บทที่ 5 – ความมหัศจรรย์ของประตูชัย
เราทั้งสามมาถึงโรงแรมปารีส มาริออต ครึ่งชั่วโมงต่อมา แมทและเทรซี่รอผมด้วยความกระวนกระวายใจ ส่วนกลอเรียนั่งเอามือกอดอกที่โซฟา สีหน้าบอกว่ากำลังคิดบางอย่างอยู่ คงกำลังคิดถึงหนทางที่จะช่วยผมอยู่แน่ ๆ ทันทีที่พวกเขาเห็นผม แมทก็ตะโกนร้องด้วยความดีใจลั่นล็อบบี้ของโรงแรม
“นายไม่เป็นใช่ไหม” แมทวิ่งลิงโลดมาที่หาผมโดยไม่ได้รู้สึกเกรงใจกับแขกเหรื่อของโรงแรมนี้
“ขอบคุณที่หนีฉัน” ผมพูดด้วยสีหน้าที่แกล้งดูจริงจัง อารมณ์ล้อเล่นของผมพลุ่งพล่านได้เสมอ
“เราไม่ได้หนีนายนะ เทเลอร์” เทรซี่พยายามแก้ตัว “วินาทีนั้น ต้องมีใครสักคนรอดเพื่อช่วยเธอ”
“ใครสักคนของพวกเธอคือ ทั้งสามคน”
“อันที่จริงพวกเราก็กำลังจะตามนายไป แต่...” แมทอ้ำอึ้งพร้อมหน้าที่บูดเบี้ยว เขายิ้มให้ผมแหย ๆ ก่อนที่จะหันหน้าไปสบตากับกลอเรีย
“ฉันเป็นคนบอกพวกเขาไม่ให้ตามนายไปเองแหละ” กลอเรียแทรกด้วยท่าทางไขว่ห้างบนโซฟา เธอลุกขึ้นมาพร้อมโบกมือไปมาเหมือนเรื่องนี้เป็นเรื่องเหลวไหว “ฉันเชื่อว่านายจะไม่เป็นอะไร”
“หืม เธอคิดว่าฉันจะไม่เป็นอะไรเหรอ”
เธอยกไหล่ขวาขึ้นมาและพนักหน้ารับคำตอบ
“ทำเธอคิดแบบนั้น”
“โอกาสไง ความเป็นไปได้”
“ให้ตายเถอะ กลอเรีย” ผมพยายามควบคุมเสียงไม่ให้ดังลั่นล็อบบี้ แต่พนักงานและแขกของโรงแรมหันหน้ามามองอย่างสับสน ผมแทบไม่เชื่อหูของตัวเองว่ากลอเรียจะคำนวณโอกาสความเป็นไปได้ให้กับชีวิตผม ถึงแม้ผมจะคิดไม่ออกถึงเหตุผลที่พวกเขาหายตัวไปจากหน้าพิพิธภัณฑ์ หรืออะไรที่ดลใจเขาไม่ตามไมลีย์และเชนนิ่งไป แต่ความรู้สึกโกรธก็มีมากพอและเริ่มจะปะทุ ผมกำลังจะอ้าปาก กลอเรียที่กำลังฟัง ยืนกอดอกและหน้าเสียอยู่นั้นก็ยกมือห้าม พร้อมเชิดหน้า
“ถ้านายเสียงดังแบบนี้ นายจะได้ตายไวขึ้น” เธอขู่และสะบัดหน้าขึ้นห้องไป ทำให้ผมรู้สึกอยาก...อยากทำอะไรสักอย่างกับกลอเรีย ท่าทางหยิ่งยโสแบบนั่น มันทำให้ผมเจ็บใจพิลึก
“นายนี่” เทรซี่พูดอ้อมแอ้ม “กลอเรียกำลังคิดอยู่ว่าจะช่วยนายได้ยังไง”
เธอวิ่งปราดขึ้นห้องตามกลอเรียที่กำลังโกรธผมอย่างเลี่ยงไม่ได้ พยายามปลอบประโลมเธอที่กำลังรอลิฟต์และหันมามองผมด้วยสายตาชิงชังเป็นระยะ พวกเธอไปดีกันตอนไหน
เมื่อทั้งคู่เข้าลิฟต์ แมทก็พยายามลากตัวผมขึ้นห้องหลังจากที่เขาพยายามไกล่เกลี่ย อ้างเหตุผลต่าง ๆ นานาที่กลอเรียทำแบบนี้ ใช่น่ะสิ เขากลัวว่ากลอเรียจะไม่พาพวกเราเข้าแอตแลนติส เขาถึงพยายามสานสัมพันธ์
“ไม่เอาน่า” แมทกระชากแขนผมมา “กลอเรียพยายามช่วยนายอยู่นะ เทย์”
เมื่อถึงหน้าห้อง แมทพยายามปรับสีหน้าของผมซีเรียสและแสดงอาการไม่พอใจให้เป็นปกติ เขาเปิดประตูและออกแรงกระชากผมทีละน้อย
