Nsr150R (2532) ตาเหลียมกับการ All New Sticker ของทาง Honda
ที่มา2tspec
มาช้าแต่มานะ !!! สำหรับค่ายคนดี โดยหลังจากปล่อยให้คู่แข่งอย่าง Suzuki RGV-S และ Yamaha VR150 ทำตลาดรถจักรยานยนต์
สปอรต์ขนาด 150cc ไปก่อนหน้านี้ บวกกับทิศทางตลาดที่รถทรงผู้ชายอย่างเจ้า Honda Fighter 135 ไม่สดใสเหมือนแต่ก่อน รวมไปถึงไม่อาจสามารถต่อกรกับ 150cc อีกสองค่ายได้แล้ว ทำให้การมาในครั้งนี้ของ Honda บอกเลยว่าเจ้า NSR150R ไม่ธรรมดา
สำหรับความคิดของส่วนตัวของผู้เขียนหลังจากศึกษาข้อมูลของ RGV-S (รุ่นแรก 2528) และ VR150 (รุ่นแรก 2530) ผู้เขียนสามารถบอกได้เลยว่าทาง Honda มีตั้งใจเป็นอย่างมากในการสร้างสรรค์ Nsr150R
ที่มา2tspec
หากจะไล่เรียงหาถึงจุดถือกำเนิดของต้นตระกูล NSR ต้องย้อนวันเวลากลับไปในวันที่ 25 พฤษภาคม 2527 (1984) ทางค่าย Honda ได้ทำการเปิดตัวตัวรถจักรยานยนต์สปอร์ตที่มีประสิทธิภาพสูงมีรหัสว่า NS250F และ NS250R โดย NS250F/R ได้กลายเป็นต้นตระกูล NSR ขนาดความจุ 250cc รุ่นแรก ก่อนจะถูกพัฒนาต่อไปจนเป็น NSR250R (Mc16) ปี 1987
NS250F และ NS250R เป็นการนำเอาเทคโนโลยีที่มีความซับซ้อนจาก Honda NS500 มาพัฒนา สำหรับ Honda NS500 มีดีกีเป็นรถแชมป์ MotoGp ในปี 1983
สำหรับประเทศไทยทาง Honda ได้ทำการเปิดตัว Nsr150R ขึ้นเป็นครั้งแรกปีพ.ศ 2532 (1989) และจัดจำหน่ายอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 14 กุมภาพันธ์ 2532 ซึ่งถือได้ว่าทาง Honda ได้ก้าวเข้าสู่ตลาดของรถจักรยานยนต์ 150cc โดยตามหลังค่ายเพื่อนร่วมชาติอย่าง Suzuki และ Yamaha หรืออาจจะเป็นเพียงกลยุทธ์ทางการตลาดของทางค่าย Hondaที่ปล่อยให้ค่ายอื่นๆทดลองตลาดรถใหม่ๆเสียก่อน
Nsr150R ถูกถอดแบบมาจาก NSR 250R ซึ่งทาง NSR 250R ก็ถูกทาง Honda ถอดแบบมาจาก NSR500 เหมือนกัน ทั้งนี้สามารถพูดได้ว่าทาง Honda ทำการย่อขนาดเจ้า NSR500 ให้เป็น NSR250R และสุดท้ายย่อจนเป็น Nsr150R
