TWO TOP สองอันตราย - [บทความวุ่นวายในประจิม] - ตอนที่ 36 : ความจริงสุดท้าย

ตอนที่ผ่านมา
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้

=====================================================================================

ตอนที่ 36 : ความจริงสุดท้าย

    จากการที่ยูยะโดนแผนการอันแยบคายของปรีที่พลิกไปพลิกมาจนสามารถโจมตีเข้าใส่ได้เต็ม ๆ ด้วยวิชาเคลื่อนย้ายของเหลวในหู ทำให้เขาล้มลงและพอจะลุกขึ้นมาก็ไม่สามารถลุกขึ้นยืนได้เลย เพราะความสมดุลสูญเสียไปขณะหนึ่ง

    ปรีและเหล่านักเรียนประจิมสวัสดิ์ต่างมองดูยูยะที่พยายามลุกขึ้นมา แต่ก็ไม่มีผู้ใดไปซ้ำเติมหรือทำอย่างอื่นอย่างใด

    ยูยะกัดฟันฝืนกายพยายามลุกขึ้นยืนหลากหลายครั้ง แต่ไม่ว่าจะกี่ครั้ง ทุกครั้งเขาก็ต้องทรุดล้มลงกับพื้นไป

    ดูท่าการโจมตีของปรีครั้งนี้จะได้ผลมากทีเดียว

    “ระ..ร้ายกาจมาก” ยูยะเงยหน้าพูดขึ้นมาขณะที่เพิ่งทรุดตัวลง

    ปรีมองยูยะตอบ เขาไม่ได้พูดอะไรออกมา เพียงพยักหน้ารับเท่านั้น ซึ่งถึงแม้ปรีจะโจมตียูยะได้สำเร็จ แต่สภาพร่างกายของเขาก็ยังบอบช้ำอยู่เช่นเดิม โดยเหตุที่ปรียืนต่อสู้กับยูยะได้นี่ คงเป็นเพราะใจที่ไม่ยอมแพ้ ไม่ว่าตัวเองจะเป็นอะไรก็ตาม

    อย่างที่เคยได้ยินกันว่า จิตเป็นนาย กายเป็นบ่าว นั่นเอง

    แต่ถ้ายูยะสามารถลุกขึ้นได้และอาการดีขึ้น ก็ไม่แน่ว่าปรีจะรับมือได้อีก เพราะพลังกายทั้งหมดของหนุ่มผมหยิกทุ่มเทไปกับแผนการนั้นหมดแล้ว

    สี่ขุนพลที่เปลี่ยนเป็นผู้ชมอีกครั้งรวมทั้งบุคคลอื่นยังคงอยู่ด้านข้างโรงยิม ต่างไม่ได้เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับทั้งสอง เพียงมองดูกันอย่างเดียว เพราะว่าการต่อสู้ยังไม่จบ

    ปรีกลับมาตั้งท่าคล้ายไม่ตั้งท่าตามแบบฉบับของตน  สายตาของผู้ล่ายังส่องประกายไม่เปลี่ยน แม้ร่างกายจะบอบช้ำก็ตาม เขาจ้องดูยูยะที่พยายามลุกขึ้นยืนอยู่ตลอด

    ยูยะพยายามไม่รู้กี่ครั้ง ไม่ยอมเลิกรา จนมีอยู่ครั้งหนึ่งที่พอจะตั้งตัวสักวินาที เขาก็ได้ทำการหนึ่งขึ้นทันที

    ยูยะกางแขนทั้งสองข้างออกด้วยความรวดเร็ว แล้วใช้มือทั้งสองตบเข้าที่ใบหูของตัวเองอย่างรุนแรง

    ซึ่งการกระทำนี้ไม่ต่างอะไรกับวิชาเคลื่อนย้ายของเหลวในหูที่ตัวเองโดนปรีโจมตีเลย

    แต่ว่าครั้งนี้เป็นการทำของยูยะที่ใช้กับตัวเอง

    ทันทีที่ตบเข้าใบหู ยูยะก็ทรุดตัวลงอีก ครั้งนี้เขาล้มนอนอยู่นานทีเดียว

    ทุกคนต่างประหลาดใจกับการกระทำของยูยะ คาดไม่ถึงว่ายูยะจะกล้าลงมือกับตัวเองเช่นนี้ จึงได้แต่ยืนดูเหตุการณ์ต่อว่าจะเป็นเช่นไร

