สวัสดีค่ะ
กระทู้แรกในการเขียนรีวิวจากประสบการณ์การไป wwoof ที่ญี่ปุ่น หลายๆคนคงทราบดีแล้ว ว่า WWOOF คืออะไร ดังนั้นเราจะไม่อธิบายแล้วกันเนาะ
ภาพอาจไม่สวยเหมือนกระทู้อื่นเพราะขี้เกียจล้วนๆ (ขี้เกียจแต่งภาพอะไรงี้) กว่าจะมานั่งพิมพ์ได้นี่ก็รอความขี้เกียจหายไปเป็นเวลา 3 เดือนทีเดียว
จริงๆเกือบจะไม่เขียนแล้วค่ะ แต่รู้สึกว่าเดี๋ยวเพื่อน เดี๋ยวเพื่อนของเพื่อน ก็เข้ามาถามอีกแระ ก็เลยขี้เกียจตอบหลายรอบ อะเขียนก็ได้
จะได้เป็นวิทยาทานให้กับคนอื่นด้วย ภาษาที่ใช้ก็คงไม่สวยงามมากนะคะ คงเป็นภาษาที่เราใช้ปกติกับเพื่อนในชีวิตประจำวัน
แรกเริ่มเดิมทีขอเล่าก่อนว่า เราก็รู้จักโปรแกรมนี้จากพันทิพเหมือนกับหลายๆคน ช่วงแรกๆที่มีกระทู้รีวิว wwoof แค่ไม่กี่กระทู้ เราก็เริ่มศึกษาหาข้อมูลเพิ่มเติม ฉบับคนโง่แบบเรา ก็ทำการsearchในอากู๋ ไปซือ้หนังสือมาอ่านบ้าง PM ไปถามคนในพันทิพบ้าง บลา บลา บลา ในขณะนั้นก็ถอดใจไปหลายรอบ ว่า มนุษย์เงินเดือนต่ำเตี้ยเรี่ยดินแบบตูนี่ จะไปวูฟได้ไงวะ อีกอย่าง ตูคงต้องลาออกจากงานอะ ถึงจะได้ไปยาวๆแบบคนอื่น ไม่งั้นก็คงโดนไล่ออกก่อนถ้าจะไปยาวขนาดนั้น เพราะคิดแค่ว่าไหนๆก็ไปแล้ว ก็ไปซะเลยนานๆ เมื่อคิดเช่นนั้นก็เกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันในชีวิต มีความคิดอยากจะลาออกขึ้นมาในบัดดล แต่แล้วก็ยกเลิกไปอีก แล้วก็คิดอีก (ตามประสามนุษย์เงินเดือนอะค่ะ คิดลาออกวันละล้านรอบ) จนในที่สุดก็มีเหตุการณ์ที่ตัดสินใจลาออกจริงๆ พร้อมกับเงินเก็บจำนวน 50,000 บาทถ้วน ที่เหลืออยู่ทั้งชีวิต
สุดท้ายเริ่มคิดจริงๆว่าจะไปวูฟ เอาวะ คราวนี้แหล่ะ แต่ช่วงนั้นชีวิตวุ่นวายอย่างหาที่สุดไม่ได้ วีซ่าญี่ปุ่นก็ต้องขอนะคะ เพราะว่าไปเกิน 15 วัน
ช่วงนั้นเป็นช่วงเดือนเมษา ที่เรากับเพื่อนเพิ่งจะไป ทริปbackpacker ลวงๆ กันมา 7 วัน เป็นทริป หาดใหญ่-ปีนัง-มะละกา-สิงคโปร์ โดยเดินทางจากเมืองหาดใหญ่โดยรถ ไปสู่เมืองต่างๆที่ได้กล่าวไป เงินก็ร่อยหรอไปอีก เอาหล่ะ เราจะไม่พูดถึงมัน เพราะตอนนี้ก็ยังขี้เกียจรีวิวทริปนั้นอยู่เลยค่ะ
