดีย์ 1 รอบ เพราะเราต้องเดินทางกลับไปย่างกุ้งซึ่งจากเมืองหงสาวดีไปเมืองย่างกุ้งใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมง
ทุก ๆ สถานที่ที่เราไป จะมีอาหาร ผลไม้หั่นเป็นชิ้นๆขายด้านหน้า แต่ไกด์ไม่แนะนำให้เราซื้อทาน เพราะไม่ค่อยสะอาด กลัวว่าจะท้องเสีย บวกกับเราไม่อยากใช้บริการห้องน้ำ 2}000 ไร่ก็เลยไม่กล้าซื้อทาน
เราออกเดินทางจากหงสาวดีประมาณบ่าย 2 โมงกว่า ไปถึงเมืองย่างกุ้ง ประมาณ 4 โมงกว่า ไกด์พาเราไป นั่งจิบชา กาแฟ afternoon tea ที่โรงแรมระดับ 5 ดาวติดริมแม่น้ำย่างกุ้ง
เราใช้เวลาอยู่ที่นี่ประมาณ 1 ชั่วโมง เวลาที่เรารอคอยก็มาถึงค้า ได้เวลาไปสักการะขอพร เทพทันใจและเทพกระซิบกันที่ เจดีย์ โบตาทาวน์ ซึ่งเจดีย์โบตาทาวน์ไม่ไกลจาก จากโรงแรมที่เราทาน Afternoon Tea เรานั่งรถไปไม่ถึง 5 นาทีก็ถึงค่ะ
*ต่อในคอมเม้นท์นะคะ*
CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้