    จากนั้นไม่นานยูยะก็รู้สึกตัว เขานิ่งมองไปรอบ ๆ ในท่าล้มคว่ำนั้น แล้วค่อย ๆ ชันตัวลุกขึ้นมายืน

    ยังเป็นเช่นเดิม พอตั้งตัวได้ยูยะก็ทรุดตัวลงอีก แต่ว่าครั้งนี้ไม่ล้มลง

    ยูยะเกร็งขาก้าวค้ำจนสามารถยืดตัวลุกยืนตรง พร้อมเงยหน้ามองหนุ่มผมหยิกตรงหน้า

    ปรีตื่นตกใจและระบายลมออกมาด้วยความกังวล ซึ่งเพราะพอยูยะยืนขึ้นได้ ก็เหมือนกับสภาพร่างกายของเขากลับเป็นเหมือนเดิม เนื่องจากรอยยิ้มอันยียวนของยูยะกลับมากวนประสาทได้ไม่ต่างจากเก่าแม้แต่น้อย อย่างกับการโจมตีของปรีไม่มีผลเลย

    เหตุที่ยูยะสามารถลุกขึ้นยืนได้แม้โดนวิชาเคลื่อนย้ายของเหลวในหูของปรี มาจากการทำในลักษณะเดียวกันของยูยะนั่นเอง ยูยะยอมเสี่ยงใช้มือสองข้างตบเข้าที่ใบหูอย่างรุนแรง เพื่อให้ความดันของของเหลวในหูชั้นในกลับมาอยู่เหมือนเดิม ซึ่งมันเป็นการเสี่ยงมาก เพราะหากน้ำหนักของแรงและความแม่นยำไม่เหมาะสม มากหรือน้อยเกินไป จะเป็นผลเสียกับตัวเองอย่างยิ่ง การทรงตัวจะแย่กว่าเดิมลงอีก ซ้ำอาจรุนแรงขนาดแก้ไม่ได้ด้วย

    ยูยะฉีกยิ้มมองดูปรีอยู่เนิ่นนาน เขายังไม่ได้พูดอะไรออกมา เพียงมองเท่านั้น

    ปรีเห็นกระนั้น ก็จ้องมองตอบ เหงื่อกาฬผุดขึ้นบนใบหน้าตามมา เขาคิดในใจว่า หากต้องต่อสู้กับยูยะในครั้งนี้ เขาไม่อาจจะรับมือได้แน่

    แล้วยูยะก็ฉีกยิ้มกว้างอีก พูดขึ้นว่า

    “ฉันยอมแพ้”

    พอได้ยินยูยะพูด ทุกคนต่างตกตะลึง เพราะจู่ ๆ ยูยะกลับขอยอมแพ้ซะได้ ทั้งที่ตอนนี้เขาได้เปรียบปรีกว่ามาก

    ปรีงุนงงกับการกระทำของยูยะ พูดขึ้นว่า

    “นายว่าอะไรนะ?”

    ยูยะมองปรี พูดต่อ “ปรี... ฉันไม่สู้แล้ว ขอยอมแพ้”

    “หือ.. ทำไม?”

    “ปรี...” ยูยะจ้องมอง “..นายเหมาะสมแล้วที่จะเป็นจักรพรรดิ เรื่องความแค้นของนายกับฉันมันจบแล้ว ฉันไม่ต้องการที่จะต่อสู้ต่อไป”

    ปรีนิ่งมอง เขาประหลาดใจ ไม่คิดว่ายูยะที่ต่อสู้กับเขามาตลอดกลับมาพูดเช่นนี้ได้

    ยูยะพูดขึ้นต่อ “ฝีมือนายไม่เลว เก่งกว่าฉันเสียอีก ...วิชาการต่อสู้ที่ใช้ความรู้และการศึกษาของนายยอดเยี่ยมมากทีเดียว”

    ปรียังไม่พูดตอบ นิ่งคิด ในใจกำลังคิดว่า ยูยะอาจจะใช้แผนอะไรอีกถึงพูดและทำเช่นนี้ แล้วเขาก็เอ่ยพูดกับยูยะว่า

    “มันอะไรกัน! ทำไมนายต้องมาพูดอย่างนี้ แล้วที่ต่อสู้มาทั้งหมดล่ะ”

    ยูยะคลี่ยิ้ม “ไม่มีอะไรหรอก ที่พูดมาฉันแค่พอใจในสิ่งที่ทำมาทั้งหมด เพราะทุกอย่างมันเป็นไปตามที่ฉันต้องการแล้ว”

    “เอ๋! ยังไง?”

