ตอนที่ผ่านมา
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้ตอนที่ 30 : โปรเฟสเซอร์ ปะทะ นักปราชญ์มากรู้
https://ppantip.com/topic/38407250
=====================================================================================
ตอนที่ 31 : ท๊อปสปีด
ยูยะเหม่อมองร่างภูมินที่โดนกระแสไฟฟ้าช็อตอยู่วูบหนึ่ง แล้วค่อยหันไปจ้องหน้าแจ็ค
ในตอนนี้นักปราชญ์มากรู้ ภูมินพ่ายแพ้ให้กับโปรเฟสเซอร์ แจ็คอย่างแน่นอน แจ็คจ้องหน้ายูยะตอบคล้ายบ่งบอกว่าถึงตานายจะต้องต่อสู้แล้ว
ยูยะในทีแรกสีหน้าแปรเปลี่ยนเป็นตึงเครียดช่วงหนึ่ง แต่ไม่นานก็กลับมามีสีหน้าและท่าทางสนุกสนาน ยียวน ขี้เล่นตามเดิม
เขายกขาเตะสูงตัดเชือกที่ร้อยติดกับมีดที่ปักอยู่ที่สวิตช์อย่างรวดเร็ว ทำให้กระแสไฟฟ้าที่ส่งผ่านอยู่ถูกตัดขาด ภูมินจึงหลุดจากการโดนกระแสไฟฟ้าช็อต แต่ถึงยังไงเขาก็ยังสลบอยู่ดี
ความเร็วของยูยะที่เตะออกนี้ค่อนข้างสูงมากทีเดียว เพราะถ้าไม่เร็วมากถึงขนาดนี้ ไฟฟ้าต้องกระทบถูกและช็อตเขาด้วยอย่างแน่นอน
ยูยะค่อย ๆ ก้าวเดินเข้าหาแจ็คและผู้อื่นของฝ่ายประจิมสวัสดิ์ แล้วพูดขึ้นว่า
“ไม่เบานี่... ยังไม่มีใครเป็นอะไรเลย สงสัยฉันต้องจัดการพวกนายด้วยตัวเองแล้ว”
สิ้นคำยูยะพุ่งตัวด้วยความเร็วสูงยิ่งเข้าจู่โจมสองยักษ์วัดแจ้งวัดโพธิ์โดยฉับพลัน อีกฝ่ายไม่ทันรู้ตัวถูกเตะเสยปลายคางอย่างความแม่นยำ จนหน้าหงายแล้วแน่นิ่งไป
“เสร็จไปสอง” ยูยะพูดขึ้น แล้วเคลื่อนตัวต่อด้วยความเร็วไม่แพ้เดิม
สองยักษ์แห่งสายศิลป์ถูกยูยะจัดการอย่างรวดเร็ว
แน่นอนว่าทุกคนต้องตกตะลึง แต่สิ่งที่แต่ละคนตกตะลึงหาใช่การโจมตีที่คาดไม่ถึงของยูยะครั้งนี้ หากเป็นการเคลื่อนไหวที่รวดเร็วยิ่งของยูยะ
บุรุษผมทองเคลื่อนตัวด้วยความเร็วสูงยิ่ง พุ่งตัวจนมองเห็นเป็นแค่เงาร่างอย่างเร่งร้อน เรียกได้ว่า ผู้อื่นมิอาจมองตามได้ทัน เพราะพอหันมองกลับไปก็พบเห็นร่างของสองยักษ์หน้าหงายล้มคว่ำไปแล้ว ไม่อาจเห็นว่ายูยะโจมตีในลักษณะใด
นี่คือ การเคลื่อนไหวที่รวดเร็วและเร่งร้อนยิ่งของยูยะ หนุ่มผมทองผู้ได้รับฉายาว่า ท๊อปสปีด
