สำนักงานของอมราตั้งอยู่บนที่ดินผืนใหญ่แถบชานเมือง ที่ดินใหญ่ขนาดไหนหรือ ก็ขนาดที่ว่าแม้จะสร้างเป็นอาคารชั้นเดียวจุพนักงานเกินครึ่งร้อยแล้วยังมีพื้นที่เหลือเฟือ ที่ดินผืนนี้เป็นของขวัญซึ่งพ่อของลายครามยกให้หลังบริษัททำกำไรมหาศาลเป็นปีที่สามติดต่อกัน คว้ารางวัลธุรกิจดาวเด่นจากทุกสถาบันที่มีแจก แต่นั่นไม่ทำให้ลายครามภูมิใจเท่าของขวัญสำหรับการทำงานชิ้นแรกที่พ่อยินดีมอบแก่ลูกชายคนสุดท้องผู้ไม่เคยเอาไหน
นึกย้อนทีไรก็น่าตลก เพราะตอนสุเมธชวนเขาทำธุรกิจเกี่ยวกับเครื่องสำอาง ลายครามเถียงหัวชนฝา
“ฉันอยากจูบปากที่ทาลิปสติกไม่ใช่เร่ขายมันให้พวกคุณเธอเว้ย ทำชุดแต่งรถดีกว่าน่า เพื่อนฉันจะขายร้านให้พร้อมโรงงานเลย”
“สปอยด์เลอร์เทือกนั้นพอแกผลิตคนก็เฮละโลมาซื้อ แล้วไอ้พวกเดียวกันนี่แหละจะก็อปของแกขายต่อ ธุรกิจดีๆ ใครจะประเคนให้ง่ายๆ”
ลายครามบ่นอุบ “งั้นทำค่ายมวยไหมเขาว่าต่างชาติคลั่งเลยนะเว้ย หรือเปิดผับที่พัทยาดีวะ ขายเครื่องกีฬาก็น่าสนใจ”
สุเมธเงยหน้าจากหนังสือพิมพ์หัวเศรษฐกิจที่กำลังอ่าน “จำสัญญาที่จะให้ฉันช่วยเอาคืนตั่วเฮียแกได้ไหม ถ้ายังอยากให้รักษาสัญญา ก็ตามฉันมาซะดีๆ”
และเขาก็ยอมเป็นผู้ตามนับแต่นั้น ขอเพียงคนที่เดินข้างหน้าคือสุเมธ!
ลายครามย้อนคิดถึงความหลังระหว่างเปิดตู้นิรภัยในห้องทำงาน หยิบเอกสารที่ต้องการแล้วจึงเริ่มใช้โทรศัพท์ “ไอ้เมธ ฉันเจอแฟ้มลับแล้วนะ แกนี่ยังไง วันที่อมราเตรียมเปิดสินค้าใหม่ดันลืมเอกสารสำคัญซะได้”
“โทษที มาถึงงานแล้วเพิ่งรู้ตัว เลยรีบโทร. หาไง”
“ตั้งสติหน่อยสิโว้ย ช่วงนี้แกดูเอ๋อๆ นะ อย่างงานเลี้ยงวันเกิดท่านอานนท์ พอฉันไปส่งมี่เสร็จกลับมาดันหาตัวแกไม่ได้ เจออีกทีหน้าบูดไม่พูดไม่จา จะว่าไปแกเริ่มดูแปลกๆ หลังกลับจากเกาะกงเทียนแล้ว ทำไม...โดนแม่พญาหงส์จิกใส่จนเบลอเรอะ”
แทนที่จะตอกกลับคำแซวเหมือนเคย สุเมธแค่พูดเสียงเนือย “ขอโทษ”
“เป็นไรของแกวะ ขึ้นเวทีอย่าเผลอลืมสคริปท์ล่ะ” เขาบ่นอีกหลายประโยคค่อยวางสาย เพิ่งจะปิดตู้นิรภัยเรียบร้อยเลขานุการก็ติดต่อผ่านโทรศัพท์ว่าพี่ชายคนโตแวะมาหา หนุ่มเพล์บอยเลิกคิ้ว ปกติตั่วเฮียจะไม่เหยียบบริษัทนอกจากตอนประชุม ทำไมวันนี้ถึงโผล่หน้ามาได้ แต่ยังพอมีเวลาก่อนลายครามจะไปงานแถลงข่าวสินค้าใหม่ซึ่งจัดยังโรงแรมกลางใจเมือง จึงเชื้อเชิญพี่ชายเข้าห้อง
มงคลเป็นชายวัยกลางคนรูปร่างสันทัด ลายครามมองผมที่เหลือแค่ครึ่งศีรษะของอีกฝ่ายอย่างสยอง ภาวนาให้ยีนเจ้าปัญหานี่ไม่ส่งมาถึงตนด้วย
“เราต้องคุยเรื่องเพื่อนแกให้เด็ดขาดซะที”
มงคลเปิดปากตั้งแต่ยังไม่ทันนั่ง เจ้าของห้องทำหน้าเซ็ง อุตส่าห์เล็งช่วงที่สุเมธไม่อยู่บริษัทมาหาเขาเพราะมีสาเหตุนี่เอง “ใช่ๆ ตั่วเฮียย้ำในที่ประชุมโจมตีโครงการเปิดตัวสินค้าใหม่คราวนี้ตั้งหลายเที่ยว พยายามฉีกหน้าเมธยังไงสุดท้ายมันก็ผ่านมติมาได้ เลิกดื้อเถอะน่า”
“แกไม่เอะใจเลยเหรอ โครงการพิลึกแบบนั้นนอกจากฉันไม่มีใครค้านสักคำ เห็นอยู่ว่าไอ้เมธกุมเสียงข้างมากในที่ประชุมซะอยู่หมัด อย่างนี้คิดจะขับแกออกเมื่อไหร่ก็ขึ้นกับเวลาเท่านั้น”
“พูดบ้าอะไร ผมกับเมธถือหุ้นเท่ากัน แถมยังมีหุ้นพวกเฮียๆ อีก รวมแล้วฝ่ายเราตะหากที่เป็นเสียงข้างมาก”
“แต่ถ้ามันซื้อหุ้นจากคนอื่นเพิ่มแค่สิบเปอร์เซ็นต์ก็จะมากกว่าพวกเรา แกประมาทเกินไป!”