ย้อนกลับไปที่ ต้นเดือนเมษา เมื่อเรารู้ตัวแล้วว่าเราจะลาออกจากงาน ไปคุยกับหัวหน้าแล้ว สถานะคือตกงานแน่ๆในเดือนถัดไป ก็เลยตัดสินใจหาข้อมูลอย่างจริงจัง แพลนอย่างจริงจัง บอกก่อนนะคะ ว่าจริงๆเราไม่เคยมีไอเดียจะไปญี่ปุ่นเลย เพราะเราต้องการชีวิตที่เงียบสงบมากๆ หลังจากเผชิญสงครามมา 2ปีในการทำงาน ตอนนั้นเราจะไปกับเพื่อน 1 คน ซึ่งตอนหลังนางมาแคนเซิ่ลเรา ด้วยเหตุผลจำเป็นบางประการของนาง (จินตนาการเราเป็นน้องเก้าใน STAY SAGA) ตอนแรกก็แพลนอยู่กับเพื่อน เราอยากไปเนปาล แต่เพื่อนเราอยากไปญี่ปุ่น เพราะนางพูดญี่ปุ่นได้ (ตอนนนั้นยังไม่มีเหตุการณ์แผ่นดินไหวครั้งใหญ่ที่เนปาลนะคะ เหตุการณ์เกิดก่อนเราไปญี่ปุ่นไม่เกิน1 อาทิตย์ มั้งถ้าจำไม่ผิด) เราก็แบบโอเคตามใจมัน สุดท้ายทิ้งกรู เเเเเเเสสสสสสสสสสสสสส
เเต่เราก็รู้สึกดีค่ะที่ได้ไปคนเดียว เป็นการเดินทางคนเดียวครั้งแรก ที่ยาวนานที่สุด เราใช้ชีวิตอยู่ในประเทศญี่ปุ่นทั้งสิ้น 25 วันถ้วน
แต่ใช้เวลาในการ wwoof เกือบๆ 2 สัปดาห์ค่ะ ที่บอกว่าเกือบเพราะมีเหตุการณ์บางอย่างทำให้ไม่อยากอยู่ต่อ เลยเลือกที่จะเปลี่ยนแผนการเดินทาง
เราจะเริ่มจากการสมัคร (ไม่รู้มีคนรีวิวจุดนี้ไปหรือยัง) เพราะเพื่อนๆ รุ่นน้อง และคนอื่นๆ มักจะมาถามเราในเรื่องนี้ ทุกวัน
บอกตรงนี้ว่าเราไม่รู้ว่าประเทศอื่นมันสมัครเหมือนกันไหม ต้องลองไปหาข้อมูลดูเองนะคะ เราจะพูดในส่วนของญี่ปุ่น เนื่องจากประสบการณ์ตรง
เริ่มแรกเลยนะคะ เข้าไปในเวป www.wwoofjapan.com
พอเข้าไปในเวปมันก็จะให้เราสมัคร กรอกข้อมูล อันนี้ก็คล้ายกับการกรอกข้อมูลสมัครงาน ใช้เวลานิดนึงนะคะ เพราะมันค่อนข้างละเอียด เเต่ละคำตอบก็ต้องคิดเยอะหน่อย เพราะมันจะส่งผลต่อการที่โฮสจะเลือกเรา (เรามารู้ทีหลังจากโฮสว่านางดูละเอียดยิบ) เพราะมันเหมือนกับว่าเค้ามาเลือกใครก็ไม่รู้ไปเข้าบ้านเค้าไปอยู่กับเค้า ก็เลือกนิดนึง
กรอกเสร็จก็จะต้องจ่ายเงินนะคะ การจ่ายเงินเนี่ย มันก็ขึ้นอยู่กับว่าเราจะไปในลักษณะไหน มันมีหลากหลายประเภท ยกตัวอย่างเช่น
ไปคนเดียว,อายุเกิน xx ปี, ไปกับลูก ,ไปกับคู่แต่งงาน บลาบลาบลา อะไรอีกจำไมไ่ด้แล้วววว
เราก็เลือกวิธีการไปประเภทของเราค่ะ แล้วก็ราคามันจะต่างกัน รูดปรื๊ดดดดดด จ่ายตังโลด
ต่อไปนี้เราก็จะถูกเรียกว่า wwoofer และ เจ้าของบ้านก็จะถูกเรียกว่า HOST นั่นเอง
พอจ่ายเงินเสร็จทีนี่เราก็จะเริ่มดูโฮสได้แล้วค่ะ โดยเลือกจากโซนเขตของญี่ปุ่นที่มันจะแบ่งเป็นเขตต่างๆ
อันนี้เลือกยังงัย ขึ้นอยู่กับวิจารณญาณและความชอบของแต่ละคนเลยค่ะ ส่วนเราตั้งใจจะไปเที่ยว tokyo Osaka เราก็เลยเลือก Kansai ค่ะ