ท๊อปสปีดย่อมแปลว่าความเร็วที่สุดยอด ซึ่งเป็นฉายาที่เหมาะสมกับเขาอย่างยิ่ง
ยูยะเข้ามาในโรงเรียนประจิมสวัสดิ์ในช่วง ม. 4 แน่นอนว่าขณะนั้นเขายังไม่ได้เป็นจักรพรรดิและไม่มีตำแหน่งใด ๆ
แต่สิ่งที่ยูยะมีมาก่อนเข้าเรียนที่ประจิมสวัสดิ์คือ เทควันโด เขาเป็นถึงผู้ชนะเลิศการแข่งขันเทควันโดชิงแชมป์ประเทศไทยระดับมัธยมตอนต้น
ซึ่งไม่เพียงแค่เทควันโดเท่านั้นที่ยูยะมี
เขายังเป็นหัวหน้ากลุ่มนักเรียนนักเลงที่โรงเรียนเก่าสมัยมัธยมต้น แต่เนื่องจากย้ายโรงเรียนมาจากเขตอื่น จึงไม่ค่อยมีผู้คนในโรงเรียนประจิมสวัสดิ์รู้เรื่องนี้นัก
เมื่อยูยะเข้ามาเรียนที่ประจิมสวัสดิ์จึงไม่กริ่งเกรงใคร แต่ก็ใช่ว่าเขาจะเข้าไปหาเรื่องหรือท้าสู้กับผู้ใด เขาไม่ต่อสู้กับใครเลย ไม่ว่าจะเป็นจักรพรรดิหรือสี่ขุนพลในสมัยนั้นก็ตาม
เขากลับตั้งชมรมเทควันโดขึ้น
แม้ในมัธยมต้นเขาจะเป็นถึงหัวหน้ากลุ่มนักเรียนนักเลง แต่การตั้งชมรมเทควันโดก็ไม่ได้ตั้งใจให้เป็นแหล่งรวมตัวหรือซ่องสุม เขาตั้งชมรมเพื่อการแข่งขันเทควันโดในรูปแบบกีฬาจริง ๆ
ยูยะเป็นประธานชมรมเทควันโดตั้งแต่เริ่มเข้าเรียน และได้เป็นตัวแทนของโรงเรียนประจิมสวัสดิ์เข้าแข่งขันเทควันโดชิงแชมป์ประเทศไทยในระดับมัธยมปลายจนได้รับตำแหน่งชนะเลิศเลยทีเดียว
ด้วยเหตุนี้ทำให้ยูยะเริ่มมีชื่อเสียงมากขึ้นในโรงเรียนประจิมสวัสดิ์ มีนักเรียนหลากหลายคนเข้าชมรมเทควันโดเพิ่มขึ้น จนพื้นที่ภายในห้องชมรมที่อยู่ภายในตึกเจ็ดไม่เพียงพอ ต้องย้ายชมรมไปอยู่ใต้อัฒจันทน์สนามกีฬาแทน
แต่จากการที่มีนักเรียนเข้าชมรมเพิ่มนี้ ทำให้เกิดเรื่องขึ้นตามมา เนื่องจากมีลูกน้องสมัยก่อนของยูยะหลายคนตามเข้าเป็นสมาชิกชมรมเทควันโดด้วย ในช่วงหลังชมรมเทควันโด้จึงกลับกลายเป็นแหล่งซ่องสุมกำลังของยูยะโดยปริยาย
เหล่าลูกน้องที่ตามติดมานี่แหละเป็นผู้ก่อเรื่องขึ้น พวกเขาใช้กำลังและอำนาจทำร้ายเหล่านักเรียนในประจิมสวัสดิ์ให้ยอมศิโรราบเข้าไปอยู่กับพวกตน โดยการกระทำเหล่านี้ยูยะไม่ได้รับรู้แม้แต่น้อย
