“อร ครับ” เสียงชายหนุ่มเรียกชื่อของหญิงสาว ในขณะที่เจ้าของชื่อกำลังตรวจดูความเรียบร้อยของร้าน เพื่อเตรียมความพร้อมสำหรับงานเปิดตัวร้าน World diamond ในวันรุ่งขึ้นหล่อนหันไปทางเสียงเรียกโดยทันที ทันที่ที่เจ้าตัวเห็นคนทัก หล่อนยิ้มกว้างเป็นการส่งการทักทายไปก่อนเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล
“สวัสดีค่ะ คุณพงษ์ มานานแล้วเหรอค่ะ” หล่อนทักทายชายคนที่เดินเข้ามาภายในร้านอย่างเป็นกันเองพร้อมรอยยิ้มที่ระบายอยู่บนใบหน้างาม
“ครับ สักครู่แล้ว แต่บังเอิญผมเห็น อร กำลังยุ่ง ๆอยู่นะ" ชายหนุ่มส่งสายตากรุ่มกริมให้เช่นเคยพร้อมรอยยิ้มบนใบหน้าเกี้ยงเกลา "เลยไม่ได้เข้ามาทักเป็นยังไงบ้างครับ บ้านที่ผมให้เขาหาไว้ไห้” เขาเอ่ยถามหล่อนขึ้นอย่างแสดงความเป็นห่วงในตัวของหญิงสาวด้วยนั่นเองเพราะอย่างน้อยหล่อนก็ยังยอมเป็นเพื่อนที่ดีของเขาโดยไม่ตัดเยื่อใยในไมตรีที่เขาเคยมอบให้มาตลอดระยะเวลาหลายปี
“ดีค่ะ สวยมาก แล้วก็หลังไม่ใหญ่โตนัก "บริเวณโดยรอบก็ร่มรื่นดีค่ะ” เธอยิ้มให้แก่เขาอีกครั้งก่อนจะหันไปดูความเรียบร้อยทางอื่น ๆ แล้วหลังงานเปิดตัวร้าน World diamond พัฒนพงษ์ ได้ชักชวนหญิงสาวออกไปเที่ยวที่ตลาดริมโขง
“อร วันนี้คุณพาผมไปเที่ยวหน่อยได้นะครับ ผมอยากดูบ้านเมืองเขาสักหน่อย ว่าเจริญไปถึงไหนแล้ว”
ชายหุน่มสงน้ำเสียงออดอ้อนหล่อน
"คุณพงษอย่างมองอรด้วยสายตตาแบบนี้อีก อรเคยบอกแล้วไง"
"เผื่ออร ใจอ่อนไง พงษจะมีแฟนสวยและเก่ง" พร้อมสายตาหวานเช่นเคย สายตาคู่ที่มองหล่อนด้วยความรักมาตลอดระยะเวลาหลายปี ถึงแม้นหญิงสาวจะมอบเพียงไมตรีเช่นเพื่อนคนอื่น ๆ ในคณะก็ตามที
"เพื่อนค่ะเพื่อน" พร้อมยกนิ้วก้อยเป็นเชิงส่งความหมายให้รู้ว่าเขายินยอมเป็นเพียงเพื่อนสำหรับหล่อน
“คุณพงษ์ ให้ ปิ่นแก้วพาไปได้ไหมค่ะ เพราะ อร อยากจะดูแลเรื่องความเรียบร้อยของร้านให้แน่ใจชะก่อนนะค่ะ” หล่อนส่งยิ้มให้กับเขา
“โธ่! อร ครับ เรื่องในร้าน นะให้ปิ่นแก้วเขาดูแลไปก็ได้ส่วนคุณพาผมไปเที่ยวหน่อยนะ” เขาส่งสายตาเป็นเชิงของร้องปนอ้อนวอนหล่อนนั้นเอง "น่า ....นะ...เพื่อนอรคนดี"
“อรเองก็พึ่งมาถึงนะคะ ถนนหนทางอะไร อรเองก็ยังไม่รู้เลย แล้วอรจะพาคุณเที่ยวได้อย่างไงค่ะ”ว่าแล้วหญิงสาวก็หันหนากลับมามองชายหนุ่ม ที่เฝ้าตามจีบเธอมาหลายปีดีดัก และที่เธอได้ทำงานที่นี่ก็เพราะมารดาของ พัฒน์พงษ์เป็นคนขอร้องให้หล่อนช่วยมาดูแลร้านนี้ให้แกเขา
