สวัสดีค่ะ วันนี้จะมาเล่าประสบการณ์การไปเป็น wwoofer ที่อังกฤษ โดยในกระทู้อันนี้จะเน้นไปที่เรื่องการทำงานในแต่ละฟาร์มค่ะ เราไปทั้งหมด 4 ที่ ซึ่งแต่ละที่ก็จะได้เรียนรู้ในเรื่องราวที่ต่างๆกันออกไป
(*เหตุการณ์ทั้งหมดเกิดขึ้นในสถานที่ต่างๆเมื่อปี 2014 ช่วงเดือน เมษา-กรกฎา)
-เกริ่น-
Wwoof คือ โครงการที่เราสามารถเข้าไปสัมผัสชีวิตของคนที่ทำฟาร์มได้ โดยเหล่า wwoofer จะได้เข้าไปเป็นอาสาสมัครทำงานในฟาร์ม แลกกับที่อยู่และอาหาร ซึ่งชั่วโมงและวันในการทำงานจะถูกกำหนดไว้โดยเจ้าของฟาร์มแต่ละที่
Wwoof เริ่มต้นจากประเทศอังกฤษ โดยจุดประสงค์ในตอนแรกคือการเป็นอาสาสมัครทำงานในฟาร์มช่วงสุดสัปดาห์ โดยคำว่า wwoof ย่อมาจาก Working Weekends on Organic Farms (แต่ในปัจจุบันเปลี่ยนมาเป็น World Wide Opportunities on Organic Farms)
การสมัครเป็น wwoofer ของสหราชอาณาจักรจะมีทั้งแบบเดี่ยว (single) และแบบคู่ (joint)
ข้อดีของการสมัคร wwoof แบบเป็นคู่ คือ
1. สมัครสมาชิกได้ในราคา 30 ปอนด์ ซึ่งถูกกว่าสมัครแบบเดี่ยว ซึ่งราคาอยู่ที่ 20 ปอนด์ต่อคน
2. มีเพื่อนร่วมชะตากรรมไปในทุกฟาร์มอย่างแน่นอน เพราะเงื่อนไขของการสมัครแบบคู่คือทั้งสองคนจะต้องทำงานอยู่ในฟาร์มเดียวกันตลอดเวลาที่อยู่ในโครงการ
-1-
ฟาร์มแรกที่เราไปตั้งอยู่ที่ Coombeshead ซึ่งอยู่ทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ของอังกฤษ มีชื่อว่า Percy’s farm
เป็นที่ที่มีการเปิดเป็น B&B โดยเจ้าของเป็นสามีภารยาผู้มีอายุ ภายในฟาร์มมีการเลี้ยงม้าและแกะ (ซึ่งแกะจะนำไปทำเป็นอาหาร)
ที่นี่เราทำงานกันวันละ 8 โมง ตั้งแต่ 9 โมงเช้า จนถึง 6 โมงเย็น
กินอาหารเช้าตอน 9 โมง อาหารกลางวันตอนเที่ยง และอาหารเย็นตอนประมาณ 2 ทุ่ม
ซึ่งโฮสต์จะเป็นคนเตรียมอาหารให้ทุกมื้อ ยกเว้นมื้อเช้า ที่เป็นขนมปัง คอนแฟลก
อาหารมีหรูบ้าง ธรรมดาบ้าง สลับกันไป
งานประจำที่ทำส่วนใหญ่จะเป็นพวกการดูแลสัตว์
ช่วงที่ไป(ต้นเดือนเมษาถึงต้นเดือนพฤษภา) เป็นช่วงที่แกะออกลูกพอดี
ซึ่งแม่แกะบางตัวมีปัญหาไม่ยอมให้นมลูกบ้าง มีนมไม่พอให้ลูกกินบ้าง
เราได้รับหน้าที่คอยป้อนนมให้ลูกแกะที่มีปัญหาเหล่านั้น วันละ 3-4 มื้อ
ในทุกๆวันช่วงเช้าหลังจากกินข้าวเช้าเสร็จจะต้องไปทำความสะอาดคอกม้า ปูที่นอน และเติมฟางให้ม้า