    “นายลองคิดเองละกัน สมองอันปราดเปรื่องของจักรพรรดิรุ่นที่ 14 สามารถรู้จุดประสงค์ที่แท้จริงอยู่แล้ว”

    ปรีนิ่งคิด ทบทวนในหลาย ๆ สิ่งที่เกิดขึ้น สักพักเขาก็พูดขึ้นว่า

    “..หรือทั้งหมดที่นายทำเป็นแผน...”

    “หึ... ไม่ต้องพูดหรอก มันเป็นอย่างที่นายคิดนั่นแหละ” ยูยะพูดแทรกราวกับรู้ว่าปรีจะพูดอะไรขึ้นมา “...ทุกอย่างมันเป็นแผนการอีกขั้นของฉัน”

    “นายทำอย่างนี้เพื่ออะไร?”

    “ก็เพื่อพวกนายและโรงเรียนประจิมสวัสดิ์ไง”

    “ทำไมล่ะ? มันไม่ใช่เป็นการทำให้วุ่นวายหรือ?”

    “อาจจะมีบ้างที่วุ่นวาย แต่หากไม่ทำแบบนี้สิ่งที่ฉันต้องการมันก็ไม่เกิดขึ้น ใช่! ฉันอยากสู้กับนายอีกครั้ง แต่ว่าไม่ใช่สู้กันด้วยความแค้นแล้ว เพียงต้องการที่จะรู้ฝีมือที่แท้จริงของนาย ฉันก็เลยต้องใช้แผนการที่ยุ่งยากวุ่นวายนี้ เพราะถ้าไม่ทำแบบนี้ นายก็ไม่ยอมต่อสู้แน่ ๆ เนื่องจากนายเป็นจักรพรรดิที่ไม่เหมือนฉัน”

    ปรีนิ่งฟัง รอยูยะกล่าวสืบต่อ

    “นายอาจคิดไม่ถึงว่าการที่นายได้เป็นจักรพรรดิมันจะมีผลอีกอย่างตามมา หลังจากที่ฉันแพ้นายไป ฉันได้สืบทราบว่า แต่ละโรงเรียนเริ่มเคลื่อนไหวภายใน เตรียมการอะไรบางอย่างทันทีเมื่อนายได้เป็นจักรพรรดิ โดยเฉพาะอย่างยิ่งโรงเรียนในกลุ่มจตุรทิศ”

    “หมายความว่าไง?”

    “ก็เพราะเมื่อก่อนโรงเรียนอื่นจะเกรงอำนาจและบารมีของโรงเรียนเราจากตัวจักรพรรดิในแต่ละรุ่น ตอนฉันเป็นจักรพรรดิถึงต้องออกต่อสู้บ่อย ๆ เพื่อให้โรงเรียนอื่นได้รับรู้ โรงเรียนเราจะได้ไม่เป็นลูกไล่ แต่พอนายเป็น นายเลือกไม่แสดงตัวเองให้ใครรับรู้ เพราะไม่อยากให้ใครมาท้าชิงตำแหน่ง ภายในโรงเรียนจะได้ไม่วุ่นวาย ซึ่งมันก็ไม่ผิด แต่มันก็ทำให้อำนาจและบารมีของนายลดลง ฉันจึงไปปรึกษากับท่านลุงว่าจะทำอย่างไร ท่านลุงเพียงบอกว่า ‘ไม่ว่าเราจะอยู่ที่ไหน เราก็คือพวกเดียวกัน’ ฉันเลยตัดสินใจไปเข้าโรงเรียนจักรวรรดิบูรพา จะได้มีโอกาสสู้กับนาย เพื่อทดสอบและทำให้มีชื่อเสียงขึ้นมา”