“เอ๊ะ! อร นั่นคุณใส่ สร้อยอะไรนะ” เขาถามหล่อนทันทีเมื่อสังเกตว่าเขาเองไม่เคยเห็นสร้อยคอเส้นนี้มาก่อนเลย
“อ้อเมื่อวานก่อนนะค่ะ อรไปตลาดริมโขง เห็นว่าน่ารักดี ก็เลยซื้อมาใส่เล่นนะค่ะ” หล่อนจำต้องโกหกเขาเพื่อที่จะได้ไม่ต้องถูกชักถามอะไรมากมายอีก
“ถ้าคุณอยากใส่ เดี๋ยวผมเลือกเอาในร้านให้คุณสักเส้นก็ได้นะครับ มันคงดีกว่าไอ้ สร้อย กิ๊กก๊อก นี่ออก”ชายหนุ่มเอ่ย ก่อนสังเกตุอีกที "ดู ๆไปมันก็เก๋ดีนะ ดูงานเหมือนทางของโบราณ"
“ไม่เป็นไรค่ะพงษ์ อรชอบสร้อยเส้นนี้ค่ะ” พร้อมส่งรอยยิ้มเก๋ให้กับเขาอีกครั้ง
พัฒนพงษ์ บุตรชายคนเดียวของเจ้าของกิจการ World diamond เป็นชายหนุ่มเจ้าสำอางและติดที่ใช้เงินฟุ่มเฟือย หล่อนจำได้ว่ารู้จักชายหนุ่มผู้นี้ ตั้งแต่เรียน ปี 1 อยู่ และเขาเองไม่พยามที่จะเป็นเพื่อนหล่อน พอๆกับการขยันมาขายขนมจีบให้แก่หล่อนเสมอมา และหล่อนเองก็ได้แต่อ่อนใจ ที่เขา ตื้อเหลือเกิน ทั้งที่หล่อนปฏิเสธไมตรีเขาหลายครั้งหลายคราจนเมื่อหล่อนเรียนจบ เขาจึงเสนอให้หล่อนมาทำงานเป็นผู้จัดการร้าน World diamond ให้แก่เขา โดยหล่อนเองก็หวังว่าเมื่อหล่อนมาอยู่ไกลถึงหนองคายแล้วชายหนุ่มคงจะเลิกตามตื้อหล่อนชะที
“คุณพงษ์ ค่ะ อรมาทำงานนะค่ะ” หล่อนเน้นย้ำเขาอีกครั้งหนึ่ง
“ก็ไม่เห็นจะเป็นอะไรนี่ครับ ที่ร้านเอง ก็มีปิ่นแก้ว คอยดูแลอยู่แล้ว แล้วอีกอย่างผมเองก็คงจะอยู่ที่นี่แค่ไม่กี่วันเอง อรจะใจร้ายไม่ดูแลเพื่อนคนนี้เลยเหรอ อร” ท้ายประโยค เขาเว้าวอนหล่อนอีกเช่นเคย
“เห็นผมเป็นเพื่อนคนหนึ่งก็ได้ นะ นะครับ”
“ก็ได้ค่ะ แต่ของให้ อร เข้าไปสั่งงานกับปิ่นแก้วไว้ก่อนนะค่ะ”หล่อนจึงเดินเข้าไปภายในร้านแล้วได้สั่งพนักงานให้ช่วยดูแลเรียงการจัดเก็บข้าวของ ก่อนที่หล่อนจะออกมาพบกับ พัฒนพงษ์อีกครั้งที่บริเวณหน้าร้าน
“พงษ์อยากไปเที่ยวไหนเหรอค่ะ” หญิงสาวร่างระหงเอ่ยถามก่อนหันไปดูพนักงานในร้านอีกรอบเพื่อเป็นการตรวจตาอีกครั้ง ปากก็คุยกับชายหนุ่มแต่ขาหล่อนยาวก้าว เดินดูไปรอบ ๆ ร้านอย่างใส่ใจ โดยมีชายหนุ่มเดินตามไปคุยเสียทุกที
“ไปไหนก็ได้ฮะที่มีคุณ ผมไปได้ทุกที่อยู่แล้ว”