ลายครามกัดฟันข่มอารมณ์ ตั่วเฮียนั้นเสียหน้าที่อมราประสบความสำเร็จเกินคาดมาตลอด ตอนแรกลายครามก็สะใจอยู่หรอก ก่อนเปลี่ยนเป็นรำคาญเมื่อมงคลพยายามใช้จำนวนหุ้นน้อยนิดเข้ามามีส่วนร่วมในการบริหารอมรา เป็นหุ้นซึ่งกงสีถือครองเพราะลายครามยกให้แลกกับการยืมเงินลงทุน ช่วงแรกนั้นสุเมธยังให้ความเกรงใจพี่ชายเพื่อนอยู่บ้าง แต่พอถูกก้าวก่ายจนสุดทนเลยจัดการดึงอำนาจคืนโดยมีลายครามคอยเชียร์ข้างหลัง มงคลเหลือแค่สิทธิ์ออกเสียงตอนประชุมเท่านั้น แน่นอนตั่วเฮียย่อมฉุนเฉียว ทว่าก็ไม่กล้าแตะต้องลายครามผู้กลายเป็นคนโปรดในครอบครัว จึงทุ่มความโมโหทุกอย่างไปยังสุเมธ
ถ้ามารดาไม่เคยขอร้องเอาไว้ หนุ่มเพล์บอยคงตะเพิดพี่ชายพ้นบริษัทไปนานแล้ว!
มงคลดันตีความการเงียบของน้องชายว่าเขาคงยอมรับ จึงวางเอกสารที่ถือมาบนโต๊ะทำงาน ลายครามขมวดคิ้วใส่แฟ้มปกดำขณะที่อีกฝ่ายพล่ามรายละเอียดยกใหญ่
“แกควรดีใจเพราะมีฉันคอยระวังหลังให้ จำได้ไหมตอนก่อตั้งอมรา เมธเงินไม่พอเลยใช้แรงแลกเป็นหุ้นแทน นั่นแหละจุดบอดของมันละ”
ลายครามคิ้วกระตุก คว้าแฟ้มมาอ่านทันที “โอเค สมัยก่อนพวกผมทำสัญญาเรื่องหุ้นกันไม่รัดกุมนัก แต่คิดจะฟ้องเรียกหุ้นคืนมันไม่ง่ายหรอก”
มงคลเหยียดยิ้ม พลิกเอกสารไปหน้าหลังสุด “วิธียังพอมี ถ้าแกหลอกเมธเซ็นเอกสารยินยอมฉบับนี้ได้ ฉันรับประกัน”
ลายครามไม่แม้แต่จะปรายตามอง เขาปิดแฟ้มปัง ชี้หน้าพี่ชาย “ตั่วเฮียนี่นิสัยแย่ไม่เคยเปลี่ยน ผมฟังมาพอแล้ว!”
“ไอ้คราม! แกกล้าทำงี้ใส่ฉันเรอะ!”
เจ้าของห้องลุกพรวด “ผมกล้าทำยิ่งกว่านี้อีก ออกไปซะ หรือจะให้ผมโยนตั่วเฮียออกไป!”
มงคลชะงัก ครั้นน้องชายถลึงตาใส่พลางเริ่มขยับตัวเขาก็ถอยกรูดถึงประตู แต่ยังไม่วายทิ้งท้าย “ไม่รู้จักฟังฉัน แล้วแกจะเสียใจ!”
เสียงปิดประตูโครมเรียกสติลายครามคืนมา เพิ่งรู้สึกตัวว่ากำลังกำหมัดแน่นจนเล็บจิกเนื้อ เลยใช้กำปั้นนั่นแหละกวาดของบนโต๊ะหล่นเกลื่อนพื้น ความโกรธค่อยทุเลาลง
มายุให้เขาทรยศเพื่อนอย่างนั้นหรือ ถ้าไม่ใช่พี่ชาย ไอ้ที่กำปั้นจะทุบลงไปไม่ใช่โต๊ะบ้าๆ นี่หรอก!
