9 สารอันตรายในเครื่องสำอาง
วันนี้เราจะมาคุยกันเรื่องสารอันตรายในเครื่องสำอาง ที่เราใช้ ในชีวิตประจำวัน เครื่องสำอางและครีมต่าง ๆ เป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้ ซึ่งสิ่งเหล่านั้นล้วนผลิตมาจากเคมีที่ไม่ได้สังเคราะห์เองโดยธรรมชาติ ถ้าสารบางตัวได้รับในปริมาณที่มากเกินความจำเป็น ก็อาจจะเป็นอันตรายต่อผิวหนังของเราได้ ซึ่งปัญหาใหญ่ของผู้หญิงก็คือไม่รู้เลยว่าเครื่องสำอางหรือครีม ที่เราใช้อยู่นั้นมีสารที่เป็นอันตรายผสมอยู่ด้วยหรือไม่ เพราะจะมีผู้ผลิตบางประเภทที่แอบใส่สารอันตรายลงไปเพื่อให้เกิดผลที่รวดเร็วขึ้น ดังนั้นเราจึงจะพาไปรู้จักกับสารอันตรายที่อยู่ในเครื่องสำอางและครีมกัน
1. สเตียรอยด์
เป็นสารที่จะพบบ่อยในผลิตภัณฑ์บำรุงผิวหน้า ที่จะช่วยให้ผิวหน้าของเรานั้นใสขึ้นอย่างรวดเร็ว ทำให้สิวหายไว แต่ถ้าหยุดใช้สิวจะขึ้นเห่อมากกว่าเดิม หรือเกิดผิวแตกจนกลายเป็นรอยแดง อีกทั้งยังยับยั้งการเจริญเติบโตในเด็ก และทำให้ผู้ป่วยที่เป็นโรคเบาหวานไม่สามารถควบคุมน้ำตาลในโรคได้
2. ปรอท
สารปรอทนั้นจะพบมากในทั้งเครื่องสำอางหรือครีมบำรุงผิว ที่จะช่วยให้สีผิวดูขาวขึ้น ลดฝ้า กระ และลดสิวได้อย่างรวดเร็ว แต่ถ้าหากหยุดใช้สีผิวจะคล้ำลงกว่าเดิมจนกลายเป็นสีปรอทหรือดำอมเทา เป็นอันตรายต่อระบบทางเดินปัสสาวะและระบบประสาทส่วนกลาง ซึ่งถ้าเกิดอาการแพ้รู้สึกระคายเคืองอย่างรุนแรง
3. ไฮรโดรควิโนน
เป็นสารที่มีคุณสมบัติในการช่วยฟอกสีผิว มีฤทธิ์ยับยั้งหรือกดระบวนการสร้างเม็ดสีของเซลล์ ทำให้ฝ้าจางลง ส่วนใหญ่จะถูกผสมเพื่อใช้เป็นครีมรักษาฝ้า แต่ถ้าหากใช้อย่างต่อเนื่องเป็นเวลานานอาจจะส่งผลให้เกิดการระคายเคือง สีผิวไม่สม่ำเสมอ ผิวดำคล้ำขึ้นจนกลายเป็นฝ้าถาวรที่ไม่สามารถรักษาได้และหน้าบางไวต่อแสงแดด
4. เรติโนอิก
กรดเรติโนอิกหรือกรดวิตามินเอ เป็นกรดที่จะต้องขึ้นทะเบียนเป็นยาเท่านั้น ใช้สำหรับการผลิตครีมต่าง ๆ ช่วยในการผลัดเซลล์ผิว กระตุ้นการสร้างคอลลาเจน ลดไขมันบนผิวหนัง พบได้ในยารักษาสิว ซึ่งถ้าหากนำมาใช้เองอาจจะเกิดอาการผิวหนังลอกและเป็นผื่นแดงได้
5. ตะกั่ว
เป็นสารที่พบมากในเครื่องสำอางโดยเฉพาะลิปสติก ซึ่งสารตะกั่วนั้นจัดเป็นวัตถุที่ห้ามนำมาใช้ เพราะหากสารตะกั่วนั้นถูกดูดซึมเข้าสู่ร่างกายของเราแล้วจะก่อให้เกิดอาการต่าง ๆ เช่น อาหารปวดบิดในท้องอย่างรุนแรงโดยไม่ทราบสาเหตุ โดยจะมีอาการร่วมกับอาการท้องผูก ถ่ายเป็นเลือด อาการซีด อ่อนแรง เนื่องจากเม็ดเลือดแดงนั้นถูกทำลายเร็วขึ้น และรวมไปถึงระบบประสาททั่วร่างกายผิดปกติ
6. โซเดียมซัลเฟต