“ถ้าอย่างนั้นเดี๋ยวอร พาคุณไปทำบุญที่วัด เอาไหม? ที่นี่วัดเยอะนะ แล้วส่วนมากก็เป็นวัดเก่าด้วย” หญิงสาวเสนอขึ้นทันทีเพราะปกติแล้วตอนอยู่กรุงเทพเองวันว่างมารดาและบิดาของหล่อนก็ชอบชวนหญิงสาวเข้าวัดทำบุญเสมอ ท่านมักบอกหล่อนว่า เงินทองนั้นหาไปใช้ไปได้ แต่บุญเราเองต้องหมั่นสะสมด้วยเช่นเดียวกับทรัพย์
“ครับ ได้ครับ ถ้าอย่างนั้น เชิญไกด์ของผมขึ้นรถเถอะครับ”
ในขณะที่เขากำลังขับรถอยู่ เอมอรก็ได้เล่าเรื่องของจังหวัดหนองคายให้เขาฟังว่า
"จังหวัดหนองคายเป็นจังหวัดชายแดนริมฝั่งแม่น้ำโขงที่สำคัญที่สุดแห่งหนึ่งค่ะ เพราะเป็นประตูไปสู่เมืองเวียงจันทน์ เมืองหลวงของสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว และเป็นที่ตั้งของสะพานมิตรภาพไทย-ลาวแห่งแรกด้วยนะค่ะ”
หญิงสาวเริ่มเล่าเรื่องราวที่เธอพอได้รู้ก่อนออกเดินทางจากกรุงเทพเพื่อมาทำงานที่นี่ “มีความหลากหลายไปด้วยอาหารการกินและสินค้านานาชนิด และวัดที่ อรจะพาคุณไปเที่ยวในวันนี้คือ วัดโพธิ์ชัย วัดนี้เดิมชื่อวัดผีผิว ปัจจุบันเป็นสถานที่ประดิษฐานหลวงพ่อพระใส หรือหลวงพ่อเกวียนหัก พระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์คู่บ้านคู่เมืองของชาวหนองคาย เป็นพระพุทธรูปขัดสมาธิราบปางมารวิชัย สมัยเชียงแสน ชั้นหลังหล่อด้วยทองสุก มีพระพุทธลักษณะงดงามมากค่ะ”หล่อนกล่าวช้า ๆ
“แล้ว อรเคยไปมาแล้วเหรอครับ” เขาเอ่ยถามขึ้นเมื่อฟังหล่อนเล่าเรื่องราวเสียมากมายราวกับหล่อนเคยอยู่ที่นี่มาก่อนนั่นเอง
“อรก็ยังไม่เคยไปเหรอค่ะ แต่อรได้หาข้อมูลมาจากคู่มือของการท่องเที่ยวนะค่ะ เห็นแต่คนที่นี่เขานับถือหลวงพ่อพระใสกันมากนะค่ะ ” หล่อนยิ้มให้แก่เขาก่อนที่จะบอกทางแก่เขาต่อนั้นเอง “นี่ก็พึงจะมีโอกาสได้ไปสักการะพร้อมคุณนี่ล่ะค่ะ”
“ดี ครับเราจะได้ทำบุญร่วมกัน” เขาหยอกล้อหล่อนพร้อมด้วยรอยยิ้ม
“แล้วนี่คุณพงษ์ จะอยู่ที่หนองคายนี่กี่วันค่ะนี่”
“เดี๋ยวอีก วันสองวัน ผมเองก็ต้องกลับล่ะครับ เพราะคุณพ่อคุณแม่ท่านอยากให้ผมเข้าไปดูแลงานที่ร้านบ้างนะครับ” เขามองหน้าหล่อนอีกครั้งล
“ท่านคงเห็นว่าผมเรียนจบมาทางด้านออกแบบ ก็เลยอยากให้ใช้ความรู้ที่เรียนมา”
“ค่ะ ดีค่ะ ไม่เหมือนอร เรียน อักษรศาสตร์ แต่มาทำงานเป็นผู้จัดการร้านเพชร ไม่ได้เป็นครูสมดังที่ตั้งใจไว้เลยนะสค่ะ”