ก็เริ่มๆดูโฮสไปเรื่อยๆ ในตอนนั้นเราตกลงกับเพื่อนว่าจะเลือกที่ที่สงบป่าๆเขาๆ เป็นเกสต์เฮ้าส์และมีฟาร์ม/เป็นโรงเรียนสอนภาษา/เป็นสถานที่ใดๆก็ตามที่มีนักท่องเที่ยวมาด้วยเยอะๆ เพราะนอกจากจะได้เรียนรุ้วัฒนธรรมญี่ปุ่นแล้วก็ยังได้เพื่อนต่างชาติอีกเว้ยยยยย คิดว่าตัวเองเลือกได้สุดๆ สุดท้ายมันไม่เป็นไปแบบนั้นอะค่ะ นอกจากเราจะมีสิทธิ์ดูโปรไฟล์ของโฮสแล้ว โฮสเองก็มีสิทธิ์เข้ามาดูของเราประกอบการพิจารณาเหมือนกันนะคะ บางโฮสที่เราส่งไป เค้าปฏิเสธมาเลยเนื่องจากเราไม่รู้ภาษาญี่ปุ่นเลยค่ะ เค้าก็จะส่งเมสเสชมาบอกอย่างสุภาพๆว่า เราต้องการ wwoofer ที่พูดภาษาญี่ปุ่นได้เท่านั้นจ้ะหนู ซึ่งเราก็เข้าใจค่ะ การไปอยู่ด้วยกันนี่สื่อสารกันได้นิดหน่อยก็คงจะดีนะคะ
จากนั้นเราก็ตระหนักในจุดนี้ เลยเริ่มที่จะส่งเฉพาะบ้านโฮสที่พูดภาษาอังกฤษได้เท่านั้น มากน้อยก็ไม่เป็นไร เพื่อความราบรื่นในการอยู่ร่วมกันค่ะ
เราส่งไปทั้งหมดเกิน 10 บ้าน สุดท้ายตอบกลับเรามาแค่ 3บ้านเท่านั้น สองในสามเราไม่สามารถจอยกับเค้าได้เนื่องจากช่วงเวลาไม่ตรงกัน
เเพลนของเรามันมีรวมเที่ยวด้วย ใน 25 วันนั้น สุดท้ายบ้านที่เราเลือกและเลือกเราก็ได้ส่งเมสเสชมาหาเราในวันที่เราสุดจะท้อแท้ในการหาโฮสแล้วค่ะ นางส่งมาแบบเรียบๆ รีบๆ บอกว่าจะมาช่วงไหนก็มาเลย เขาโอเคกับโพรไฟล์เรา และอยากกินอาหารไทย
เราก็โอเคนะคะเพราะว่าโฮสบ้านนี้ค่อนข้างเป็นไปในทิศทางที่เราตั้งใจไว้ คือ นางเป็นเกสต์เฮ้าส์ เป็นคาเฟ่ เป็นร้านอาหาร มีฟาร์มเห็ด มีสวน (ที่นางบอก) ทันใดนั้นเราก็เริ่มหาข้อมูลเกี่ยวกับที่นี่ เนื่องจากนางเป็นเกสต์เฮ้าส์ เราก็เลยพอจะหาข้อมูลได้บ้างจากในอากู๋ค่ะ และ ฟีดแบคบางส่วนจากwwoofer คนเก่าๆของนางต่างก็ชื่นชม และฟีดแบคนางในด้านบวกล้วนๆ ยกเว้นก็แค่ โฮสนั้นยุ่งมวากกมวากมวากมวาก จึงไม่ค่อยมีเวลาดูแลwwoofer เท่าที่ควร (ซึ่งเราโอเคมากแกกกก เพราะว่าเราไม่ชอบให้คนยุ่งกับเรามาก อย่ามาดูแลตูมาก กูอึดอัด ไรงี้)
เราตกลงที่จะไป วูฟที่บ้านเขาอย่างรวดเร็ว และซื้อตั๋วทันทีที่ตอบตกลงค่ะ ซึ่งแน่นอนว่าตั๋วเราแพงมากอะเพราะว่าเราซื้อก่อนวันเดินทางแค่ 1 สัปดาห์เท่านั้น
(เห็นไหม๊คะสุดท้ายไอที่เราเเพลนๆมานานๆนั้นมันไม่เป็นไปตามที่แพลนเลยยยยย เกิดจะได้ก็ได้เลย เกิดจะซื้อก็ซื้อเลย ตั๋วปรงตั๋วโปรน่ะเหรอออออ ไม่ได้ใช้เลยค่ะ ฮือออออ TT )
