เหตุเกิดจากที่เราเพิ่งไป WWOOF มาเมื่อวันที่ 21-30 พฤษภาคม 2561
สอบเสร็จวันที่ 19 แล้วคืนวันที่ 20 ก็ไปสนามบินเลย ที่รีบเพราะว่าตอนแรกเราสมัครฝึกงานไว้ ถ้าได้ฝึกก็จะเริ่มวันที่ 1 มิถุนายน ก็เลยมีเวลาแค่นั้นจริงๆ แต่ปรากฏว่าประกาศผลมา ไม่ได้ฝึกจ้า แป้วเลยเรา -////- แต่ก็คิดว่าไม่เป็นไร อย่างน้อยได้ไป WWOOF มันก็คงจะได้อะไรดีๆกลับมาบ้าง
แล้วมันก็เป็นแบบนั้นจริงๆ
หลังจากกลับมาก็มีคนมาถามเยอะแยะมากมาย แต่เราเล่าแต่ละครั้งข้อมูลก็จะตกๆหล่นๆกันไป เราจึงรวบรวมมาให้อ่านกันทีเดียวเลย จะได้รับรู้เท่าๆกัน
WWOOF(World Wide Opportunities on Organic Farms) เป็นโครงการที่จะทำให้เราได้พบเจอกับเพื่อนต่างชาติต่างวัฒนธรรม ได้แบ่งปันและเรียนรู้ประสบการณ์ ง่ายๆเลยก็คือเราช่วยงานเขา(แล้วแต่ว่าโฮสที่เราเลือกเขาทำอะไร) ส่วนเขาก็ช่วยให้เรามีที่พักและอาหาร ได้เรียนรู้วัฒนธรรมเขา ซึ่งสิ่งที่เราทำไปจะไม่ได้มีค่าตอบแทนเป็นตัวเงิน
เรียกได้ว่าใจล้วนๆ
หลายคนอาจสงสัยว่า WWOOF ผิดกฎหมายหรือเปล่า เราเมลล์ไปถามทาง WWOOF แล้ว จับใจความได้ว่าจริงๆมันไม่ได้ผิดกฎหมาย เพียงแต่มันไม่ได้เป็นที่รู้จักในวงกว้าง เพราะฉะนั้นก็ยังมีคนญี่ปุ่นอีกหลายคน(รวมถึงตม.)ที่ยังไม่รู้จักโครงการนี้ ในเมลล์เขาบอกว่า WWOOFer ส่วนใหญ่เลือกที่จะมาเที่ยวในญี่ปุ่นก่อน แล้วหลังจากเที่ยวเสร็จจึงมาหาประสบการณ์จากการเป็น WWOOFer
ก่อนจะตัดสินใจสมัคร WWOOF เราก็ใช้เวลาอยู่นานประมาณนึง(ประมาณ 4 เดือน) เพราะด้วยความที่ต้องออกนอกประเทศคนเดียวครั้งแรกก็เลยต้องใช้เวลาศึกษาข้อมูล สร้างความมั่นใจให้ตัวเอง ที่สำคัญคือเพื่อให้ทางบ้านสบายใจว่าเราจะอยู่ได้และกลับมาอย่างปลอดภัย เราพยายามไล่ดูรายละเอียดของโฮสแต่ละคนที่เราสนใจ ตั้งแต่เมืองที่อยู่ อากาศ กิจกรรมของโฮสแต่ละที่ พอรู้เมืองแล้วเราก็ไปลองเสิร์ชดูว่าเมืองไหนต้องเดินทางยังไง สนามบินไหนที่ใกล้ที่สุด รวมถึงราคาตั๋วเครื่องบินคร่าวๆ
***แนะนำว่าให้เลือกจากสิ่งที่เราชอบและอยากจะทำจริงๆก่อน เพราะเราต้องอยู่กับมันจนกว่าจะถึงกำหนดที่เราได้ตกลงไว้กับโฮส เราเป็นคนที่อยากลองทำนู่นทำนี่เยอะแยะไปหมด
เราคิดอยู่เสมอว่าถ้าเรามัวแต่อยาก แต่ไม่ลองลงมือทำเราก็คงจะไม่ได้ทำสักที ที่ผ่านมาเราจึงลองทำทุกอย่างที่อยากจะทำ เท่าที่โอกาสและสถานการณ์จะเอื้ออำนวย
และการมา WWOOF ครั้งนี้ก็เป็นโอกาสอีกครั้งหนึ่งที่เราจะได้ทำอีกหลายๆสิ่งที่ยังไม่เคยได้ลองทำ
หลังจากที่เราตัดสินใจเลือกโฮสได้ก็ทำการติดต่อไปหาโฮสทันที ขั้นตอนนี้ก็ใช้เวลานานเหมือนกัน เพราะโฮสคนที่เราติดต่อ คือ 1 เดือนถึงจะตอบเราทีนึง อย่างเราถามโฮสครั้งแรกช่วงเดือนธันวาคมปีที่แล้ว โฮสตอบเราเดือนมกราคม แล้วเหมือนเรามีคำถามต่อ โฮสก็ตอบเราอีกทีเดือนกุมภาพันธ์ กว่าจะคุยกันเสร็จก็ปลายเดือนมีนาคมแล้ว โชคดีที่เราเผื่อเวลาไว้เยอะเลยไม่มีปัญหาอะไร (เพราะฉะนั้น แนะนำให้เผื่อเวลากันไว้เยอะๆนะคะ^^)
คืนวันที่ 20 พฤษภาคม 2561
การเดินทางกำลังจะเริ่มต้นขึ้น
