เด็กชายใต้สะพาน (Original 28-11-2007)
“โตขึ้นหนูอยากเป็นอะไรจ๊ะ...”
คำถามที่เด็กๆ มักจะเคยถูกถามจากผู้เป็นบุพการี...คำถามที่แฝงไปด้วยความรักความเอ็นดูและความผูกพันระหว่างผู้เป็นบิดามารดาและลูกตัวน้อย
หากแต่...
มันเป็นคำถามที่ไม่เคยเกิดขึ้นและไม่มีวันจะเป็นเช่นนั้นสำหรับคนบางคน
ค่ำคืนนี้...ที่ใต้สะพานข้ามคลองขนาดใหญ่...
ภายในเงามืดที่เกิดจากการบดบังแสงสีส้มจากหลอดไฟแสงจันทร์ของตัวสะพาน...เด็กชายคนหนึ่ง นอนขดตัวเพื่อป้องกันความหนาวของอากาศในฤดูหนาวยามค่ำคืน
...ผิวดำไหม้...ผมเหนียวเกาะกันเป็นก้อน...ร่างกายผอมโซ...เนื้อตัวมอมแมม...เสื้อผ้าขาดวิ่นซอมซ่อจนไม่อาจแยกแยะได้ว่าแต่เดิมคือสีอะไร...
...เด็กชายบุญทิ้ง...
ตั้งแต่จำความได้...เด็กชายถูกเลี้ยงดูโดยคนแปลกหน้าร่วมกับเด็กอื่นๆ ในสถานที่ซึ่งใครต่อใครเรียกกันว่า...สถานเลี้ยงเด็กกำพร้า...
และ...บุญทิ้ง...ชื่อที่ถูกตั้งขึ้นอย่างตั้งใจเสมือนต้องการจะบอกแก่ใครๆ ว่าเด็กชายมาอยู่ยังสถานที่แห่งนี้ได้อย่างไร
...สถานเลี้ยงเด็กกำพร้า...
ที่ๆ ทำให้เด็กชายรอดชีวิตในวัยแบเบาะ...เขาได้กินอาหารวันละสามมื้อและได้นอนบนที่นอนอุ่นๆ เช่นเดียวกับที่เด็กทั่วไปพึงได้
ถึงแม้รอบๆ กายของเด็กชายจะล้อมรอบไปด้วยเสียงหัวเราะและความสนุกสนานจากเด็กคนอื่นๆ...แต่ภายในใจของเด็กชายแล้ว เขารู้สึกว่าสิ่งเหล่านี้ไม่อาจทำให้เขายิ้มอย่างร่าเริงหรือมีความสุขอย่างแท้จริงได้
...ในใจลึกๆ ของเด็กชายยังแฝงไปด้วยความเหงาความว้าเหว่...
...หลายครั้งที่เด็กชายดูโทรทัศน์ภายในห้องรวม...
เด็กชายจะเห็นภาพของครอบครัวที่อบอุ่นฉายอยู่ในจอโทรทัศน์...ภาพพ่อแม่นั่งกอดลูกสาวตัวเล็กๆ และยิ้มให้กันอย่างมีความสุข
“โตขึ้นหนูอยากเป็นอะไรคะ...” ผู้เป็นแม่ถามลูกซึ่งกำลังนั่งตัวกลมอยู่ในอ้อมกอดอุ่นด้วยความเอ็นดู
“หนูอยากเป็นหมอค่ะ จะได้รักษาคุณพ่อคุณแม่เวลาไม่สบายไงคะ...” ผู้เป็นพ่อแม่ยิ้มรับเสียงตอบเล็กๆ น่ารัก พร้อมใจกันหัวเราะในคำตอบที่ได้รับจากหนูน้อย
...เด็กชายอยากให้มีคนถามแบบนี้กับเขาบ้าง...
