คำสารภาพจากอดีตที่ขมขื่นของผม สู่เป้าหมายของหุ่นผมที่ดีขึ้น


Confessions of a Dangerous Mind

เมื่อตอนผมยังเป็นเด็ก ผมเป็นคนที่กินอะไรไม่ได้เลย กินกับข้าวอะไรไม่เป็นเลย เนื้อสัตว์ต่างๆ ผักต่างๆ สิ่งที่กินได้อย่างเดียวคือ "ไข่" ไม่ว่าจะเป็น ไข่ดาว ไข่เจียว ไข่ต้ม ไข่พะโล้ ไข่ตุ๋น สารพัดไข่...กินแบบนี้มาตั้งแต่อนุบาล จนถึง ม.6 ทุกครั้งที่กินข้าวกลางวันที่โรงเรียนจะต้องขอให้แม่ครัวทำไข่เจียวให้พิเศษเสมอๆ โดนเพื่อนล้อสารพัด เหมือนเป็นเด็กพิเศษ เหมือนเป็น Loser ประจำชั้นที่กินอะไรก็ไม่เป็น ไม่เหมือนปกติชาวบ้านเค้า ผมรู้สึกว่าตัวเองเป็นคนที่ผอมมาก เลยต้องใส่เสื้อตัวใหญ่ๆ เพื่อปกปิดร่างกายตัวเอง ไม่ให้ดูน่าเกลียด

พอผ่านพ้น ม.6 จบออกมา ผมรู้สึกว่า ไม่มีใครรู้จักผมแล้ว เหมือนได้เริ่มต้นใหม่ เหมือนได้กดปุ่ม Reset ผมเลยเริ่มกล้าที่จะลองสิ่งใหม่ๆ และผมก็เริ่มลองกินเนื้อสัตว์ตั้งแต่นั้นมาเรื่อยๆ แต่ก็ยังกินผักไม่ได้เลย เพราะความอยากที่จะทำให้ร่างกายมีเนื้อมีหนังเหมือนคนปกติทั่วไปบ้างก็เลยเริ่มกิน และตอนนั้นเอง ผมก็ยังไม่ได้เริ่มเล่นฟิตเนสเลยนะ เพราะยังไม่มีเงินที่จะเริ่มเล่น ตอนนั้นเองกลุ่มเพื่อนมหาลัยก็เริ่มๆรู้แล้วว่า ผมเป็นคนกินอาหารยากมาก กินอะไรไม่ค่อยได้ ก็เกือบๆ เหมือนจะโดนล้อเลียนหน่อยๆ แต่ก็ยังรู้สึกดีกว่าตอนมัธยม

ในตอนนั้นที่เริ่มกินได้ก็เริ่มจาก เบอร์เกอร์หมูในเซเว่น ซึ่งกินง่ายสุด ช่วงแรกๆ ผมกินแต่เบอร์เกอร์อย่างเดียวเลยจริงๆ แบบไม่ใส่ผัก! และก็ค่อยๆลอง ข้าวผัดหมู ข้าวหมูกระเทียม ที่เป็นอาหารไม่เผ็ด พวกผัดกระเพราหมู อะไรแบบนี้ผมไม่แตะเลยจริงๆ

ตอนมหาลัยผมก็เริ่มกินได้เยอะขึ้น ลองกินข้าวมันไก่ ข้าวขาหมู ที่เป็นแบบเนื้อล้วน ไม่ติดมัน หรือหนังใดๆ ทั้งสิ้น เพราะรู้สึกว่า มันแหยะ! และก็เริ่มไปกินชาบูได้ ซึ่งการกินชาบู ก็เป็นครั้งแรกที่ผมได้ลองกินผัก เพราะมันเป็นผักต้ม ที่มีรสชาติไม่ขม พอลองกินดู ก็เริ่มกินได้ตั้งแต่ตั้งนั้นมา แต่ต้องเป็นแบบต้มเท่านั้นนะ สารภาพเลยว่าทุกวันนี้ ผมก็ยังกินผักได้แค่นี้จริงๆ อ้อ! แล้วผมก็มาลอง ผักโขมอบชีส ก็กินได้ เพราะมันไม่มีกลิ่นผักเลย....สรุปคือผมว่า ผมกินผักที่มันไม่มีกลิ่นเหม็นเขียวได้อะครับ

พอจบมหาลัย ผมก็ได้ทำงาน และมีเงินใช้ ซึ่งคราวนี้ผมก็ได้ลองเริ่มเข้ายิม เพราะความอยากเปลี่ยนแปลงตัวเองให้โลกรู้ ไม่อยากเป็น Loser อีกต่อไป อยากจะมีกล้าม อยากจะมีเนื้อมีหนังเหมือนคนปกติ อย่างน้อยๆ ก็ขอให้ใส่เสื้อแล้วดูดี ดูไม่เหมือนคนผอมอีกต่อไป และผมก็ตั้งเป้าหมายไว้ว่า จะต้องตัวใหญ่ๆ ให้ได้ !!

