สวัสดีเจ้าค่ะเพื่อนๆชาวพันทิปทุกๆคน
หลังจากแอบสิงแอบดูอยู่ในห้องโต๊ะเครื่องแป้งมาสักพัก วันนี้ขออนุญาตแชร์ประสบการณ์เกี่ยวกับการดูแลตัวเองมาแบ่งปันเพื่อนๆบ้างนะคะ
ก่อนจะเล่าเรื่องขอลงภาพประกอบเป็นออเดิร์ฟก่อน จะได้เห็นภาพแบบชัดเจน เน้นๆ
คำเตือน กระทู้นี้ไม่เหมาะกับคนขวัญอ่อนนะคะ ใครขวัญอ่อนรบกวนข้ามไปก่อน
ปล.กระทู้นี้ ขอโฟกัสเรื่องหัดแต่งหน้าเป็นหลัก ออกกำลังกายลดน้ำหนักเป็นเรื่องรอง ผอมลงเพราะปฏิบัติธรรม เดินจงกรมและฤาษีดัดตนค่ะ
ภาพข้างล่างนี้เป็นรูปแบบออริจินอล รูปแรกถ่ายเมื่อสามปีก่อน ส่วนรูปอีกรูปเพิ่งถ่ายเมื่อเดือนที่แล้วตอนแต่งหน้าแน่นๆ
เปรียบเทียบให้เห็นความต่างแบบชัดๆ จัดว่าสะพรึงพอสมควร ^__^ ภาพไม่ได้แต่งแอ๊ป แต่ถ่ายกล้อง OPPO ซึ่งภาพมันจะเนียนเว่อร์ๆเป็นปกติ
เมื่อก่อนจขกท.เป็นคนบ้าออกกำลังกายเป็นช่วงๆ แต่พออายุเริ่มเข้า 35 ก็ทำงานเยอะ กินอาหารดึกๆ ไม่ได้ออกกำลังกาย
ระบบเผาผลาญเริ่มรวน เบาหวานเริ่มเข้ามาเยือน ภายในเวลาไม่กี่ปี น้ำหนักขึ้นเกือบ 30 กก. แต่ก็มิได้นำพา ไม่ได้มีความสำนึกอะไรเล๊ยย
น้ำหนักปาไปเก้าสิบกว่ากิโล เพิ่งจะมาเริ่มลดน้ำหนักเมื่อตอนต้นปีนี้เองค่ะ
จริงๆน่าจะมีช่วงพีคกว่านี้ เพียงแต่ตอนนั้นไม่ค่อยได้ถ่ายรูป หาหลักฐานไว้ได้ก็แค่ภาพนี้ค่ะ
จุดเปลี่ยนที่ทำให้คิดจะพัฒนาตัวเอง ส่วนหนึ่งก็มาจากมีคำทำนายขอคุณพี่เจ้ากรรมนายเวร ซึ่งทำนายตรงไปหลายอย่าง
แล้วเค้าบอกว่า จขกท.จะเจอเนื้อคู่ตอนอายุ 38 ปี พออายุใกล้ๆ 38 จขกท.ก็คิดถึงคำทำนาย พร้อมกับความสงสัยว่า
เฮ้ย ขนาดเราส่องกระจกยังตกใจหน้าตัวเองเลย แล้วหนังหน้าแบบนี้ใครที่ไหนจะบ้ามาตกหลุมรักได้วะ 555
พอดีช่วงนั้นไม่ได้ทำงานประจำ พอจะมีเวลาบ้าง ก็เลยมานั่งคิดดูว่าทำอย่างไรเราถึงจะสวยขึ้นได้
ข้อแรกเลย
ต้องลดน้ำหนัก!! แต่ว่าอ้วนขนาดนี้ ลดอีกกี่ปีถึงจะผอมได้ล่ะเนี่ย มันน่าจะมีทางลัดทางอื่นนะแกร๊!!!
