ใช้คำว่า"จำเลยและบริวาร" ในบันทึกข้อตกลงย้ายออกจากบ้านได้ไหมคะ

ได้ซื้อบ้านขายทอดตลาดจากกรมบังคับคดี โอนกรรมสิทธิ์เรียบร้อย ก่อนหน้านี้มีการพูดคุยทางโทรศัพท์กับผู้ที่ยังอาศัยอยู่ แต่เขาไม่ยอมออก เราจึงดำเนินการยื่นคำขอต่อศาล โดยปัจจุบันได้มีการปิดประกาศเจ้าพนักงานบังคับคดี ที่บ้านหลังนั้นแล้ว คนที่อาศัยอยู่เขาก็ตกลงจะย้ายออกภายในสิ้นเดือนนี้โดยขอค่าขนย้าย ซึ่งเราตกลงจะมอบให้10000บาท ครั้งแรกห้าพันและตอนย้ายออกเรียบร้อยอีกห้าพัน เพื่อป้องกันเขาตุกติกเราเลยจะทำบันทึกข้อตกลงไว้ด้วย

ตรงนี้ปัญหาคือ ตอนที่เป็นคดียึดบังคับคดีในศาลนั้น ที่เป็นเลขคดีแดง... หรือในหนังสือสัญญาซื้อขายบังคับคดี เขาใช้คำว่า
- บริษัทอสังหา เป็น โจทก์,
- เรา เป็น ผู้ร้อง,  
- จำเลยคือ 1.หจก. 2.นาย ก. 3.นาย ข.
ซึ่งนายก.เสียชีวิตแล้ว กรรมสิทธิ์ของบ้านหลังนี้เคยเป็นของนาย ก. ก่อนที่จะมีการจำนองมาเรื่อยๆจนขายทอดตลาด ส่วนนายข.ไม่เคยเห็นมาอะไรเลยค่ะ คิดว่าไม่น่าจะรับรู้เรื่องนี้เท่าไหร่ คนที่อาศัยอยู่คือนางค.ที่เป็นภรรยา(หรืออดีตภรรยา ไม่แน่ใจ)ของนายก. และหลาน ซึ่งทั้งสองคนนี้มีชื่ออยู่ในทะเบียนบ้าน

ถ้าเราทำบันทึกข้อตกลงย้ายออก เราสามารถใช้คำว่า โจทก์ สำหรับเรา, และ "จำเลยและบริวาร" สำหรับ นางค. และหลาน ได้ไหมคะ  หรือใช้ "จำเลยและ/หรือบริวาร" คะ หรือควรใช้คำไหนดีคะ หรือ เจ้าของกรรมสิทธิ์ กับ ผู้ให้สัญญา

ถ้าเขาไม่ย้ายออก แล้วเราติดต่อบังคับคดีขอออกหมายจับ คือ เราแจ้งจับ นางค. ใช่ไหมคะ ส่วนหลานจะจับหรือไม่ก็ได้ นายข.ไม่อยู่ เราก็ไม่ต้องแจ้งใช่ไหมคะ



เราร่างไว้ประมาณนี้

บันทึกข้อตกลงฉบับนี้ทำขึ้นระหว่าง………………………………………อายุ…………...ปี อยู่บ้านเลขที่……………………............... ตำบล/แขวง…………………อำเภอ/เขต………………………จังหวัด…………………….………………..ซึ่งต่อไปในสัญญานี้เรียกว่า “โจทก์” ฝ่ายหนึ่ง กับ
...........……………………………………………อายุ………………ปี อยู่บ้านเลขที่………………ตรอก/ซอย………………………..ถนน………………………….ตำบล/แขวง………………………………อำเภอ/เขต……………………………..จังหวัด…………………….……………ซึ่งต่อไปในสัญญานี้เรียกว่า “จำเลยและบริวาร”   อีกฝ่ายหนึ่ง
      ทั้งสองฝ่ายได้ตกลงทำบันทึกข้อตกลงฉบับนี้ ดังมีข้อความดังต่อไปนี้
    ข้อ 1. จำเลยและบริวารยอมรับว่าได้อาศัยอยู่ บ้านเลขที่ ...... ......... ตำบล......................... อำเภอ.......................... จังหวัด................................ ซึ่งได้ถูกขายกรรมสิทธิ์ที่ดินและสิ่งปลูกสร้างโดยกรมบังคับคดี ซึ่งโจทก์ได้ประมูลซื้อและโอนเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ที่ดินและสิ่งก่อสร้าง โฉนดเลขที่ ...... บ้านเลขที่ ............. ตำบล......................... อำเภอ.......................... จังหวัด................................