แต่ละโฮสเค้าจะมีการเขียนบอกเอาไว้เลยนะคะ ว่าลักษณะกิจการของเค้าจะมีในรูปแบบใดบ้าง เช่น ของบ้านเราคือ ตัดไม้,ทำอาหาร,ปลูกเห็ด,เป็นเกสต์เฮ้าส์,ทำความสะอาดเกสต์เฮ้าส์ และอื่นๆ
วิธีการเลือกโฮส ก็มีหลายวิธีนะคะในเวป
วิธีแรก: มันจะมีโฮสบางคนเนี่ยเค้าต้องการด่วนเค้าก็จะมาโพสบนบอร์ดเลยค่ะ ว่าต้องการด่วน ทำช่วงวันนี้-วันนี้ เดือนนี้-เดือนนี้ ลองกดเข้าไปคุยกับเค้าใน PMก่อนก็ได้ หรือถ่าเรารีบ เราสามารถไปโพสบนบอร์ดได้ด้วยค่ะ ว่าเราเป็นใครมาจากไหน และอยากได้โฮสประมานไห (ทำมาแล้วค่ะก็มีคนติดต่อมาพอสมควรแต่มันไม่ตรงกับที่เราอยาก)
วิธีที่สอง: เราสามารถส่งเมสเสชโดยตรงหาโฮสได้เลย
เราสามารถเข้าไปดูโปรไฟล์ของโฮสบ้านนั้น แล้วส่งเมสเสชไปแนะนำตัว บอกว่าเราจะไปช่วงไหน เราทำอะไรให้เขาได้บ้าง (ดูจากโปรไฟล์ของโฮส)
หลังจากนั้นโฮสจะเข้ามาดูโปรไฟล์ที่เรากรอกไว้ตอนแรก แล้วตัดสินใจ ถ้าช่วงเวลาตรงกัน ไม่มีwwoofer คนอื่น และเป็นช่วงที่เขาต้องการคนเขาจะส่งเมสเสชมาบอกเรา แล้วหลังจากนั้นก็จะเป็นการพูดคุยระหว่างเรากับโฮสค่ะ ถ้าสุดท้ายแล้วตกลงกันว่าจะไปอยู่บ้านเค้าแล้วเนี่ย มันก็จะมีปุ่มนึง ให้เรากดว่าสุดท้ายแล้วเราแมทช์กับโฮสบ้านนี้ค่ะ จากนั้นมันจะมีเอกสารส่งตัวให้เราปริ้นท์ พอเมื่อไปถึงที่บ้านแล้วก็ต้องยื่นใบนี้ให้กับโฮสค่ะ
เรามีสิทธิ์ส่งหาโฮสหลายๆบ้านนะคะ แต่ต้องจำไว้ว่ากว่าโฮสจะตอบบางคนเป็นเดือน เราไปจนกลับมาแล้วเค้าเพิ่งตอบเรามาค่ะ
คือต้องเข้าใจก่อนว่าโฮสเป็นเก๋ษตรกร บางคนใช้เวลาทั้งวันอยู่ในสวน ในไร่ ก็จะไม่มีเวลาตอบเราเลยค่ะ
บางคนเดินทางไปเมืองอื่นเป็นเดือนๆ หรือบางบ้านเค้ายังไม่ต้องการคน เค้าก็จะไม่เข้ามาเชคเลย
แต่ไม่ต้องกลัวนะคะ หากโฮสมีการติดต่อเรากลับมา มันจะแจ้งในอีเมลล์เราโดยที่เราไม่ต้องเข้ามาลุ้นในเวปเลย
เฉลย เมืองที่เราเลือกไปคือเมือง Nikko ที่อยู่ในจังหวัด Tochigi ห่างจากโตเกียวประมาน 2 ชั่วโมงค่ะ ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับประเภทรถไฟที่เราเลือกเดินทางด้วยค่ะ โดยสามารถเดินทางจากโตเกียวโดยรถไฟ มีdirect ไปที่Nikko เลย เป็นสถานีของตัวเอง
**ข้อมูลบางอย่างไม่ละเอียดนะคะเพราะว่ามันผ่านมา3เดือนแล้ว และเราไม่ได้เขียนไดอารี่ทุกวัน บางวันเหนื่อยมาก ลืม ขี้เกียจอะไรแบบนี้**
เดี๋ยวว่างๆแล้วมาเขียนต่อนะคะ
ภาพนี้คือวิวระหว่างการเดินจากที่พักไปที่ทำงานของเราค่ะ
เริ่มรูปแรกกรุบกริบไปก่อน