วิธีการคือใช้เสียมตักพวกดินที่ถูกปูเป็นที่นอนม้าขึ้นมาเขย่า ให้ดินที่ยังคงดีร่วนตกลงไปตามช่องว่างระหว่างเสียมแต่ละซี แล้วโยนเศษฟางที่ม้ากินเลอะเทอะกับขี้ม้าอยู่บนเสียมใส่ถังไปทิ้ง
ส่วนตอนบ่ายก็ขึ้นอยู่กับว่าช่วงนั้นจะมีงานอะไรให้ทำ มีถอนหญ้าบ้าง ตัดต้นไม้บ้าง เตรียมพื้นที่สำหรับแกะเกิดใหม่ ช่วยย้ายแกะ ช่วยทำหมันลูกแกะตัวผู้ ช่วยตัดหางลูกแกะ
แกะที่เกิดมาใหม่จะมีหางยาว ที่นี่จะมีการตัดหางโดยการมัดหนังยางไว้ ให้เลือดไม่ไปเลี้ยงส่วนหางหลังจากนั้นหางจะหลุดออกมาเอง
การตัดอัณฑะก็เช่นกัน

(ในรูปคือหางแหะที่ขาด)
ในฟาร์มมีหมาเลี้ยงแกะอยู่ทั้งหมด 6 ตัว แต่ 3 ใน 6 ตัวยังเป็นหมาที่มีอายุไม่มาก ต้องนำไปฝึกก่อนจึงปล่อยให้อยู่กับแกะได้ ไม่งั้นหมาจะกัดแกะจนได้รับบาดเจ็บ หรืออาจกัดลูกแกะจนตายได้
จึงเป็นหน้าที่ของ wwoofer ที่จะพาหมาออกไปเดินเล่นทุกวัน เช้า-เย็น เพื่อให้เกิดความคุ้นเคยกับแกะ
นอกจากนี้ยังมีแมวอีกสามตัว ที่ชอบกระโดดเข้ามานอนในคาราวานด้วย ถ้าเปิดหน้าต่างทิ้งไว้
ที่พักเป็นตู้คาราวาน มีทั้งหมด 3 ตู้ ตั้งอยู่ในพื้นที่ที่เป็นที่อยู่ของแกะตัวผู้
ในหนึ่งตู้ประกอบด้วย 2 ห้องนอน 1 ห้องน้ำ 1 ห้องนั่งเล่น และส่วนเตรียมอาหารเล็กๆน้อยๆ
จบโฮสต์แรกจ้า
Edit เพิ่มวิดีโอค่ะ
[CR] งานในฟาร์มที่เมืองผู้ดี Wwoof in UK
(*เหตุการณ์ทั้งหมดเกิดขึ้นในสถานที่ต่างๆเมื่อปี 2014 ช่วงเดือน เมษา-กรกฎา)
Wwoof คือ โครงการที่เราสามารถเข้าไปสัมผัสชีวิตของคนที่ทำฟาร์มได้ โดยเหล่า wwoofer จะได้เข้าไปเป็นอาสาสมัครทำงานในฟาร์ม แลกกับที่อยู่และอาหาร ซึ่งชั่วโมงและวันในการทำงานจะถูกกำหนดไว้โดยเจ้าของฟาร์มแต่ละที่
Wwoof เริ่มต้นจากประเทศอังกฤษ โดยจุดประสงค์ในตอนแรกคือการเป็นอาสาสมัครทำงานในฟาร์มช่วงสุดสัปดาห์ โดยคำว่า wwoof ย่อมาจาก Working Weekends on Organic Farms (แต่ในปัจจุบันเปลี่ยนมาเป็น World Wide Opportunities on Organic Farms)
การสมัครเป็น wwoofer ของสหราชอาณาจักรจะมีทั้งแบบเดี่ยว (single) และแบบคู่ (joint)
ข้อดีของการสมัคร wwoof แบบเป็นคู่ คือ
1. สมัครสมาชิกได้ในราคา 30 ปอนด์ ซึ่งถูกกว่าสมัครแบบเดี่ยว ซึ่งราคาอยู่ที่ 20 ปอนด์ต่อคน
2. มีเพื่อนร่วมชะตากรรมไปในทุกฟาร์มอย่างแน่นอน เพราะเงื่อนไขของการสมัครแบบคู่คือทั้งสองคนจะต้องทำงานอยู่ในฟาร์มเดียวกันตลอดเวลาที่อยู่ในโครงการ