ชายหนุ่มก้มคว้าแฟ้มปกดำหมายจะฉีกทิ้งให้สาใจ แต่เพิ่งเห็นเอกสารลับที่หล่นไปอยู่ใต้แฟ้มเข้าพอดี ใจเลยนึกถึงเพื่อนสนิท วินาทีนั้นเองคล้ายจู่ๆ มีฟ้าแลบแปลบตรงหน้า สังหรณ์...หรือสัญชาตญาณอะไรก็ตามที่พวกเพื่อนชอบแซวกันว่าของลายครามนั้นแม่นจนน่าสยอง เริ่มไล่เรียงไปทีละฉากอย่างรวดเร็ว
ท่าทางแปลกๆ ของสุเมธหลังกลับจากเกาะกงเทียน แววตาพิกลตอนเขาถามเพื่อนว่าหายตัวกลางงานเลี้ยงวันเกิดท่านอานนท์ไปไหน อาการเหม่อลอยฉุนเฉียวง่ายของเพื่อนสนิทตอนช่วงหลัง...
ลายครามก้มดูแฟ้มปกดำในมือเนิ่นนาน ก่อนจะโยนมันใส่ลิ้นชักหลังโต๊ะทำงาน ล็อคกุญแจเรียบร้อยค่อยนำเอกสารลับเดินออกจากห้องไป
*****
วันนี้ ระดับผู้บริหารของลายหงส์มาชุมนุมที่บริษัทกันพร้อมหน้า สาเหตุย่อมเด่นชัดอยู่แล้ว ทุกคนต่างคอยชมงานแถลงเปิดตัวสินค้าใหม่ของอมรานั่นเอง
ในห้องประชุมเล็กติดกับห้องทำงานธีร์วรา จอโทรทัศน์ขนาดยักษ์พร้อมรอฉายภาพงานเปิดตัวซึ่งจะถ่ายทอดสดทางอินเตอร์เน็ต เหล่าพนักงานลายหงส์เพิ่งเจอหน้ากันก็เริ่มจับกลุ่มวิจารณ์เซ็งแซ่ เนื้อหาย่อมมีชื่อสุเมธหลุดมาเป็นระยะ กระทั่งธีร์วราผู้นั่งหัวโต๊ะยังมีชื่อนั้นฝังไว้เต็มหัว ถึงในความคิดจะเป็นคนละหัวข้อกับบรรดาลูกน้องก็เถอะ
เขาแสดงออกอย่างซื่อตรงว่าอยากสานสัมพันธ์ แต่ขณะเดียวกันก็เค้นสมองสู้ลายหงส์อย่างเอาเป็นเอาตาย สำหรับผู้หญิงคนอื่นคงสับสน โมโห หรือฟันธงว่าสุเมธหลอกลวงหวังผลประโยชน์ ทว่าธีร์วราไม่มีลังเลสักนิด ในเรื่องส่วนตัวสุเมธอาจจริงใจกับหล่อน แต่เมื่อถึงเวลาทำงานเขาก็พร้อมทุ่มสุดกำลัง แยกสองส่วนจากกันอย่างเด็ดขาด
เพราะถ้าเปลี่ยนเป็นหล่อนแทนที่เขา...ก็คงเดินตามรอยเท้านี้
ธีร์วราและสุเมธอาจจัดอยู่ในมนุษย์ประเภทเดียวกัน หญิงสาวถึงเข้าใจเขาแทบทุกอย่าง เข้าใจกระทั่งว่าวันสุดท้ายที่พบหน้า เขาหลบไปก่อนเพราะเหตุผลใด
“...ทำไมผมต้องเป็นฝ่ายมองคุณเดินหนีไปทุกครั้ง”
บัดนี้ถึงพึ่งทราบ...เขาตั้งคำถามนั้นด้วยความรู้สึกแบบไหน
“พี่แก้ว...พี่แก้ว!” ธีทัตสะกิดพี่สาวผู้นั่งเหม่อกลางห้องประชุม “งานกำลังจะเริ่มแล้ว”
ธีร์วราตั้งใจมองจอภาพทันที งานแถลงของอมราจัดขึ้นในโรงแรมพร้อมเชิญนักข่าวมาเต็มห้อง นั่งอยู่หน้าเวทียกพื้นเตี้ย ฉากหลังสร้างเป็นผนังขวางเวทีเหลื่อมสลับซ้ายขวา ครั้นได้เวลาฉากหลังก็แสดงลูกเล่นด้วยการเลื่อนห่างจากกัน เผยโลโก้อมราที่ติดบนกำแพงหลังฉากพร้อมกับสุเมธเดินมาหยุดเกือบถึงหน้าเวที ฉากค่อยเลื่อนกลับที่
เมื่อเห็นเขาเต็มตา ธีร์วราพลันเลิกคิ้วเล็กน้อย
ใบหน้าคุ้นเคยกลับมีหนวดเคราขึ้นเบาบาง และเล็มเข้ารูปแต่ไม่ถึงกับตัดแต่งจนสำอาง สวมสูททับเชิ้ตที่ไร้เนกไทด์ดูผ่อนคลายกว่าเคย คงมีเพียงนัยน์ตาคู่นั้นที่ยังคมกริบเช่นเดิม เขาเริ่มทักทายแขกเหรื่อก่อนเข้าเรื่องอย่างรวดเร็ว
“ผมทราบดีครับ ทุกท่านมาที่นี่เพราะอยากรู้จักสินค้าใหม่ของอมรา และเวลาก็งวดเข้ามาทุกขณะ หลายท่านคงตื่นเต้นมาก แต่สิ่งหนึ่งที่ท่านจะได้รู้ก่อนอื่น...” เขายกมือกุมอก ยิ้มละไม “ผมตื่นเต้นกว่าใครในห้องนี้อีกครับ”
เสียงหัวเราะเบาๆ ดังทั่ว สุเมธผายมือกว้าง
“ที่ผ่านมาอมรายึดมั่นจะสร้างผลิตภัณฑ์เพื่อตอบสนองความต้องการของทุกคน และแน่นอน...ไม่มีใครในโลกต้องการทุกอย่างเหมือนๆ กัน จึงเป็นงานที่ท้าทายสำหรับเรามาโดยตลอด จนกระทั่งเวลานี้ อมราพร้อมบุกลุยสู่หนทางใหม่ๆ เพื่อเข้าใกล้สิ่งที่ยึดมั่นไปอีกก้าว ผมภูมิใจมากแต่ไม่รู้จะอธิบายก้าวย่างที่ไร้ขีดจำกัดนี้กับทุกท่านอย่างไร”
เขาส่ายหน้าช้าๆ นักข่าวหลายคนถึงกับกลั้นหายใจรอ เสียงในห้องเงียบกริบทันควันตรงข้ามกับอุณหภูมิที่ดูจะร้อนแรงขึ้นทุกขณะ ราวท้องทะเลอันเงียบสงบก่อนพายุโหมกระหน่ำ
แล้วในที่สุดสุเมธก็เงยหน้าขึ้น ดีดนิ้วดังเปาะ “เอาล่ะ ถ้าพูดไม่ถูกก็แสดงให้ดูแล้วกันนะครับ แสดงผ่านพรีเซ็นเตอร์คนใหม่ของอมราท่านนี้!”