“กลอเรีย” แมทพูดทั้ง ๆ ที่เรายังไม่เห็นหน้าเธอด้วยซ้ำ “เทย์จะมาขอโทษ”
“อะไรแมท” ผมหูผึ่งทันทีที่ได้ยินเช่นนั้น “ฉันไม่มีวันขอโทษเด็ดขาด ฉันไม่ได้ทำอะไรผิด”
กลอเรียที่ได้ยินแบบนั้น ร่างเธอกลายเป็นธาตุอากาศบางเบาราวกับสายลมและเคลื่อนตัวมายืนที่หน้าผมแทบจะทันใด แรงลมที่มากับเธอมาปะทะหน้าผมและทำให้ผมตะลึงไปชั่วขณะ ร่างที่กำลังล่องหนเริ่มชัดเจนมากขึ้น
“การเป็นอัศวินไม่ได้ทำให้นายพิเศษกว่าคนอื่นนะ”
กลอเรียมองผมด้วยแรงอาฆาตร้อยเท่าพันเท่า เธอสามารถหยุดลมหายใจของผมได้สบาย ๆ ตรงนี้ เวลานี้เลยก็ได้ มันจึงทำให้ผมตระหนักว่า ความใจร้อนของตัวเองควรจบ ผมจึงเลี่ยงเดินมานั่งที่เก้าอี้และทุกคนก็กระจัดกระจายแยกย้ายหาที่นั่งเมื่อกลอเรียกวาดสายตามอง
“นายหนีออกมาจากอิมินอสได้ยังไง” กลอเรียหันหน้ามาคุย เธอยืนอยู่หน้าประตูทางเข้า แสดงท่าทางว่าเรื่องที่ทำเธอเมื่อกี้เป็นเรื่องปกติ
“แสงสว่างมาช่วย” ผมตะกุกตะกัก พยายามทำน้ำเสียงให้ลื่นหูมากที่สุด “คนที่อยู่กับอันทิโนอุสมาช่วยฉันและทำให้ศาสตราจารย์แฟรงค์หนีไป”
“อะไรนะ ศาสตราจารย์แฟรงค์เหรอ” เทรซี่อุทานเสียงดัง “ขะ เขาเป็น...”
“ใช่ เขาเป็นลูกของครีโทเนียส”
“ท่านหญิงแอตลาสมาช่วยนายเหรอ” กลอเรียตัดบทด้วยท่าทีสงสัย เดินไปเดินมา ในขณะที่ผมกำลังมองเธอเดินอยู่นั่น ผก็รู้สึกถึงสิ่งปกติที่กลอเรียพูดและผมต้องหาคำตอบตอนนี้
“เดี๋ยว...เธอรู้ได้ไงว่าฉันเจอใครมา”
กลอเรียหยุดเดินพร้อมหันมายิ้มให้ผมอย่างไร้เดียงสา ชั่วอึดใจที่เธอเงียบ เธอรวบรวมสติพูดออกมาว่า “ก็อิมินอสเป็นได้รับคำสั่งให้มาตามหานายที่นี่น่ะสิ เขาเลยน่าจะปลอมตัวมาเป็นศาสตราจารย์ที่โรงเรียนเพื่อคอยดูออร่าของนาย”
“และแน่นอน คนที่มาช่วยนายต้องเป็นท่านหญิงแอตลาสและ” เธอเชิดหน้าอย่างภาคภูมิใจ เหมือนกำลังจะสื่อว่าสิ่งที่จะพูดต่อไป หมายถึงตัวฉันเอง “คนที่เวทขั้นสูงเท่านั้น ถึงจะสามารถใช้พลังอำนาจที่นี่ได้”
“ท่านหญิงแอตลาสเหรอ” เทรซี่คิ้วขมวด เธอเอามือเท้าคางพลางคิด ราวกับว่าท่านหญิงคนนี้เป็นคนที่มีตัวตนอยู่บนโลกของเรา และเธอเคยอ่านเจอมาแต่คิดไม่ออก
“ท่านหญิงแอตลาส หรือ เจนีวา หนึ่งในสายเลือดกษัตริย์ของราชวงศ์แอตแลส ราชวงศ์แรกเริ่มของอาณาจักรแอตแลนติส” กลอเรียอธิบาย แสดงท่าทางปกติแบบปกติที่สุด จนทำให้ผมลืมสายตาชั่วร้ายของเธอตอนนั้นไปเลย
“เธอถือสาส์นแห่งตรีศูร อำนาจนั่นจึงให้สิทธิ์มากมายเมื่อเธอยังครอบครองมันอยู่ เธอใช้ความวิเศษจากสาส์นออกมาปกป้องอัศวิน” กลอเรียหยุดคิด “เธอกำลังพยายามกั้นตัวอัศวินไม่ให้เข้าใกล้กับครีโทเนียสเพื่อให้คำทำนายของสาส์นเป็นจริง”