    นี่เป็นเหตุที่ว่าทำไมท่านลุงถึงรู้เรื่องราวที่เกิดขึ้นภายในโรงเรียนประจิมสวัสดิ์ทั้งหมด

    ยูยะพูดขึ้นต่อ “แต่จะให้ท้าสู้ธรรมดา มันอาจจะไม่เนียนพอที่จะทำให้นายและสี่ขุนพลเอาจริงขึ้นมาได้ ดังนั้น ฉันจึงวางแผนให้ลึกซึ้งหลายขั้นตอน เพื่อที่จะเป็นการทดสอบขุมกำลังของประจิมสวัสดิ์และชักนำให้นายออกมาสู้ด้วยตนเอง”

    ปรีมองยูยะด้วยสายตาที่เป็นมิตรขึ้น แล้วพูดออกมาว่า “แผนของนายแยบยลมากทีเดียว ฉันดูไม่ออกเลย ...ยูยะที่นายทำแบบนี้ เพราะยังรักโรงเรียนประจิมสวัสดิ์อยู่ใช่ไหม?”

    หนุ่มผมทองพยักหน้ารับ

    “งั้นนายกลับมาอยู่โรงเรียนเราเถอะ จะเป็นจักรพรรดิตามเดิมก็ได้ อย่างนายเหมาะสมกว่าฉันอีก”

    “ขอบใจ แต่คงไม่แล้ว” ยูยะส่ายหน้า “ปรี... นายเหมาะสมที่จะเป็นจักรพรรดิแล้วล่ะ แล้วฉันก็คงอยู่ที่นี่ไม่ได้หรอก”

    “ทำไมล่ะ?”

    “เอาน่า อย่ารู้เลย”

    “งั้นก็ไม่เป็นไร ...แต่นายไม่โกรธฉันหรือ...เรื่องจินน่ะ”

    “ไม่ล่ะ” เขาหันไปทางจิน พูดกับเธอว่า “จิน ...ปรีเหมาะสมแล้ว ฉันขอโทษ... ขอโทษอีกครั้งในทุกอย่างที่ฉันทำไม่ดีกับเธอไป อโหสินะ?”

    จินไม่พูดอะไรตอบ มองยูยะเพียงอย่างเดียว

    “เอ่อ...” ยูยะหันกลับมาทางปรี พูดต่อ “ฉันขอตัวก่อนนะ ขอโทษที่ทำให้เกิดเรื่องวุ่นวายมากมาย”

    ว่าแล้วเขาก็ค่อย ๆ หันหลังกลับไปหยิบรองเท้าที่ถอดไว้ สวมใส่มัน  แล้วค่อยก้าวเดินช้า ๆ มุ่งไปทางประตูโรงยิม

    แต่ว่าปรีก็พูดขึ้นอีก

    “ยูยะ นายจะไปที่ไหน?”

    ยูยะหันกลับมายิ้ม พูดว่า “ก็โรงเรียนเทคนิกจักรวรรดิบูรพาสิ ตอนนี้ฉันเป็นหนึ่งในห้าผู้คุมกฎของจักรวรรดิบูรพาเชียวนะ”

    “แล้วนายจะอยู่จักรวรรดิบูรพาได้อีกเหรอ.. พวกเค้าจะไม่ทำอะไรนายหรือ?”

    “อืม” ยูยะพยักหน้าให้ “พอดีมีเรื่องต้องทำน่ะ ไงก็ฝากนายดูแลประจิมสวัสดิ์ให้ด้วยและช่วยปลุกไอ้ลูกน้องฉันที่นอนอยู่ให้กลับไปด้วยนะ ..ฉันไปล่ะ”

    พูดเสร็จยูยะก็ผลักประตูโรงยิมเดินออกไป

    ซึ่งขณะที่ยูยะกำลังจะออกไปก็มีฝ่ายประจิมสวัสดิ์บางคนขยับตัวหมายโจมตียูยะ แต่ก็ถูกปรียกมือขวางไว้ก่อน ทำให้ยูยะออกไปอย่างไม่มีอะไร




(มีต่อครับ)
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่