ก่อนอื่น เข้าใจว่าคุณภาพสินค้าไม่เกียวกับ power buy โดยตรง แต่มาตรฐานการบริการคือสิ่งที่ power buy ต้องรับผิดชอบ
ผมซื้อเครื่องทำน้ำอุ่นจาก power buy online ซื้อมาเดือนกว่าแล้วเสีย ต้องส่งเคลม โชคดีหน่อยที่ power buy มาเปิดบูสใกล้ๆบ้าน ก็เลยไปฝากเคลมได้ จริงๆแล้วต้องถอดเครื่องและต้องขับรถเอาเครื่องไปเคลม ระยะทางกว่า 50 กม. อันนี้เป็นบทเรียนว่าซื้อของนอกจากดูราคา ดูคุณสมบัติต่างๆ จะต้องคำนึงว่า ถ้าเสียมีศูนย์บริการ ใกล้ๆหรือไม่ และถ้าเคลมเสร็จก็ต้องขับรถไปรับอีก สรุป ไปกลับ 2เที่ยว 200กม. อันนี้ไม่โทษ power buy เพราะผมไม่ละเอียดเอง แต่ประเด็นคือ เคลมไป 1เดือน ครึ่ง โทรไปตาม จนท. บอกยังอยู่บริษัทเจ้าของสินค้ายังไม่กลับมาที่ power buy ผมบอกให้โทรกลับมาแจ้ง ในวันนั้น ผมก็ไม่ได้รับสายใดๆจาก power buy อีกวันโทรไปตาม และตามเรื่อง จนท.อีกคน บอกว่าโทรไปแล้ว ผมบอกว่า มีสายนึงไม่ได้รับ และผมโทรกลับ ก็กดวางสาย
power buy โทรหาลูกค้า ถ้าลูกค้าไม่ได้รับสาย ไม่คิดจะโทรซ้ำเหรอครับ ลูกค้าโทรกลับแล้วกดวางสายแล้วไม่คิดจะโทรกลับเหรอครับ ถามจนท.อีกคน บอกหมายเลขแจ้งซ่อมก็ไม่มีคำตอบ ถ้าคุณตามเรื่องและมีการประสานงานกัน เมื่ออีกวันลูกค้าโทรไปตามเรื่องกับหมายเลขแจ้งซ่อมเดิมทำไมคุณไม่จึงไม่ทราบ การทำงานเป็นทีม และ service mind คุณต้องปรับปรุง การรับของเคลมส่งของเคลมอันนี้ผมขอเสนอแนะ ควรส่งของเคลมได้ทั้งลูกค้า walk in และส่งทางขนส่ง ไม่ใช่มีแค่ช่องทาง walk in อย่างเดียว เพื่อความสะดวกของลูกค้า เคลมเสร็จส่งกลับอาจจะให้เก็บเงินปลายทางค่าขนส่ง หรือโอนค่าขนส่ง แล้วส่งของให้ถึงบ้านลูกค้า แต่ถ้าจะให้ดีลูกค้าซื้อของกับคุณแล้ว คุณจะบริการส่งของให้ลูกค้าโดยไม่คิดค่าบริการจะดีมาก เพราะลูกค้าก็เสียผลประโยชน์ซื้อของแล้วไม่ได้ใช้ แต่เวลาการรับประกันหมดลงไปทุกวัน รับประกัน 1ปี เคลมซะ 2เดือน เหลือรับประกันแค่ 10 เดือนที่ได้ใช้จริง แล้วยังเสียค่าขนส่งค่าเดินทาง และถ้าเป็นอุปกรณ์ที่ต้องถอดโดยช่างอีก ก็อาจต้องจ้างช่างมาถอดอีก ผมหลาบจำเลยครับ
เคลมของกับ powerbuy นานมาก หลาบจำกับการซื้อของที่นี่
ผมซื้อเครื่องทำน้ำอุ่นจาก power buy online ซื้อมาเดือนกว่าแล้วเสีย ต้องส่งเคลม โชคดีหน่อยที่ power buy มาเปิดบูสใกล้ๆบ้าน ก็เลยไปฝากเคลมได้ จริงๆแล้วต้องถอดเครื่องและต้องขับรถเอาเครื่องไปเคลม ระยะทางกว่า 50 กม. อันนี้เป็นบทเรียนว่าซื้อของนอกจากดูราคา ดูคุณสมบัติต่างๆ จะต้องคำนึงว่า ถ้าเสียมีศูนย์บริการ ใกล้ๆหรือไม่ และถ้าเคลมเสร็จก็ต้องขับรถไปรับอีก สรุป ไปกลับ 2เที่ยว 200กม. อันนี้ไม่โทษ power buy เพราะผมไม่ละเอียดเอง แต่ประเด็นคือ เคลมไป 1เดือน ครึ่ง โทรไปตาม จนท. บอกยังอยู่บริษัทเจ้าของสินค้ายังไม่กลับมาที่ power buy ผมบอกให้โทรกลับมาแจ้ง ในวันนั้น ผมก็ไม่ได้รับสายใดๆจาก power buy อีกวันโทรไปตาม และตามเรื่อง จนท.อีกคน บอกว่าโทรไปแล้ว ผมบอกว่า มีสายนึงไม่ได้รับ และผมโทรกลับ ก็กดวางสาย
power buy โทรหาลูกค้า ถ้าลูกค้าไม่ได้รับสาย ไม่คิดจะโทรซ้ำเหรอครับ ลูกค้าโทรกลับแล้วกดวางสายแล้วไม่คิดจะโทรกลับเหรอครับ ถามจนท.อีกคน บอกหมายเลขแจ้งซ่อมก็ไม่มีคำตอบ ถ้าคุณตามเรื่องและมีการประสานงานกัน เมื่ออีกวันลูกค้าโทรไปตามเรื่องกับหมายเลขแจ้งซ่อมเดิมทำไมคุณไม่จึงไม่ทราบ การทำงานเป็นทีม และ service mind คุณต้องปรับปรุง การรับของเคลมส่งของเคลมอันนี้ผมขอเสนอแนะ ควรส่งของเคลมได้ทั้งลูกค้า walk in และส่งทางขนส่ง ไม่ใช่มีแค่ช่องทาง walk in อย่างเดียว เพื่อความสะดวกของลูกค้า เคลมเสร็จส่งกลับอาจจะให้เก็บเงินปลายทางค่าขนส่ง หรือโอนค่าขนส่ง แล้วส่งของให้ถึงบ้านลูกค้า แต่ถ้าจะให้ดีลูกค้าซื้อของกับคุณแล้ว คุณจะบริการส่งของให้ลูกค้าโดยไม่คิดค่าบริการจะดีมาก เพราะลูกค้าก็เสียผลประโยชน์ซื้อของแล้วไม่ได้ใช้ แต่เวลาการรับประกันหมดลงไปทุกวัน รับประกัน 1ปี เคลมซะ 2เดือน เหลือรับประกันแค่ 10 เดือนที่ได้ใช้จริง แล้วยังเสียค่าขนส่งค่าเดินทาง และถ้าเป็นอุปกรณ์ที่ต้องถอดโดยช่างอีก ก็อาจต้องจ้างช่างมาถอดอีก ผมหลาบจำเลยครับ