[CR] WWOOF ALONE in Japan ผู้หญิงอ้วนไปวูฟคนเดียวที่ญี่ปุ่น
กระทู้แรกในการเขียนรีวิวจากประสบการณ์การไป wwoof ที่ญี่ปุ่น หลายๆคนคงทราบดีแล้ว ว่า WWOOF คืออะไร ดังนั้นเราจะไม่อธิบายแล้วกันเนาะ
ภาพอาจไม่สวยเหมือนกระทู้อื่นเพราะขี้เกียจล้วนๆ (ขี้เกียจแต่งภาพอะไรงี้) กว่าจะมานั่งพิมพ์ได้นี่ก็รอความขี้เกียจหายไปเป็นเวลา 3 เดือนทีเดียว
จริงๆเกือบจะไม่เขียนแล้วค่ะ แต่รู้สึกว่าเดี๋ยวเพื่อน เดี๋ยวเพื่อนของเพื่อน ก็เข้ามาถามอีกแระ ก็เลยขี้เกียจตอบหลายรอบ อะเขียนก็ได้
จะได้เป็นวิทยาทานให้กับคนอื่นด้วย ภาษาที่ใช้ก็คงไม่สวยงามมากนะคะ คงเป็นภาษาที่เราใช้ปกติกับเพื่อนในชีวิตประจำวัน
แรกเริ่มเดิมทีขอเล่าก่อนว่า เราก็รู้จักโปรแกรมนี้จากพันทิพเหมือนกับหลายๆคน ช่วงแรกๆที่มีกระทู้รีวิว wwoof แค่ไม่กี่กระทู้ เราก็เริ่มศึกษาหาข้อมูลเพิ่มเติม ฉบับคนโง่แบบเรา ก็ทำการsearchในอากู๋ ไปซือ้หนังสือมาอ่านบ้าง PM ไปถามคนในพันทิพบ้าง บลา บลา บลา ในขณะนั้นก็ถอดใจไปหลายรอบ ว่า มนุษย์เงินเดือนต่ำเตี้ยเรี่ยดินแบบตูนี่ จะไปวูฟได้ไงวะ อีกอย่าง ตูคงต้องลาออกจากงานอะ ถึงจะได้ไปยาวๆแบบคนอื่น ไม่งั้นก็คงโดนไล่ออกก่อนถ้าจะไปยาวขนาดนั้น เพราะคิดแค่ว่าไหนๆก็ไปแล้ว ก็ไปซะเลยนานๆ เมื่อคิดเช่นนั้นก็เกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันในชีวิต มีความคิดอยากจะลาออกขึ้นมาในบัดดล แต่แล้วก็ยกเลิกไปอีก แล้วก็คิดอีก (ตามประสามนุษย์เงินเดือนอะค่ะ คิดลาออกวันละล้านรอบ) จนในที่สุดก็มีเหตุการณ์ที่ตัดสินใจลาออกจริงๆ พร้อมกับเงินเก็บจำนวน 50,000 บาทถ้วน ที่เหลืออยู่ทั้งชีวิต
สุดท้ายเริ่มคิดจริงๆว่าจะไปวูฟ เอาวะ คราวนี้แหล่ะ แต่ช่วงนั้นชีวิตวุ่นวายอย่างหาที่สุดไม่ได้ วีซ่าญี่ปุ่นก็ต้องขอนะคะ เพราะว่าไปเกิน 15 วัน
ช่วงนั้นเป็นช่วงเดือนเมษา ที่เรากับเพื่อนเพิ่งจะไป ทริปbackpacker ลวงๆ กันมา 7 วัน เป็นทริป หาดใหญ่-ปีนัง-มะละกา-สิงคโปร์ โดยเดินทางจากเมืองหาดใหญ่โดยรถ ไปสู่เมืองต่างๆที่ได้กล่าวไป เงินก็ร่อยหรอไปอีก เอาหล่ะ เราจะไม่พูดถึงมัน เพราะตอนนี้ก็ยังขี้เกียจรีวิวทริปนั้นอยู่เลยค่ะ