“เธอสวยมากไหม” เชนนิ่งแทรกเบา ๆ เขามองดูกลอเรียด้วยท่าทางสนอกสนใจ
“ไม่มีหญิงคนไหนบนโลกนี้ งามได้อย่างนางอีกแล้ว” กลอเรียตวัดสายตามองเชนนิ่งอย่างเหลืออดจนทำให้เขารู้สึกแย่
“แต่ฉันก็ยังจับต้นชนปลายไม่ถูกอยู่ดี ว่าเรื่องทั้งหมด มันเริ่มมาจากจุดไหน” ผมแทรก “ทำไมฉันต้องเป็นอัศวินคนที่จะล้มล้างอำนาจครีโทเนียสได้คนเดียวในเมื่อท่านหญิงอะไรนั่นมีอำนาจมากมายที่จะสามารถทำเองได้”
จริง ๆ แล้วทั้งแมทและเทรซี่ก็คงรู้สึกเหมือนกันว่าทำไมเรื่องพวกนี้ต้องเกิดขึ้นกับพวกเราเพราะตลอดหลายวันที่ผ่านมานี้มีเรื่องยุ่งเกิดขึ้นมากมาย เพราะฉะนั้นนี่เป็นเวลาสมควรที่เราต้องได้รับคำอธิบายจากกลอเรีย ก่อนที่เราจะตัดสินใจทำอะไรไปมากกว่านี้
กลอเรียยิ้มออกมา ใช้พลังบางอย่างจากตัวเธอลากเก้าอี้ที่อยู่หลังเชนนิ่งมาตั้งกลางห้องและนั่งลง นี่กลอเรียพยายามทำให้ผมคิดว่าเธอเป็นนักเวทขั้นสูงใช่ไหม
“คำพยากรณ์ไง” กลอเรียพูด “เรื่องมันเริ่มต้นเมื่อเฮอร์มอสมีลูกศิษย์ที่เก่งกาจที่สุดในยุคนั้นทั้งหมดสามคนได้แก่ เจนีวา อินทีนิตี้ และครีโทเนียส ทั้งสามคนเป็นศิษย์ที่เฮอร์มอสโปรดปรานมากที่สุด พวกเขามีความชำนาญแตกต่างกันออกไป เจนีวาเป็นเลิศในด้านปัญญา อินทีนิตี้ชำนาญในเรื่องพลังธรรมชาติ และครีโทเนียส นักวางแผนกลยุทธ์สงคราม
ตลอดเวลาเฮอร์มอสดูเหมือนจะชื่นชมในตัวของครีโทเนียสมากเป็นพิเศษเพราะครีโทเนียสไม่เหมือนกับลูกศิษย์คนอื่น ๆ ของเฮอร์มอส ครีโทเนียสมีความเพียร มีความมุ่งมั่นและกระหายที่จะเรียนรู้สิ่งใหม่ ทุก ๆ วันหลังจากที่เขาศึกษาวิชาต่าง ๆ จากสำนักเวทศาสตร์และกลยุทธ์สงครามแห่งแอตแลสเสร็จ เขาจะเข้าหอสมุดแห่งแอตแลนติสเพื่อศึกษาตำรามากมายในนั้นจนหลายคนคิดว่ามองว่าเขาบ้า แต่ไม่ นั่นไม่ใช่สิ่งที่เฮอร์มอสมองลูกศิษย์คนนี้ เขากลับภูมิใจในตัวของลูกศิษย์คนนี้เป็นอย่างมากถึงกับการสอนเวทโบราณต้องห้ามให้แก่ครีโทเนียสนั่นก็คือ เวทแห่งการควบคุม ศาสตร์ชั้นสูงของแอตแลนติสที่ถูกสงวนไว้กับคนที่ผ่านการชำระล้างจิตใจมาแล้วเท่านั้น
“เวทแห่งการควบคุมเหรอ” เทรซี่ถามแทรกด้วยความสนใจ
“ชื่อมันก็บอกอยู่แล้วว่าความสามารถของเวทนี้คืออะไร ถ้าใครก็ตามที่ฝึกทักษะของเวทนี้ได้สำเร็จ เขาจะสามารถควบคุมทุกสิ่งทุกอย่าง ไม่ว่าจะเป็นธรรมชาติ พลังงาน จักรวาลหรือจิตใจมนุษย์ แม้ว่าครีโทเนียสจะฝึกเวทนี้จนชำนาญในระดับต้น แต่ความผิดปกติของครีโทเนียด้านลบก็ไม่ได้ปรากฏออกมาเป็นเวลาหลายปี จนกระทั่งอินทีนิตี้ ศิษย์อีกคนของเฮอร์มอสฆ่าตัวตาย แม้การปลิดชีพตนเองของอินทีนีตี้จะดูไม่มีเหตุผล