“แล้ว อรมาทำงานไกลๆ อย่างนี้ คุณพ่อ คุณแม่ ไม่ห่วงแย่เหรอ” เพราะเขาเองจำได้เมื่อครั้งสมัยเรียนบิดาและมารดาของหล่อนนั้นห่วงหล่อนมากยิ่งถ้าวันไหนกลับบ้านค่ำ ๆ ด้วยแล้วท่านแทบออกมารับด้วยตนเอง
“ไม่เหรอค่ะ ท่านบอกว่า อรโตพอที่จะดูแลตัวเองได้แล้ว” หล่อนยิ้มขึ้นเมื่อคิดถึงบุพการีของหล่อนและนึกของคุณท่านทั้งสองที่เลี้ยงดูหล่อนอย่างดีแต่ไม่โอ้จนเป็นลูกที่ดีแต่เชื่อฟังพ่อแม่เกินไปนัก ท่านมักให้หล่อนได้มีส่วนร่วมในการคิดและตัดสินใจในอะไรหลาย ๆ อย่างเอง รวมถึงการเดินทางมาทำงานในที่ไกล ๆ ท่านอย่างนี้ด้วย
“อร ครับ ...”
“คุณพงษ์ค่ะ เลี้ยวซ้ายด้านหน้านี่ก็ถึงแล้วค่ะ” เสียงหญิงสาวดังขัดจังหวะก่อนที่เขาจะได้เอ่ย บางอย่างออกมาและชายหนุ่มก็ได้จอดรถไว้ใต้ต้นไม่ใหญ่ไม่ไกลจากอุโบสถมากนัก เขารีบวิ่งอ้อมรถเพื่อมาเปิดประตูให้เอมอรอย่างเขาใจหล่อนนั่นเอง
“เชิญครับอร....”เขาพูดพร้อมเปิดประตูรถให้กับหล่อน หลังจากทำบุญแล้ว หญิงสาวได้หยิบเซียมซีขึ้นมาเสี่ยงทายดูหล่อนขย่าอยู่พักหนึ่ง ติ้วก็หล่อนลงมาหล่อนหยิบขึ้นมาดูหมายเลย และเดินไปที่ตู้เซียมซีที่หยิบหมายเลยที่หล่อนต้องการออกมาอ่าน ในทันที...
“นี่คุณอรเสี่ยงได้ใบไหนครับ ขอผมอ่านหน่อยได้ไหมครับ” ชายหนุ่มมองใบเชียมซีที่หล่อนถืออยู่เหมือนเขาอยากจะอ่านของหล่อนด้วยเช่นกัน
“แล้วของคุณพงษ์ล่ะค่ะไม่อ่านของตัวเองล่ะ”
“ใบของผม ไม่ค่อยดีนะครับ” ชายหนุ่มบอกหล่อนด้วยแววตาที่เศร้าทันทีที่อ่านใบเซียมซีของตนเองจบ
“เขาเขียนว่าอย่าไรเหรอค่ะ”หญิงสาวร้องถามพร้อมกับหยิบใบเซียมซีของเขาขึ้นมาอ่าน
“เขาบอกว่าสิ่งที่หมาย อาจไม่สมอารมณ์ปอง เพราะทั้งสอง ไม่ใช่คู่ จะสู่สม ขอให้หัก ตัดใจ ในอารมณ์ ขอจบคำทำนายเท่านี้เอ๋ย ผมอ่านแค่นี้แล้วเลยไม่อยากอ่านต่อนะครับ แล้วของอรล่ะไหนผมดูหน่อยซิ ผมขออ่านของอรได้ไหมครับ”
“อุ้ย!! ไม่ได้เหรอค่ะ อรจะเอาไว้อ่านคนเดียว” หล่อนรีบพับใบเซียมซีนั้นใส่กระเป๋าถือของหล่อนทันทีด้วยเกรงว่าชายหนุ่มจะดึงเอาไปอ่านนั่นเอง พร้อมกับเฉไฉไปทางอื่น
“นี่ก็จะเที่ยงแล้ว อรหิวข้าวรึยังครับ เราไปหาร้านอาหารที่บริเวณริมแม่น้ำโขงทานกันนะครับ”
แก้ไข"น้ำตานาคราช"ตอน3/1
“สวัสดีค่ะ คุณพงษ์ มานานแล้วเหรอค่ะ” หล่อนทักทายชายคนที่เดินเข้ามาภายในร้านอย่างเป็นกันเองพร้อมรอยยิ้มที่ระบายอยู่บนใบหน้างาม