Nsr150R มาพร้อมกับเครื่องยนต์ที่มีขนาดความจุ 150cc ระบายความร้อนด้วยน้ำ ในส่วนของระบบไอดีมากับระบบแคร๊งค์เคสรีดวาว์ลซึ่งทำงานรวมกับ RcValve (Revolutionart Controlled Exhaust Valvesystem) ถ้าเรียกเป็นภาษาไทยคือ “ระบบควบคุมไอเสียตามรอบเครื่องด้วยระบบคอมพิวเตอร์” เพิ่มเติมด้วยกล่องเก็บไอดี (ปอด) อีกทั้ง Nsr150R ได้ใช้รีดวาว์ล 6 ใบทำจากเรซิ่น โดยจุดเด่นของรีดวาว์ลเรซิ่นคือการสั่นสะเทือนของแผ่นรีดน้อยกว่าแผ่นรีดแบบคาร์บอน ถึงแม้จะอยู่ในรอบเครื่องสูงก็ตาม อีกทั้งการจัดวางรีดวาว์ลยังอยู่ในแนวตั้งเพื่อที่จะได้พื้นที่มากขึ้นในห้องแครงค์ สำหรับให้พื้นที่ของพอร์ทไอดีวาว์ลมีมากขึ้น ซึ่งเทคโนโลยีทั้งหมดเป็นถูกพัฒนามาจากทีมแข่งรถของ Honda ที่มีชื่อว่า HRC
สำหรับการทำงานของ Rc Valve โดยวาว์ลจะถูกติดตั้งอยู่ตรงต่ำแหน่งพอร์ทไอเสีย ซึ่งทำให้สามารถปรับเปลี่ยนตำแหน่งขึ้นลงของพอร์ทไอดีได้ตามรอบเครื่องยนต์ ซึ่งการควบคุมทั้งหมดถูกสั่งการมาจากระบบไมโครคอมพิวเตอร์
ที่มา2tspec
ชุดแฟริ่งทาง Honda ได้จัดเต็มด้วยถอดแบบจากรถแข่ง ทำให้มีความถูกต้องทางแอโรไดนามิก ซึ่งทาง Honda ได้เครมว่ามีค่าต้านลมอยู่ที่ 0.00145 ซึ่งมีค่าน้อยสุดในบรรดาคู่แข่ง 150 cc และชุดแฟริ่งยังสามารถระบายความร้อนได้เป็นอย่างดี อีกทั้งสามารถถอดชุดฟูลแฟริ่งให้กลายเป็นฮาร์ฟแฟริ่งได้ สำหรับในส่วนของหน้ากากNsr150R ได้ถูกออกแบบให้สร้างไฟหน้าและไฟเลี้ยวติดอยู่ในหน้ากากเพื่อให้มีค่าต้านลมน้อยที่สุด
ที่มา2tspec
ในส่วนของถังน้ำมันทาง Honda ออกแบบให้มีขนาดที่เหมาะสมกับช่วงขาหนีบ ส่งผลให้ผู้ขับขี่เกิดความกระชับ คล่องตัวในการขับขี่ นอกจากนี้ยังใส่ใจรายละเอียดเล็กๆน้อยๆของฝาถังน้ำมัน โดยการออกแบบของฝาถังน้ำมันมีความแบนราบกับตัวถังน้ำมัน เพื่อให้ผู้ขับขี่ได้หมอบโดยที่ฝาถังน้ำมันไม่กระทบกับอกให้เจ็บ
เฟรมเหลี่ยมคู่ (Twin tube frame) ถูกพัฒนามาจาก Nsr250R สู่ Nsr150R โดยเฟรมมีรูปร่างเป็นสีเหลี่ยมพื้นผ้าหนา ซึ่งมีคุณสมบัติตรงความแข็งแกร่งและแข็งแรงเป็นอย่างมาก สำหรับตัวเฟรมก็ถูกออกแบบโดยทีมแข่ง HRC ของทาง Honda เช่นกัน
ระบบกันสะเทือนในส่วนหน้าเป็น Telescopic แกนโช๊คขนาด 31 มม. สำหรับในส่วนระบบกันสะเทือนหลังเป็น Mono Shock มาพร้อมกับสวิงอาร์มสี่เหลียมผืนผ้าที่มีความหนา ทำให้สามารถทนต่อแรงบิดได้เป็นอย่างดี
ระบบเบรกทาง Honda ให้จานดิสก์เบรกหน้ามีขนาด 276 มม. และจานดิสก์หลัง 200 มม. ทั้งคู่มาพร้อมกับปั้มเบรก 2 ลูกสูบ ซึ่งขนาดของปั้มเบรกหน้าและหลังมีขนาดเท่ากันเพื่อการซ่อมบำรุงที่ง่ายดาย