แต่ศาลสูงแอตแลนติสก็ไม่ได้สืบสวนเรื่องนี้ พวกเขาตัดสินจากสิ่งที่เห็น แต่สำหรับเจนีวา เธอเชื่อว่าการฆ่าตัวตายของเพื่อนเธอคนนี้ต้องมีอะไรที่ไม่ชอบมาพากลซ่อนอยู่ เธอพยายามสืบหาข้อเท็จจริงอยู่นาน แต่ทุกครั้งเมื่อเธอเริ่มปะติดปะต่อเรื่องราวได้ ผู้เกี่ยวข้องทั้งหมดก็จะตายในแบบเดียวกัน เธอจึงคิดว่าเรื่องนี้คงไม่ธรรมดาอย่างแน่นอนและคนเดียวที่จะช่วยเธอได้ก็คือ เฮอร์มอส
แม้ว่าเฮอร์มอสจะปฏิเสธเจนีวากับความคลุมเครือของครีโทเนียสในตอนแรก แต่เมื่อหลักฐานทั้งหมดที่เจนีวามีบ่งชี้ไปที่เขา มันทำให้เฮอร์มอสต้องช่วยเหลือย่างเจนีวาอย่างเต็มที่ แม้ว่าในใจลึก ๆ ของเขาไม่อยากจะทำก็ตาม และสิ่งที่เฮอร์มอสไม่อยากให้เป็นก็เกิดขึ้นเมื่อครีโทเนียสเป็นผู้อยู่เบื้องหลังการตายอินทีนิตี้ในครั้งนั้น เฮอร์มอสรู้สึกผิดเป็นอย่างมากเมื่อเวทโบราณต้องห้ามที่เขาเป็นคนสอนให้ลูกศิษย์คนนี้ กลับเป็นอาวุธมาทำลายลูกศิษย์อีกคน เขาจึงเป็นยื่นฎีการื้อคดีขึ้นมาใหม่ มีการสู้คดีระหว่างอาจารย์กับศิษย์นานนับเดือนแต่ท้ายที่สุดครีโทเนียสก็ไม่อาจหนีความผิดของตนที่ทำได้ เขาถูกตัดสินให้ประหารชีวิต
แต่ยัง... นั่นไม่ใช่จุดจบของครีโทเนียสหรอก มีนักรบและขุนนางหลายคนที่ปลาบปลื้มกับความสามารถของครีโทเนียสในครั้งนี้ พวกเขาช่วยให้ครีโทเนียสแหกคุกใต้ดินที่ปลอดภัยที่สุดได้ เขาหนีออกไปอยู่นอกเมือง สั่งสมกำลังพลรอโจมตีแอตแลนติสเมื่อโอกาสมาถึง
หลังจากที่เฮอร์มอสเสียชีวิตลง ครีโทเนียสก็นำกองทัพกลุ่มเล็ก ๆ ของเขาเข้าตีแอตแลนติสทันที ในตอนนั้นอัศวินบางคนคิดว่านั่นเป็นเรื่องตลกที่ครีโทเนียสจะนำกำลังแค่หยิบมือล้มอาณาจักรแอตแลนติสได้ พวกเขาจึงชะล่าใจ สงครามเล็ก ๆ ที่พวกเขาคิดกันในครั้งนั้นจบลงที่ครีโทเนียสชนะสงคราม
เมื่อเขายึดเมืองได้ ครีโทเนียสสั่งประหารผู้ที่ไม่เข้าร่วมกับเขาทั้งหมดอย่างไม่ลังเลใจและปราบดาภิเษกตนเองเป็นกษัตริย์แอตลาส เขาส่งกำลังทหารออกไล่ล่าเจนีวา เชื้อพระวงศ์แอตแลสคนสุดท้ายทันที แต่อัศวินบางกลุ่มก็ได้ให้ความช่วยเหลือเจนีวาอย่างลับ ๆ เท่าที่จะสามารถ จึงทำให้เธอหนีพ้นจากเงื้อมมือของครีโทเนียสได้สำเร็จ เจนีวาหนีไปซ่อนตัวที่ปราสาทลับของเฮอร์มอส ที่แม้แต่ศิษย์โปรดอย่างครีโทเนียสก็ไม่รู้ว่าอยู่ไหน แต่ครีโทเนียสก็ไม่ได้หยุดตามหาเจนีวาแม้แต่นิด เขาไม่ได้กลัวว่าเจนีวาจะรวบรวมคนแล้วโจมตีครีโทเนียสเพื่อยึดอาณาจักรแอตแลนติสคืน แต่เขาเกรงกลัวสิ่งที่อยู่ในมือของเจนีวามากกว่า สิ่งที่เขาอยากได้มากที่สุดในชีวิต สิ่งที่จะนำความยิ่งใหญ่มาสู่เขา สาส์นแห่งตรีศูร”
....