เป็นสารทำความสะอาดที่พบอยู่ในยาสระผม สบู่ หรือยาสีฟัน ซึ่งสารชนิดนี้สามารถเข้าแทรกซึมลงไปในชั้นผิวได้ถึง 5 - 6 มม. จะส่งผลให้เกิดอาการแพ้ ผิวหนังบางลง และทำให้สารพิษอื่น ๆ สามารถเข้าแทรกซึมสู่ผิวหนังของเราได้อย่างง่ายและมากขึ้น
7. มิเนอรัล ทัลค์
สารนี้จะพบมากในแป้งฝุ่น อายแชโดว์ แป้งเด็กและผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดจุดซ่อนเร้น ซึ่งถ้าหากเราเผลอสูดดมเข้าสู้ร่างกาย อาจจะส่งผลให้เกิดโรคต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นโรคปอด มะเร็งปวด มะเร็งต่อมหมวกไตชนิดหายาก และจะมีโอกสเกิดโรคมะเร็งรังไข่ถึง 30 – 60% ของผู้หญิงที่ใช้แป้งฝุ่นทาตัวที่มีส่วนผสมของมิเนอรัล ทัลค์ เป็นประจำทุกวัน
8. พาราเบน
เป็นสารอันตรายที่มักจะใช้กับผลิตภัณฑ์บำรุงผิว เครื่องสำอางรวมไปถึงโรลออนระงับกลิ่นกาย สามารถช่วยยับยั้งสิ่งสกปรกได้ดี แต่กลับง่ายต่อการสะสมในร่างกายและซึมเข้าสู้กระแสเลือดได้อย่างรวดเร็ว ซึ่งส่งผลอันตรายต่อสุขภาพและการตั้งครรภ์มากมายไม่ว่าจะเป็นโรคเรื้อรัง โรคมะเร็ง ความผิดปกติของพัฒนาการ ภาวะการมีบุตรยากเป็นต้น
9. สาร PVP
เป็นสารที่มีคุณสมบัติเป็นตัวทำละลาย โดยส่วนมากจะพบในน้ำยาสเปรย์จัดแต่งทรงผม มีลักษณะคล้ายกับกาว เป็นสารที่ทำให้เส้นผมเกิดการแข็งตัว สามารถเข้าสู้ร่างกายได้ทั้งการสูดดม และการแทรกซึมเข้าทางผิวหนัง ส่งผลให้เกิดการอุดตันของรูขุมขน ผมร่วง และเกิดอาการแพ้หรืออักเสบบริเวณหน้าผาก ข้างหูและคอ
9 สารอันตราย ในเครื่องสำอาง
วันนี้เราจะมาคุยกันเรื่องสารอันตรายในเครื่องสำอาง ที่เราใช้ ในชีวิตประจำวัน เครื่องสำอางและครีมต่าง ๆ เป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้ ซึ่งสิ่งเหล่านั้นล้วนผลิตมาจากเคมีที่ไม่ได้สังเคราะห์เองโดยธรรมชาติ ถ้าสารบางตัวได้รับในปริมาณที่มากเกินความจำเป็น ก็อาจจะเป็นอันตรายต่อผิวหนังของเราได้ ซึ่งปัญหาใหญ่ของผู้หญิงก็คือไม่รู้เลยว่าเครื่องสำอางหรือครีม ที่เราใช้อยู่นั้นมีสารที่เป็นอันตรายผสมอยู่ด้วยหรือไม่ เพราะจะมีผู้ผลิตบางประเภทที่แอบใส่สารอันตรายลงไปเพื่อให้เกิดผลที่รวดเร็วขึ้น ดังนั้นเราจึงจะพาไปรู้จักกับสารอันตรายที่อยู่ในเครื่องสำอางและครีมกัน
เป็นสารที่จะพบบ่อยในผลิตภัณฑ์บำรุงผิวหน้า ที่จะช่วยให้ผิวหน้าของเรานั้นใสขึ้นอย่างรวดเร็ว ทำให้สิวหายไว แต่ถ้าหยุดใช้สิวจะขึ้นเห่อมากกว่าเดิม หรือเกิดผิวแตกจนกลายเป็นรอยแดง อีกทั้งยังยับยั้งการเจริญเติบโตในเด็ก และทำให้ผู้ป่วยที่เป็นโรคเบาหวานไม่สามารถควบคุมน้ำตาลในโรคได้
สารปรอทนั้นจะพบมากในทั้งเครื่องสำอางหรือครีมบำรุงผิว ที่จะช่วยให้สีผิวดูขาวขึ้น ลดฝ้า กระ และลดสิวได้อย่างรวดเร็ว แต่ถ้าหากหยุดใช้สีผิวจะคล้ำลงกว่าเดิมจนกลายเป็นสีปรอทหรือดำอมเทา เป็นอันตรายต่อระบบทางเดินปัสสาวะและระบบประสาทส่วนกลาง ซึ่งถ้าเกิดอาการแพ้รู้สึกระคายเคืองอย่างรุนแรง