สิ่งแต่หน้าแปลกใจสำหรับ Nsr150R คือการไม่มีสวิตซ์ off run มาให้ ซึ่งในส่วนของคู่แข่งค่ายอื่นๆ ล้วนแต่มีสวิตซ์ off run มาให้ แต่เมื่อวิเคราะห์หาเหตุผลอาจจะได้คำตอบว่าทาง Honda พยายามควบคุมราคาของ Nsr150R ไม่ให้มีราคาที่แรงไปกว่าคู่แข่งมากนัก สำหรับราคา Nsr150r มีราคาอยู่ที่ 52,000 – 59,000 บาท ซึ่งขึ้นอยู่กับพื้นที่จัดจำหน่าย
ที่มา2tspec
---------------------
หลังจาก Honda นำพาเจ้า Nsr150r รุ่นแรกเข้าสู่ตลาดในปี 2532 ก็ใช้ระยะเวลาเพียง 2 ปีในการออก New Nsr150R (2534) สำหรับ Nsr150R (รุ่น 2) ในเวอร์ชั่นนี้เป็นเพียงปรับเปลี่ยนไปแค่สติกเกอร์เท่านั้น ภาษาชาวบ้านเรียก All New Sticker สำหรับเครื่องยนต์ตามข้อมูลเทคนิคไม่พบการเปลี่ยนแปลงใดๆทั้งสิ้น
ในปี 2535 (1992) ทาง Honda ก็ปล่อย Nsr150r (รุ่น 3) ซึ่ง All New Sticker เหมือนรุ่นที่ 2
***หากใครใจดีมีโบรชัวร์อยู่ สามารถถ่ายรูปมาแบ่งปันได้นะครับ
ในปี 2536 (1993) ทาง Honda ก็ปล่อย Nsr150r (รุ่น 4) ซึ่ง All New Sticker เหมือนรุ่นที่ 3
***หากใครใจดีมีโบรชัวร์อยู่ สามารถถ่ายรูปมาแบ่งปันได้นะครับ
ในปี 2537 (1994) ทาง Honda ก็ปล่อย Nsr150r (รุ่น 5) ซึ่ง All New Sticker เหมือนรุ่นที่ 4 ซึ่งทาง Honda ไม่ได้เปลี่ยนแปลงเครื่องยนต์ใดๆ ทั้งสิ้น
***หากใครใจดีมีโบรชัวร์อยู่ สามารถถ่ายรูปมาแบ่งปันได้นะครับ
รุ่นสุดท้าย รุ่นเบียร์ช้าง 2538 (1995) สำหรับในรุ่นนี้ ทาง Honda มีการเปลี่ยนแปลงในส่วนของ
-โครงรถ สวิงอาร์ม สีเทา
-เปลี่ยนพื้นหลังเรือนไมล์
-ใช้กันตกใหญ่ของ RR
-จุดยึดกันตกถูกเสริมขึ้นมาเพื่อยึดกันตกใหญ่
-โช๊คหน้าสีเงิน
-แผงคอสีเงิน
-เบรคหน้าหลังสีเงิน
***หากใครใจดีมีโบรชัวร์อยู่ สามารถถ่ายรูปมาแบ่งปันได้นะครับ
สรุป
สำหรับเจ้า Nsr150R มีระยะโมเดลตั้งแต่ 2532-2538 ซึ่งในระยะเวลา 6 ปีที่ผ่านมาของ Nsr150R ทาง Honda ไม่ได้ทำการปรับปรุงแก้ไขเกี่ยวกับตัวรถหรือกับเครื่องยนต์ใดๆเลย โดยการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นทั้งหมดคือสติ๊กเกอร์เท่านั้น แต่สำหรับรุ่นเบียร์ช้าง (2538) เป็นรุ่นที่มีการเปลี่ยนแปลงมากกว่าสติ๊กเกอร์
--------------------------------------------
***ที่มาของข้อมูล
https://www.2strokeclub.com/smf/index.php?topic=70201.0
https://www.facebook.com/groups/2tspec/