อัศวินเทเลอร์กับอาณาจักรแอตแลนติส...บทที่ 5 – ความมหัศจรรย์ของประตูชัย (Part 1)
เราทั้งสามมาถึงโรงแรมปารีส มาริออต ครึ่งชั่วโมงต่อมา แมทและเทรซี่รอผมด้วยความกระวนกระวายใจ ส่วนกลอเรียนั่งเอามือกอดอกที่โซฟา สีหน้าบอกว่ากำลังคิดบางอย่างอยู่ คงกำลังคิดถึงหนทางที่จะช่วยผมอยู่แน่ ๆ ทันทีที่พวกเขาเห็นผม แมทก็ตะโกนร้องด้วยความดีใจลั่นล็อบบี้ของโรงแรม
“นายไม่เป็นใช่ไหม” แมทวิ่งลิงโลดมาที่หาผมโดยไม่ได้รู้สึกเกรงใจกับแขกเหรื่อของโรงแรมนี้
“ขอบคุณที่หนีฉัน” ผมพูดด้วยสีหน้าที่แกล้งดูจริงจัง อารมณ์ล้อเล่นของผมพลุ่งพล่านได้เสมอ
“เราไม่ได้หนีนายนะ เทเลอร์” เทรซี่พยายามแก้ตัว “วินาทีนั้น ต้องมีใครสักคนรอดเพื่อช่วยเธอ”
“ใครสักคนของพวกเธอคือ ทั้งสามคน”
“อันที่จริงพวกเราก็กำลังจะตามนายไป แต่...” แมทอ้ำอึ้งพร้อมหน้าที่บูดเบี้ยว เขายิ้มให้ผมแหย ๆ ก่อนที่จะหันหน้าไปสบตากับกลอเรีย
“ฉันเป็นคนบอกพวกเขาไม่ให้ตามนายไปเองแหละ” กลอเรียแทรกด้วยท่าทางไขว่ห้างบนโซฟา เธอลุกขึ้นมาพร้อมโบกมือไปมาเหมือนเรื่องนี้เป็นเรื่องเหลวไหว “ฉันเชื่อว่านายจะไม่เป็นอะไร”
“หืม เธอคิดว่าฉันจะไม่เป็นอะไรเหรอ”
เธอยกไหล่ขวาขึ้นมาและพนักหน้ารับคำตอบ
“ทำเธอคิดแบบนั้น”
“โอกาสไง ความเป็นไปได้”
“ให้ตายเถอะ กลอเรีย” ผมพยายามควบคุมเสียงไม่ให้ดังลั่นล็อบบี้ แต่พนักงานและแขกของโรงแรมหันหน้ามามองอย่างสับสน ผมแทบไม่เชื่อหูของตัวเองว่ากลอเรียจะคำนวณโอกาสความเป็นไปได้ให้กับชีวิตผม ถึงแม้ผมจะคิดไม่ออกถึงเหตุผลที่พวกเขาหายตัวไปจากหน้าพิพิธภัณฑ์ หรืออะไรที่ดลใจเขาไม่ตามไมลีย์และเชนนิ่งไป แต่ความรู้สึกโกรธก็มีมากพอและเริ่มจะปะทุ ผมกำลังจะอ้าปาก กลอเรียที่กำลังฟัง ยืนกอดอกและหน้าเสียอยู่นั้นก็ยกมือห้าม พร้อมเชิดหน้า
“ถ้านายเสียงดังแบบนี้ นายจะได้ตายไวขึ้น” เธอขู่และสะบัดหน้าขึ้นห้องไป ทำให้ผมรู้สึกอยาก...อยากทำอะไรสักอย่างกับกลอเรีย ท่าทางหยิ่งยโสแบบนั่น มันทำให้ผมเจ็บใจพิลึก
“นายนี่” เทรซี่พูดอ้อมแอ้ม “กลอเรียกำลังคิดอยู่ว่าจะช่วยนายได้ยังไง”
เธอวิ่งปราดขึ้นห้องตามกลอเรียที่กำลังโกรธผมอย่างเลี่ยงไม่ได้ พยายามปลอบประโลมเธอที่กำลังรอลิฟต์และหันมามองผมด้วยสายตาชิงชังเป็นระยะ พวกเธอไปดีกันตอนไหน
เมื่อทั้งคู่เข้าลิฟต์ แมทก็พยายามลากตัวผมขึ้นห้องหลังจากที่เขาพยายามไกล่เกลี่ย อ้างเหตุผลต่าง ๆ นานาที่กลอเรียทำแบบนี้ ใช่น่ะสิ เขากลัวว่ากลอเรียจะไม่พาพวกเราเข้าแอตแลนติส เขาถึงพยายามสานสัมพันธ์
“ไม่เอาน่า” แมทกระชากแขนผมมา “กลอเรียพยายามช่วยนายอยู่นะ เทย์”