คิดๆ คิดไปคิดมา อ่อ รู้ละ ไปหาเรียนแต่งหน้าดีกว่า เผื่อแต่งหน้าเป็นแล้วมันจะสวยยยยย
ตลอด 38 ปี โลชั่นไม่เคยทา กันแดดไม่เคยรู้จัก ครีมทาหน้าก็ไม่เคยใช้ ผมไม่หวี เอาเป็นว่าเรื่องสวยๆงามๆอย่ามาคุยกะอิชั้น
เพราะไม่เคยมีมันอยู่ในหัว เวลาออกงานใหญ่ๆที อิชั้นจ้างช่างแต่งหน้าอย่างเดียว แต่ถ้าแต่งหน้าเอง มันก็จะออกมาหายนะ
ดังภาพข้างล่างนี้ หัดแต่งหน้าวนไปวนมาเกือบสองปีถึงจะได้ดังภาพ
ภาพปลากรอบการโม้ โว้โห้ คนอะไรยิ่งแก่ยิ่งสวย (ไม่มีใครชม ขออนุญาตชมตัวเองหน่อย) 555
ก่อนหน้านั้นเขียนกระทู้บางกระทู้ แล้วก็มีแฟนคลับหลังไมค์มาเยอะพอสมควร ซึ่งคนส่วนใหญ่มักจะจินตนาการว่า
"หวานใจนายสุดหล่อ" แม่สาวนางนี้ต้องสวยแน่ๆเลย เฮ้อ พอบอกว่าไม่สวย เค้าก็หาว่าเราถ่อมตัวไปอี๊ก รู้สึกผิดมาก
อารมณ์คล้ายๆเราไปหลอกลวงประชาชน มีที่ไหนบอกตรงๆว่าขี้เหร่ คนก็ดันไม่ค่อยเชื่อ วันนี้ถ้าอดีตแฟนคลับผ่านมาอ่าน
ขอให้เข้าใจตรงกันเด้อค่าเด้อว่าอิชั้นไม่ได้เจตนาจะหลอกลวงใครแต่อย่างใด ที่เคยบอกว่าขี้เหร่ อันนี้เรื่องจริง บ่ได้จุ๊เด้อค่าเด้อ
นอกเรื่องไปเยอะ กลับมาเล่าต่อกันดีกว่าค่ะ หลังจากที่คิดจะหัดทำสวย ก็เริ่มหาเครื่องประทินผิวมาใช้ ถั่วงาๆเริ่มจากของใน 7-11
ต้องสะกดจิตตัวเองว่าหัดทาให้ได้ทุกวันนะแก แกต้องทำได้ๆๆ หัดทาครีมแล้วนางก็ไปลงเรียนแต่งหน้าตัวเองจ้า
คลาสนี้อาจารย์ก็จะสอนทริคแบบให้เราทำเหมือนจะง่าย แต่สำหรับคนไม่เคยจับแปรงแต่งหน้าหรือเขียนคิ้ว มันก็ยังยากอยู่ดี
พี่อ่อนศิลปะสุดๆ จะมาลงแรเงาเขียนคิ้วไม่ให้เบี้ยว ทาสีตาให้สวยๆ ปัดแก้มไม่ให้เหมือนตูดลิง มันยากมากกกกกก แทบเป็นไปไม่ได้เลย
มามะมาดูผลงานของเรากันดีกว่า
ภาพนี้เป็นภาพตอนเพิ่งหัดแต่งหน้าช่วงแรกๆ โบกเข้าไปหนาๆตามตำราที่เรียนมา อาจารย์บอกว่าแต่งแน่นให้เป็นก่อน
ถ้าเป็นแล้วค่อยเบาๆ เดี๋ยวก็จะทำได้เอง ชะนีก็เลยโบกมันเข้าไปค่ะ สังเกตผิวหน้า หนังหน้าหยาบกร้านคล้ายหนังควาย
คิ้วนี่ตกได้อีก กว่าจะแต่งได้ขนาดนี้ ใช้เวลา 2 ชั่วโมงเลยนะ แค่คิ้วทำๆแก้ๆอย่างเดียวก็ชั่วโมงนึงละ
ต้องกราบความพยายามของตัวเอง
ช่วงที่หัดแต่งหน้า หัดแต่งแล้วก็โพสต์ให้เพื่อนๆคอมเพลน เอ้ย คอมเม้นท์ทุกวันค่ะ หัดแต่งหน้าวัน 3 ชั่วโมงกว่าจะเสร็จ
ถ่ายรูปเสร็จแล้วก็ลบหน้าออก แต่งหน้าอยู่กับบ้านสวยๆ ไม่ได้ออกไปไหน
เวลาออกจากบ้านก็ยังหน้าสดเหมือนเดิม เพราะแต่งหน้าไม่ทัน 555