อย่างที่รู้ในยุคนั้นก็มีจักรพรรดิอยู่เช่นกัน แชมป์ จักรพรรดิประจิมสวัสดิ์รุ่นที่ 12 จึงเริ่มเคลื่อนไหวเข้าหยุดการกระทำของพวกลูกน้องของยูยะไม่ให้ก่อเรื่องขึ้น ทำให้พวกลูกน้องยูยะที่โดนขัดขวางต้องวางแผนให้ยูยะจัดการกับแชมป์ จักรพรรดิในยุคนั้นให้ได้
พวกเขาแกล้งทำเหมือนว่าโดนจักรพรรดิทำร้ายช่วงออกไปฝึกซ้อมนอกสถานที่ ยูยะที่ไว้ใจพรรคพวกจึงออกโรงต่อสู้กับจักรพรรดิเพื่อสะสางเรื่องนี้อย่างไม่สงสัยอะไร
เนื่องจากที่ประจิมสวัสดิ์เคยมีกฎข้อหนึ่งคือ ตำแหน่งจักรพรรดิสามารถท้าชิงได้ โดยต้องดวลกันตัวต่อตัว ภายใต้สายตาเหล่านักเรียนภายในโรงเรียน ซึ่งกฎข้อนี้ทำให้ภายหลังจักรพรรดิคนล่าสุดอย่างปรีถึงไม่ยอมเปิดเผยตัวตนให้ผู้ใดรู้
ดังนั้น จากการที่ยูยะเข้าท้าชิงตำแหน่งกับแชมป์ จักรพรรดิรุ่นที่ 12 ทำให้ทั้งสองต้องต่อสู้กัน เพื่อพิสูจน์ว่าจักรพรรดิประจิมสวัสดิ์จะยังเป็นแชมป์ต่อไป หรือว่าจะเป็นยูยะที่เข้ามาแทน
จักรพรรดิรุ่นที่ 12 แชมป์ ย่อมมีฝีมิอไม่ธรรมดา เขาได้รับฉายาว่า ประกายแสงแห่งประจิมสวัสดิ์
เพราะแชมป์ได้ชื่อว่าเป็นผู้มีความเร็วสูงยิ่ง ทุกการเคลื่อนไหวว่องไวและรวดเร็วมากกว่าคนทั่วไป จนบางครั้งเห็นเพียงประกายแสงวูบไปวูบมา อันเป็นที่มาของฉายา ประกายแสงแห่งประจิมสวัสดิ์นั่นเอง
แต่ยูยะก็หายี่หระกับเรื่องราวเหล่านี้ไม่ เขาเองก็ได้รับฉายาว่า ท๊อปสปีด ย่อมมีความรวดเร็วไม่แพ้แชมป์เป็นแน่
และแล้วการต่อสู้ของสองผู้มีความเร็วสูงจึงเริ่มต้นขึ้น
จักรพรรดิรุ่นที่ 12 ประกายแสงแห่งประจิมสวัสดิ์ แชมป์ ปะทะ ประธานชมรมเทควันโด ท๊อปสปีด ยูยะ
เมื่อการต่อสู้เริ่มต้นขึ้น เหล่านักเรียนจึงมาร่วมชม ยูยะเริ่มต้นออกอาวุธด้วยลูกเตะต่าง ๆ ตามแบบฉบับเทควันโดเข้าใส่หลากหลายครั้ง แต่แชมป์ก็สามารถเคลื่อนไหวหลบหลีกได้อย่างไม่ยากเย็น
ความเร็วในการเคลื่อนไหวของทั้งคู่ช่างรวดเร็วนัก ยูยะโจมตีด้วยความเร็วสูงจนเห็นเท้าเพียงแค่เงา แชมป์เองก็หลบหลีกจนเห็นเป็นประกายแสงด้วยความเร็วไม่แพ้กัน
“ไม่เบานี่ยูยะ โจมตีได้เร็วทีเดียว” จักรพรรดิรุ่นที่ 12 แชมป์พูดขึ้น ขณะที่ถอยตัวหลบหลีกการโจมตีของยูยะ
“เช่นกันจักรพรรดิ สมแล้วที่ได้ฉายาประกายแสงแห่งประจิมสวัสดิ์” ยูยะพูดสวนกลับ ยังเข้าจู่โจมแชมป์ต่อ