-------------------------------------------
ขอฝากเพจหน่อยครับ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้https://www.facebook.com/ต้นรถเป็นอะไรอะ-451481885345798/
Nsr150R (2532) ตาเหลียมกับการ All New Sticker ของทาง Honda
มาช้าแต่มานะ !!! สำหรับค่ายคนดี โดยหลังจากปล่อยให้คู่แข่งอย่าง Suzuki RGV-S และ Yamaha VR150 ทำตลาดรถจักรยานยนต์
สปอรต์ขนาด 150cc ไปก่อนหน้านี้ บวกกับทิศทางตลาดที่รถทรงผู้ชายอย่างเจ้า Honda Fighter 135 ไม่สดใสเหมือนแต่ก่อน รวมไปถึงไม่อาจสามารถต่อกรกับ 150cc อีกสองค่ายได้แล้ว ทำให้การมาในครั้งนี้ของ Honda บอกเลยว่าเจ้า NSR150R ไม่ธรรมดา
สำหรับความคิดของส่วนตัวของผู้เขียนหลังจากศึกษาข้อมูลของ RGV-S (รุ่นแรก 2528) และ VR150 (รุ่นแรก 2530) ผู้เขียนสามารถบอกได้เลยว่าทาง Honda มีตั้งใจเป็นอย่างมากในการสร้างสรรค์ Nsr150R
หากจะไล่เรียงหาถึงจุดถือกำเนิดของต้นตระกูล NSR ต้องย้อนวันเวลากลับไปในวันที่ 25 พฤษภาคม 2527 (1984) ทางค่าย Honda ได้ทำการเปิดตัวตัวรถจักรยานยนต์สปอร์ตที่มีประสิทธิภาพสูงมีรหัสว่า NS250F และ NS250R โดย NS250F/R ได้กลายเป็นต้นตระกูล NSR ขนาดความจุ 250cc รุ่นแรก ก่อนจะถูกพัฒนาต่อไปจนเป็น NSR250R (Mc16) ปี 1987
NS250F และ NS250R เป็นการนำเอาเทคโนโลยีที่มีความซับซ้อนจาก Honda NS500 มาพัฒนา สำหรับ Honda NS500 มีดีกีเป็นรถแชมป์ MotoGp ในปี 1983
สำหรับประเทศไทยทาง Honda ได้ทำการเปิดตัว Nsr150R ขึ้นเป็นครั้งแรกปีพ.ศ 2532 (1989) และจัดจำหน่ายอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 14 กุมภาพันธ์ 2532 ซึ่งถือได้ว่าทาง Honda ได้ก้าวเข้าสู่ตลาดของรถจักรยานยนต์ 150cc โดยตามหลังค่ายเพื่อนร่วมชาติอย่าง Suzuki และ Yamaha หรืออาจจะเป็นเพียงกลยุทธ์ทางการตลาดของทางค่าย Hondaที่ปล่อยให้ค่ายอื่นๆทดลองตลาดรถใหม่ๆเสียก่อน
Nsr150R ถูกถอดแบบมาจาก NSR 250R ซึ่งทาง NSR 250R ก็ถูกทาง Honda ถอดแบบมาจาก NSR500 เหมือนกัน ทั้งนี้สามารถพูดได้ว่าทาง Honda ทำการย่อขนาดเจ้า NSR500 ให้เป็น NSR250R และสุดท้ายย่อจนเป็น Nsr150R