รูปข้างล่างนี้เริ่มโบกหน้าได้เนียนขึ้น แต่เขียนคิ้วพังเหมือนเดิม คิ้วตลกได้อีก
ตาไม่เท่ากัน แม่นางก็กรีดตาเล็กข้างใหญ่ข้าง หนาเป็นการ์ตูนเลยทีเดียว แต่ก็ไม่อายนะ โพสต์บอกโลกว่าวันนี้เดี๊ยนแต่งได้เท่านี้แหล่ะ
สวยสุดเท่าที่ทำได้แล้วเฟ้ย
ตอนนั้นยังไม่ได้ลดน้ำหนักนะคะ แบบว่าเอาทีละเรื่องก่อน แค่แต่งหน้าไม่ให้พังเนี่ยก็ยากแล้ว
ตั้ง target ไว้ว่า ปีนั้นจะสามารถแต่งหน้าออกงานได้โดยไม่ต้องจ้างช่างทำผม และแล้ว หลังจากหัดแต่งหน้าได้อยู่ 3 เดือน
อิชั้นก็ทำได้ ถึงแม้จะยังไม่ดีมาก แต่ก็เป็นปีแรกที่ประหยัดเงิน แต่งหน้าออกงานเองได้ ตื่นเต้นสุดๆ
ตามภาพอายุย่างเข้า 39 แต่งหน้าออกงานเองได้แล้วเจ้าค่ะ ไม่คิดว่าชีวิตจะมีวันนี้ 555
หลังจากแต่งหน้าออกงานเองได้ครั้งนั้น จขกท.ก็เริ่มมีกำลังใจหัดแต่งหน้า
นางก็ยังขยันหัดแต่งหน้าลงรูปในเฟสบุ๊คให้เพื่อนๆสะพรึงกับภาพ before & after อย่างสม่ำเสมอ
โปรดสังเกต หนังหน้าออริจินอล เริ่มจะดีขึ้นกว่าตอนแรกๆนิสนุง แต่ตาก็ยังเล็กข้างใหญ่ข้าง เพราะติดตาสองชั้นยังไม่เป็น
พอเริ่มจะแต่งหน้าเองได้บ้างแล้ว นางก็เริ่มคิดการณ์ไกล คราวนี้อยากแต่งหน้าชาวบ้านมั่งค่ะ
เอางัยดีเรา แค่กรีดตายังไม่ค่อยจะรอด คราวนี้ชะนีไปลงเรียนแต่งหน้าคลาสมือโปรค่าา
ไปเรียนหลายวัน ส่วนใหญ่คนที่ไปเรียนก็มีแต่ช่างแต่งหน้า ส่วนเรานั้นถั่วงาๆ เรียนไม่ทันเพื่อน
เรียนไปก็เครียด แต่ค่าเรียนแพง จะเทก็เสียดายตังค์ เลยกัดฟันไปเรียนจนจบคอร์ส เรียกว่าฝีมือห่วยสุดในห้อง
ไม่มีวันไหนที่แต่งหน้าชาวบ้านแล้วงานไม่โดนแก้ ตอนนั้นมันท้อแท้มากเลย กลัวเพื่อนรำคาญที่เราแต่งหน้าเพื่อนไม่สวย
สารพัดวิตก เครียด กรี๊สสสสส
หลังจากจบคอร์ส ถึงเราจะโหล่สุดในห้อง แต่พอออกมาแล้ว เพิ่งจะรู้ตัวว่าฝีมือพัฒนาไปเยอะอยู่ เพราะเพื่อนๆเริ่มทักเยอะว่า
ไปทำอะไรมา แต่งหน้าสวยขึ้น เรียนที่ไหนจะไปเรียนมั่ง บลาๆ
มามะ มาดูพัฒนาการสุดท้าย งานสวยเฉพาะหน้า
อยากบอกสาวๆว่า น้ำหนักเก้าสิบก็สวยได้ ไม่ต้องรอผอม
ตอนนี้พี่ติดตาสองชั้นเป็นแล้วนะ แบบตาข่ายแบบพลาสติกอะไรมันติดยาก พี่ใช้กาว 3mติดเลย ง่ายดี แน่นทนทานสุดๆ
จากรูปข้างบน น้ำหนักยังเก้าสิบอัพอยู่ค่ะ แต่เริ่มแต่งหน้าเก่งขึ้น งานสวยเฉพาะหน้ามันก็จะมีบ่อยหน่อย
หลังจากนั้นก็เข้าสู่กระบวนการลดน้ำหนัก
อันดับแรก จขกท.โกนหัวบวชชี ไปอยู่วัดปฏิบัติธรรมหลายเดือน ต้องกินสองมื้อก็กินน้อยอยู่แล้ว
