งวยงงอยู่ในตลาดรถจักรยานยนต์สปอร์ตขนาด 150cc อยู่นานโขน สำหรับทางค่าย Suzuki ที่เป็นผู้ริเริ่มบุกเบิกตลาดรถจักรยานยนต์ประเภทสปอร์ตขนาด 150cc ค่ายแรกในไทย โดยมีรหัสว่า Suzuki RGV-S ซึ่งได้เปิดตัวและวางจำหน่ายในปี พ.ศ 2528

หลังจากนั้นเพียงระยะเวลาไม่กี่ปี Suzuki RGV-S ก็โดนคู่แข่งขนาด 150cc ค่ายอื่นๆ บดบังรัศมีจนแทบเลื่อนลางจางหายไปจากตลาด เนื่องจากคู่แข่งค่ายต่างๆ ล้วนที่จะส่งรถที่มีเทคโนโลยีที่เหนือกว่า RGV-S ทั้งสิ้น โดยเทคโนโลยีที่มีความโดดเด่นชัดเจนที่สุดคือ ระบบระบายความร้อนด้วยน้ำ ทั้งนี้สิ่งเดียวที่ RGV-S พอที่จะสู้ไหวก็คือราคาที่ถูกที่สุดในรถขนาด 150cc





วันเดือนปีล่วงเลยผ่านไปสำหรับทาง Suzuki จนในวันที่ 22 ธันวาคม พ.ศ. 2535 ณ.ห้องบางกอกคอนเวนชั่น โรงแรมเซนทรัลพลาซ่า Suzuki ได้ทำการเปิดตัว RG-150 I อย่างเป็นทางการต่อสื่อมวลชนและตัวแทนจำหน่ายจากทั่วประเทศ ทั้งนี้หากนับวันเวลาที่ได้ทำการเปิดตัว RGV-S ในปี พ.ศ. 2528 จนถึงปี พ.ศ. 2535 มีระยะเวลาถึง 7 ปีเลยที่เดียว กว่าที่ทาง Suzuki จะแก้เกมส่งรถรหัสใหม่เข้าสู่ตลาดรถขนาด 150 cc เพื่อต่อกรกับค่ายญี่ปุ่นเจ้าอื่นๆ

ดีเอ็นเอ (DNA) ที่ถูกส่งต่อจากรุ่นใหญ่สู่รุ่นเล็ก โดยทาง Suzuki ได้ใช้ RGV 500 เป็นรถต้นแบบถ่ายทอดเทคโลโนยีจนถึงดีไซน์การออกแบบให้กับเจ้า RG-150 I ซึ่งในขณะนั้น RGV 500 กำลังเป็นที่โดงดังอย่างสุดขีดจากนักบิดที่มีชื่อว่า เควิน ชวนทซ์ (Kevin Schwantz, 1964-ปัจจุบัน) เนื่องจากไสต์การขับขี่แบบคนบ้าไม่กลัวตายจนกลายเป็นที่ชื่นชอบของผู้ชมอีกด้วย



Suzuki RG-150 I มาพร้อมกับขุมพลังจากเครื่องยนต์ 150cc สูบเดียว 2 จังหวะ ระบายความร้อนด้วยน้ำ (หม้อน้ำขนาดใหญ่) ป้อนไอดีเข้าสู่เครื่องยนต์ด้วยรีดวาล์ว 6 แผ่น ทำจากเรซินยาง ควิก-แอคชั่น ช่วยทำให้ไอดีสามารถไหลผ่านได้ดียิ่งขึ้นกว่าเดิม โดยสามารถทำแรงม้าสูงสุดได้ที่ 37 แรงม้าต่อ 10,800 รอบ/นาที นอกจากนี้ระบบควบคุมการระบายไอเสีย AETC II (Automatic Exhaust Timing Control II) ควบคุมการทำงานด้วยคอมพิวเตอร์ และผสมผสานกับ Digital CDI ที่ควบคุมการจุดระเบิดและเมื่อบวกกับคาร์บูเรเตอร์แบบสลิงช็อต

RG-150 I แรงล้ำหน้า ด้วยคาร์บูเรเตอร์แบบสลิงช็อต ลิขสิทธิ์เฉพาะในรถแข่งระดับเวิล์ดกรังปีของซูซูกิ เพิ่มประสิทธิ์ภาพการควบคุมอัตราส่วน




