Kawasaki Kr150R (จุดเริ่มต้นรถ 150cc ของค่าย Kawasaki)

กระทู้สนทนา
Kawasaki Kr150R




ช้าๆได้พร้าเล่มงาม สำนวนสุภาษิตเปรียบเปรยประโยคนี้สามารถใช้กับ Kawasaki Kr150R ได้อย่างเต็มปาก หลังจากที่ปล่อยให้ค่ายรถคู่แข่งไม่ว่าจะเป็น Suzuki, Yamaha และ Honda ช่วงชิงตลาดในการปล่อยรถผู้ชายทรงสปอตขนาด 150cc ไล่เรียงจาก RGV-S (2528), VR150 (2530) และ Nsr150R (2532) ตามลำดับ

Kr150R ถูกเปิดตัวอย่างเป็นทางการในปีพ.ศ 2532 ซึ่งมีเวลาล่าช้ากว่า Nsr150R เพียงแค่ไม่กี่เดือน โดย Nsr150R เปิดตัวต้นปี 2532 ในส่วนของ Kr150R เปิดตัวปลายปี 2532

Kr150R ถูกถอดแบบมาจากรถรุ่น Kawasaki GPX250 โดยมีราคาเปิดตัวอยู่ที่ประมาณ 60,000 +/- (ไม่สามารถหาเอกสารราคาของ Kr150R ได้ ผู้เขียนจึงใช้ราคาเปรียบเทียบของรถขนาด 150cc รุ่นอื่นๆที่ถูกจัดจำหน่ายในเวลาไล่เลี่ยกัน)



Kawasaki Kr150R มาพร้อมกับเครื่องยนต์ 2 จังหวะ แคร้งเคสรีดวาล์ว ระบายความร้อนด้วยน้ำ ความจุกระบอกสูบอยู่ที่ 148cc มีระยะชักที่ 57-54.4 มม และมีกำลังอัดอยู่ที่ 8.0: 1 อีกทั้งยังถูกควบคุมการทำงานด้วยระบบ KIPS (Kawasaki Integrated Power Valve System) แรงม้าสูงสุดอยู่ที่ 33 แรงม้า

วาล์วไอเสีย KIPS เป็นลิ้นไอเสียที่ควบคุมปริมาณของไอเสียที่ถูกปล่อยทิ้งให้สัมพันธ์กับรอบเครื่อง โดยการทำงานของแมคคานิค ซึ่งแมคคานิคคือชิ้นส่วนกลไกที่ไม่มีระบบไฟฟ้ามายุ่งเกี่ยว

เหนือกว่าใครด้วยเสื้อสูบ ELEX อลูมิเนียมอัลลอย ไม่สึกหล่อตลอดอายุการใช้งาน เสื้อสูบผ่านวิธีการหลอมละลายด้วยไฟฟ้า โดยทำให้มีคุณสมบัติพิเศษกว่าเสื้อสูบปลอกเหล็กแบบธรรมดาหรือผิวชุบแบบโครเมี่ยม นอกจากนี้อลูมิเนียมอัลลอยยังมีน้ำหนักเบา และสามารถถ่ายเทความร้อนได้เป็นอย่างดี ทั้งนี้ทาง Kawasaki ได้รับประกันเสื้อสูบไว้ที่ 20,000 กิโลเมตรเพียงเท่านั้น

Keihin PWK28 เป็นคาร์บูเรเตอร์ที่ทาง Kawasaki เลือกติดตั้งให้กับ Kr150r ซึ่งเป็นระบบคาร์บูเรเตอร์แบบลูกเร่ง Flat Oval ซึ่งเป็นเทคโลโนยีใหม่ล่าสุดสำหรับการผสมน้ำมันกับอากาศ โดยเป็นที่ยอมรับและนิยมใช้ในการแข่งขันระดับโลก

โช๊คหลังเดียว Uni-Trak พัฒนาใหม่ให้ลดการสั่นสะเทือนได้เหนือกว่าโช๊คแบบธรรมดา ซึ่งมาพร้อมกับสวิงอาร์มเหลี่ยมที่ทำมาจากอลูมิเนียมอัลลอย โดยมีน้ำหนักเบาและแข็งแกร่งทนทาน นอกจากนี้ทาง Kawasaki ยืนยันว่าเป็นเจ้าแรกในไทยสำหรับสวิงอาร์มเหลี่ยมอลูมิเนียมอัลลอย