และที่วัดมีออกกำลังกายทุกวัน ฤาษีดัดตน ต้องทานอาหารเพื่อสุขภาพ ทานผักเยอะ เลี่ยงแป้ง
มีกิจกรรมอะไรก็ทำหมด ปลูกต้นไม้ ปลูกป่า ขุดดิน ทำความสะอาด มีอะไรทำหมด ช่วงที่ปฏิบัติธรรมจริงจัง
น้ำหนักเลยลดไปประมาณสิบกิโลหน่อยๆ จากเก้าสิบกว่าๆก็เหลือ แปดสิบ
ก่อนเข้าวัด ค่าน้ำตาล 178 ออกจากวัด ค่าน้ำตาลเหลือ 90 หลุดจากเบาหวาน สุขภาพดีขึ้น
สดใสทั้งกายและใจ กราบขอบพระคุณทางวัดด้วยค่ะที่ทำให้ได้กำไรหลายต่อขนาดนี้
ออกมาจากวัดก็แซ่บเลยจ้า ถ้าไปไหนมาไหนกับคนอื่น จขกท.ก็ใส่วิกบ้าง เพราะสงสารเพื่อน ไม่อยากให้คนมองเยอะ
แต่ถ้าออกจากบ้านคนเดียว ก็ไปแบบเกรียนๆเป็นส่วนใหญ่ เราทำความดีมา ไม่รู้จะแคร์อะไร
จะว่าไปผมเกรียนๆก็ดูเท่ห์ดีน๊าาา
ทุกวันนี้จขกท.ยังห่างไกลจากคำว่าผอมไปเยอะค่ะ เห็นสาวๆหลายคนเป็นทุกข์เรื่อง อ้วน ไม่สวย บลาๆ
เลยอยากจะเขียนกระทู้นี้ขึ้นมา เพื่อบอกสาวๆว่า ถ้าเราดูแลตัวเองให้ดี หัดแต่งหน้าแต่งตัว เราก็สวยได้ค่ะ
เราสวยได้ตั้งแต่วันนี้ ไม่ต้องรอตอนผอม หรือถ้าอีกหน่อยเราผอมลง เราจะมีความสุขยิ่งๆขึ้น
จงอย่าตั้งความสุขไว้บนยอดเขา แต่จงเก็บเกี่ยวความสุขไประหว่างทางที่คุณกำลังเดินไปยังจุดหมายของคุณ
ความงาม เริ่มจากข้างใน รักตัวเอง ดูแลตัวเอง รักษาสุขภาพ ทำจิตใจให้ดี แล้วความสุขมันจะส่องสว่างทางแววตา
ตอนนี้จขกท.ก็ยังคงเป็นสาวอ้วนอยู่ แต่ก็ใช้ชีวิตมีความสุขดี ตอนนี้ก็ออกกำลังกายไปเรื่อยๆ อาทิตย์ละ 4-5 ครั้ง
ทั้งคาดิโอ้และเวทเทรนนิ่ง เพราะเราจะเป็นหมูที่แข็งแรง เอาไว้ถ้าอนาคตผอมกว่านี้ เดี๋ยวจะมาอัพเดทนะคะ
รูปภาพอดีตและปัจจุบันค่ะ
ชุดเหมือนเดิม ถ่ายคนละเวลา อดีตและปัจจุบัน บ่งบอกว่า สุภาพสตรีควรหัดดูแลตัวเอง เริ่มจากผิวหน้าก่อน
พอแต่งหน้าเป็นแล้ว เราก็จะแต่งหน้าได้หลายแนว แต่ละวันไม่ซ้ำแบบ มันก็สนุกดีนะคะ
แถมภาพสุดท้าย กับสาวภารตะ แบบว่าฝันมานานแล้วว่าอยากถ่ายรูปใส่ชุดส่าหรี ในที่สุดก็สมหวัง
กว่าจะแต่งหน้าเสร็จก็ค่ำ ภาพมันเลยออกมาขลังๆ แต่ก็สวยดีค่ะ สวยตามอัตภาพ วันนี้ได้แค่นี้ ไว้อีกหน่อยค่อยพัฒนาความสวย 555
อยากทำอะไรก็รีบๆทำกันนะคะ อย่ามัวแต่ตั้งข้อแม้ รอผอมกว่านี้ รออ้วนกว่านี้ รอสวยกว่านี้
ชีวิตนี้สั้นนัก เราไม่รู้หรอกว่าวันพรุ่งนี้จะเป็นอย่างไร ดังนั้น อะไรที่คิดอยากทำ รีบๆทำกันดีกว่า
ขอบคุณที่ติดตามนะค๊าา
เมื่อแม่สาวหลักสี่อยากสวยกับเค้าบ้าง เพราะความสวยไม่ต้องรอผอม ทำบุญสวยชาติหน้า (หัด)แต่งหน้าสวยทันที (พลีชีพ!!)
