"พรุ่งนี้ค่อยลด" เสียหายไปเท่าไหร่กับประโยคนี้
ใครที่ชอบพูดแบบนี้บ้าง ยกมือขึ้นค่ะ55

สวัสดีค่าา ก่อนอื่นขอแนะนำตัวก่อนนะคะ เราชื่อกี้ค่ะอายุ 22 ปีแต่ก่อนหนัก 68 กิโลกรัม เคยลดน้ำหนักลงมาถึง 60 กิโลกรัมค่ะ ตอนนี้น้ำหนักเราคงที่อยู่ช่วง 61-62 กิโลกรัม



สำหรับวันนี้กี้จะมาแชร์ประสบการณ์ทำยังไงให้ประสบความสำเร็จในการลดความอ้วนหรือลดน้ำหนัก โดย 9 สิ่งที่กี้เคยทำและเห็นผลจริงกับตัวเองในการลดความอ้วน(ไขมัน)และน้ำหนักโดยไม่ใช้ยาหรืออาหารเสริมใดๆ



เมื่อก่อนช่วงที่กี้อ้วนๆ กี้เคยเห็นพวกยาลดน้ำหนัก ยาดักจับไขมันหรือพวกชุดโอนามิที่ใส่เเล้วช่วยเบิร์นไขมัน เคยคิดอยากซื้อมาใช้แต่ติดตรงที่ไม่มีตังค์จะซื้อ555 สรุปเลยไม่ได้ซื้อและไม่ได้ลดสักที จนวันนึงเริ่มทนไม่ไหวกับสภาพของตัวเองที่อ้วน เหนื่อยง่าย ไม่คล่องเเคล้ว บวกกับสิวขึ้นหน้าเยอะจากการกินแบบไม่ยั้งและไม่เลือก เเฟนก็ไม่มี คนมาจีบก็ไม่มี ป่วยบ่อยด้วย เราจึงเริ่มตัดสินใจมาจริงจังกับการลดความอ้วน

แต่ก่อนนี้อ้วนและเหนื่อยง่ายมากเลยค่ะ นน.ตอนนั้นเกือบๆ70 กก.เลย


หลังจากเริ่มออกกำลังกายและคุมอาหารมาได้ 3-4 เดือนและออกมาเรื่อยๆจนเกือบครบปี

ช่วงนี้กี้ยังคงคุมอาหารและออกกำลังกาย แต่ไม่ได้หักโหมเกินไป

อย่างแรกที่เราทำคือ วิ่งๆๆๆๆและไม่คุมอาหาร บางครั้งกินน้อยและหลังวิ่งไม่กินอะไรเลย ผลคือน้ำหนักลดแต่หุ่นก็เท่าเดิม ไม่มีอะไรเปลี่ยนเเปลง เราเลยลองหาข้อมูลและลองมาประยุกต์ใช้กับตัวเองมีทั้งที่เห็นผลบ้างและไม่เห็นผลบ้าง วันนี้กี้เลยจะมาแชร์ 9 สิ่งที่เราต้องทำถ้าอยากประสบความสำเร็จในการลดความอ้วน มาดูกันเลยค่ะว่ามีอะไบ้าง

1. ประเมินตัวเอง ดูว่าเราอ้วนระดับไหน โดยวัดจากน้ำหนักเทียบกับส่วนสูง เปอร์เซ็นต์ไขมัน หรือหุ่นที่เรามองเห็นตัวเองจากในกระจก
รูปนี้กี้วัดองค์ประกอบของร่างกายโดยใช้เครื่อง InBody ซึ่งจะบอกข้อมูลทุกอย่างเลยทั้งไขมัน กล้ามเนื้อและอื่นๆ


2. ตั้งเป้าหมาย เขียนในกระดาษหรือในมือถือว่าเราอยากจะลดน้ำหนักหรือความอ้วนเพื่ออะไร เราต้องการให้หุ่นเราเป็นแบบไหน จำไว้ว่า เราไม่ต้องเหมือนคนอื่น ทุกคนมีความสวยในแบบของตัวเองอยู่เเล้ว
ช่วงนั้นกี้เริ่มเล่นเวทจริงจังมาประมาณ2-3 เดือนค่ะ


3. ลงมือทำทันที ถ้าเราคิดจะลดความอ้วน ต้องลงมือทำเลย เริ่มออกกำลังกายเลย อย่าคิดว่าพรุ่งนี้ค่อยลด เพราะพรุ่งนี้เราก็ทำตามนิสัยเดิม กินแบบเหมือนเดิม สุดท้ายก็ไม่ได้ลดสักที