ชายหนุ่มผายมือไปด้านหลัง ฉากกั้นสองฟากเลื่อนห่างจากกันอีกครั้งจนเห็นคนคนหนึ่งยืนอยู่หน้าโลโก้ของอมราซึ่งมีความเปลี่ยนแปลงด้วยการเติมคำว่า Freedom! ใต้โลโก้ เรือนร่างเพรียวบางเฉิดฉายในชุดเดรสสีแดงเจิดจ้าเดินมาหยุดข้างสุเมธ หล่อนบิดตัวเท้าเอวข้างเดียวอย่างนางแบบมืออาชีพ โปรยยิ้มด้วยริมฝีปากสีแดงสดไปทั่วห้อง
ไม่ใช่ใครที่ไหน ปารมีดาราสาวข้ามเพศผู้กำลังมาแรงนั่นเอง!
นักข่าวด้านล่างเวทีฮือขึ้นพร้อมกัน ก่อนมีเสียงเล็ดลอดตามมา “มี่จะเป็นพรีเซ็นเตอร์เครื่องสำอางผู้หญิงให้อมรางั้นเหรอ”
“ไม่ใช่ครับ” สุเมธรีบแย้ง “แต่เป็นพรีเซ็นเตอร์เครื่องสำอางสำหรับ transwoman หรือเรียกสั้นๆ ว่า T-Girl สินค้าไลน์ใหม่ของอมราครับ”
อมราจะผลิตเครื่องสำอางสำหรับผู้หญิงข้ามเพศ!
เสียงฮือหยุดฉับราวปิดสวิทช์ สีหน้านักข่าวถ้าไม่ออกจะสับสน พิศวงงงงวย ก็ค่อนไปทางอิหลักอิเหลื่อ ต่างจากอาการตื่นเต้นระคนทึ่ง หรือสนอกสนใจอย่างงานเปิดตัวสินค้าทั่วไปโดยสิ้นเชิง ทว่าสุเมธกลับยิ้มกว้างขึ้น
“ปัจจุบันอัตลักษณ์ทางเพศเปิดกว้างชนิดไร้พรมแดน ไม่ได้มีแค่ชายหรือหญิง หรือชายรักชายหรือหญิงรักหญิงแค่นั้นอีกแล้ว พวกคุณ!” กวาดมือไปทางด้านล่างเวที และแน่นอนว่ากวาดไปถึงหน้ากล้องฯ ที่กำลังถ่ายทอดสดด้วย “เลือกจะเป็นอย่างที่อยากเป็นได้เสมอ อมราสนับสนุนความต้องการของทุกคน ทั้งเชื่อมั่นมาตลอดว่าแต่ละเพศย่อมคู่ควรกับเครื่องสำอางของตนเอง”
เขาหันหาพรีเซ็นเตอร์คนใหม่ “อย่างน้องมี่เวลาแต่งหน้ามีปัญหาอะไรไหมครับ”
“แหม มี่ก็ใช้เครื่องสำอางสำหรับผู้หญิงนั่นแหละค่ะ แต่คุณภาพของที่ผลิตเพื่อผู้หญิงก็ไม่เหมาะกับผิวมี่เท่าไหร่เลย บางทีกลิ่นยังไม่ถูกใจเพราะส่วนใหญ่จะเน้นหอมๆ หวานๆ แต่มี่อยากได้ที่ดูทะมัดทะแมงให้เหมาะกับลุค เสียดายกลิ่นแบบนั้นมีแต่ในเครื่องสำอางของผู้ชาย จนบางทีอารมณ์เสียเลยค่ะ”
“งั้นให้อมรา Freedom! ได้ช่วยเหลือนะครับ”
พอสุเมธดีดนิ้ว ฉากด้านหลังพลันเปลี่ยนเป็นจอ LED ฉายภาพผลิตภัณฑ์ใหม่ทีละชิ้น มีสุเมธคอยพูดเป็นระยะ
“แป้งพัฟที่น้องมี่ช่วยเลือกเฟ้นกลิ่นหอมใหม่อย่างพิถีพิถัน ...ส่วนแปรงแต่งหน้าเซ็ตนี้ก็ปรับขนาดด้ามตามสรีระให้ T-Girl จับได้ถนัดมือยิ่งขึ้น...”