Nsr150R มาพร้อมกับเครื่องยนต์ที่มีขนาดความจุ 150cc ระบายความร้อนด้วยน้ำ ในส่วนของระบบไอดีมากับระบบแคร๊งค์เคสรีดวาว์ลซึ่งทำงานรวมกับ RcValve (Revolutionart Controlled Exhaust Valvesystem) ถ้าเรียกเป็นภาษาไทยคือ “ระบบควบคุมไอเสียตามรอบเครื่องด้วยระบบคอมพิวเตอร์” เพิ่มเติมด้วยกล่องเก็บไอดี (ปอด) อีกทั้ง Nsr150R ได้ใช้รีดวาว์ล 6 ใบทำจากเรซิ่น โดยจุดเด่นของรีดวาว์ลเรซิ่นคือการสั่นสะเทือนของแผ่นรีดน้อยกว่าแผ่นรีดแบบคาร์บอน ถึงแม้จะอยู่ในรอบเครื่องสูงก็ตาม อีกทั้งการจัดวางรีดวาว์ลยังอยู่ในแนวตั้งเพื่อที่จะได้พื้นที่มากขึ้นในห้องแครงค์ สำหรับให้พื้นที่ของพอร์ทไอดีวาว์ลมีมากขึ้น ซึ่งเทคโนโลยีทั้งหมดเป็นถูกพัฒนามาจากทีมแข่งรถของ Honda ที่มีชื่อว่า HRC
สำหรับการทำงานของ Rc Valve โดยวาว์ลจะถูกติดตั้งอยู่ตรงต่ำแหน่งพอร์ทไอเสีย ซึ่งทำให้สามารถปรับเปลี่ยนตำแหน่งขึ้นลงของพอร์ทไอดีได้ตามรอบเครื่องยนต์ ซึ่งการควบคุมทั้งหมดถูกสั่งการมาจากระบบไมโครคอมพิวเตอร์
ชุดแฟริ่งทาง Honda ได้จัดเต็มด้วยถอดแบบจากรถแข่ง ทำให้มีความถูกต้องทางแอโรไดนามิก ซึ่งทาง Honda ได้เครมว่ามีค่าต้านลมอยู่ที่ 0.00145 ซึ่งมีค่าน้อยสุดในบรรดาคู่แข่ง 150 cc และชุดแฟริ่งยังสามารถระบายความร้อนได้เป็นอย่างดี อีกทั้งสามารถถอดชุดฟูลแฟริ่งให้กลายเป็นฮาร์ฟแฟริ่งได้ สำหรับในส่วนของหน้ากากNsr150R ได้ถูกออกแบบให้สร้างไฟหน้าและไฟเลี้ยวติดอยู่ในหน้ากากเพื่อให้มีค่าต้านลมน้อยที่สุด
ในส่วนของถังน้ำมันทาง Honda ออกแบบให้มีขนาดที่เหมาะสมกับช่วงขาหนีบ ส่งผลให้ผู้ขับขี่เกิดความกระชับ คล่องตัวในการขับขี่ นอกจากนี้ยังใส่ใจรายละเอียดเล็กๆน้อยๆของฝาถังน้ำมัน โดยการออกแบบของฝาถังน้ำมันมีความแบนราบกับตัวถังน้ำมัน เพื่อให้ผู้ขับขี่ได้หมอบโดยที่ฝาถังน้ำมันไม่กระทบกับอกให้เจ็บ
เฟรมเหลี่ยมคู่ (Twin tube frame) ถูกพัฒนามาจาก Nsr250R สู่ Nsr150R โดยเฟรมมีรูปร่างเป็นสีเหลี่ยมพื้นผ้าหนา ซึ่งมีคุณสมบัติตรงความแข็งแกร่งและแข็งแรงเป็นอย่างมาก สำหรับตัวเฟรมก็ถูกออกแบบโดยทีมแข่ง HRC ของทาง Honda เช่นกัน
ระบบกันสะเทือนในส่วนหน้าเป็น Telescopic แกนโช๊คขนาด 31 มม. สำหรับในส่วนระบบกันสะเทือนหลังเป็น Mono Shock มาพร้อมกับสวิงอาร์มสี่เหลียมผืนผ้าที่มีความหนา ทำให้สามารถทนต่อแรงบิดได้เป็นอย่างดี
ระบบเบรกทาง Honda ให้จานดิสก์เบรกหน้ามีขนาด 276 มม. และจานดิสก์หลัง 200 มม. ทั้งคู่มาพร้อมกับปั้มเบรก 2 ลูกสูบ ซึ่งขนาดของปั้มเบรกหน้าและหลังมีขนาดเท่ากันเพื่อการซ่อมบำรุงที่ง่ายดาย