เป็นสารที่มีคุณสมบัติในการช่วยฟอกสีผิว มีฤทธิ์ยับยั้งหรือกดระบวนการสร้างเม็ดสีของเซลล์ ทำให้ฝ้าจางลง ส่วนใหญ่จะถูกผสมเพื่อใช้เป็นครีมรักษาฝ้า แต่ถ้าหากใช้อย่างต่อเนื่องเป็นเวลานานอาจจะส่งผลให้เกิดการระคายเคือง สีผิวไม่สม่ำเสมอ ผิวดำคล้ำขึ้นจนกลายเป็นฝ้าถาวรที่ไม่สามารถรักษาได้และหน้าบางไวต่อแสงแดด
กรดเรติโนอิกหรือกรดวิตามินเอ เป็นกรดที่จะต้องขึ้นทะเบียนเป็นยาเท่านั้น ใช้สำหรับการผลิตครีมต่าง ๆ ช่วยในการผลัดเซลล์ผิว กระตุ้นการสร้างคอลลาเจน ลดไขมันบนผิวหนัง พบได้ในยารักษาสิว ซึ่งถ้าหากนำมาใช้เองอาจจะเกิดอาการผิวหนังลอกและเป็นผื่นแดงได้
เป็นสารที่พบมากในเครื่องสำอางโดยเฉพาะลิปสติก ซึ่งสารตะกั่วนั้นจัดเป็นวัตถุที่ห้ามนำมาใช้ เพราะหากสารตะกั่วนั้นถูกดูดซึมเข้าสู่ร่างกายของเราแล้วจะก่อให้เกิดอาการต่าง ๆ เช่น อาหารปวดบิดในท้องอย่างรุนแรงโดยไม่ทราบสาเหตุ โดยจะมีอาการร่วมกับอาการท้องผูก ถ่ายเป็นเลือด อาการซีด อ่อนแรง เนื่องจากเม็ดเลือดแดงนั้นถูกทำลายเร็วขึ้น และรวมไปถึงระบบประสาททั่วร่างกายผิดปกติ
เป็นสารทำความสะอาดที่พบอยู่ในยาสระผม สบู่ หรือยาสีฟัน ซึ่งสารชนิดนี้สามารถเข้าแทรกซึมลงไปในชั้นผิวได้ถึง 5 - 6 มม. จะส่งผลให้เกิดอาการแพ้ ผิวหนังบางลง และทำให้สารพิษอื่น ๆ สามารถเข้าแทรกซึมสู่ผิวหนังของเราได้อย่างง่ายและมากขึ้น
สารนี้จะพบมากในแป้งฝุ่น อายแชโดว์ แป้งเด็กและผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดจุดซ่อนเร้น ซึ่งถ้าหากเราเผลอสูดดมเข้าสู้ร่างกาย อาจจะส่งผลให้เกิดโรคต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นโรคปอด มะเร็งปวด มะเร็งต่อมหมวกไตชนิดหายาก และจะมีโอกสเกิดโรคมะเร็งรังไข่ถึง 30 – 60% ของผู้หญิงที่ใช้แป้งฝุ่นทาตัวที่มีส่วนผสมของมิเนอรัล ทัลค์ เป็นประจำทุกวัน
เป็นสารอันตรายที่มักจะใช้กับผลิตภัณฑ์บำรุงผิว เครื่องสำอางรวมไปถึงโรลออนระงับกลิ่นกาย สามารถช่วยยับยั้งสิ่งสกปรกได้ดี แต่กลับง่ายต่อการสะสมในร่างกายและซึมเข้าสู้กระแสเลือดได้อย่างรวดเร็ว ซึ่งส่งผลอันตรายต่อสุขภาพและการตั้งครรภ์มากมายไม่ว่าจะเป็นโรคเรื้อรัง โรคมะเร็ง ความผิดปกติของพัฒนาการ ภาวะการมีบุตรยากเป็นต้น
เป็นสารที่มีคุณสมบัติเป็นตัวทำละลาย โดยส่วนมากจะพบในน้ำยาสเปรย์จัดแต่งทรงผม มีลักษณะคล้ายกับกาว เป็นสารที่ทำให้เส้นผมเกิดการแข็งตัว สามารถเข้าสู้ร่างกายได้ทั้งการสูดดม และการแทรกซึมเข้าทางผิวหนัง ส่งผลให้เกิดการอุดตันของรูขุมขน ผมร่วง และเกิดอาการแพ้หรืออักเสบบริเวณหน้าผาก ข้างหูและคอ