หลังจากนั้นเอง ผมก็ได้มีเงินและเวลาไปเล่นได้แค่ เสาร์-อาทิตย์ เพราะด้วยราคาที่ถูกของ FF ด้วย ผมเลยจัดหนักวันละ 3 ท่า 3 ชั่วโมงเต็ม เล่นแบบหนักมากจริงๆ ซึ่งมันเห็นความเปลี่ยนแปลงเยอะมาก หลังจากเริ่มกินอะไรได้เยอะขึ้น จากการลองด้วยตัวเอง ด้วยความที่อยากจะตัวใหญ่ๆ เหมือนคนอื่นๆเค้า และไม่อยากเป็น Loser อีกแล้ว

คำถามที่คุณอาจสงสัยคือ ผมได้ทานเวย์มั้ย ได้ทานอาหารเสริมบ้างมั้ย
ขอตอบเลยว่า มีทานบ้างครับ ช่วงแรกๆ แต่ไม่ได้ทานตลอด ซึ่งแน่นอนว่า ตอนแรกๆ ผมก็ไม่ได้รู้อะไรเยอะ ก็ตามๆกระแสเค้าไป เค้าบอกว่าอย่างนี้ดี อย่างนั้นดี อันนี้ช่วยเพิ่มน้ำหนัก ผมก็ซื้อตามเช่น พวก Mass Gainer ต่างๆ แต่ผมไม่ได้ทานตลอด เพราะปัจจัยเดียวคือ ผมไม่มีตัง ผมไม่ได้รวย ค่าเวย์แต่ละครั้งคือ เงินก้อน 2-3 พัน ซึ่งทำให้ช่วง 4 ปีแรก โดยปีนึงผมจะซื้อแค่ 1-2 กระปุก (5 ปอนด์) แล้วหยุดไปนาน แต่มันก็ไม่ได้ทำให้ผมรู้สึกว่าจะเห็นผลอะไรเยอะจากการกินเวย์ 4 ปีหลัง ผมเลยเน้นแต่อาหารหลัก โดยแบ่งเป็นมื้อย่อยๆ ไปครับ จากคำแนะนำของเพื่อนๆที่ผมสอบถามมานั่นเอง

จนมาถึงทุกวันนี้ หลังจากที่ได้เข้ายิมมาก็ผ่านมา 8 ปีแล้ว มันใกล้จะถึงเป้าหมายที่วางไว้แล้วครับ จากน้ำหนัก 48 กก. มาถึงตอนนี้ 62 กก. เป้าที่วางไว้คือ 65 กก. บางคนก็บอกว่าแค่นี้ก็ดีมากแล้ว มีคนอิจฉาหุ่นผมแล้ว อย่าตัวใหญ่ไปกว่านี้เลย ... ถ้าคุณไม่เคยผอมมาก่อน ถ้าคุณไม่เคยโดนเพื่อนล้อมาก่อน ถ้าคุณไม่เคยประสบแบบผมมาก่อน ถ้าคุณรู้สึกว่าคุณเป็นคนที่ปกติ ไม่ได้พิเศษอะไร คุณจะไม่พูดแบบนี้เลย บอกเลยว่าทุกวันนี้ผมภูมิใจกับตัวเองในระดับนึง แต่ก็ยังไม่ถึงที่สุด ถ้ามันยังไม่ถึงเป้าหมายที่วางไว้ ผมก็จะฟิตต่อไป กินต่อไป ทำทุกอย่างเพื่อไปให้ได้ถึงฝัน ไม่ว่าจะใช้เวลานานแค่ไหนก็ตาม แต่ทั้งนี้เราก็ต้องมีความสุขในสิ่งที่ทำด้วยนะครับ ซึ่งถ้าผมจริงจังแบบคนที่บอกว่า เพิ่มน้ำหนักแค่นี้ 1-2 ปีก็ได้แบบผมแล้ว ผมบอกเลยว่า ถ้าทำแบบนั้นคือ ความทรมานแบบซีเรียสมากๆ ผมเลยไม่ทำแบบนั้น ผมแค่ทำแบบค่อยเป็นค่อยไป ตามกำลังทรัพย์ และทำให้ทุกอย่างเข้ากับไลฟ์สไตล์ของผมได้เป็นอย่างดี ถึงจะบอกว่าใช้เวลานานมาก แต่เวลาที่ผ่านมา ผมก็ไม่ได้ทรมานอะไรมากนะ พูดจากใจ!