หลังจากแอบสิงแอบดูอยู่ในห้องโต๊ะเครื่องแป้งมาสักพัก วันนี้ขออนุญาตแชร์ประสบการณ์เกี่ยวกับการดูแลตัวเองมาแบ่งปันเพื่อนๆบ้างนะคะ
ก่อนจะเล่าเรื่องขอลงภาพประกอบเป็นออเดิร์ฟก่อน จะได้เห็นภาพแบบชัดเจน เน้นๆ
คำเตือน กระทู้นี้ไม่เหมาะกับคนขวัญอ่อนนะคะ ใครขวัญอ่อนรบกวนข้ามไปก่อน
ปล.กระทู้นี้ ขอโฟกัสเรื่องหัดแต่งหน้าเป็นหลัก ออกกำลังกายลดน้ำหนักเป็นเรื่องรอง ผอมลงเพราะปฏิบัติธรรม เดินจงกรมและฤาษีดัดตนค่ะ
ภาพข้างล่างนี้เป็นรูปแบบออริจินอล รูปแรกถ่ายเมื่อสามปีก่อน ส่วนรูปอีกรูปเพิ่งถ่ายเมื่อเดือนที่แล้วตอนแต่งหน้าแน่นๆ
เปรียบเทียบให้เห็นความต่างแบบชัดๆ จัดว่าสะพรึงพอสมควร ^__^ ภาพไม่ได้แต่งแอ๊ป แต่ถ่ายกล้อง OPPO ซึ่งภาพมันจะเนียนเว่อร์ๆเป็นปกติ
เมื่อก่อนจขกท.เป็นคนบ้าออกกำลังกายเป็นช่วงๆ แต่พออายุเริ่มเข้า 35 ก็ทำงานเยอะ กินอาหารดึกๆ ไม่ได้ออกกำลังกาย
ระบบเผาผลาญเริ่มรวน เบาหวานเริ่มเข้ามาเยือน ภายในเวลาไม่กี่ปี น้ำหนักขึ้นเกือบ 30 กก. แต่ก็มิได้นำพา ไม่ได้มีความสำนึกอะไรเล๊ยย
น้ำหนักปาไปเก้าสิบกว่ากิโล เพิ่งจะมาเริ่มลดน้ำหนักเมื่อตอนต้นปีนี้เองค่ะ
จริงๆน่าจะมีช่วงพีคกว่านี้ เพียงแต่ตอนนั้นไม่ค่อยได้ถ่ายรูป หาหลักฐานไว้ได้ก็แค่ภาพนี้ค่ะ
จุดเปลี่ยนที่ทำให้คิดจะพัฒนาตัวเอง ส่วนหนึ่งก็มาจากมีคำทำนายขอคุณพี่เจ้ากรรมนายเวร ซึ่งทำนายตรงไปหลายอย่าง
แล้วเค้าบอกว่า จขกท.จะเจอเนื้อคู่ตอนอายุ 38 ปี พออายุใกล้ๆ 38 จขกท.ก็คิดถึงคำทำนาย พร้อมกับความสงสัยว่า
เฮ้ย ขนาดเราส่องกระจกยังตกใจหน้าตัวเองเลย แล้วหนังหน้าแบบนี้ใครที่ไหนจะบ้ามาตกหลุมรักได้วะ 555
พอดีช่วงนั้นไม่ได้ทำงานประจำ พอจะมีเวลาบ้าง ก็เลยมานั่งคิดดูว่าทำอย่างไรเราถึงจะสวยขึ้นได้
ข้อแรกเลย ต้องลดน้ำหนัก!! แต่ว่าอ้วนขนาดนี้ ลดอีกกี่ปีถึงจะผอมได้ล่ะเนี่ย มันน่าจะมีทางลัดทางอื่นนะแกร๊!!!