4. คุมอาหารให้ได้ จำไว้ว่า อาหารสำคัญกว่าการออกกำลังกายถึง 80% ออกกำลังกายแค่ 20% ถ้าเรามีปัญหาเรื่องน้ำหนักเยอะ ออกกำลังกายหนักไม่ได้ แนะนำว่าให้คุมเรื่องอาหารก่อนเลยค่ะ พอน้ำหนักลดลงมาประมาณนึง จึงเริ่มมาออกกำลังกายแบบเเรงต้าน สำหรับคนที่อยากลดน้ำหนักให้กินแบบ caloric deficit หรือกินให้น้อยกว่าพลังงานที่ร่างกายเพื่อให้ร่างกายเอาไขมันที่สะสมมาใช้ หรือถ้าใครอยากเพิ่มกล้ามเนื้อหรือน้ำหนักให้ทานแบบ caloric surplus


5. ออกกำลังกายแบบเเรงต้าน เช่น บอดี้เวทหรือเวทเทรนนิ่ง 4-5วันต่อสัปดาห์ คาร์ดิโอหรือ HIIT workout 1-2 วันต่อสัปดาห์ ที่สำคัญหลังออกกำลังต้องกินโปรตีนให้เพียงพอด้วยนะคะจะได้ไม่สูญเสียมวลกล้ามเนื้อและช่วยในการสร้างกล้ามเนื้อ เมื่อกล้ามเนื้อเพิ่มขึ้นเราก็เผาผลาญได้มากขึ้นนั่นเอง


6. อดทน อดทน และอดทน นี่คือสิ่งที่ยากที่สุด ถ้าใครทำข้อนี้ไม่ได้ก็ไม่มีวันลดน้ำหนักสำเร็จเเน่นอนค่ะ สำหรับใครที่ทำได้ ยินดีด้วยค่ะ คุณชนะใจตัวเองเเล้ว


7. ออกกำลังกายและคุมอาหารให้ได้อย่างสม่ำเสมอ ไม่จำเป็นต้องหักโหมในการออกกำลังกายหรือเคร่งครัดเรื่องอาหารมากเกินไป ในบางมื้อเราอาจจะทานcheat meal ได้อย่างน้อย 1 มื้อต่อสัปดาห์และพยายามควบคุมให้มื้อนั่นเป็นแค่ cheat meal อย่าเปลี่ยนเป็น cheat day หรือcheat week นะคะเดี๋ยวจะลำบากทีหลัง


8. ให้กำลังใจตัวเองเสมอและอย่าดูถูกตัวเอง จำไว้ว่า การที่เราเห็นคนอื่นประสบความสำเร็จนั้นเกิดจาก hard work ค่ะ ไม่มีใครได้อะไรมาง่ายๆ เพราะฉะนั้นจงกัดฟันทำต่อมันไปต่อไป ให้เวลากับมัน 3-4 เดือน ผลลัพธ์ที่ดีจะตามมาเเน่นอนค่ะ


9. เลิกหาข้ออ้างเพื่อไม่ให้มีเวลาออกกำลังกาย สิ่งที่สำคัญคือเราต้องจัดลำดับความสำคัญค่ะ คนส่วนใหญ่ใช้เวลา 1-2 ชม. ในการนั่งหรือนอนเลื่อนมือถือไปมา เราลองใช้เวลานั้นไปออกกำลังกาย อย่างน้อย 30-40นาทีต่อวันค่ะ


เพื่อนๆสามารถนำทั้ง 9 วิธีนี้ไปประยุกต์ใช้ในการลดน้ำหนักให้เหมาะกับตัวเองได้เลยนะคะและกี้หวังว่ากระทู้นี้จะเป็นประโยชน์และเป็นเเรงบันดาลใจให้กับเพื่อนๆที่กำลังลดน้ำหนักอยู่นะค้าา

ติดตามและพูดคุยเกี่ยวกับการออกกำลังกายและการทานอาหารได้ที่เพจนี้เลยค่า☺☺
Facebook Page : Gigi HealthyGirl
https://www.facebook.com/gigihealthy.girl/

ถ้ามีข้อมูลผิดพลาดประการใดต้องขออภัยด้วยนะคะ (จขกท.ยังไม่ใช่เทรนเนอร์ค่าา)