[CR] เปิดประสบการณ์ใหม่กับการไป WWOOF ครั้งแรกในแดนปลาดิบ
สอบเสร็จวันที่ 19 แล้วคืนวันที่ 20 ก็ไปสนามบินเลย ที่รีบเพราะว่าตอนแรกเราสมัครฝึกงานไว้ ถ้าได้ฝึกก็จะเริ่มวันที่ 1 มิถุนายน ก็เลยมีเวลาแค่นั้นจริงๆ แต่ปรากฏว่าประกาศผลมา ไม่ได้ฝึกจ้า แป้วเลยเรา -////- แต่ก็คิดว่าไม่เป็นไร อย่างน้อยได้ไป WWOOF มันก็คงจะได้อะไรดีๆกลับมาบ้าง
แล้วมันก็เป็นแบบนั้นจริงๆ
หลังจากกลับมาก็มีคนมาถามเยอะแยะมากมาย แต่เราเล่าแต่ละครั้งข้อมูลก็จะตกๆหล่นๆกันไป เราจึงรวบรวมมาให้อ่านกันทีเดียวเลย จะได้รับรู้เท่าๆกัน
WWOOF(World Wide Opportunities on Organic Farms) เป็นโครงการที่จะทำให้เราได้พบเจอกับเพื่อนต่างชาติต่างวัฒนธรรม ได้แบ่งปันและเรียนรู้ประสบการณ์ ง่ายๆเลยก็คือเราช่วยงานเขา(แล้วแต่ว่าโฮสที่เราเลือกเขาทำอะไร) ส่วนเขาก็ช่วยให้เรามีที่พักและอาหาร ได้เรียนรู้วัฒนธรรมเขา ซึ่งสิ่งที่เราทำไปจะไม่ได้มีค่าตอบแทนเป็นตัวเงิน
เรียกได้ว่าใจล้วนๆ
หลายคนอาจสงสัยว่า WWOOF ผิดกฎหมายหรือเปล่า เราเมลล์ไปถามทาง WWOOF แล้ว จับใจความได้ว่าจริงๆมันไม่ได้ผิดกฎหมาย เพียงแต่มันไม่ได้เป็นที่รู้จักในวงกว้าง เพราะฉะนั้นก็ยังมีคนญี่ปุ่นอีกหลายคน(รวมถึงตม.)ที่ยังไม่รู้จักโครงการนี้ ในเมลล์เขาบอกว่า WWOOFer ส่วนใหญ่เลือกที่จะมาเที่ยวในญี่ปุ่นก่อน แล้วหลังจากเที่ยวเสร็จจึงมาหาประสบการณ์จากการเป็น WWOOFer
ก่อนจะตัดสินใจสมัคร WWOOF เราก็ใช้เวลาอยู่นานประมาณนึง(ประมาณ 4 เดือน) เพราะด้วยความที่ต้องออกนอกประเทศคนเดียวครั้งแรกก็เลยต้องใช้เวลาศึกษาข้อมูล สร้างความมั่นใจให้ตัวเอง ที่สำคัญคือเพื่อให้ทางบ้านสบายใจว่าเราจะอยู่ได้และกลับมาอย่างปลอดภัย เราพยายามไล่ดูรายละเอียดของโฮสแต่ละคนที่เราสนใจ ตั้งแต่เมืองที่อยู่ อากาศ กิจกรรมของโฮสแต่ละที่ พอรู้เมืองแล้วเราก็ไปลองเสิร์ชดูว่าเมืองไหนต้องเดินทางยังไง สนามบินไหนที่ใกล้ที่สุด รวมถึงราคาตั๋วเครื่องบินคร่าวๆ
***แนะนำว่าให้เลือกจากสิ่งที่เราชอบและอยากจะทำจริงๆก่อน เพราะเราต้องอยู่กับมันจนกว่าจะถึงกำหนดที่เราได้ตกลงไว้กับโฮส เราเป็นคนที่อยากลองทำนู่นทำนี่เยอะแยะไปหมด เราคิดอยู่เสมอว่าถ้าเรามัวแต่อยาก แต่ไม่ลองลงมือทำเราก็คงจะไม่ได้ทำสักที ที่ผ่านมาเราจึงลองทำทุกอย่างที่อยากจะทำ เท่าที่โอกาสและสถานการณ์จะเอื้ออำนวย
และการมา WWOOF ครั้งนี้ก็เป็นโอกาสอีกครั้งหนึ่งที่เราจะได้ทำอีกหลายๆสิ่งที่ยังไม่เคยได้ลองทำ
หลังจากที่เราตัดสินใจเลือกโฮสได้ก็ทำการติดต่อไปหาโฮสทันที ขั้นตอนนี้ก็ใช้เวลานานเหมือนกัน เพราะโฮสคนที่เราติดต่อ คือ 1 เดือนถึงจะตอบเราทีนึง อย่างเราถามโฮสครั้งแรกช่วงเดือนธันวาคมปีที่แล้ว โฮสตอบเราเดือนมกราคม แล้วเหมือนเรามีคำถามต่อ โฮสก็ตอบเราอีกทีเดือนกุมภาพันธ์ กว่าจะคุยกันเสร็จก็ปลายเดือนมีนาคมแล้ว โชคดีที่เราเผื่อเวลาไว้เยอะเลยไม่มีปัญหาอะไร (เพราะฉะนั้น แนะนำให้เผื่อเวลากันไว้เยอะๆนะคะ^^)
คืนวันที่ 20 พฤษภาคม 2561
การเดินทางกำลังจะเริ่มต้นขึ้น
CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้