“ครับ สักครู่แล้ว แต่บังเอิญผมเห็น อร กำลังยุ่ง ๆอยู่นะ" ชายหนุ่มส่งสายตากรุ่มกริมให้เช่นเคยพร้อมรอยยิ้มบนใบหน้าเกี้ยงเกลา "เลยไม่ได้เข้ามาทักเป็นยังไงบ้างครับ บ้านที่ผมให้เขาหาไว้ไห้” เขาเอ่ยถามหล่อนขึ้นอย่างแสดงความเป็นห่วงในตัวของหญิงสาวด้วยนั่นเองเพราะอย่างน้อยหล่อนก็ยังยอมเป็นเพื่อนที่ดีของเขาโดยไม่ตัดเยื่อใยในไมตรีที่เขาเคยมอบให้มาตลอดระยะเวลาหลายปี
“ดีค่ะ สวยมาก แล้วก็หลังไม่ใหญ่โตนัก "บริเวณโดยรอบก็ร่มรื่นดีค่ะ” เธอยิ้มให้แก่เขาอีกครั้งก่อนจะหันไปดูความเรียบร้อยทางอื่น ๆ แล้วหลังงานเปิดตัวร้าน World diamond พัฒนพงษ์ ได้ชักชวนหญิงสาวออกไปเที่ยวที่ตลาดริมโขง
“อร วันนี้คุณพาผมไปเที่ยวหน่อยได้นะครับ ผมอยากดูบ้านเมืองเขาสักหน่อย ว่าเจริญไปถึงไหนแล้ว”
ชายหุน่มสงน้ำเสียงออดอ้อนหล่อน
"คุณพงษอย่างมองอรด้วยสายตตาแบบนี้อีก อรเคยบอกแล้วไง"
"เผื่ออร ใจอ่อนไง พงษจะมีแฟนสวยและเก่ง" พร้อมสายตาหวานเช่นเคย สายตาคู่ที่มองหล่อนด้วยความรักมาตลอดระยะเวลาหลายปี ถึงแม้นหญิงสาวจะมอบเพียงไมตรีเช่นเพื่อนคนอื่น ๆ ในคณะก็ตามที
"เพื่อนค่ะเพื่อน" พร้อมยกนิ้วก้อยเป็นเชิงส่งความหมายให้รู้ว่าเขายินยอมเป็นเพียงเพื่อนสำหรับหล่อน
“คุณพงษ์ ให้ ปิ่นแก้วพาไปได้ไหมค่ะ เพราะ อร อยากจะดูแลเรื่องความเรียบร้อยของร้านให้แน่ใจชะก่อนนะค่ะ” หล่อนส่งยิ้มให้กับเขา
“โธ่! อร ครับ เรื่องในร้าน นะให้ปิ่นแก้วเขาดูแลไปก็ได้ส่วนคุณพาผมไปเที่ยวหน่อยนะ” เขาส่งสายตาเป็นเชิงของร้องปนอ้อนวอนหล่อนนั้นเอง "น่า ....นะ...เพื่อนอรคนดี"
“อรเองก็พึ่งมาถึงนะคะ ถนนหนทางอะไร อรเองก็ยังไม่รู้เลย แล้วอรจะพาคุณเที่ยวได้อย่างไงค่ะ”ว่าแล้วหญิงสาวก็หันหนากลับมามองชายหนุ่ม ที่เฝ้าตามจีบเธอมาหลายปีดีดัก และที่เธอได้ทำงานที่นี่ก็เพราะมารดาของ พัฒน์พงษ์เป็นคนขอร้องให้หล่อนช่วยมาดูแลร้านนี้ให้แกเขา
“เอ๊ะ! อร นั่นคุณใส่ สร้อยอะไรนะ” เขาถามหล่อนทันทีเมื่อสังเกตว่าเขาเองไม่เคยเห็นสร้อยคอเส้นนี้มาก่อนเลย
“อ้อเมื่อวานก่อนนะค่ะ อรไปตลาดริมโขง เห็นว่าน่ารักดี ก็เลยซื้อมาใส่เล่นนะค่ะ” หล่อนจำต้องโกหกเขาเพื่อที่จะได้ไม่ต้องถูกชักถามอะไรมากมายอีก
“ถ้าคุณอยากใส่ เดี๋ยวผมเลือกเอาในร้านให้คุณสักเส้นก็ได้นะครับ มันคงดีกว่าไอ้ สร้อย กิ๊กก๊อก นี่ออก”ชายหนุ่มเอ่ย ก่อนสังเกตุอีกที "ดู ๆไปมันก็เก๋ดีนะ ดูงานเหมือนทางของโบราณ"