...เขาเองก็อยากจะบอกถึงความฝันของตัวเองให้กับผู้ซึ่งเป็นพ่อและแม่ของเขาฟังบ้าง...
บ่อยครั้ง...ค่ำคืนที่เด็กชายนอนหลับ...ในความฝัน...เด็กชายมีครอบครัวที่อบอุ่น...รอยยิ้ม...ความเอาใจใส่และปรารถนาดีจากผู้เป็นพ่อและแม่
...แต่ทุกครั้งที่ตื่นขึ้นมา...ทุกสิ่งทุกอย่างกลับว่างเปล่า...ไม่มีอะไรเลย...นอกจากรอยน้ำตาที่ยังคงหลงเหลือจากความฝันอันแสนสุข และความเหงาที่ยังคงเกาะกินหัวใจ...
...คืนแล้วคืนเล่า...ในมโนภาพ...เด็กชายเดินทางไปและพบกับผู้เป็นพ่อแม่ของตน...และต่อจากนั้น...ชีวิตของเขาจะมีแต่ความสุขตลอดไปเหมือนในละครที่ฉายในโทรทัศน์ทุกคืน...
วันเวลาผ่านไปพร้อมๆ กับเสียงเรียกร้องภายในใจที่ยังคงตามรบเร้าเด็กชายทั้งยามตื่นและยามหลับ...มันไม่เคยจางหายไปหรือลดลงเลยแม้แต่น้อย...ทุกวัน...ทุกวัน...มันยังคงเป็นอยู่เช่นนั้น และเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ
และเมื่อถึงขีดสุดของความอดทนต่อสิ่งเรียกร้องนั้น...เด็กชายตัดสินใจหนีออกจากสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าที่เด็กชายอยู่มาตั้งแต่แบเบาะด้วยหัวใจพองโต...แววตาและรอยยิ้มที่บ่งบอกถึงความมั่นใจเต็มเปี่ยม
...เขาต้องทำได้...ชีวิตแสนสุขที่เขาฝันไว้มานานแสนนาน...
...แต่ทว่า...
สำหรับเด็กตัวเล็กๆ แล้ว...ความฝันก็ยังคงเป็นความฝันอยู่วันยังค่ำ...ในชีวิตจริงหาได้มีเรื่องดีๆ แบบในละครทางจอตู้ไม่
ภายนอกสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า...โลกอันกว้างใหญ่และเมืองอันสับสนวุ่นวายไม่มีที่เหลือพอให้แก่เด็กชาย...
...รอยยิ้มที่เคยมีเริ่มจางหายไปตามกาลเวลาที่ล่วงผ่าน...
...ความหิว ความอดอยาก ช่างโหดร้ายกับสิ่งมีชีวิต...
ไม่มีใครสนใจหรือแม้แต่จะชำเลืองมองเด็กจรจัดเนื้อตัวมอมแมมปราศจากความน่าเอ็นดู
...เศษอาหารในถังขยะ...น้ำเหลือๆ ในแก้วซึ่งถูกทิ้ง...กลายเป็นสิ่งที่เด็กชายใช้สำหรับประทังชีวิต...
...ใต้สะพานลอยแห่งแล้วแห่งเล่าที่เด็กชายเดินผ่าน ถูกใช้เป็นที่สำหรับพักผ่อนเพื่อสานต่อความฝันแสนสวยจากคืนก่อนๆ ที่ผ่านมา และหลีกหนีจากความจริงที่โหดร้ายในช่วงเวลาที่เด็กชายยังลืมตาอยู่บนโลกของความเป็นจริง...