แชมป์เริ่มโจมตีกลับบ้าง เขาอาจจะเตะได้ไม่หลากหลายเท่ายูยะ แต่การออกหมัดและลูกเตะของเขาก็ยังรวดเร็ว เห็นเพียงประกายแสงเท่านั้น
แน่นอนว่ายูยะสามารถหลบได้ เขาใช้ความรวดเร็วและการเคลื่อนที่เป็นวงกลมแบบไม่ฝืนแรง หลบหลีกการโจมตีของแชมป์ไว้ได้
เมื่อต่อสู้ไปแชมป์เริ่มตระหนักถึงความสามารถของยูยะแล้วว่า คนผู้นี้มีความเร็วเทียบเท่าตน ทั้งยังมีกระบวนท่าแบบเทควันโดเป็นตัวเสริมอีก ระดับฝีมือจึงไม่ใช่ธรรมดาจริง ๆ แต่ถึงอย่างนั้นก็ใช่ว่าตัวเขาเองจะรู้สึกเสียเปรียบ แชมป์เป็นถึงผู้มีตำแหน่งสูงสุดในโรงเรียนประจิมสวัสดิ์ย่อมมีสิ่งอื่นที่นอกเหนือจากความเร็วแน่
แชมป์หยุดการโจมตีถอยตัวออกห่างยูยะ แล้วหยิบของสิ่งหนึ่งออกมา
เป็นถุงมือคู่หนึ่ง
แต่ถุงมือนี้หาใช่ถุงมือปกติธรรมดา มันเป็นถุงมือใยสังเคราะห์สีเงินที่ส่องประกายวูบวาบไปมา
แชมป์สวมถุงมืออย่างรวดเร็ว แล้วเข้าโจมตีต่อ
ทันทีที่แชมป์ออกหมัด ประกายวาบจากถุงมือก็พุ่งเข้าตาของยูยะ ทำให้เสี้ยววินาทีที่ยูยะกะพริบตาหลบแสง ถูกหมัดของแชมป์เข้าใส่ไปเต็ม ๆ
พอสิ้นหนึ่งครั้ง หมัดระลอกต่อไปก็ถาโถมเข้าตามทันที ยูยะถูกหมัดของแชมป์เข้าใส่หลายทีจนไม่อาจจะหลีกหนีได้ทัน ต้องร่นถอยออกไป
แต่เมื่อยูยะถอยออกไปนั้น เขาก็สะบัดรองเท้าที่สวมใส่ทิ้ง แล้วพุ่งเข้าหาพร้อมเตะสวนเข้าใส่แชมป์โดยทันที
แข้งขาพุ่งเข้าร่างแชมป์อย่างรวดเร็ว แต่ทันทีที่แข้งขานั้นพุ่งเข้าใกล้ตัวแชมป์ แข้งขาอีกข้างของยูยะกลับพุ่งเข้ามาแทน
จักรพรรดิรุ่นที่ 12 ไม่ทันคาดคิด แข้งขาข้างนี้พุ่งเสยเข้าเต็มปลายคางของเขาจนหน้าหงาย แต่มันยังไม่สิ้นแรง แข้งขาข้างนั้นยังพุ่งเลยผ่านหน้าของแชมป์ แล้วเปลี่ยนเป็นทิ้งส้นเท้าเข้าใส่ใบหน้าของเขา
แชมป์โดนส้นเท้าของยูยะเข้าเต็ม ๆ
นี่คือ ท่าเคารพฟ้าดิน ท่าที่เตะปลายคางจนหน้าหงายและทิ้งส้นเท้าจากข้างขานั้นเข้าใส่ใบหน้าตามอย่างต่อเนื่องและรวดเร็ว
แชมป์โดนท่าเคารพฟ้าดินเข้าไปเต็มที่ย่อมไม่อาจต่อสู้ไหว เขาล้มนอนลงไม่ห่างเท้าของยูยะเลยทีเดียว
จักรพรรดิรุ่นที่ 12 โดนโค่นแล้ว
ยูยะกลับกลายเป็นจักรพรรดิคนใหม่