ฟาร์มแรกที่เราไปตั้งอยู่ที่ Coombeshead ซึ่งอยู่ทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ของอังกฤษ มีชื่อว่า Percy’s farm
เป็นที่ที่มีการเปิดเป็น B&B โดยเจ้าของเป็นสามีภารยาผู้มีอายุ ภายในฟาร์มมีการเลี้ยงม้าและแกะ (ซึ่งแกะจะนำไปทำเป็นอาหาร)
ที่นี่เราทำงานกันวันละ 8 โมง ตั้งแต่ 9 โมงเช้า จนถึง 6 โมงเย็น
กินอาหารเช้าตอน 9 โมง อาหารกลางวันตอนเที่ยง และอาหารเย็นตอนประมาณ 2 ทุ่ม
ซึ่งโฮสต์จะเป็นคนเตรียมอาหารให้ทุกมื้อ ยกเว้นมื้อเช้า ที่เป็นขนมปัง คอนแฟลก
อาหารมีหรูบ้าง ธรรมดาบ้าง สลับกันไป
งานประจำที่ทำส่วนใหญ่จะเป็นพวกการดูแลสัตว์
ช่วงที่ไป(ต้นเดือนเมษาถึงต้นเดือนพฤษภา) เป็นช่วงที่แกะออกลูกพอดี
ซึ่งแม่แกะบางตัวมีปัญหาไม่ยอมให้นมลูกบ้าง มีนมไม่พอให้ลูกกินบ้าง
เราได้รับหน้าที่คอยป้อนนมให้ลูกแกะที่มีปัญหาเหล่านั้น วันละ 3-4 มื้อ
ในทุกๆวันช่วงเช้าหลังจากกินข้าวเช้าเสร็จจะต้องไปทำความสะอาดคอกม้า ปูที่นอน และเติมฟางให้ม้า
วิธีการคือใช้เสียมตักพวกดินที่ถูกปูเป็นที่นอนม้าขึ้นมาเขย่า ให้ดินที่ยังคงดีร่วนตกลงไปตามช่องว่างระหว่างเสียมแต่ละซี แล้วโยนเศษฟางที่ม้ากินเลอะเทอะกับขี้ม้าอยู่บนเสียมใส่ถังไปทิ้ง
ส่วนตอนบ่ายก็ขึ้นอยู่กับว่าช่วงนั้นจะมีงานอะไรให้ทำ มีถอนหญ้าบ้าง ตัดต้นไม้บ้าง เตรียมพื้นที่สำหรับแกะเกิดใหม่ ช่วยย้ายแกะ ช่วยทำหมันลูกแกะตัวผู้ ช่วยตัดหางลูกแกะ
แกะที่เกิดมาใหม่จะมีหางยาว ที่นี่จะมีการตัดหางโดยการมัดหนังยางไว้ ให้เลือดไม่ไปเลี้ยงส่วนหางหลังจากนั้นหางจะหลุดออกมาเอง
การตัดอัณฑะก็เช่นกัน
(ในรูปคือหางแหะที่ขาด)
ในฟาร์มมีหมาเลี้ยงแกะอยู่ทั้งหมด 6 ตัว แต่ 3 ใน 6 ตัวยังเป็นหมาที่มีอายุไม่มาก ต้องนำไปฝึกก่อนจึงปล่อยให้อยู่กับแกะได้ ไม่งั้นหมาจะกัดแกะจนได้รับบาดเจ็บ หรืออาจกัดลูกแกะจนตายได้
จึงเป็นหน้าที่ของ wwoofer ที่จะพาหมาออกไปเดินเล่นทุกวัน เช้า-เย็น เพื่อให้เกิดความคุ้นเคยกับแกะ
นอกจากนี้ยังมีแมวอีกสามตัว ที่ชอบกระโดดเข้ามานอนในคาราวานด้วย ถ้าเปิดหน้าต่างทิ้งไว้
ที่พักเป็นตู้คาราวาน มีทั้งหมด 3 ตู้ ตั้งอยู่ในพื้นที่ที่เป็นที่อยู่ของแกะตัวผู้
ในหนึ่งตู้ประกอบด้วย 2 ห้องนอน 1 ห้องน้ำ 1 ห้องนั่งเล่น และส่วนเตรียมอาหารเล็กๆน้อยๆ
Edit เพิ่มวิดีโอค่ะ