ร่างกายซึ่งแต่เดิมผ่ายผอมอยู่แล้ว...บัดนี้...ยิ่งซูบลงกว่าเดิมอย่างเห็นได้ชัด...ผิวดำคล้ำ...แก้มตอบ...ตาลึกโหล
แต่ถึงกระนั้น...สิ่งเดียวในตัวของเด็กชายที่ยังคงไม่เปลี่ยนแปลงจากวันที่ตัดสินใจหนีออกจากสถานเลี้ยงเด็กกำพร้ามา...แววตาที่มุ่งมั่นและเชื่อมั่นอะไรบางอย่างยังคงอยู่ในนั้น
...สักวันเขาจะพบกับผู้ที่เป็นพ่อและแม่ของตน...และอยู่ด้วยกันอย่างมีความสุข...
เพียงความคิดนี้เท่านั้นที่ยังคงไม่เปลี่ยนแปลง...สิ่งที่ยังคงหล่อเลี้ยงจิตใจของเด็กชายให้ร่างกายผอมแห้งนี้ยืนหยัดต่อไปได้
..............
วันสิ้นปี...วันที่ใครๆ ต่างก็ดูหน้าชื่นตาบาน ความสนุกสนานและบรรยากาศแห่งความสุขดูเหมือนจะโอบคลุมอยู่ทั่วทุกหนแห่ง สถานที่ต่างๆ ทั้งถนนหนทางและติดรามบ้านช่องถูกประดับประดาด้วยสีสันและแสงไฟสวยงาม
...เด็กชายซึ่งกำลังคุ้ยหาเศษของกินในถังขยะเพื่อประทังชีวิตเช่นทุกวัน...
...แค่กๆๆ...
เสียงไอหนักๆ ดังติดต่อกันจนเด็กชายเจ็บหน้าอกและลำคออย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
...อาการไอที่เด็กชายเป็นมาตลอดระยะเวลาหลังจากที่หนีออกจากสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า...
...หากแต่ครั้งนี้...เด็กชายรับรู้ได้ถึงความผิดปกติของร่างกายที่รุนแรงกว่าเดิม...
ร่างกายผอมแห้งไม่ค่อยมีแรงอยู่แล้ว กลับไร้เรี่ยวแรงยิ่งขึ้น...
...สายตาพร่ามัว...สมองหนักงุนงง...สิ่งรอบข้างเหมือนจะหมุนคว้างไร้ทิศทาง...ร่างกายหนาวๆ ร้อนๆ...
เด็กชายยังคงเดินอย่างไร้จุดหมายด้วยร่างกายอันผอมแห้งและสั่นเทา...มือทั้งสองข้างกอดตัวเองเพื่อประทังความหนาวเย็นจากสภาพอากาศ...สายตาพร่ามัวจับจ้องบรรยากาศและแสงสีที่เด่นชัดสวยงามขึ้นเมื่อแสงแห่งทิวาเริ่มหมดลง...
... บ้านหลายหลังที่เด็กชายเดินผ่านถูกประดับประดาด้วยสายรุ้งและไฟสีสวยงามสว่างไสวไปทั้งบ้าน ผู้คนภายในบ้านต่างมีหน้าตายิ้มแย้ม แต่ละคนภายในนั้นต่างมอบความอบอุ่นให้แก่กันและกันอย่างไม่สนใจสภาพอากาศภายนอก...
...บรรยากาศแห่งความสุข...บรรยากาศแห่งความสมหวัง...และ...บรรยากาศที่เด็กชายเฝ้าใฝ่หามาตลอด...
...เมื่อเวลาซึ่งบ่งบอกถึงจุดสิ้นสุดของปีเก่ามาถึง...
พลุสีสันสวยงามถูกจุดขึ้นฟ้าพร้อมๆ กับเสียงเพลงที่บ่งบอกว่านับจากวินาทีนี้ไปคือจุดเริ่มต้นของปีใหม่ได้ถูกขับขานอย่างพร้อมเพรียงกันท่ามกลางรอยยิ้มและเบิกบานของผู้คนเกือบทั้งประเทศ...โทรทัศน์ทุกสถานีถ่ายทอดสดงานเลี้ยงวันปีใหม่ที่สุดแสนอลังการและสวยงาม
...และ...ในค่ำคืนนั้น...