คิดๆ คิดไปคิดมา อ่อ รู้ละ ไปหาเรียนแต่งหน้าดีกว่า เผื่อแต่งหน้าเป็นแล้วมันจะสวยยยยย
ตลอด 38 ปี โลชั่นไม่เคยทา กันแดดไม่เคยรู้จัก ครีมทาหน้าก็ไม่เคยใช้ ผมไม่หวี เอาเป็นว่าเรื่องสวยๆงามๆอย่ามาคุยกะอิชั้น
เพราะไม่เคยมีมันอยู่ในหัว เวลาออกงานใหญ่ๆที อิชั้นจ้างช่างแต่งหน้าอย่างเดียว แต่ถ้าแต่งหน้าเอง มันก็จะออกมาหายนะ
ดังภาพข้างล่างนี้ หัดแต่งหน้าวนไปวนมาเกือบสองปีถึงจะได้ดังภาพ
ภาพปลากรอบการโม้ โว้โห้ คนอะไรยิ่งแก่ยิ่งสวย (ไม่มีใครชม ขออนุญาตชมตัวเองหน่อย) 555
ก่อนหน้านั้นเขียนกระทู้บางกระทู้ แล้วก็มีแฟนคลับหลังไมค์มาเยอะพอสมควร ซึ่งคนส่วนใหญ่มักจะจินตนาการว่า
"หวานใจนายสุดหล่อ" แม่สาวนางนี้ต้องสวยแน่ๆเลย เฮ้อ พอบอกว่าไม่สวย เค้าก็หาว่าเราถ่อมตัวไปอี๊ก รู้สึกผิดมาก
อารมณ์คล้ายๆเราไปหลอกลวงประชาชน มีที่ไหนบอกตรงๆว่าขี้เหร่ คนก็ดันไม่ค่อยเชื่อ วันนี้ถ้าอดีตแฟนคลับผ่านมาอ่าน
ขอให้เข้าใจตรงกันเด้อค่าเด้อว่าอิชั้นไม่ได้เจตนาจะหลอกลวงใครแต่อย่างใด ที่เคยบอกว่าขี้เหร่ อันนี้เรื่องจริง บ่ได้จุ๊เด้อค่าเด้อ
นอกเรื่องไปเยอะ กลับมาเล่าต่อกันดีกว่าค่ะ หลังจากที่คิดจะหัดทำสวย ก็เริ่มหาเครื่องประทินผิวมาใช้ ถั่วงาๆเริ่มจากของใน 7-11
ต้องสะกดจิตตัวเองว่าหัดทาให้ได้ทุกวันนะแก แกต้องทำได้ๆๆ หัดทาครีมแล้วนางก็ไปลงเรียนแต่งหน้าตัวเองจ้า
คลาสนี้อาจารย์ก็จะสอนทริคแบบให้เราทำเหมือนจะง่าย แต่สำหรับคนไม่เคยจับแปรงแต่งหน้าหรือเขียนคิ้ว มันก็ยังยากอยู่ดี
พี่อ่อนศิลปะสุดๆ จะมาลงแรเงาเขียนคิ้วไม่ให้เบี้ยว ทาสีตาให้สวยๆ ปัดแก้มไม่ให้เหมือนตูดลิง มันยากมากกกกกก แทบเป็นไปไม่ได้เลย
มามะมาดูผลงานของเรากันดีกว่า
ภาพนี้เป็นภาพตอนเพิ่งหัดแต่งหน้าช่วงแรกๆ โบกเข้าไปหนาๆตามตำราที่เรียนมา อาจารย์บอกว่าแต่งแน่นให้เป็นก่อน
ถ้าเป็นแล้วค่อยเบาๆ เดี๋ยวก็จะทำได้เอง ชะนีก็เลยโบกมันเข้าไปค่ะ สังเกตผิวหน้า หนังหน้าหยาบกร้านคล้ายหนังควาย
คิ้วนี่ตกได้อีก กว่าจะแต่งได้ขนาดนี้ ใช้เวลา 2 ชั่วโมงเลยนะ แค่คิ้วทำๆแก้ๆอย่างเดียวก็ชั่วโมงนึงละ
ต้องกราบความพยายามของตัวเอง
ช่วงที่หัดแต่งหน้า หัดแต่งแล้วก็โพสต์ให้เพื่อนๆคอมเพลน เอ้ย คอมเม้นท์ทุกวันค่ะ หัดแต่งหน้าวัน 3 ชั่วโมงกว่าจะเสร็จ
ถ่ายรูปเสร็จแล้วก็ลบหน้าออก แต่งหน้าอยู่กับบ้านสวยๆ ไม่ได้ออกไปไหน
เวลาออกจากบ้านก็ยังหน้าสดเหมือนเดิม เพราะแต่งหน้าไม่ทัน 555