(มีต่อครับ)
TWO TOP สองอันตราย - [บทความวุ่นวายในประจิม] - ตอนที่ 31 : ท๊อปสปีด
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
=====================================================================================
ตอนที่ 31 : ท๊อปสปีด
ยูยะเหม่อมองร่างภูมินที่โดนกระแสไฟฟ้าช็อตอยู่วูบหนึ่ง แล้วค่อยหันไปจ้องหน้าแจ็ค
ในตอนนี้นักปราชญ์มากรู้ ภูมินพ่ายแพ้ให้กับโปรเฟสเซอร์ แจ็คอย่างแน่นอน แจ็คจ้องหน้ายูยะตอบคล้ายบ่งบอกว่าถึงตานายจะต้องต่อสู้แล้ว
ยูยะในทีแรกสีหน้าแปรเปลี่ยนเป็นตึงเครียดช่วงหนึ่ง แต่ไม่นานก็กลับมามีสีหน้าและท่าทางสนุกสนาน ยียวน ขี้เล่นตามเดิม
เขายกขาเตะสูงตัดเชือกที่ร้อยติดกับมีดที่ปักอยู่ที่สวิตช์อย่างรวดเร็ว ทำให้กระแสไฟฟ้าที่ส่งผ่านอยู่ถูกตัดขาด ภูมินจึงหลุดจากการโดนกระแสไฟฟ้าช็อต แต่ถึงยังไงเขาก็ยังสลบอยู่ดี
ความเร็วของยูยะที่เตะออกนี้ค่อนข้างสูงมากทีเดียว เพราะถ้าไม่เร็วมากถึงขนาดนี้ ไฟฟ้าต้องกระทบถูกและช็อตเขาด้วยอย่างแน่นอน
ยูยะค่อย ๆ ก้าวเดินเข้าหาแจ็คและผู้อื่นของฝ่ายประจิมสวัสดิ์ แล้วพูดขึ้นว่า
“ไม่เบานี่... ยังไม่มีใครเป็นอะไรเลย สงสัยฉันต้องจัดการพวกนายด้วยตัวเองแล้ว”
สิ้นคำยูยะพุ่งตัวด้วยความเร็วสูงยิ่งเข้าจู่โจมสองยักษ์วัดแจ้งวัดโพธิ์โดยฉับพลัน อีกฝ่ายไม่ทันรู้ตัวถูกเตะเสยปลายคางอย่างความแม่นยำ จนหน้าหงายแล้วแน่นิ่งไป
“เสร็จไปสอง” ยูยะพูดขึ้น แล้วเคลื่อนตัวต่อด้วยความเร็วไม่แพ้เดิม
สองยักษ์แห่งสายศิลป์ถูกยูยะจัดการอย่างรวดเร็ว
แน่นอนว่าทุกคนต้องตกตะลึง แต่สิ่งที่แต่ละคนตกตะลึงหาใช่การโจมตีที่คาดไม่ถึงของยูยะครั้งนี้ หากเป็นการเคลื่อนไหวที่รวดเร็วยิ่งของยูยะ
บุรุษผมทองเคลื่อนตัวด้วยความเร็วสูงยิ่ง พุ่งตัวจนมองเห็นเป็นแค่เงาร่างอย่างเร่งร้อน เรียกได้ว่า ผู้อื่นมิอาจมองตามได้ทัน เพราะพอหันมองกลับไปก็พบเห็นร่างของสองยักษ์หน้าหงายล้มคว่ำไปแล้ว ไม่อาจเห็นว่ายูยะโจมตีในลักษณะใด
นี่คือ การเคลื่อนไหวที่รวดเร็วและเร่งร้อนยิ่งของยูยะ หนุ่มผมทองผู้ได้รับฉายาว่า ท๊อปสปีด