คู่เล่ห์เคียงรัก ตอนที่ 16
นึกย้อนทีไรก็น่าตลก เพราะตอนสุเมธชวนเขาทำธุรกิจเกี่ยวกับเครื่องสำอาง ลายครามเถียงหัวชนฝา
“ฉันอยากจูบปากที่ทาลิปสติกไม่ใช่เร่ขายมันให้พวกคุณเธอเว้ย ทำชุดแต่งรถดีกว่าน่า เพื่อนฉันจะขายร้านให้พร้อมโรงงานเลย”
“สปอยด์เลอร์เทือกนั้นพอแกผลิตคนก็เฮละโลมาซื้อ แล้วไอ้พวกเดียวกันนี่แหละจะก็อปของแกขายต่อ ธุรกิจดีๆ ใครจะประเคนให้ง่ายๆ”
ลายครามบ่นอุบ “งั้นทำค่ายมวยไหมเขาว่าต่างชาติคลั่งเลยนะเว้ย หรือเปิดผับที่พัทยาดีวะ ขายเครื่องกีฬาก็น่าสนใจ”
สุเมธเงยหน้าจากหนังสือพิมพ์หัวเศรษฐกิจที่กำลังอ่าน “จำสัญญาที่จะให้ฉันช่วยเอาคืนตั่วเฮียแกได้ไหม ถ้ายังอยากให้รักษาสัญญา ก็ตามฉันมาซะดีๆ”
และเขาก็ยอมเป็นผู้ตามนับแต่นั้น ขอเพียงคนที่เดินข้างหน้าคือสุเมธ!
ลายครามย้อนคิดถึงความหลังระหว่างเปิดตู้นิรภัยในห้องทำงาน หยิบเอกสารที่ต้องการแล้วจึงเริ่มใช้โทรศัพท์ “ไอ้เมธ ฉันเจอแฟ้มลับแล้วนะ แกนี่ยังไง วันที่อมราเตรียมเปิดสินค้าใหม่ดันลืมเอกสารสำคัญซะได้”
“โทษที มาถึงงานแล้วเพิ่งรู้ตัว เลยรีบโทร. หาไง”
“ตั้งสติหน่อยสิโว้ย ช่วงนี้แกดูเอ๋อๆ นะ อย่างงานเลี้ยงวันเกิดท่านอานนท์ พอฉันไปส่งมี่เสร็จกลับมาดันหาตัวแกไม่ได้ เจออีกทีหน้าบูดไม่พูดไม่จา จะว่าไปแกเริ่มดูแปลกๆ หลังกลับจากเกาะกงเทียนแล้ว ทำไม...โดนแม่พญาหงส์จิกใส่จนเบลอเรอะ”
แทนที่จะตอกกลับคำแซวเหมือนเคย สุเมธแค่พูดเสียงเนือย “ขอโทษ”
“เป็นไรของแกวะ ขึ้นเวทีอย่าเผลอลืมสคริปท์ล่ะ” เขาบ่นอีกหลายประโยคค่อยวางสาย เพิ่งจะปิดตู้นิรภัยเรียบร้อยเลขานุการก็ติดต่อผ่านโทรศัพท์ว่าพี่ชายคนโตแวะมาหา หนุ่มเพล์บอยเลิกคิ้ว ปกติตั่วเฮียจะไม่เหยียบบริษัทนอกจากตอนประชุม ทำไมวันนี้ถึงโผล่หน้ามาได้ แต่ยังพอมีเวลาก่อนลายครามจะไปงานแถลงข่าวสินค้าใหม่ซึ่งจัดยังโรงแรมกลางใจเมือง จึงเชื้อเชิญพี่ชายเข้าห้อง
มงคลเป็นชายวัยกลางคนรูปร่างสันทัด ลายครามมองผมที่เหลือแค่ครึ่งศีรษะของอีกฝ่ายอย่างสยอง ภาวนาให้ยีนเจ้าปัญหานี่ไม่ส่งมาถึงตนด้วย
“เราต้องคุยเรื่องเพื่อนแกให้เด็ดขาดซะที”
มงคลเปิดปากตั้งแต่ยังไม่ทันนั่ง เจ้าของห้องทำหน้าเซ็ง อุตส่าห์เล็งช่วงที่สุเมธไม่อยู่บริษัทมาหาเขาเพราะมีสาเหตุนี่เอง “ใช่ๆ ตั่วเฮียย้ำในที่ประชุมโจมตีโครงการเปิดตัวสินค้าใหม่คราวนี้ตั้งหลายเที่ยว พยายามฉีกหน้าเมธยังไงสุดท้ายมันก็ผ่านมติมาได้ เลิกดื้อเถอะน่า”
“แกไม่เอะใจเลยเหรอ โครงการพิลึกแบบนั้นนอกจากฉันไม่มีใครค้านสักคำ เห็นอยู่ว่าไอ้เมธกุมเสียงข้างมากในที่ประชุมซะอยู่หมัด อย่างนี้คิดจะขับแกออกเมื่อไหร่ก็ขึ้นกับเวลาเท่านั้น”
“พูดบ้าอะไร ผมกับเมธถือหุ้นเท่ากัน แถมยังมีหุ้นพวกเฮียๆ อีก รวมแล้วฝ่ายเราตะหากที่เป็นเสียงข้างมาก”
“แต่ถ้ามันซื้อหุ้นจากคนอื่นเพิ่มแค่สิบเปอร์เซ็นต์ก็จะมากกว่าพวกเรา แกประมาทเกินไป!”