โช๊คหน้า Telescopic Pork ให้แกนโช๊คขนาด 33 มม. ซึ่งขนาดของแกนโช๊คที่ทาง Kawasaki ให้มาส่งผลให้มีขนาดใหญ่ที่สุดในตลาดเหนือคู่แข่ง 150cc ยี่ห้ออื่นๆ ณ.ช่วงเวลานั้น

ตัวถังทรงแปลคู่ Double Cradle Box Frame ถูกออกแบบให้มีน้ำหนักเบาในส่วนอัตราพื้นที่เท่ากัน อีกทั้งยังให้ความแข็งแกร่ง ไม่ใหญ่เทอะทะ รวมถึงส่งผลให้การทรงตัวรถดีเยี่ยม

ดิสก์เบรกหน้า-หลัง เพิ่มความมั่นใจในการขับขี่ โดยทาง Kawasaki ได้ให้ชุดปั้มหน้าเป็นปั้ม 2 ลูกสูบ ในส่วนปั้มหลังเป็น 1 ลูกสูบ เพื่อให้มีความสมดุลในการทำงานของเบรก

ฝาถังน้ำมันชนิดพิเศษ Jet Cap แบบเครื่องบิน โดยรูปแบบฝาถังน้ำมัน Jet Cap ถูกใช้อยู่บนเครื่องบินเจ็ต ซึ่งทาง Kawasaki ได้นำมาใช้กับ Kr150R

เรือนไมล์ เร้าใจล้ำยุค บ่งบอกถึงความเหนือชั้น โดยการออกแบบให้เฉียมคม พร้อมทั้งอุปกรณ์อำนวยความสะดวกครบคัน

ไฟหน้าและหน้ากากเป็นชิ้นเดียวกัน โดยไฟหน้าเป็นแบบ Halogen มุมไฟแบบจานฉาย สามารถปรับได้ 4 ทิศทาง เช่นเดียวกับไฟหน้ารถยนต์

***
ข้อมูลที่เขียนอ้างอิงจากโบรชัวร์ของรถรุ่นนี้



------
การกลับมาของกระแสรถ 2 จังหวะอย่างรุนแรงในช่วง 2-3 ปีที่มา คงมิอาจเลี่ยงได้ว่ามีตระกูล Kr150 เป็นรถรุ่นกระแสหลักที่ส่งผลถึงกระแสอย่างมาก หากจะหาว่าเหตุใดกันเล่าถึงตระกูล Kr150 ที่ยังคงนิยมไม่เสื่อมคลาย

•เมื่อกาลเวลาล่วงเลยมาเกือบ 30 ปี เทคโนโลยีและเครื่องยนต์ที่คงทนกลายเป็นสิ่งที่การันตีมากกว่ารูปทรง เปรียบเทียบดังว่า “สวยแต่รูป จูบไม่หอม” แต่ไม่อาจใช้กับ Kr150 ได้

•ปัญหาสำคัญของรถเก่าหลายสิบปีคงหนีไม่พ้นเรื่องระบบไฟวาว์ลไอดี ซึ่ง Kr150 มีความได้เปรียบตรงมีระบบกลไกธรรมดา ไม่มีไฟฟ้าเข้ามายุ่งเกี่ยว ซึ่งมันได้กลายเป็นจุดแข็งของ Kawasaki อย่างมาก

•หากเปรียบเทียบรถ 150cc รุ่นแรกทั้ง 4 ค่าย พบว่า Kawasaki Kr150r มีแรงม้าเยอะที่สุด

•อะไหล่หาซื้อได้ไม่ยาก แต่ต้องแลกกับราคาที่แพงกว่ารถยี่ห้ออื่น

•รูปทรง การออกแบบ

ปัจจัยเหตุเหล่าที่ได้กล่าวไป อาจเป็นแค่ส่วนประกอบหนึ่งของกระแสรถตระกูล Kr

*แหล่งข้อมูล
https://www.2strokeclub.com/smf/index.php?topic=70201.0
https://www.facebook.com/groups/724093804294820
https://www.facebook.com/groups/2tspec

-----
ขอฝากเพจหน่อยครับ
https://www.facebook.com/ต้นรถเป็นอะไรอะ-451481885345798
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่