เมื่อถึงหน้าห้อง แมทพยายามปรับสีหน้าของผมซีเรียสและแสดงอาการไม่พอใจให้เป็นปกติ เขาเปิดประตูและออกแรงกระชากผมทีละน้อย
“กลอเรีย” แมทพูดทั้ง ๆ ที่เรายังไม่เห็นหน้าเธอด้วยซ้ำ “เทย์จะมาขอโทษ”
“อะไรแมท” ผมหูผึ่งทันทีที่ได้ยินเช่นนั้น “ฉันไม่มีวันขอโทษเด็ดขาด ฉันไม่ได้ทำอะไรผิด”
กลอเรียที่ได้ยินแบบนั้น ร่างเธอกลายเป็นธาตุอากาศบางเบาราวกับสายลมและเคลื่อนตัวมายืนที่หน้าผมแทบจะทันใด แรงลมที่มากับเธอมาปะทะหน้าผมและทำให้ผมตะลึงไปชั่วขณะ ร่างที่กำลังล่องหนเริ่มชัดเจนมากขึ้น
“การเป็นอัศวินไม่ได้ทำให้นายพิเศษกว่าคนอื่นนะ”
กลอเรียมองผมด้วยแรงอาฆาตร้อยเท่าพันเท่า เธอสามารถหยุดลมหายใจของผมได้สบาย ๆ ตรงนี้ เวลานี้เลยก็ได้ มันจึงทำให้ผมตระหนักว่า ความใจร้อนของตัวเองควรจบ ผมจึงเลี่ยงเดินมานั่งที่เก้าอี้และทุกคนก็กระจัดกระจายแยกย้ายหาที่นั่งเมื่อกลอเรียกวาดสายตามอง
“นายหนีออกมาจากอิมินอสได้ยังไง” กลอเรียหันหน้ามาคุย เธอยืนอยู่หน้าประตูทางเข้า แสดงท่าทางว่าเรื่องที่ทำเธอเมื่อกี้เป็นเรื่องปกติ
“แสงสว่างมาช่วย” ผมตะกุกตะกัก พยายามทำน้ำเสียงให้ลื่นหูมากที่สุด “คนที่อยู่กับอันทิโนอุสมาช่วยฉันและทำให้ศาสตราจารย์แฟรงค์หนีไป”
“อะไรนะ ศาสตราจารย์แฟรงค์เหรอ” เทรซี่อุทานเสียงดัง “ขะ เขาเป็น...”
“ใช่ เขาเป็นลูกของครีโทเนียส”
“ท่านหญิงแอตลาสมาช่วยนายเหรอ” กลอเรียตัดบทด้วยท่าทีสงสัย เดินไปเดินมา ในขณะที่ผมกำลังมองเธอเดินอยู่นั่น ผก็รู้สึกถึงสิ่งปกติที่กลอเรียพูดและผมต้องหาคำตอบตอนนี้
“เดี๋ยว...เธอรู้ได้ไงว่าฉันเจอใครมา”
กลอเรียหยุดเดินพร้อมหันมายิ้มให้ผมอย่างไร้เดียงสา ชั่วอึดใจที่เธอเงียบ เธอรวบรวมสติพูดออกมาว่า “ก็อิมินอสเป็นได้รับคำสั่งให้มาตามหานายที่นี่น่ะสิ เขาเลยน่าจะปลอมตัวมาเป็นศาสตราจารย์ที่โรงเรียนเพื่อคอยดูออร่าของนาย”
“และแน่นอน คนที่มาช่วยนายต้องเป็นท่านหญิงแอตลาสและ” เธอเชิดหน้าอย่างภาคภูมิใจ เหมือนกำลังจะสื่อว่าสิ่งที่จะพูดต่อไป หมายถึงตัวฉันเอง “คนที่เวทขั้นสูงเท่านั้น ถึงจะสามารถใช้พลังอำนาจที่นี่ได้”
“ท่านหญิงแอตลาสเหรอ” เทรซี่คิ้วขมวด เธอเอามือเท้าคางพลางคิด ราวกับว่าท่านหญิงคนนี้เป็นคนที่มีตัวตนอยู่บนโลกของเรา และเธอเคยอ่านเจอมาแต่คิดไม่ออก
“ท่านหญิงแอตลาส หรือ เจนีวา หนึ่งในสายเลือดกษัตริย์ของราชวงศ์แอตแลส ราชวงศ์แรกเริ่มของอาณาจักรแอตแลนติส” กลอเรียอธิบาย แสดงท่าทางปกติแบบปกติที่สุด จนทำให้ผมลืมสายตาชั่วร้ายของเธอตอนนั้นไปเลย
“เธอถือสาส์นแห่งตรีศูร อำนาจนั่นจึงให้สิทธิ์มากมายเมื่อเธอยังครอบครองมันอยู่ เธอใช้ความวิเศษจากสาส์นออกมาปกป้องอัศวิน” กลอเรียหยุดคิด “เธอกำลังพยายามกั้นตัวอัศวินไม่ให้เข้าใกล้กับครีโทเนียสเพื่อให้คำทำนายของสาส์นเป็นจริง”