ลายครามกัดฟันข่มอารมณ์ ตั่วเฮียนั้นเสียหน้าที่อมราประสบความสำเร็จเกินคาดมาตลอด ตอนแรกลายครามก็สะใจอยู่หรอก ก่อนเปลี่ยนเป็นรำคาญเมื่อมงคลพยายามใช้จำนวนหุ้นน้อยนิดเข้ามามีส่วนร่วมในการบริหารอมรา เป็นหุ้นซึ่งกงสีถือครองเพราะลายครามยกให้แลกกับการยืมเงินลงทุน ช่วงแรกนั้นสุเมธยังให้ความเกรงใจพี่ชายเพื่อนอยู่บ้าง แต่พอถูกก้าวก่ายจนสุดทนเลยจัดการดึงอำนาจคืนโดยมีลายครามคอยเชียร์ข้างหลัง มงคลเหลือแค่สิทธิ์ออกเสียงตอนประชุมเท่านั้น แน่นอนตั่วเฮียย่อมฉุนเฉียว ทว่าก็ไม่กล้าแตะต้องลายครามผู้กลายเป็นคนโปรดในครอบครัว จึงทุ่มความโมโหทุกอย่างไปยังสุเมธ
ถ้ามารดาไม่เคยขอร้องเอาไว้ หนุ่มเพล์บอยคงตะเพิดพี่ชายพ้นบริษัทไปนานแล้ว!
มงคลดันตีความการเงียบของน้องชายว่าเขาคงยอมรับ จึงวางเอกสารที่ถือมาบนโต๊ะทำงาน ลายครามขมวดคิ้วใส่แฟ้มปกดำขณะที่อีกฝ่ายพล่ามรายละเอียดยกใหญ่
“แกควรดีใจเพราะมีฉันคอยระวังหลังให้ จำได้ไหมตอนก่อตั้งอมรา เมธเงินไม่พอเลยใช้แรงแลกเป็นหุ้นแทน นั่นแหละจุดบอดของมันละ”
ลายครามคิ้วกระตุก คว้าแฟ้มมาอ่านทันที “โอเค สมัยก่อนพวกผมทำสัญญาเรื่องหุ้นกันไม่รัดกุมนัก แต่คิดจะฟ้องเรียกหุ้นคืนมันไม่ง่ายหรอก”
มงคลเหยียดยิ้ม พลิกเอกสารไปหน้าหลังสุด “วิธียังพอมี ถ้าแกหลอกเมธเซ็นเอกสารยินยอมฉบับนี้ได้ ฉันรับประกัน”
ลายครามไม่แม้แต่จะปรายตามอง เขาปิดแฟ้มปัง ชี้หน้าพี่ชาย “ตั่วเฮียนี่นิสัยแย่ไม่เคยเปลี่ยน ผมฟังมาพอแล้ว!”
“ไอ้คราม! แกกล้าทำงี้ใส่ฉันเรอะ!”
เจ้าของห้องลุกพรวด “ผมกล้าทำยิ่งกว่านี้อีก ออกไปซะ หรือจะให้ผมโยนตั่วเฮียออกไป!”
มงคลชะงัก ครั้นน้องชายถลึงตาใส่พลางเริ่มขยับตัวเขาก็ถอยกรูดถึงประตู แต่ยังไม่วายทิ้งท้าย “ไม่รู้จักฟังฉัน แล้วแกจะเสียใจ!”
เสียงปิดประตูโครมเรียกสติลายครามคืนมา เพิ่งรู้สึกตัวว่ากำลังกำหมัดแน่นจนเล็บจิกเนื้อ เลยใช้กำปั้นนั่นแหละกวาดของบนโต๊ะหล่นเกลื่อนพื้น ความโกรธค่อยทุเลาลง
มายุให้เขาทรยศเพื่อนอย่างนั้นหรือ ถ้าไม่ใช่พี่ชาย ไอ้ที่กำปั้นจะทุบลงไปไม่ใช่โต๊ะบ้าๆ นี่หรอก!
ชายหนุ่มก้มคว้าแฟ้มปกดำหมายจะฉีกทิ้งให้สาใจ แต่เพิ่งเห็นเอกสารลับที่หล่นไปอยู่ใต้แฟ้มเข้าพอดี ใจเลยนึกถึงเพื่อนสนิท วินาทีนั้นเองคล้ายจู่ๆ มีฟ้าแลบแปลบตรงหน้า สังหรณ์...หรือสัญชาตญาณอะไรก็ตามที่พวกเพื่อนชอบแซวกันว่าของลายครามนั้นแม่นจนน่าสยอง เริ่มไล่เรียงไปทีละฉากอย่างรวดเร็ว
ท่าทางแปลกๆ ของสุเมธหลังกลับจากเกาะกงเทียน แววตาพิกลตอนเขาถามเพื่อนว่าหายตัวกลางงานเลี้ยงวันเกิดท่านอานนท์ไปไหน อาการเหม่อลอยฉุนเฉียวง่ายของเพื่อนสนิทตอนช่วงหลัง...