“ไม่เป็นไรค่ะพงษ์ อรชอบสร้อยเส้นนี้ค่ะ” พร้อมส่งรอยยิ้มเก๋ให้กับเขาอีกครั้ง
พัฒนพงษ์ บุตรชายคนเดียวของเจ้าของกิจการ World diamond เป็นชายหนุ่มเจ้าสำอางและติดที่ใช้เงินฟุ่มเฟือย หล่อนจำได้ว่ารู้จักชายหนุ่มผู้นี้ ตั้งแต่เรียน ปี 1 อยู่ และเขาเองไม่พยามที่จะเป็นเพื่อนหล่อน พอๆกับการขยันมาขายขนมจีบให้แก่หล่อนเสมอมา และหล่อนเองก็ได้แต่อ่อนใจ ที่เขา ตื้อเหลือเกิน ทั้งที่หล่อนปฏิเสธไมตรีเขาหลายครั้งหลายคราจนเมื่อหล่อนเรียนจบ เขาจึงเสนอให้หล่อนมาทำงานเป็นผู้จัดการร้าน World diamond ให้แก่เขา โดยหล่อนเองก็หวังว่าเมื่อหล่อนมาอยู่ไกลถึงหนองคายแล้วชายหนุ่มคงจะเลิกตามตื้อหล่อนชะที
“คุณพงษ์ ค่ะ อรมาทำงานนะค่ะ” หล่อนเน้นย้ำเขาอีกครั้งหนึ่ง
“ก็ไม่เห็นจะเป็นอะไรนี่ครับ ที่ร้านเอง ก็มีปิ่นแก้ว คอยดูแลอยู่แล้ว แล้วอีกอย่างผมเองก็คงจะอยู่ที่นี่แค่ไม่กี่วันเอง อรจะใจร้ายไม่ดูแลเพื่อนคนนี้เลยเหรอ อร” ท้ายประโยค เขาเว้าวอนหล่อนอีกเช่นเคย
“เห็นผมเป็นเพื่อนคนหนึ่งก็ได้ นะ นะครับ”
“ก็ได้ค่ะ แต่ของให้ อร เข้าไปสั่งงานกับปิ่นแก้วไว้ก่อนนะค่ะ”หล่อนจึงเดินเข้าไปภายในร้านแล้วได้สั่งพนักงานให้ช่วยดูแลเรียงการจัดเก็บข้าวของ ก่อนที่หล่อนจะออกมาพบกับ พัฒนพงษ์อีกครั้งที่บริเวณหน้าร้าน
“พงษ์อยากไปเที่ยวไหนเหรอค่ะ” หญิงสาวร่างระหงเอ่ยถามก่อนหันไปดูพนักงานในร้านอีกรอบเพื่อเป็นการตรวจตาอีกครั้ง ปากก็คุยกับชายหนุ่มแต่ขาหล่อนยาวก้าว เดินดูไปรอบ ๆ ร้านอย่างใส่ใจ โดยมีชายหนุ่มเดินตามไปคุยเสียทุกที
“ไปไหนก็ได้ฮะที่มีคุณ ผมไปได้ทุกที่อยู่แล้ว”
“ถ้าอย่างนั้นเดี๋ยวอร พาคุณไปทำบุญที่วัด เอาไหม? ที่นี่วัดเยอะนะ แล้วส่วนมากก็เป็นวัดเก่าด้วย” หญิงสาวเสนอขึ้นทันทีเพราะปกติแล้วตอนอยู่กรุงเทพเองวันว่างมารดาและบิดาของหล่อนก็ชอบชวนหญิงสาวเข้าวัดทำบุญเสมอ ท่านมักบอกหล่อนว่า เงินทองนั้นหาไปใช้ไปได้ แต่บุญเราเองต้องหมั่นสะสมด้วยเช่นเดียวกับทรัพย์
“ครับ ได้ครับ ถ้าอย่างนั้น เชิญไกด์ของผมขึ้นรถเถอะครับ”
ในขณะที่เขากำลังขับรถอยู่ เอมอรก็ได้เล่าเรื่องของจังหวัดหนองคายให้เขาฟังว่า