ทรวดทรงที่สปอร์ตและการออกแบบตามหลักการแอร์โรไดนามิก หากกล่าวถึงรูปทรงสปอร์ตตามยุคสมัยของ RG-150 I เปรียบได้ว่าทาง Suzuki ทำการบ้านในการออกแบบมาอย่างดี นอกจากนี้ยังเป็นฟูลแฟริ่งอีกด้วย พร้อมทั้งไฟหน้าคู่ คมเข้ม เต็มรูปแบบรถแข่ง

เรือนไมล์แบบ 3 In 1 วางต่ำแหน่งอย่างเหมาะสม มาตรวัดความเร็วสูงสุดอยู่ที่ 240 กม./ชม. และวัดรอบแบบอิเลคโทรนิคส์ พร้อมทั้งสัญญาณไฟเตือนน้ำมัน รวมไปถึงสัญญาลักษณ์ไฟสูง-ต่ำ ในการออกแบบเรือนไมล์ให้มีบู๊ทยางช่วยดูดซับแรงสั่นสะเทือน ทำให้ค่ามาตรวัดต่างๆ มีความนิ่งแม้ในความเร็วสูง

เฟรมเหลี่ยมคู่แบบ S.R.F.B. (Suzuki Racing Frame Box) ถูกออกแบบจากคอมพิวเตอร์ มีความทนทานต่อแรงบิดและแรงดึงได้เป็นอย่างดี ผสมผสานกับโช๊คอัพหน้าแบบ เทเลสโคปิด ขนาด 35 มม. พร้อมด้วย สเตทิไลเซอร์ เพิ่มความมั่นใจในการทรงตัว โช๊คอัพเดี่ยวหลังแบบ New Link ทำงานรวมกันกับสวิงอาร์มรูปทรงพระจันทร์เสี้ยวหรือเรียกทรงบูมเมอแรงก็ได้

ดิสก์เบรกหน้าหลังแบบสูบคู่ โดย RG-150 I มีจานดิสก์หน้าขนาดใหญ่ถึง 290 มม. และในส่วนจานดิสก์หลังมีขนาดถึง 210 มม. ทำให้การเบรกมีความมั่นใจถึงสภาพถนน







หากไล่นับวันเวลาที่ทาง Suzuki ได้เปิดตัว RG-150 I ก็ล่วงเลยผ่านมาเป็นเวลา 26 ปีแล้ว ในปัจจุบัน RG-150 I อาจเปรียบได้ดั่งรถสะสมมากกว่ารถใช้งานปกติ เนื่องจากมีให้เห็นน้อยมากถ้านำไปเปรียบเทียบกับ 150cc ค่ายอื่นๆ ทั้งนี้ยังมีเรื่องอะไหล่บ้างชิ้นของ RG-150 I เป็นที่เลื่องลืออย่างมากถึงความหายากและมีจำนวนน้อย นอกจากนี้ยังชื่อเสียงในด้านการบริโภคน้ำมันอันดุเดือดอีกด้วย

นอกเหนือสิ่งอื่นใดสำหรับเจ้า RG-150 I ยังมีอะไหล่ชิ้นส่วนที่เป็นต้องการของตลาดอย่างมากก็คือ สวิงอาร์มพระจันทร์เสี้ยวและคาร์บูเรเตอร์แบบสลิงช็อต หากจะเปรียบเทียบสวิงอาร์มที่สวยๆสักรุ่นในรถยุคนั้น เบอร์หนึ่งอาจต้องยกให้กับเจ้าโปรอาร์มแต่เชื่อว่าสำหรับสวิงอาร์มพระจันทร์เสี้ยวก็สวยไม่เป็นรองอย่างแน่นอน

ในส่วนการแก้เกมของทางการตลาด Suzuki ในครั้งนี้ อาจเรียกได้ว่าไม่ประสบความสำเร็จเท่าที่ควร ถึงแม้จะไม่มีข้อมูลตัวเลขที่สามารถชี้วัดค่าได้ แต่เมื่อเทียบจำนวนรถในปัจจุบันถือได้ว่ามีจำนวนน้อยกว่า 150 cc ค่ายอื่นๆ เลยก็ว่าได้ สำหรับเจ้า RG-150 I

สุดท้ายนี้มีสัมภาษณ์ถึงผู้ใช้ RG-150 I ในขณะนั้นว่าเป็นอย่างไร