เห็นอย่างนี้เป็นวิปัสสนูหรือวิปัสสนา

เช้ามืดวันหนึ่ง ตื่นมา เข้าห้องน้ำ อาบน้ำ เตรียมตัวออกไปใส่บาตรเช่นทุกวัน แต่ไม่เหมือนทุกวัน คือ วันนั้น เห็นทุกข์ในทุกๆสิ่ง (ก่อนหน้านี้เห็นแค่ความเป็นอนิจจังและอนัตตา) ทั้งกายนี้ ใจนี้ สิ่งรอบๆตัว ทุกอย่างเป็นทุกข์ทั้งนั้น มีทุกข์บีบคั้นให้ทนอยู่ในสภาพเดิมไม่ได้ อย่างขันน้ำนี้ ก็เปลี่ยนแปลงไปเรื่อยๆ สักวันหนึ่งต้องแตกสลายไปในที่สุด ไม่เหลือความเป็นขันน้ำอีก แม้กายนี้ก็ถูกทุกข์บีบคั้นอยู่ตลอดเวลา เซลล์เก่าๆถูกผลัดออกมา ไม่เหลือความเป็นผิวหนังดังเดิม แม้ความคิดที่เกิดแล้วก็ดับ เกิดเองดับเอง เกิดเพราะมีเหตุให้เกิด ดับไปเพราะมันหมดเหตุ ความคิดก็เปลี่ยนแปลงไปเรื่อย ทนอยู่ในสภาพเดิมไม่ได้ แม้สังขารคือความปรุงแต่งก็ยังถูกบีบคั้นด้วยทุกข์ ปรุงดีปรุงชั่ว ปรุงสุขปรุงทุกข์ ความปรุงนั้นก็ทนอยู่ในสภาพเดิมตลอดไปไม่ได้ มีทุกข์บีบคั้นให้เปลี่ยนแปลงดับไปในที่สุด วันนั้นคือรวมเห็นความเป็นไตรลักษณ์ คือความเป็นอนิจจัง ทุกขัง อนัตตา เห็นว่าขันธ์ทั้งหลายไม่พ้นไปจากกฎไตรลักษณ์นี้เลย ความเปลี่ยนแปลงคือความแน่นอน

          นี่ก็พยายามจะสื่อสารเป็นตัวอักษรแล้ว คือมันเห็นอย่างนี้ มันรู้อย่างนี้ มันรู้อยู่ในหัวนี้ ก็อธิบายสื่อสารพอคร่าวๆ

           อยากรู้ว่าที่มันเห็นเองอย่างนี้เป็นวิปัสสนูหรือวิปัสสนา เขาเรียกว่าอะไร หรือถ้าไม่ใช่ทั้งสองอย่าง เขาเรียกว่าอะไร เห็นอย่างนี้คือเห็นหรือไม่เห็น รู้อย่างนี้คือรู้หรือไม่รู้ รู้เห็นอย่างนี้ถูกหรือผิด วานผู้รู้ช่วยตอบด้วยค่ะ ขอบคุณค่ะ



           อ้อ พื้นฐาน จขกท ฝึกทั้งวิปัสสนาและสมถะ ช่วงนี้ฝึกต่อเนื่องทุกวันๆ บัลลังก์นึงก็ 1-3 ชม. แล้วแต่วัน เดี๋ยวนี้ไม่ได้จับเวลานั่ง ฝึกโดยใช้อานาปานสติเป็นฐาน จิตไหลไปคิดก็รู้ ตามหลวงพ่อปราโมทย์สอน ส่วนในชีวิตประจำวัน จิตมีราคะโทสะโมหะตัณหาก็รู้ตามที่มันเป็น ประมาณนี้ค่ะ
           อ้อ ฝึกจนเห็นกายกับใจมันแยกกันได้เองแล้วค่ะ ในสมาธินะ แต่มันยังละกายไม่ได้ทั้งหมด คือบางครั้งแยกได้ บางครั้งแยกไม่ได้
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่