"จังหวัดหนองคายเป็นจังหวัดชายแดนริมฝั่งแม่น้ำโขงที่สำคัญที่สุดแห่งหนึ่งค่ะ เพราะเป็นประตูไปสู่เมืองเวียงจันทน์ เมืองหลวงของสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว และเป็นที่ตั้งของสะพานมิตรภาพไทย-ลาวแห่งแรกด้วยนะค่ะ”
หญิงสาวเริ่มเล่าเรื่องราวที่เธอพอได้รู้ก่อนออกเดินทางจากกรุงเทพเพื่อมาทำงานที่นี่ “มีความหลากหลายไปด้วยอาหารการกินและสินค้านานาชนิด และวัดที่ อรจะพาคุณไปเที่ยวในวันนี้คือ วัดโพธิ์ชัย วัดนี้เดิมชื่อวัดผีผิว ปัจจุบันเป็นสถานที่ประดิษฐานหลวงพ่อพระใส หรือหลวงพ่อเกวียนหัก พระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์คู่บ้านคู่เมืองของชาวหนองคาย เป็นพระพุทธรูปขัดสมาธิราบปางมารวิชัย สมัยเชียงแสน ชั้นหลังหล่อด้วยทองสุก มีพระพุทธลักษณะงดงามมากค่ะ”หล่อนกล่าวช้า ๆ
“แล้ว อรเคยไปมาแล้วเหรอครับ” เขาเอ่ยถามขึ้นเมื่อฟังหล่อนเล่าเรื่องราวเสียมากมายราวกับหล่อนเคยอยู่ที่นี่มาก่อนนั่นเอง
“อรก็ยังไม่เคยไปเหรอค่ะ แต่อรได้หาข้อมูลมาจากคู่มือของการท่องเที่ยวนะค่ะ เห็นแต่คนที่นี่เขานับถือหลวงพ่อพระใสกันมากนะค่ะ ” หล่อนยิ้มให้แก่เขาก่อนที่จะบอกทางแก่เขาต่อนั้นเอง “นี่ก็พึงจะมีโอกาสได้ไปสักการะพร้อมคุณนี่ล่ะค่ะ”
“ดี ครับเราจะได้ทำบุญร่วมกัน” เขาหยอกล้อหล่อนพร้อมด้วยรอยยิ้ม
“แล้วนี่คุณพงษ์ จะอยู่ที่หนองคายนี่กี่วันค่ะนี่”
“เดี๋ยวอีก วันสองวัน ผมเองก็ต้องกลับล่ะครับ เพราะคุณพ่อคุณแม่ท่านอยากให้ผมเข้าไปดูแลงานที่ร้านบ้างนะครับ” เขามองหน้าหล่อนอีกครั้งล
“ท่านคงเห็นว่าผมเรียนจบมาทางด้านออกแบบ ก็เลยอยากให้ใช้ความรู้ที่เรียนมา”
“ค่ะ ดีค่ะ ไม่เหมือนอร เรียน อักษรศาสตร์ แต่มาทำงานเป็นผู้จัดการร้านเพชร ไม่ได้เป็นครูสมดังที่ตั้งใจไว้เลยนะสค่ะ”
“แล้ว อรมาทำงานไกลๆ อย่างนี้ คุณพ่อ คุณแม่ ไม่ห่วงแย่เหรอ” เพราะเขาเองจำได้เมื่อครั้งสมัยเรียนบิดาและมารดาของหล่อนนั้นห่วงหล่อนมากยิ่งถ้าวันไหนกลับบ้านค่ำ ๆ ด้วยแล้วท่านแทบออกมารับด้วยตนเอง
“ไม่เหรอค่ะ ท่านบอกว่า อรโตพอที่จะดูแลตัวเองได้แล้ว” หล่อนยิ้มขึ้นเมื่อคิดถึงบุพการีของหล่อนและนึกของคุณท่านทั้งสองที่เลี้ยงดูหล่อนอย่างดีแต่ไม่โอ้จนเป็นลูกที่ดีแต่เชื่อฟังพ่อแม่เกินไปนัก ท่านมักให้หล่อนได้มีส่วนร่วมในการคิดและตัดสินใจในอะไรหลาย ๆ อย่างเอง รวมถึงการเดินทางมาทำงานในที่ไกล ๆ ท่านอย่างนี้ด้วย
“อร ครับ ...”