“เธอสวยมากไหม” เชนนิ่งแทรกเบา ๆ เขามองดูกลอเรียด้วยท่าทางสนอกสนใจ
“ไม่มีหญิงคนไหนบนโลกนี้ งามได้อย่างนางอีกแล้ว” กลอเรียตวัดสายตามองเชนนิ่งอย่างเหลืออดจนทำให้เขารู้สึกแย่
“แต่ฉันก็ยังจับต้นชนปลายไม่ถูกอยู่ดี ว่าเรื่องทั้งหมด มันเริ่มมาจากจุดไหน” ผมแทรก “ทำไมฉันต้องเป็นอัศวินคนที่จะล้มล้างอำนาจครีโทเนียสได้คนเดียวในเมื่อท่านหญิงอะไรนั่นมีอำนาจมากมายที่จะสามารถทำเองได้”
จริง ๆ แล้วทั้งแมทและเทรซี่ก็คงรู้สึกเหมือนกันว่าทำไมเรื่องพวกนี้ต้องเกิดขึ้นกับพวกเราเพราะตลอดหลายวันที่ผ่านมานี้มีเรื่องยุ่งเกิดขึ้นมากมาย เพราะฉะนั้นนี่เป็นเวลาสมควรที่เราต้องได้รับคำอธิบายจากกลอเรีย ก่อนที่เราจะตัดสินใจทำอะไรไปมากกว่านี้
กลอเรียยิ้มออกมา ใช้พลังบางอย่างจากตัวเธอลากเก้าอี้ที่อยู่หลังเชนนิ่งมาตั้งกลางห้องและนั่งลง นี่กลอเรียพยายามทำให้ผมคิดว่าเธอเป็นนักเวทขั้นสูงใช่ไหม
“คำพยากรณ์ไง” กลอเรียพูด “เรื่องมันเริ่มต้นเมื่อเฮอร์มอสมีลูกศิษย์ที่เก่งกาจที่สุดในยุคนั้นทั้งหมดสามคนได้แก่ เจนีวา อินทีนิตี้ และครีโทเนียส ทั้งสามคนเป็นศิษย์ที่เฮอร์มอสโปรดปรานมากที่สุด พวกเขามีความชำนาญแตกต่างกันออกไป เจนีวาเป็นเลิศในด้านปัญญา อินทีนิตี้ชำนาญในเรื่องพลังธรรมชาติ และครีโทเนียส นักวางแผนกลยุทธ์สงคราม
ตลอดเวลาเฮอร์มอสดูเหมือนจะชื่นชมในตัวของครีโทเนียสมากเป็นพิเศษเพราะครีโทเนียสไม่เหมือนกับลูกศิษย์คนอื่น ๆ ของเฮอร์มอส ครีโทเนียสมีความเพียร มีความมุ่งมั่นและกระหายที่จะเรียนรู้สิ่งใหม่ ทุก ๆ วันหลังจากที่เขาศึกษาวิชาต่าง ๆ จากสำนักเวทศาสตร์และกลยุทธ์สงครามแห่งแอตแลสเสร็จ เขาจะเข้าหอสมุดแห่งแอตแลนติสเพื่อศึกษาตำรามากมายในนั้นจนหลายคนคิดว่ามองว่าเขาบ้า แต่ไม่ นั่นไม่ใช่สิ่งที่เฮอร์มอสมองลูกศิษย์คนนี้ เขากลับภูมิใจในตัวของลูกศิษย์คนนี้เป็นอย่างมากถึงกับการสอนเวทโบราณต้องห้ามให้แก่ครีโทเนียสนั่นก็คือ เวทแห่งการควบคุม ศาสตร์ชั้นสูงของแอตแลนติสที่ถูกสงวนไว้กับคนที่ผ่านการชำระล้างจิตใจมาแล้วเท่านั้น
“เวทแห่งการควบคุมเหรอ” เทรซี่ถามแทรกด้วยความสนใจ
“ชื่อมันก็บอกอยู่แล้วว่าความสามารถของเวทนี้คืออะไร ถ้าใครก็ตามที่ฝึกทักษะของเวทนี้ได้สำเร็จ เขาจะสามารถควบคุมทุกสิ่งทุกอย่าง ไม่ว่าจะเป็นธรรมชาติ พลังงาน จักรวาลหรือจิตใจมนุษย์ แม้ว่าครีโทเนียสจะฝึกเวทนี้จนชำนาญในระดับต้น แต่ความผิดปกติของครีโทเนียด้านลบก็ไม่ได้ปรากฏออกมาเป็นเวลาหลายปี จนกระทั่งอินทีนิตี้ ศิษย์อีกคนของเฮอร์มอสฆ่าตัวตาย