รูปข้างล่างนี้เริ่มโบกหน้าได้เนียนขึ้น แต่เขียนคิ้วพังเหมือนเดิม คิ้วตลกได้อีก
ตาไม่เท่ากัน แม่นางก็กรีดตาเล็กข้างใหญ่ข้าง หนาเป็นการ์ตูนเลยทีเดียว แต่ก็ไม่อายนะ โพสต์บอกโลกว่าวันนี้เดี๊ยนแต่งได้เท่านี้แหล่ะ
สวยสุดเท่าที่ทำได้แล้วเฟ้ย
ตอนนั้นยังไม่ได้ลดน้ำหนักนะคะ แบบว่าเอาทีละเรื่องก่อน แค่แต่งหน้าไม่ให้พังเนี่ยก็ยากแล้ว
ตั้ง target ไว้ว่า ปีนั้นจะสามารถแต่งหน้าออกงานได้โดยไม่ต้องจ้างช่างทำผม และแล้ว หลังจากหัดแต่งหน้าได้อยู่ 3 เดือน
อิชั้นก็ทำได้ ถึงแม้จะยังไม่ดีมาก แต่ก็เป็นปีแรกที่ประหยัดเงิน แต่งหน้าออกงานเองได้ ตื่นเต้นสุดๆ
ตามภาพอายุย่างเข้า 39 แต่งหน้าออกงานเองได้แล้วเจ้าค่ะ ไม่คิดว่าชีวิตจะมีวันนี้ 555
หลังจากแต่งหน้าออกงานเองได้ครั้งนั้น จขกท.ก็เริ่มมีกำลังใจหัดแต่งหน้า
นางก็ยังขยันหัดแต่งหน้าลงรูปในเฟสบุ๊คให้เพื่อนๆสะพรึงกับภาพ before & after อย่างสม่ำเสมอ
โปรดสังเกต หนังหน้าออริจินอล เริ่มจะดีขึ้นกว่าตอนแรกๆนิสนุง แต่ตาก็ยังเล็กข้างใหญ่ข้าง เพราะติดตาสองชั้นยังไม่เป็น
พอเริ่มจะแต่งหน้าเองได้บ้างแล้ว นางก็เริ่มคิดการณ์ไกล คราวนี้อยากแต่งหน้าชาวบ้านมั่งค่ะ
เอางัยดีเรา แค่กรีดตายังไม่ค่อยจะรอด คราวนี้ชะนีไปลงเรียนแต่งหน้าคลาสมือโปรค่าา
ไปเรียนหลายวัน ส่วนใหญ่คนที่ไปเรียนก็มีแต่ช่างแต่งหน้า ส่วนเรานั้นถั่วงาๆ เรียนไม่ทันเพื่อน
เรียนไปก็เครียด แต่ค่าเรียนแพง จะเทก็เสียดายตังค์ เลยกัดฟันไปเรียนจนจบคอร์ส เรียกว่าฝีมือห่วยสุดในห้อง
ไม่มีวันไหนที่แต่งหน้าชาวบ้านแล้วงานไม่โดนแก้ ตอนนั้นมันท้อแท้มากเลย กลัวเพื่อนรำคาญที่เราแต่งหน้าเพื่อนไม่สวย
สารพัดวิตก เครียด กรี๊สสสสส
หลังจากจบคอร์ส ถึงเราจะโหล่สุดในห้อง แต่พอออกมาแล้ว เพิ่งจะรู้ตัวว่าฝีมือพัฒนาไปเยอะอยู่ เพราะเพื่อนๆเริ่มทักเยอะว่า
ไปทำอะไรมา แต่งหน้าสวยขึ้น เรียนที่ไหนจะไปเรียนมั่ง บลาๆ
มามะ มาดูพัฒนาการสุดท้าย งานสวยเฉพาะหน้า
อยากบอกสาวๆว่า น้ำหนักเก้าสิบก็สวยได้ ไม่ต้องรอผอม
ตอนนี้พี่ติดตาสองชั้นเป็นแล้วนะ แบบตาข่ายแบบพลาสติกอะไรมันติดยาก พี่ใช้กาว 3mติดเลย ง่ายดี แน่นทนทานสุดๆ
จากรูปข้างบน น้ำหนักยังเก้าสิบอัพอยู่ค่ะ แต่เริ่มแต่งหน้าเก่งขึ้น งานสวยเฉพาะหน้ามันก็จะมีบ่อยหน่อย
หลังจากนั้นก็เข้าสู่กระบวนการลดน้ำหนัก
อันดับแรก จขกท.โกนหัวบวชชี ไปอยู่วัดปฏิบัติธรรมหลายเดือน ต้องกินสองมื้อก็กินน้อยอยู่แล้ว