“คุณพงษ์ค่ะ เลี้ยวซ้ายด้านหน้านี่ก็ถึงแล้วค่ะ” เสียงหญิงสาวดังขัดจังหวะก่อนที่เขาจะได้เอ่ย บางอย่างออกมาและชายหนุ่มก็ได้จอดรถไว้ใต้ต้นไม่ใหญ่ไม่ไกลจากอุโบสถมากนัก เขารีบวิ่งอ้อมรถเพื่อมาเปิดประตูให้เอมอรอย่างเขาใจหล่อนนั่นเอง
“เชิญครับอร....”เขาพูดพร้อมเปิดประตูรถให้กับหล่อน หลังจากทำบุญแล้ว หญิงสาวได้หยิบเซียมซีขึ้นมาเสี่ยงทายดูหล่อนขย่าอยู่พักหนึ่ง ติ้วก็หล่อนลงมาหล่อนหยิบขึ้นมาดูหมายเลย และเดินไปที่ตู้เซียมซีที่หยิบหมายเลยที่หล่อนต้องการออกมาอ่าน ในทันที...
“นี่คุณอรเสี่ยงได้ใบไหนครับ ขอผมอ่านหน่อยได้ไหมครับ” ชายหนุ่มมองใบเชียมซีที่หล่อนถืออยู่เหมือนเขาอยากจะอ่านของหล่อนด้วยเช่นกัน
“แล้วของคุณพงษ์ล่ะค่ะไม่อ่านของตัวเองล่ะ”
“ใบของผม ไม่ค่อยดีนะครับ” ชายหนุ่มบอกหล่อนด้วยแววตาที่เศร้าทันทีที่อ่านใบเซียมซีของตนเองจบ
“เขาเขียนว่าอย่าไรเหรอค่ะ”หญิงสาวร้องถามพร้อมกับหยิบใบเซียมซีของเขาขึ้นมาอ่าน
“เขาบอกว่าสิ่งที่หมาย อาจไม่สมอารมณ์ปอง เพราะทั้งสอง ไม่ใช่คู่ จะสู่สม ขอให้หัก ตัดใจ ในอารมณ์ ขอจบคำทำนายเท่านี้เอ๋ย ผมอ่านแค่นี้แล้วเลยไม่อยากอ่านต่อนะครับ แล้วของอรล่ะไหนผมดูหน่อยซิ ผมขออ่านของอรได้ไหมครับ”
“อุ้ย!! ไม่ได้เหรอค่ะ อรจะเอาไว้อ่านคนเดียว” หล่อนรีบพับใบเซียมซีนั้นใส่กระเป๋าถือของหล่อนทันทีด้วยเกรงว่าชายหนุ่มจะดึงเอาไปอ่านนั่นเอง พร้อมกับเฉไฉไปทางอื่น
“นี่ก็จะเที่ยงแล้ว อรหิวข้าวรึยังครับ เราไปหาร้านอาหารที่บริเวณริมแม่น้ำโขงทานกันนะครับ”