ท๊อปสปีดย่อมแปลว่าความเร็วที่สุดยอด ซึ่งเป็นฉายาที่เหมาะสมกับเขาอย่างยิ่ง
ยูยะเข้ามาในโรงเรียนประจิมสวัสดิ์ในช่วง ม. 4 แน่นอนว่าขณะนั้นเขายังไม่ได้เป็นจักรพรรดิและไม่มีตำแหน่งใด ๆ
แต่สิ่งที่ยูยะมีมาก่อนเข้าเรียนที่ประจิมสวัสดิ์คือ เทควันโด เขาเป็นถึงผู้ชนะเลิศการแข่งขันเทควันโดชิงแชมป์ประเทศไทยระดับมัธยมตอนต้น
ซึ่งไม่เพียงแค่เทควันโดเท่านั้นที่ยูยะมี
เขายังเป็นหัวหน้ากลุ่มนักเรียนนักเลงที่โรงเรียนเก่าสมัยมัธยมต้น แต่เนื่องจากย้ายโรงเรียนมาจากเขตอื่น จึงไม่ค่อยมีผู้คนในโรงเรียนประจิมสวัสดิ์รู้เรื่องนี้นัก
เมื่อยูยะเข้ามาเรียนที่ประจิมสวัสดิ์จึงไม่กริ่งเกรงใคร แต่ก็ใช่ว่าเขาจะเข้าไปหาเรื่องหรือท้าสู้กับผู้ใด เขาไม่ต่อสู้กับใครเลย ไม่ว่าจะเป็นจักรพรรดิหรือสี่ขุนพลในสมัยนั้นก็ตาม
เขากลับตั้งชมรมเทควันโดขึ้น
แม้ในมัธยมต้นเขาจะเป็นถึงหัวหน้ากลุ่มนักเรียนนักเลง แต่การตั้งชมรมเทควันโดก็ไม่ได้ตั้งใจให้เป็นแหล่งรวมตัวหรือซ่องสุม เขาตั้งชมรมเพื่อการแข่งขันเทควันโดในรูปแบบกีฬาจริง ๆ
ยูยะเป็นประธานชมรมเทควันโดตั้งแต่เริ่มเข้าเรียน และได้เป็นตัวแทนของโรงเรียนประจิมสวัสดิ์เข้าแข่งขันเทควันโดชิงแชมป์ประเทศไทยในระดับมัธยมปลายจนได้รับตำแหน่งชนะเลิศเลยทีเดียว
ด้วยเหตุนี้ทำให้ยูยะเริ่มมีชื่อเสียงมากขึ้นในโรงเรียนประจิมสวัสดิ์ มีนักเรียนหลากหลายคนเข้าชมรมเทควันโดเพิ่มขึ้น จนพื้นที่ภายในห้องชมรมที่อยู่ภายในตึกเจ็ดไม่เพียงพอ ต้องย้ายชมรมไปอยู่ใต้อัฒจันทน์สนามกีฬาแทน
แต่จากการที่มีนักเรียนเข้าชมรมเพิ่มนี้ ทำให้เกิดเรื่องขึ้นตามมา เนื่องจากมีลูกน้องสมัยก่อนของยูยะหลายคนตามเข้าเป็นสมาชิกชมรมเทควันโดด้วย ในช่วงหลังชมรมเทควันโด้จึงกลับกลายเป็นแหล่งซ่องสุมกำลังของยูยะโดยปริยาย
เหล่าลูกน้องที่ตามติดมานี่แหละเป็นผู้ก่อเรื่องขึ้น พวกเขาใช้กำลังและอำนาจทำร้ายเหล่านักเรียนในประจิมสวัสดิ์ให้ยอมศิโรราบเข้าไปอยู่กับพวกตน โดยการกระทำเหล่านี้ยูยะไม่ได้รับรู้แม้แต่น้อย