เด็กชายวิ่งโผเข้าสู่อ้อมกอดอันอบอุ่นผู้เป็นพ่อและแม่ในบ้านหลังโตสีขาวสว่างสะอาดตา...เสื้อผ้าสะอาดพอดีตัวของผู้ใส่บ่งบอกถึงความปราณีตในการตัดเย็บ ถูกสวมใส่อยู่บนร่างกายขาวสะอาดของเด็กชายแทนชุดมอซอตัวเก่า
...เสียงหัวเราะร่าเริงของบุคคลทั้งสามภายในบ้านแสดงถึงความสุขและอบอุ่นเหลือล้น...
...ผู้เป็นแม่โอบกอดเด็กชายอย่างรักใคร่ ในขณะที่ผู้เป็นพ่อยืนลูบหัวเด็กชายอยู่ใกล้ๆ...
“บุญทิ้ง...โตขึ้นหนูอยากเป็นอะไรจ๊ะ...” คำถามที่เด็กชายอยากฟังตลอดมา
...ที่เงามืดใต้สะพานข้ามคลองขนาดใหญ่...
...เด็กชายนอนขดกอดตัวเองท่ามกลางความมืดมิดและหนาวเหน็บจากอากาศในฤดูหนาว...เนื้อตัวสั่นเทาเพราะพิษไข้...หากแต่ใบหน้าแสดงความสุขอย่างเหลือล้น...
“โตขึ้นผมอยากเป็น...ครับ”
เสียงละเมอเล็ดลอดออกมาจากปากซีดอย่างแผ่วเบา...น้ำตาแห่งความปีติไหลซึมออกมาจากสองตาที่ยังคงปิดสนิท
ความเหน็บหนาวภายนอกไม่มีผลใดๆ ต่อร่างกายเล็กๆ ซูบผอมของเด็กชายอีกต่อไป
...ต่อจากนี้...เด็กชายจะมีความสุข...ตลอดไป...
เด็กชายใต้สะพาน (Original 28-11-2007)
“โตขึ้นหนูอยากเป็นอะไรจ๊ะ...”
คำถามที่เด็กๆ มักจะเคยถูกถามจากผู้เป็นบุพการี...คำถามที่แฝงไปด้วยความรักความเอ็นดูและความผูกพันระหว่างผู้เป็นบิดามารดาและลูกตัวน้อย
หากแต่...
มันเป็นคำถามที่ไม่เคยเกิดขึ้นและไม่มีวันจะเป็นเช่นนั้นสำหรับคนบางคน
ค่ำคืนนี้...ที่ใต้สะพานข้ามคลองขนาดใหญ่...
ภายในเงามืดที่เกิดจากการบดบังแสงสีส้มจากหลอดไฟแสงจันทร์ของตัวสะพาน...เด็กชายคนหนึ่ง นอนขดตัวเพื่อป้องกันความหนาวของอากาศในฤดูหนาวยามค่ำคืน
...ผิวดำไหม้...ผมเหนียวเกาะกันเป็นก้อน...ร่างกายผอมโซ...เนื้อตัวมอมแมม...เสื้อผ้าขาดวิ่นซอมซ่อจนไม่อาจแยกแยะได้ว่าแต่เดิมคือสีอะไร...
...เด็กชายบุญทิ้ง...
ตั้งแต่จำความได้...เด็กชายถูกเลี้ยงดูโดยคนแปลกหน้าร่วมกับเด็กอื่นๆ ในสถานที่ซึ่งใครต่อใครเรียกกันว่า...สถานเลี้ยงเด็กกำพร้า...
และ...บุญทิ้ง...ชื่อที่ถูกตั้งขึ้นอย่างตั้งใจเสมือนต้องการจะบอกแก่ใครๆ ว่าเด็กชายมาอยู่ยังสถานที่แห่งนี้ได้อย่างไร
...สถานเลี้ยงเด็กกำพร้า...