ลายครามก้มดูแฟ้มปกดำในมือเนิ่นนาน ก่อนจะโยนมันใส่ลิ้นชักหลังโต๊ะทำงาน ล็อคกุญแจเรียบร้อยค่อยนำเอกสารลับเดินออกจากห้องไป
*****
วันนี้ ระดับผู้บริหารของลายหงส์มาชุมนุมที่บริษัทกันพร้อมหน้า สาเหตุย่อมเด่นชัดอยู่แล้ว ทุกคนต่างคอยชมงานแถลงเปิดตัวสินค้าใหม่ของอมรานั่นเอง
ในห้องประชุมเล็กติดกับห้องทำงานธีร์วรา จอโทรทัศน์ขนาดยักษ์พร้อมรอฉายภาพงานเปิดตัวซึ่งจะถ่ายทอดสดทางอินเตอร์เน็ต เหล่าพนักงานลายหงส์เพิ่งเจอหน้ากันก็เริ่มจับกลุ่มวิจารณ์เซ็งแซ่ เนื้อหาย่อมมีชื่อสุเมธหลุดมาเป็นระยะ กระทั่งธีร์วราผู้นั่งหัวโต๊ะยังมีชื่อนั้นฝังไว้เต็มหัว ถึงในความคิดจะเป็นคนละหัวข้อกับบรรดาลูกน้องก็เถอะ
เขาแสดงออกอย่างซื่อตรงว่าอยากสานสัมพันธ์ แต่ขณะเดียวกันก็เค้นสมองสู้ลายหงส์อย่างเอาเป็นเอาตาย สำหรับผู้หญิงคนอื่นคงสับสน โมโห หรือฟันธงว่าสุเมธหลอกลวงหวังผลประโยชน์ ทว่าธีร์วราไม่มีลังเลสักนิด ในเรื่องส่วนตัวสุเมธอาจจริงใจกับหล่อน แต่เมื่อถึงเวลาทำงานเขาก็พร้อมทุ่มสุดกำลัง แยกสองส่วนจากกันอย่างเด็ดขาด
เพราะถ้าเปลี่ยนเป็นหล่อนแทนที่เขา...ก็คงเดินตามรอยเท้านี้
ธีร์วราและสุเมธอาจจัดอยู่ในมนุษย์ประเภทเดียวกัน หญิงสาวถึงเข้าใจเขาแทบทุกอย่าง เข้าใจกระทั่งว่าวันสุดท้ายที่พบหน้า เขาหลบไปก่อนเพราะเหตุผลใด
“...ทำไมผมต้องเป็นฝ่ายมองคุณเดินหนีไปทุกครั้ง”
บัดนี้ถึงพึ่งทราบ...เขาตั้งคำถามนั้นด้วยความรู้สึกแบบไหน
“พี่แก้ว...พี่แก้ว!” ธีทัตสะกิดพี่สาวผู้นั่งเหม่อกลางห้องประชุม “งานกำลังจะเริ่มแล้ว”
ธีร์วราตั้งใจมองจอภาพทันที งานแถลงของอมราจัดขึ้นในโรงแรมพร้อมเชิญนักข่าวมาเต็มห้อง นั่งอยู่หน้าเวทียกพื้นเตี้ย ฉากหลังสร้างเป็นผนังขวางเวทีเหลื่อมสลับซ้ายขวา ครั้นได้เวลาฉากหลังก็แสดงลูกเล่นด้วยการเลื่อนห่างจากกัน เผยโลโก้อมราที่ติดบนกำแพงหลังฉากพร้อมกับสุเมธเดินมาหยุดเกือบถึงหน้าเวที ฉากค่อยเลื่อนกลับที่
เมื่อเห็นเขาเต็มตา ธีร์วราพลันเลิกคิ้วเล็กน้อย
ใบหน้าคุ้นเคยกลับมีหนวดเคราขึ้นเบาบาง และเล็มเข้ารูปแต่ไม่ถึงกับตัดแต่งจนสำอาง สวมสูททับเชิ้ตที่ไร้เนกไทด์ดูผ่อนคลายกว่าเคย คงมีเพียงนัยน์ตาคู่นั้นที่ยังคมกริบเช่นเดิม เขาเริ่มทักทายแขกเหรื่อก่อนเข้าเรื่องอย่างรวดเร็ว
“ผมทราบดีครับ ทุกท่านมาที่นี่เพราะอยากรู้จักสินค้าใหม่ของอมรา และเวลาก็งวดเข้ามาทุกขณะ หลายท่านคงตื่นเต้นมาก แต่สิ่งหนึ่งที่ท่านจะได้รู้ก่อนอื่น...” เขายกมือกุมอก ยิ้มละไม “ผมตื่นเต้นกว่าใครในห้องนี้อีกครับ”
เสียงหัวเราะเบาๆ ดังทั่ว สุเมธผายมือกว้าง
“ที่ผ่านมาอมรายึดมั่นจะสร้างผลิตภัณฑ์เพื่อตอบสนองความต้องการของทุกคน และแน่นอน...ไม่มีใครในโลกต้องการทุกอย่างเหมือนๆ กัน จึงเป็นงานที่ท้าทายสำหรับเรามาโดยตลอด จนกระทั่งเวลานี้ อมราพร้อมบุกลุยสู่หนทางใหม่ๆ เพื่อเข้าใกล้สิ่งที่ยึดมั่นไปอีกก้าว ผมภูมิใจมากแต่ไม่รู้จะอธิบายก้าวย่างที่ไร้ขีดจำกัดนี้กับทุกท่านอย่างไร”
เขาส่ายหน้าช้าๆ นักข่าวหลายคนถึงกับกลั้นหายใจรอ เสียงในห้องเงียบกริบทันควันตรงข้ามกับอุณหภูมิที่ดูจะร้อนแรงขึ้นทุกขณะ ราวท้องทะเลอันเงียบสงบก่อนพายุโหมกระหน่ำ
แล้วในที่สุดสุเมธก็เงยหน้าขึ้น ดีดนิ้วดังเปาะ “เอาล่ะ ถ้าพูดไม่ถูกก็แสดงให้ดูแล้วกันนะครับ แสดงผ่านพรีเซ็นเตอร์คนใหม่ของอมราท่านนี้!”