แม้การปลิดชีพตนเองของอินทีนีตี้จะดูไม่มีเหตุผล แต่ศาลสูงแอตแลนติสก็ไม่ได้สืบสวนเรื่องนี้ พวกเขาตัดสินจากสิ่งที่เห็น แต่สำหรับเจนีวา เธอเชื่อว่าการฆ่าตัวตายของเพื่อนเธอคนนี้ต้องมีอะไรที่ไม่ชอบมาพากลซ่อนอยู่ เธอพยายามสืบหาข้อเท็จจริงอยู่นาน แต่ทุกครั้งเมื่อเธอเริ่มปะติดปะต่อเรื่องราวได้ ผู้เกี่ยวข้องทั้งหมดก็จะตายในแบบเดียวกัน เธอจึงคิดว่าเรื่องนี้คงไม่ธรรมดาอย่างแน่นอนและคนเดียวที่จะช่วยเธอได้ก็คือ เฮอร์มอส
แม้ว่าเฮอร์มอสจะปฏิเสธเจนีวากับความคลุมเครือของครีโทเนียสในตอนแรก แต่เมื่อหลักฐานทั้งหมดที่เจนีวามีบ่งชี้ไปที่เขา มันทำให้เฮอร์มอสต้องช่วยเหลือย่างเจนีวาอย่างเต็มที่ แม้ว่าในใจลึก ๆ ของเขาไม่อยากจะทำก็ตาม และสิ่งที่เฮอร์มอสไม่อยากให้เป็นก็เกิดขึ้นเมื่อครีโทเนียสเป็นผู้อยู่เบื้องหลังการตายอินทีนิตี้ในครั้งนั้น เฮอร์มอสรู้สึกผิดเป็นอย่างมากเมื่อเวทโบราณต้องห้ามที่เขาเป็นคนสอนให้ลูกศิษย์คนนี้ กลับเป็นอาวุธมาทำลายลูกศิษย์อีกคน เขาจึงเป็นยื่นฎีการื้อคดีขึ้นมาใหม่ มีการสู้คดีระหว่างอาจารย์กับศิษย์นานนับเดือนแต่ท้ายที่สุดครีโทเนียสก็ไม่อาจหนีความผิดของตนที่ทำได้ เขาถูกตัดสินให้ประหารชีวิต
แต่ยัง... นั่นไม่ใช่จุดจบของครีโทเนียสหรอก มีนักรบและขุนนางหลายคนที่ปลาบปลื้มกับความสามารถของครีโทเนียสในครั้งนี้ พวกเขาช่วยให้ครีโทเนียสแหกคุกใต้ดินที่ปลอดภัยที่สุดได้ เขาหนีออกไปอยู่นอกเมือง สั่งสมกำลังพลรอโจมตีแอตแลนติสเมื่อโอกาสมาถึง
หลังจากที่เฮอร์มอสเสียชีวิตลง ครีโทเนียสก็นำกองทัพกลุ่มเล็ก ๆ ของเขาเข้าตีแอตแลนติสทันที ในตอนนั้นอัศวินบางคนคิดว่านั่นเป็นเรื่องตลกที่ครีโทเนียสจะนำกำลังแค่หยิบมือล้มอาณาจักรแอตแลนติสได้ พวกเขาจึงชะล่าใจ สงครามเล็ก ๆ ที่พวกเขาคิดกันในครั้งนั้นจบลงที่ครีโทเนียสชนะสงคราม
เมื่อเขายึดเมืองได้ ครีโทเนียสสั่งประหารผู้ที่ไม่เข้าร่วมกับเขาทั้งหมดอย่างไม่ลังเลใจและปราบดาภิเษกตนเองเป็นกษัตริย์แอตลาส เขาส่งกำลังทหารออกไล่ล่าเจนีวา เชื้อพระวงศ์แอตแลสคนสุดท้ายทันที แต่อัศวินบางกลุ่มก็ได้ให้ความช่วยเหลือเจนีวาอย่างลับ ๆ เท่าที่จะสามารถ จึงทำให้เธอหนีพ้นจากเงื้อมมือของครีโทเนียสได้สำเร็จ เจนีวาหนีไปซ่อนตัวที่ปราสาทลับของเฮอร์มอส ที่แม้แต่ศิษย์โปรดอย่างครีโทเนียสก็ไม่รู้ว่าอยู่ไหน แต่ครีโทเนียสก็ไม่ได้หยุดตามหาเจนีวาแม้แต่นิด เขาไม่ได้กลัวว่าเจนีวาจะรวบรวมคนแล้วโจมตีครีโทเนียสเพื่อยึดอาณาจักรแอตแลนติสคืน แต่เขาเกรงกลัวสิ่งที่อยู่ในมือของเจนีวามากกว่า สิ่งที่เขาอยากได้มากที่สุดในชีวิต สิ่งที่จะนำความยิ่งใหญ่มาสู่เขา สาส์นแห่งตรีศูร”
....