อย่างที่รู้ในยุคนั้นก็มีจักรพรรดิอยู่เช่นกัน แชมป์ จักรพรรดิประจิมสวัสดิ์รุ่นที่ 12 จึงเริ่มเคลื่อนไหวเข้าหยุดการกระทำของพวกลูกน้องของยูยะไม่ให้ก่อเรื่องขึ้น ทำให้พวกลูกน้องยูยะที่โดนขัดขวางต้องวางแผนให้ยูยะจัดการกับแชมป์ จักรพรรดิในยุคนั้นให้ได้
พวกเขาแกล้งทำเหมือนว่าโดนจักรพรรดิทำร้ายช่วงออกไปฝึกซ้อมนอกสถานที่ ยูยะที่ไว้ใจพรรคพวกจึงออกโรงต่อสู้กับจักรพรรดิเพื่อสะสางเรื่องนี้อย่างไม่สงสัยอะไร
เนื่องจากที่ประจิมสวัสดิ์เคยมีกฎข้อหนึ่งคือ ตำแหน่งจักรพรรดิสามารถท้าชิงได้ โดยต้องดวลกันตัวต่อตัว ภายใต้สายตาเหล่านักเรียนภายในโรงเรียน ซึ่งกฎข้อนี้ทำให้ภายหลังจักรพรรดิคนล่าสุดอย่างปรีถึงไม่ยอมเปิดเผยตัวตนให้ผู้ใดรู้
ดังนั้น จากการที่ยูยะเข้าท้าชิงตำแหน่งกับแชมป์ จักรพรรดิรุ่นที่ 12 ทำให้ทั้งสองต้องต่อสู้กัน เพื่อพิสูจน์ว่าจักรพรรดิประจิมสวัสดิ์จะยังเป็นแชมป์ต่อไป หรือว่าจะเป็นยูยะที่เข้ามาแทน
จักรพรรดิรุ่นที่ 12 แชมป์ ย่อมมีฝีมิอไม่ธรรมดา เขาได้รับฉายาว่า ประกายแสงแห่งประจิมสวัสดิ์
เพราะแชมป์ได้ชื่อว่าเป็นผู้มีความเร็วสูงยิ่ง ทุกการเคลื่อนไหวว่องไวและรวดเร็วมากกว่าคนทั่วไป จนบางครั้งเห็นเพียงประกายแสงวูบไปวูบมา อันเป็นที่มาของฉายา ประกายแสงแห่งประจิมสวัสดิ์นั่นเอง
แต่ยูยะก็หายี่หระกับเรื่องราวเหล่านี้ไม่ เขาเองก็ได้รับฉายาว่า ท๊อปสปีด ย่อมมีความรวดเร็วไม่แพ้แชมป์เป็นแน่
และแล้วการต่อสู้ของสองผู้มีความเร็วสูงจึงเริ่มต้นขึ้น
จักรพรรดิรุ่นที่ 12 ประกายแสงแห่งประจิมสวัสดิ์ แชมป์ ปะทะ ประธานชมรมเทควันโด ท๊อปสปีด ยูยะ
เมื่อการต่อสู้เริ่มต้นขึ้น เหล่านักเรียนจึงมาร่วมชม ยูยะเริ่มต้นออกอาวุธด้วยลูกเตะต่าง ๆ ตามแบบฉบับเทควันโดเข้าใส่หลากหลายครั้ง แต่แชมป์ก็สามารถเคลื่อนไหวหลบหลีกได้อย่างไม่ยากเย็น
ความเร็วในการเคลื่อนไหวของทั้งคู่ช่างรวดเร็วนัก ยูยะโจมตีด้วยความเร็วสูงจนเห็นเท้าเพียงแค่เงา แชมป์เองก็หลบหลีกจนเห็นเป็นประกายแสงด้วยความเร็วไม่แพ้กัน
“ไม่เบานี่ยูยะ โจมตีได้เร็วทีเดียว” จักรพรรดิรุ่นที่ 12 แชมป์พูดขึ้น ขณะที่ถอยตัวหลบหลีกการโจมตีของยูยะ
“เช่นกันจักรพรรดิ สมแล้วที่ได้ฉายาประกายแสงแห่งประจิมสวัสดิ์” ยูยะพูดสวนกลับ ยังเข้าจู่โจมแชมป์ต่อ