สิ่งแต่หน้าแปลกใจสำหรับ Nsr150R คือการไม่มีสวิตซ์ off run มาให้ ซึ่งในส่วนของคู่แข่งค่ายอื่นๆ ล้วนแต่มีสวิตซ์ off run มาให้ แต่เมื่อวิเคราะห์หาเหตุผลอาจจะได้คำตอบว่าทาง Honda พยายามควบคุมราคาของ Nsr150R ไม่ให้มีราคาที่แรงไปกว่าคู่แข่งมากนัก สำหรับราคา Nsr150r มีราคาอยู่ที่ 52,000 – 59,000 บาท ซึ่งขึ้นอยู่กับพื้นที่จัดจำหน่าย
---------------------
หลังจาก Honda นำพาเจ้า Nsr150r รุ่นแรกเข้าสู่ตลาดในปี 2532 ก็ใช้ระยะเวลาเพียง 2 ปีในการออก New Nsr150R (2534) สำหรับ Nsr150R (รุ่น 2) ในเวอร์ชั่นนี้เป็นเพียงปรับเปลี่ยนไปแค่สติกเกอร์เท่านั้น ภาษาชาวบ้านเรียก All New Sticker สำหรับเครื่องยนต์ตามข้อมูลเทคนิคไม่พบการเปลี่ยนแปลงใดๆทั้งสิ้น
ในปี 2535 (1992) ทาง Honda ก็ปล่อย Nsr150r (รุ่น 3) ซึ่ง All New Sticker เหมือนรุ่นที่ 2
ในปี 2536 (1993) ทาง Honda ก็ปล่อย Nsr150r (รุ่น 4) ซึ่ง All New Sticker เหมือนรุ่นที่ 3
ในปี 2537 (1994) ทาง Honda ก็ปล่อย Nsr150r (รุ่น 5) ซึ่ง All New Sticker เหมือนรุ่นที่ 4 ซึ่งทาง Honda ไม่ได้เปลี่ยนแปลงเครื่องยนต์ใดๆ ทั้งสิ้น
รุ่นสุดท้าย รุ่นเบียร์ช้าง 2538 (1995) สำหรับในรุ่นนี้ ทาง Honda มีการเปลี่ยนแปลงในส่วนของ
-โครงรถ สวิงอาร์ม สีเทา
-เปลี่ยนพื้นหลังเรือนไมล์
-ใช้กันตกใหญ่ของ RR
-จุดยึดกันตกถูกเสริมขึ้นมาเพื่อยึดกันตกใหญ่
-โช๊คหน้าสีเงิน
-แผงคอสีเงิน
-เบรคหน้าหลังสีเงิน
สำหรับเจ้า Nsr150R มีระยะโมเดลตั้งแต่ 2532-2538 ซึ่งในระยะเวลา 6 ปีที่ผ่านมาของ Nsr150R ทาง Honda ไม่ได้ทำการปรับปรุงแก้ไขเกี่ยวกับตัวรถหรือกับเครื่องยนต์ใดๆเลย โดยการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นทั้งหมดคือสติ๊กเกอร์เท่านั้น แต่สำหรับรุ่นเบียร์ช้าง (2538) เป็นรุ่นที่มีการเปลี่ยนแปลงมากกว่าสติ๊กเกอร์
--------------------------------------------
***ที่มาของข้อมูล
https://www.2strokeclub.com/smf/index.php?topic=70201.0
https://www.facebook.com/groups/2tspec/
-------------------------------------------
ขอฝากเพจหน่อยครับ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้