ที่ๆ ทำให้เด็กชายรอดชีวิตในวัยแบเบาะ...เขาได้กินอาหารวันละสามมื้อและได้นอนบนที่นอนอุ่นๆ เช่นเดียวกับที่เด็กทั่วไปพึงได้
ถึงแม้รอบๆ กายของเด็กชายจะล้อมรอบไปด้วยเสียงหัวเราะและความสนุกสนานจากเด็กคนอื่นๆ...แต่ภายในใจของเด็กชายแล้ว เขารู้สึกว่าสิ่งเหล่านี้ไม่อาจทำให้เขายิ้มอย่างร่าเริงหรือมีความสุขอย่างแท้จริงได้
...ในใจลึกๆ ของเด็กชายยังแฝงไปด้วยความเหงาความว้าเหว่...
...หลายครั้งที่เด็กชายดูโทรทัศน์ภายในห้องรวม...
เด็กชายจะเห็นภาพของครอบครัวที่อบอุ่นฉายอยู่ในจอโทรทัศน์...ภาพพ่อแม่นั่งกอดลูกสาวตัวเล็กๆ และยิ้มให้กันอย่างมีความสุข
“โตขึ้นหนูอยากเป็นอะไรคะ...” ผู้เป็นแม่ถามลูกซึ่งกำลังนั่งตัวกลมอยู่ในอ้อมกอดอุ่นด้วยความเอ็นดู
“หนูอยากเป็นหมอค่ะ จะได้รักษาคุณพ่อคุณแม่เวลาไม่สบายไงคะ...” ผู้เป็นพ่อแม่ยิ้มรับเสียงตอบเล็กๆ น่ารัก พร้อมใจกันหัวเราะในคำตอบที่ได้รับจากหนูน้อย
...เด็กชายอยากให้มีคนถามแบบนี้กับเขาบ้าง...
...เขาเองก็อยากจะบอกถึงความฝันของตัวเองให้กับผู้ซึ่งเป็นพ่อและแม่ของเขาฟังบ้าง...
บ่อยครั้ง...ค่ำคืนที่เด็กชายนอนหลับ...ในความฝัน...เด็กชายมีครอบครัวที่อบอุ่น...รอยยิ้ม...ความเอาใจใส่และปรารถนาดีจากผู้เป็นพ่อและแม่
...แต่ทุกครั้งที่ตื่นขึ้นมา...ทุกสิ่งทุกอย่างกลับว่างเปล่า...ไม่มีอะไรเลย...นอกจากรอยน้ำตาที่ยังคงหลงเหลือจากความฝันอันแสนสุข และความเหงาที่ยังคงเกาะกินหัวใจ...
...คืนแล้วคืนเล่า...ในมโนภาพ...เด็กชายเดินทางไปและพบกับผู้เป็นพ่อแม่ของตน...และต่อจากนั้น...ชีวิตของเขาจะมีแต่ความสุขตลอดไปเหมือนในละครที่ฉายในโทรทัศน์ทุกคืน...
วันเวลาผ่านไปพร้อมๆ กับเสียงเรียกร้องภายในใจที่ยังคงตามรบเร้าเด็กชายทั้งยามตื่นและยามหลับ...มันไม่เคยจางหายไปหรือลดลงเลยแม้แต่น้อย...ทุกวัน...ทุกวัน...มันยังคงเป็นอยู่เช่นนั้น และเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ
และเมื่อถึงขีดสุดของความอดทนต่อสิ่งเรียกร้องนั้น...เด็กชายตัดสินใจหนีออกจากสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าที่เด็กชายอยู่มาตั้งแต่แบเบาะด้วยหัวใจพองโต...แววตาและรอยยิ้มที่บ่งบอกถึงความมั่นใจเต็มเปี่ยม
...เขาต้องทำได้...ชีวิตแสนสุขที่เขาฝันไว้มานานแสนนาน...