ข้อ 2. จำเลยและบริวารยอมรับว่าได้รับการติดต่อจากโจทก์ให้ขนย้ายทรัพย์สินออกนับตั้งแต่ที่โจทก์ประมูลทรัพย์นั้นได้ แต่จำเลยและบริวารก็ไม่ได้ทำการขนย้ายทรัพย์สินออกจากที่ดินและสิ่งก่อสร้างโฉนดเลขที่..............ของโจทก์แต่อย่างใด

ข้อ 3. จำเลยและบริวารยอมรับว่าได้รับ ประกาศเจ้าพนักงานบังคับคดี ให้จำเลยและบริวารขนย้ายทรัพย์สินออกจากที่ดินโฉนดเลขที่ ..............ของโจทก์ ซึ่งเจ้าพนักงานบังคับคดีได้ปิดประกาศเมื่อวันที่ 28 มกราคม พ.ศ.2562

ข้อ 4. โจทก์ได้ตกลงให้บริวารและจำเลยอาศัยอยู่ในที่ดินและสิ่งก่อสร้างตามที่ระบุไว้ในข้อ 1. จนถึงวันที่ 28 กุมภาพันธ์ พ.ศ.2562 โดยจำเลยและบริวารต้องขนย้ายทรัพย์สินออกจากที่ดินและสิ่งก่อสร้างภายในวันที่ 28 กุมภาพันธ์ พ.ศ.2562

ข้อ 5. เพื่อเป็นการตอบแทนแก่จำเลยและบริวารในการขนย้ายทรัพย์สินออกไปภายในกำหนดเวลาตามที่ระบุไว้ในข้อ 4. โจทก์ตกลงจะมอบเงินค่าตอบเทนให้แก่จำเลยและบริวารเป็นจำนวนเงิน 10,000 บาท (หนึ่งหมื่นบาท) โดยมอบให้งวดแรก 5,000 บาท (ห้าพันบาท) ในวันที่ทำสัญญา และจะมอบงวดสุดท้ายอีก 5,000 บาท (ห้าพันบาท) เมื่อจำเลยและบริวารได้ย้ายทรัพย์สินออกจากที่ดินและสิ่งก่อสร้างและส่งมอบที่ดินและสิ่งก่อสร้างคืนในสภาพเรียบร้อยภายในกำหนดเวลาดังกล่าว

ข้อ 6.  ในกรณีที่จำเลยและบริวารไม่ทำการขนย้ายทรัพย์สินออกจากที่ดินและสิ่งก่อสร้างภายในกำหนดเวลาที่ระบุไว้ในข้อ 4. จำเลยและบริวารรับทราบว่าโจทก์จะดำเนินคดีตามกฎหมายเพื่อให้ได้ครอบครองทรัพย์ต่อไป
  
สัญญานี้ได้ทำขึ้นเป็นสองฉบับมีข้อความถูกต้องตรงกัน  คู่สัญญาทั้งสองฝ่ายได้อ่านและเข้าใจสัญญาดีแล้วจึงลงลายมือชื่อไว้ต่อหน้าพยานเป็นสำคัญ  และเก็บสัญญาไว้ฝ่ายละฉบับ



ขอบคุณสำหรับทุกคำแนะนำมากๆค่ะ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่