และที่วัดมีออกกำลังกายทุกวัน ฤาษีดัดตน ต้องทานอาหารเพื่อสุขภาพ ทานผักเยอะ เลี่ยงแป้ง
มีกิจกรรมอะไรก็ทำหมด ปลูกต้นไม้ ปลูกป่า ขุดดิน ทำความสะอาด มีอะไรทำหมด ช่วงที่ปฏิบัติธรรมจริงจัง
น้ำหนักเลยลดไปประมาณสิบกิโลหน่อยๆ จากเก้าสิบกว่าๆก็เหลือ แปดสิบ
ก่อนเข้าวัด ค่าน้ำตาล 178 ออกจากวัด ค่าน้ำตาลเหลือ 90 หลุดจากเบาหวาน สุขภาพดีขึ้น
สดใสทั้งกายและใจ กราบขอบพระคุณทางวัดด้วยค่ะที่ทำให้ได้กำไรหลายต่อขนาดนี้
ออกมาจากวัดก็แซ่บเลยจ้า ถ้าไปไหนมาไหนกับคนอื่น จขกท.ก็ใส่วิกบ้าง เพราะสงสารเพื่อน ไม่อยากให้คนมองเยอะ
แต่ถ้าออกจากบ้านคนเดียว ก็ไปแบบเกรียนๆเป็นส่วนใหญ่ เราทำความดีมา ไม่รู้จะแคร์อะไร
จะว่าไปผมเกรียนๆก็ดูเท่ห์ดีน๊าาา
ทุกวันนี้จขกท.ยังห่างไกลจากคำว่าผอมไปเยอะค่ะ เห็นสาวๆหลายคนเป็นทุกข์เรื่อง อ้วน ไม่สวย บลาๆ
เลยอยากจะเขียนกระทู้นี้ขึ้นมา เพื่อบอกสาวๆว่า ถ้าเราดูแลตัวเองให้ดี หัดแต่งหน้าแต่งตัว เราก็สวยได้ค่ะ
เราสวยได้ตั้งแต่วันนี้ ไม่ต้องรอตอนผอม หรือถ้าอีกหน่อยเราผอมลง เราจะมีความสุขยิ่งๆขึ้น
จงอย่าตั้งความสุขไว้บนยอดเขา แต่จงเก็บเกี่ยวความสุขไประหว่างทางที่คุณกำลังเดินไปยังจุดหมายของคุณ
ความงาม เริ่มจากข้างใน รักตัวเอง ดูแลตัวเอง รักษาสุขภาพ ทำจิตใจให้ดี แล้วความสุขมันจะส่องสว่างทางแววตา
ตอนนี้จขกท.ก็ยังคงเป็นสาวอ้วนอยู่ แต่ก็ใช้ชีวิตมีความสุขดี ตอนนี้ก็ออกกำลังกายไปเรื่อยๆ อาทิตย์ละ 4-5 ครั้ง
ทั้งคาดิโอ้และเวทเทรนนิ่ง เพราะเราจะเป็นหมูที่แข็งแรง เอาไว้ถ้าอนาคตผอมกว่านี้ เดี๋ยวจะมาอัพเดทนะคะ
รูปภาพอดีตและปัจจุบันค่ะ
ชุดเหมือนเดิม ถ่ายคนละเวลา อดีตและปัจจุบัน บ่งบอกว่า สุภาพสตรีควรหัดดูแลตัวเอง เริ่มจากผิวหน้าก่อน
พอแต่งหน้าเป็นแล้ว เราก็จะแต่งหน้าได้หลายแนว แต่ละวันไม่ซ้ำแบบ มันก็สนุกดีนะคะ
แถมภาพสุดท้าย กับสาวภารตะ แบบว่าฝันมานานแล้วว่าอยากถ่ายรูปใส่ชุดส่าหรี ในที่สุดก็สมหวัง
กว่าจะแต่งหน้าเสร็จก็ค่ำ ภาพมันเลยออกมาขลังๆ แต่ก็สวยดีค่ะ สวยตามอัตภาพ วันนี้ได้แค่นี้ ไว้อีกหน่อยค่อยพัฒนาความสวย 555
อยากทำอะไรก็รีบๆทำกันนะคะ อย่ามัวแต่ตั้งข้อแม้ รอผอมกว่านี้ รออ้วนกว่านี้ รอสวยกว่านี้
ชีวิตนี้สั้นนัก เราไม่รู้หรอกว่าวันพรุ่งนี้จะเป็นอย่างไร ดังนั้น อะไรที่คิดอยากทำ รีบๆทำกันดีกว่า
ขอบคุณที่ติดตามนะค๊าา