...แต่ทว่า...
สำหรับเด็กตัวเล็กๆ แล้ว...ความฝันก็ยังคงเป็นความฝันอยู่วันยังค่ำ...ในชีวิตจริงหาได้มีเรื่องดีๆ แบบในละครทางจอตู้ไม่
ภายนอกสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า...โลกอันกว้างใหญ่และเมืองอันสับสนวุ่นวายไม่มีที่เหลือพอให้แก่เด็กชาย...
...รอยยิ้มที่เคยมีเริ่มจางหายไปตามกาลเวลาที่ล่วงผ่าน...
...ความหิว ความอดอยาก ช่างโหดร้ายกับสิ่งมีชีวิต...
ไม่มีใครสนใจหรือแม้แต่จะชำเลืองมองเด็กจรจัดเนื้อตัวมอมแมมปราศจากความน่าเอ็นดู
...เศษอาหารในถังขยะ...น้ำเหลือๆ ในแก้วซึ่งถูกทิ้ง...กลายเป็นสิ่งที่เด็กชายใช้สำหรับประทังชีวิต...
...ใต้สะพานลอยแห่งแล้วแห่งเล่าที่เด็กชายเดินผ่าน ถูกใช้เป็นที่สำหรับพักผ่อนเพื่อสานต่อความฝันแสนสวยจากคืนก่อนๆ ที่ผ่านมา และหลีกหนีจากความจริงที่โหดร้ายในช่วงเวลาที่เด็กชายยังลืมตาอยู่บนโลกของความเป็นจริง...
ร่างกายซึ่งแต่เดิมผ่ายผอมอยู่แล้ว...บัดนี้...ยิ่งซูบลงกว่าเดิมอย่างเห็นได้ชัด...ผิวดำคล้ำ...แก้มตอบ...ตาลึกโหล
แต่ถึงกระนั้น...สิ่งเดียวในตัวของเด็กชายที่ยังคงไม่เปลี่ยนแปลงจากวันที่ตัดสินใจหนีออกจากสถานเลี้ยงเด็กกำพร้ามา...แววตาที่มุ่งมั่นและเชื่อมั่นอะไรบางอย่างยังคงอยู่ในนั้น
...สักวันเขาจะพบกับผู้ที่เป็นพ่อและแม่ของตน...และอยู่ด้วยกันอย่างมีความสุข...
เพียงความคิดนี้เท่านั้นที่ยังคงไม่เปลี่ยนแปลง...สิ่งที่ยังคงหล่อเลี้ยงจิตใจของเด็กชายให้ร่างกายผอมแห้งนี้ยืนหยัดต่อไปได้
..............
วันสิ้นปี...วันที่ใครๆ ต่างก็ดูหน้าชื่นตาบาน ความสนุกสนานและบรรยากาศแห่งความสุขดูเหมือนจะโอบคลุมอยู่ทั่วทุกหนแห่ง สถานที่ต่างๆ ทั้งถนนหนทางและติดรามบ้านช่องถูกประดับประดาด้วยสีสันและแสงไฟสวยงาม
...เด็กชายซึ่งกำลังคุ้ยหาเศษของกินในถังขยะเพื่อประทังชีวิตเช่นทุกวัน...
...แค่กๆๆ...
เสียงไอหนักๆ ดังติดต่อกันจนเด็กชายเจ็บหน้าอกและลำคออย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
...อาการไอที่เด็กชายเป็นมาตลอดระยะเวลาหลังจากที่หนีออกจากสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า...
...หากแต่ครั้งนี้...เด็กชายรับรู้ได้ถึงความผิดปกติของร่างกายที่รุนแรงกว่าเดิม...
ร่างกายผอมแห้งไม่ค่อยมีแรงอยู่แล้ว กลับไร้เรี่ยวแรงยิ่งขึ้น...
