Tarpeian Rock หน้าผาลานประหารผู้ทรยศ

1.



ชาวโรมันโบราณมีวิธีการที่น่ากลัวหลายรูปแบบมาก
ในการลงโทษประหารชีวิตผู้ที่กระทำความผิดทางอาญา
เช่น การข่มขืน การฆาตกรรม การล่วงประเวณี การหมิ่นประมาทและการทรยศ
ด้วยวิธีการอย่างหนึ่งที่เรียกว่า Poena cullei หรือ Penalty of the sack
คือ การจับนักโทษยัดใส่กระสอบหนังสัตว์  พร้อมกับสัตว์เป็น ๆ เช่น ไก่ หมา ลิง และงู
ก่อนที่จะเย็บปิดปากกระสอบหนังสัตว์  แล้วทุบตีนักโทษประหาร/สัตว์
ให้พวกสัตว์ดิ้นทุรนทุรายกัดข่วนนักโทษจนกระทั่งตาย  แล้วจึงโยนทิ้งแม่น้ำ


อีกวิธีหนึ่งในการประหารชีวิตอาชญากรที่เลวร้ายที่สุด
คือ พวกทาสที่หลบหนีเจ้านายและพวกชาวคริสเตียน
ในสมัยยุคแรก ๆ ที่ชาวโรมยังไม่นับถือศาสนานี้
ด้วยการโยนนักโทษลงไปในหลุม/ลานประหาร ให้สัตว์ป่ากัดกิน  
ต่อมาพัฒนาเป็นมหกรรมบันเทิงในสนามกีฬากลางแจ้ง Colosseum
ด้วยการให้นักโทษต่อสู้กับสัตว์ร้ายด้วยมือเปล่าหรือสู้กับสัตว์ด้วยอาวุธ
การประหารชีวิตแบบนี้เรียกว่า damnatio ad bestias หรือ การลงโทษด้วยสัตว์ร้าย


การตรึงกางเขนจะเป็นวิธีที่เจ็บปวดและน่าอับอายมากที่สุดกว่าจะตาย
ตอกตะปูตรงข้อมือขัอเท้ากับไม้กางเขนเป็นสัญลักษณ์
แต่จริง ๆ มีการใช้เชือกมัด/รั้งดึงตัวนักโทษไว้ให้อยู่ในท่ายืน
แล้ววางทิ้งไว้ตากแดดตากฝนให้อดอาหารจนกระทั่งตาย
เช่นในตำนานที่มี  พระเยซู ที่เป็นชาวยิวพร้อมกับนักโทษชาวยิว
โดยทั่วไปนักโทษชาวโรมันจะได้รับการงดเว้นจากการลงโทษที่โหดร้ายเช่นนี้


การลงโทษประหารชีวิตบางรูปแบบ
จะมีไว้เฉพาะอาชญากรรมที่เฉพาะเจาะจง
เช่น Virgins Vestal สตรีพรหมจรรย์ที่ทำหน้าที่เป็น Vesta
โดยคัดเลือกเด็กสาวมาตั้งแต่วัย 6-10 ขวบ
ทำหน้าที่บูชา/รับใช้เทพเจ้าชาวโรมันในเทวาลัย
และต้องทำงานนี้ไม่น้อยกว่า 30 ปีถึงจะลาออกไปแต่งงานได้
ถ้าถูกจับได้ว่าละเมิดคำสาบานการถือพรหมจรรย์ จะถูกจับฝังทั้งเป็น


อีกวิธีหนึ่งในการประหารชีวิตที่สงวนไว้โดยเฉพาะสำหรับฆาตกร/ผู้ทรยศ
คือ การโยนลงจากหน้าผาสูง  ที่อยู่ทางตอนใต้ของเนินเขา Capitoline Hill
ณ จุดนี้จะสามารถมองเห็นตัวเมืองโรมันในยุคโบราณจากบริเวณหน้าผ้าดังกล่าว
หน้าผานี้เรียกว่า Tarpeian  Rock
ตั้งตามชื่อสตรีคนทรยศ  ผู้ที่ขายกรุงโรมให้กับศัตรูเพื่อแลกกับทองคำ
และแล้วเธอก็ถูกสังหารโดยศัตรูของกรุงโรมพวกที่เธอยอมทรยศให้
เธอชื่อ Tarpeia  เป็นหนึ่งในคณะ Virgins Vestal
ทั้งยังเป็นลูกสาวของ Spurius Tarpeius
ผู้บัญชาการกองกำลัง ที่ Capitoline Hill


ตามตำนานเล่าว่า Tarpeia ได้เข้าพบราชันย์ Titus Tatius จาก Sabines
ที่ยกทัพบุกเข้าโจมตีกรุงโรมในศตวรรษที่ 8 ก่อนคริสตศักราช
และราชันต์เสนอให้ Tarpeia  ลอบเปิดประตูป้อมปราการ
โดยแลกกับกำไลทองคำทั้งหมดที่พวกนักรบสวมที่วงแขน


ในบางตำนานเล่าว่า  Titus Tatius สังเกตเห็นแววตาโลภมากของ Tarpeia
จึงติดสินบนให้เธอแอบเปิดประตูป้อมปราการ
หลังจากที่ Tarpeia ยอมเปิดประตูป้อมปราการ
ให้พวกนักรบจาก Sabines  ลอบเข้ามาในเมืองได้
แต่แทนที่พวกนักรบ Sabines จะมอบทองคำให้เธอ
กลับมอบความตายให้เธอด้วยการใช้โล่บดขยี้ใส่ร่างเธอจนตาย
แม้ว่าพวกนักรบ Sabines จะอ้างว่าเกลียดการทรยศหักหลัง
และลงโทษเธอที่ทรยศต่อพลเมืองของชาติตนเอง


แต่จริง ๆ น่าจะเป็นการชักดาบ (ไม่ยอมจ่ายทองคำ) เลยฆ่าปิดปากแทน
แบบไม่มีธรรมะในหมู่โจร  หรือพวกโจรตระบัดสัตย์
แบบเสร็จนาฆ่าโคถึก  เสร็จศึกฆ่าขุนพล
กระต่ายสิ้น เกาทัณฑ์พราก  หมาไล่เนื้อก็ต้องถูกฆ่าเป็นอาหาร
โบสถ์วิหารสร้างเสร็จแล้ว   จะเก็บนั่งร้านไว้ทำไม


ตามตำนานยังเล่าว่า ศพของ Tarpeia
ถูกฝังอยู่ใต้หน้าผาที่มีชื่อของเธอ
และสืบต่อมาอีกหลายศตวรรษ
บรรดาผู้ทรยศที่ฉาวโฉ่ทั้งหมด
จะถูกโยนลงมาจาก Tarpeian Rock
ถือว่าเป็นโทษกรรมที่เลวร้ายมากที่สุด
ยิ่งกว่าการประหารชีวิตแบบอื่น
เพราะมันคือ ความตายที่แสนจะน่าอับอาย


การประหารชีวิตด้วยการโยนนักโทษลงจาก Tarpeian Rock
มีการลงโทษแบบนี้จนถึงศตวรรษที่ 1 ก่อนคริสตศักราช
จึงมีการยกเลิกไปเพราะต้องห้ามตามกฎหมาย



เรียบเรียง/ที่มา


https://goo.gl/syJsjN




2.



3.



4.



5.



6.



7.



8.



9.



10.



11.



12.


แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่