หลายๆ คนบอกว่า ผมเป็น Motivation แรงบันดาลใจให้หลายๆคนอยากมีหุ่นแบบผม และหลายคนก็ล้มเลิกไปโดยที่ยอมแพ้ซะก่อน บอกเลยว่า ถ้าคุณไม่เคยอยู่จุดที่ต่ำที่สุดมาก่อน คุณจะไม่มีแรงบันดาลใจที่จะอยากเปลี่ยนแปลงตัวเองมากเท่าผมอย่างแน่นอน ขอแค่ตั้งเป้าไว้ และสู้ให้สุด อดทนกับมัน แล้วผลที่ออกมา รับรองว่า คุ้มค่าแน่นอนครับ!

เคล็ดลับ: ทุกวันตั้งแต่ผมเริ่มออกกำลังกายคือ การวิดพื้นทุกเช้า ก่อนออกไปทำงาน โดยแบ่งเป็น 50 ครั้ง ทำทั้งหมด 3 เซ็ต รวมเป็น 150 ครั้ง
เสร็จแล้วมันจะทำให้หิว และกินข้าวเช้าได้เยอะขึ้นครับ


เพิ่มเติม! วิธีการออกกำลัง และการกิน
4 ปีแรก ผมเล่นแค่ ส อา ครับ
วันเสาร์ ผมเล่น อก ไหล่ หลังแขน ท้อง
ท่าละ 4 เซ็ตๆละ 12 ครั้ง เล่นโดยแต่ละเซ็ตจะเพิ่มน้ำหนักขึ้นเรื่อยๆครับ

วันอาทิตย์ ผมเล่น หลัง ขา หน้าแขน ท้อง
ท่าละ 4 เซ็ตๆละ 12 ครั้ง เล่นโดยแต่ละเซ็ตจะเพิ่มน้ำหนักขึ้นเรื่อยๆครับ

4 ปีหลัง ผมเล่นโดยเฉลี่ย 4-5 วันต่อสัปดาห์ เพราะย้ายยิม และมีเวลาเล่นมากขึ้น
โดยการเล่นแยกส่วนในแต่ละวันครับ

และแน่นอนว่าไม่ว่าวันไหนจะเข้ายิม หรือไม่เข้ายิม ทุกๆเช้า ผมต้องวิดพิ้น 150 ครั้งเสมอครับ

วิธีกิน
ผมแบ่งเป็น 6 มื้อต่อวัน แบ่งเป็น เช้า สาย เที่ยง บ่าย เย็น ดึก
โดยอาหารหลัก คือ เช้า เที่ยง เย็น
อาหารรอง คือ สาย บ่าย ดึก

เช้าผมเริ่มที่ กินนมถั่วเหลือง แซนวิช ไส้กรอก ไข่ต้ม 2 ฟอง
สาย ซื้อนม และขนมปังมาทาน
กลางวัน อาหารตามสั่ง ข้าวแกง ปกติ
บ่าย ผมทำงานออฟฟิศช่วงนั้น ก็จะลงไปซื้อขนมโตเกียว (ไส้กรอก+ไข่) จำนวน 2 ชิ้น
เย็น จะกินเยอะหน่อย ก็แล้วแต่เลยว่าจะกินอะไร เช่น เสต็ก ชาบู ปิ้งย่าง หรืออะไรก็ได้ที่ได้ปริมาณเยอะๆ
ดึก จะกินพวก ไข่เจียว ไข่ต้ม นม เพื่อไม่ให้ย่อยยากจนเกินไป

ผมกินแบบนี้ทุกวันตลอดที่ทำงานออฟฟิศ
แต่ช่วง 2-3 ปี หลัง ผมไม่ได้ทำงานออฟฟิศแล้ว ก็กินตามใจที่กินได้เลยครับ แต่จะเน้นไปที่ อกไก่ปั่น ไข่ สเต็ก เนื้อ ต่างๆครับ

ผมไม่ชอบกินของทอด (deep fried) ของมัน พวกเนื้อสัตว์ที่ติดหนังต่างๆ ไม่ใช่ผมเลือกที่จะไม่กิน แต่ผมไม่ชอบ และไม่อยากจะกินตั้งแต่เด็กแล้วครับ

[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่