...สายตาพร่ามัว...สมองหนักงุนงง...สิ่งรอบข้างเหมือนจะหมุนคว้างไร้ทิศทาง...ร่างกายหนาวๆ ร้อนๆ...
เด็กชายยังคงเดินอย่างไร้จุดหมายด้วยร่างกายอันผอมแห้งและสั่นเทา...มือทั้งสองข้างกอดตัวเองเพื่อประทังความหนาวเย็นจากสภาพอากาศ...สายตาพร่ามัวจับจ้องบรรยากาศและแสงสีที่เด่นชัดสวยงามขึ้นเมื่อแสงแห่งทิวาเริ่มหมดลง...
... บ้านหลายหลังที่เด็กชายเดินผ่านถูกประดับประดาด้วยสายรุ้งและไฟสีสวยงามสว่างไสวไปทั้งบ้าน ผู้คนภายในบ้านต่างมีหน้าตายิ้มแย้ม แต่ละคนภายในนั้นต่างมอบความอบอุ่นให้แก่กันและกันอย่างไม่สนใจสภาพอากาศภายนอก...
...บรรยากาศแห่งความสุข...บรรยากาศแห่งความสมหวัง...และ...บรรยากาศที่เด็กชายเฝ้าใฝ่หามาตลอด...
...เมื่อเวลาซึ่งบ่งบอกถึงจุดสิ้นสุดของปีเก่ามาถึง...
พลุสีสันสวยงามถูกจุดขึ้นฟ้าพร้อมๆ กับเสียงเพลงที่บ่งบอกว่านับจากวินาทีนี้ไปคือจุดเริ่มต้นของปีใหม่ได้ถูกขับขานอย่างพร้อมเพรียงกันท่ามกลางรอยยิ้มและเบิกบานของผู้คนเกือบทั้งประเทศ...โทรทัศน์ทุกสถานีถ่ายทอดสดงานเลี้ยงวันปีใหม่ที่สุดแสนอลังการและสวยงาม
...และ...ในค่ำคืนนั้น...
เด็กชายวิ่งโผเข้าสู่อ้อมกอดอันอบอุ่นผู้เป็นพ่อและแม่ในบ้านหลังโตสีขาวสว่างสะอาดตา...เสื้อผ้าสะอาดพอดีตัวของผู้ใส่บ่งบอกถึงความปราณีตในการตัดเย็บ ถูกสวมใส่อยู่บนร่างกายขาวสะอาดของเด็กชายแทนชุดมอซอตัวเก่า
...เสียงหัวเราะร่าเริงของบุคคลทั้งสามภายในบ้านแสดงถึงความสุขและอบอุ่นเหลือล้น...
...ผู้เป็นแม่โอบกอดเด็กชายอย่างรักใคร่ ในขณะที่ผู้เป็นพ่อยืนลูบหัวเด็กชายอยู่ใกล้ๆ...
“บุญทิ้ง...โตขึ้นหนูอยากเป็นอะไรจ๊ะ...” คำถามที่เด็กชายอยากฟังตลอดมา
...ที่เงามืดใต้สะพานข้ามคลองขนาดใหญ่...
...เด็กชายนอนขดกอดตัวเองท่ามกลางความมืดมิดและหนาวเหน็บจากอากาศในฤดูหนาว...เนื้อตัวสั่นเทาเพราะพิษไข้...หากแต่ใบหน้าแสดงความสุขอย่างเหลือล้น...
“โตขึ้นผมอยากเป็น...ครับ”
เสียงละเมอเล็ดลอดออกมาจากปากซีดอย่างแผ่วเบา...น้ำตาแห่งความปีติไหลซึมออกมาจากสองตาที่ยังคงปิดสนิท
ความเหน็บหนาวภายนอกไม่มีผลใดๆ ต่อร่างกายเล็กๆ ซูบผอมของเด็กชายอีกต่อไป
...ต่อจากนี้...เด็กชายจะมีความสุข...ตลอดไป...