ชายหนุ่มผายมือไปด้านหลัง ฉากกั้นสองฟากเลื่อนห่างจากกันอีกครั้งจนเห็นคนคนหนึ่งยืนอยู่หน้าโลโก้ของอมราซึ่งมีความเปลี่ยนแปลงด้วยการเติมคำว่า Freedom! ใต้โลโก้ เรือนร่างเพรียวบางเฉิดฉายในชุดเดรสสีแดงเจิดจ้าเดินมาหยุดข้างสุเมธ หล่อนบิดตัวเท้าเอวข้างเดียวอย่างนางแบบมืออาชีพ โปรยยิ้มด้วยริมฝีปากสีแดงสดไปทั่วห้อง
ไม่ใช่ใครที่ไหน ปารมีดาราสาวข้ามเพศผู้กำลังมาแรงนั่นเอง!
นักข่าวด้านล่างเวทีฮือขึ้นพร้อมกัน ก่อนมีเสียงเล็ดลอดตามมา “มี่จะเป็นพรีเซ็นเตอร์เครื่องสำอางผู้หญิงให้อมรางั้นเหรอ”
“ไม่ใช่ครับ” สุเมธรีบแย้ง “แต่เป็นพรีเซ็นเตอร์เครื่องสำอางสำหรับ transwoman หรือเรียกสั้นๆ ว่า T-Girl สินค้าไลน์ใหม่ของอมราครับ”
อมราจะผลิตเครื่องสำอางสำหรับผู้หญิงข้ามเพศ!
เสียงฮือหยุดฉับราวปิดสวิทช์ สีหน้านักข่าวถ้าไม่ออกจะสับสน พิศวงงงงวย ก็ค่อนไปทางอิหลักอิเหลื่อ ต่างจากอาการตื่นเต้นระคนทึ่ง หรือสนอกสนใจอย่างงานเปิดตัวสินค้าทั่วไปโดยสิ้นเชิง ทว่าสุเมธกลับยิ้มกว้างขึ้น
“ปัจจุบันอัตลักษณ์ทางเพศเปิดกว้างชนิดไร้พรมแดน ไม่ได้มีแค่ชายหรือหญิง หรือชายรักชายหรือหญิงรักหญิงแค่นั้นอีกแล้ว พวกคุณ!” กวาดมือไปทางด้านล่างเวที และแน่นอนว่ากวาดไปถึงหน้ากล้องฯ ที่กำลังถ่ายทอดสดด้วย “เลือกจะเป็นอย่างที่อยากเป็นได้เสมอ อมราสนับสนุนความต้องการของทุกคน ทั้งเชื่อมั่นมาตลอดว่าแต่ละเพศย่อมคู่ควรกับเครื่องสำอางของตนเอง”
เขาหันหาพรีเซ็นเตอร์คนใหม่ “อย่างน้องมี่เวลาแต่งหน้ามีปัญหาอะไรไหมครับ”
“แหม มี่ก็ใช้เครื่องสำอางสำหรับผู้หญิงนั่นแหละค่ะ แต่คุณภาพของที่ผลิตเพื่อผู้หญิงก็ไม่เหมาะกับผิวมี่เท่าไหร่เลย บางทีกลิ่นยังไม่ถูกใจเพราะส่วนใหญ่จะเน้นหอมๆ หวานๆ แต่มี่อยากได้ที่ดูทะมัดทะแมงให้เหมาะกับลุค เสียดายกลิ่นแบบนั้นมีแต่ในเครื่องสำอางของผู้ชาย จนบางทีอารมณ์เสียเลยค่ะ”
“งั้นให้อมรา Freedom! ได้ช่วยเหลือนะครับ”
พอสุเมธดีดนิ้ว ฉากด้านหลังพลันเปลี่ยนเป็นจอ LED ฉายภาพผลิตภัณฑ์ใหม่ทีละชิ้น มีสุเมธคอยพูดเป็นระยะ
“แป้งพัฟที่น้องมี่ช่วยเลือกเฟ้นกลิ่นหอมใหม่อย่างพิถีพิถัน ...ส่วนแปรงแต่งหน้าเซ็ตนี้ก็ปรับขนาดด้ามตามสรีระให้ T-Girl จับได้ถนัดมือยิ่งขึ้น...”