แชมป์เริ่มโจมตีกลับบ้าง เขาอาจจะเตะได้ไม่หลากหลายเท่ายูยะ แต่การออกหมัดและลูกเตะของเขาก็ยังรวดเร็ว เห็นเพียงประกายแสงเท่านั้น
แน่นอนว่ายูยะสามารถหลบได้ เขาใช้ความรวดเร็วและการเคลื่อนที่เป็นวงกลมแบบไม่ฝืนแรง หลบหลีกการโจมตีของแชมป์ไว้ได้
เมื่อต่อสู้ไปแชมป์เริ่มตระหนักถึงความสามารถของยูยะแล้วว่า คนผู้นี้มีความเร็วเทียบเท่าตน ทั้งยังมีกระบวนท่าแบบเทควันโดเป็นตัวเสริมอีก ระดับฝีมือจึงไม่ใช่ธรรมดาจริง ๆ แต่ถึงอย่างนั้นก็ใช่ว่าตัวเขาเองจะรู้สึกเสียเปรียบ แชมป์เป็นถึงผู้มีตำแหน่งสูงสุดในโรงเรียนประจิมสวัสดิ์ย่อมมีสิ่งอื่นที่นอกเหนือจากความเร็วแน่
แชมป์หยุดการโจมตีถอยตัวออกห่างยูยะ แล้วหยิบของสิ่งหนึ่งออกมา
เป็นถุงมือคู่หนึ่ง
แต่ถุงมือนี้หาใช่ถุงมือปกติธรรมดา มันเป็นถุงมือใยสังเคราะห์สีเงินที่ส่องประกายวูบวาบไปมา
แชมป์สวมถุงมืออย่างรวดเร็ว แล้วเข้าโจมตีต่อ
ทันทีที่แชมป์ออกหมัด ประกายวาบจากถุงมือก็พุ่งเข้าตาของยูยะ ทำให้เสี้ยววินาทีที่ยูยะกะพริบตาหลบแสง ถูกหมัดของแชมป์เข้าใส่ไปเต็ม ๆ
พอสิ้นหนึ่งครั้ง หมัดระลอกต่อไปก็ถาโถมเข้าตามทันที ยูยะถูกหมัดของแชมป์เข้าใส่หลายทีจนไม่อาจจะหลีกหนีได้ทัน ต้องร่นถอยออกไป
แต่เมื่อยูยะถอยออกไปนั้น เขาก็สะบัดรองเท้าที่สวมใส่ทิ้ง แล้วพุ่งเข้าหาพร้อมเตะสวนเข้าใส่แชมป์โดยทันที
แข้งขาพุ่งเข้าร่างแชมป์อย่างรวดเร็ว แต่ทันทีที่แข้งขานั้นพุ่งเข้าใกล้ตัวแชมป์ แข้งขาอีกข้างของยูยะกลับพุ่งเข้ามาแทน
จักรพรรดิรุ่นที่ 12 ไม่ทันคาดคิด แข้งขาข้างนี้พุ่งเสยเข้าเต็มปลายคางของเขาจนหน้าหงาย แต่มันยังไม่สิ้นแรง แข้งขาข้างนั้นยังพุ่งเลยผ่านหน้าของแชมป์ แล้วเปลี่ยนเป็นทิ้งส้นเท้าเข้าใส่ใบหน้าของเขา
แชมป์โดนส้นเท้าของยูยะเข้าเต็ม ๆ
นี่คือ ท่าเคารพฟ้าดิน ท่าที่เตะปลายคางจนหน้าหงายและทิ้งส้นเท้าจากข้างขานั้นเข้าใส่ใบหน้าตามอย่างต่อเนื่องและรวดเร็ว
แชมป์โดนท่าเคารพฟ้าดินเข้าไปเต็มที่ย่อมไม่อาจต่อสู้ไหว เขาล้มนอนลงไม่ห่างเท้าของยูยะเลยทีเดียว
จักรพรรดิรุ่นที่ 12 โดนโค่นแล้ว
ยูยะกลับกลายเป็นจักรพรรดิคนใหม่
(มีต่อครับ)