ย้อนกลับไปที่ ต้นเดือนเมษา เมื่อเรารู้ตัวแล้วว่าเราจะลาออกจากงาน ไปคุยกับหัวหน้าแล้ว สถานะคือตกงานแน่ๆในเดือนถัดไป ก็เลยตัดสินใจหาข้อมูลอย่างจริงจัง แพลนอย่างจริงจัง บอกก่อนนะคะ ว่าจริงๆเราไม่เคยมีไอเดียจะไปญี่ปุ่นเลย เพราะเราต้องการชีวิตที่เงียบสงบมากๆ หลังจากเผชิญสงครามมา 2ปีในการทำงาน ตอนนั้นเราจะไปกับเพื่อน 1 คน ซึ่งตอนหลังนางมาแคนเซิ่ลเรา ด้วยเหตุผลจำเป็นบางประการของนาง (จินตนาการเราเป็นน้องเก้าใน STAY SAGA) ตอนแรกก็แพลนอยู่กับเพื่อน เราอยากไปเนปาล แต่เพื่อนเราอยากไปญี่ปุ่น เพราะนางพูดญี่ปุ่นได้ (ตอนนนั้นยังไม่มีเหตุการณ์แผ่นดินไหวครั้งใหญ่ที่เนปาลนะคะ เหตุการณ์เกิดก่อนเราไปญี่ปุ่นไม่เกิน1 อาทิตย์ มั้งถ้าจำไม่ผิด) เราก็แบบโอเคตามใจมัน สุดท้ายทิ้งกรู เเเเเเเสสสสสสสสสสสสสส
เเต่เราก็รู้สึกดีค่ะที่ได้ไปคนเดียว เป็นการเดินทางคนเดียวครั้งแรก ที่ยาวนานที่สุด เราใช้ชีวิตอยู่ในประเทศญี่ปุ่นทั้งสิ้น 25 วันถ้วน
แต่ใช้เวลาในการ wwoof เกือบๆ 2 สัปดาห์ค่ะ ที่บอกว่าเกือบเพราะมีเหตุการณ์บางอย่างทำให้ไม่อยากอยู่ต่อ เลยเลือกที่จะเปลี่ยนแผนการเดินทาง
เราจะเริ่มจากการสมัคร (ไม่รู้มีคนรีวิวจุดนี้ไปหรือยัง) เพราะเพื่อนๆ รุ่นน้อง และคนอื่นๆ มักจะมาถามเราในเรื่องนี้ ทุกวัน
บอกตรงนี้ว่าเราไม่รู้ว่าประเทศอื่นมันสมัครเหมือนกันไหม ต้องลองไปหาข้อมูลดูเองนะคะ เราจะพูดในส่วนของญี่ปุ่น เนื่องจากประสบการณ์ตรง
เริ่มแรกเลยนะคะ เข้าไปในเวป www.wwoofjapan.com
พอเข้าไปในเวปมันก็จะให้เราสมัคร กรอกข้อมูล อันนี้ก็คล้ายกับการกรอกข้อมูลสมัครงาน ใช้เวลานิดนึงนะคะ เพราะมันค่อนข้างละเอียด เเต่ละคำตอบก็ต้องคิดเยอะหน่อย เพราะมันจะส่งผลต่อการที่โฮสจะเลือกเรา (เรามารู้ทีหลังจากโฮสว่านางดูละเอียดยิบ) เพราะมันเหมือนกับว่าเค้ามาเลือกใครก็ไม่รู้ไปเข้าบ้านเค้าไปอยู่กับเค้า ก็เลือกนิดนึง
กรอกเสร็จก็จะต้องจ่ายเงินนะคะ การจ่ายเงินเนี่ย มันก็ขึ้นอยู่กับว่าเราจะไปในลักษณะไหน มันมีหลากหลายประเภท ยกตัวอย่างเช่น
ไปคนเดียว,อายุเกิน xx ปี, ไปกับลูก ,ไปกับคู่แต่งงาน บลาบลาบลา อะไรอีกจำไมไ่ด้แล้วววว
เราก็เลือกวิธีการไปประเภทของเราค่ะ แล้วก็ราคามันจะต่างกัน รูดปรื๊ดดดดดด จ่ายตังโลด
ต่อไปนี้เราก็จะถูกเรียกว่า wwoofer และ เจ้าของบ้านก็จะถูกเรียกว่า HOST นั่นเอง
พอจ่ายเงินเสร็จทีนี่เราก็จะเริ่มดูโฮสได้แล้วค่ะ โดยเลือกจากโซนเขตของญี่ปุ่นที่มันจะแบ่งเป็นเขตต่างๆ
อันนี้เลือกยังงัย ขึ้นอยู่กับวิจารณญาณและความชอบของแต่ละคนเลยค่ะ ส่วนเราตั้งใจจะไปเที่ยว tokyo Osaka เราก็เลยเลือก Kansai ค่ะ
ก็เริ่มๆดูโฮสไปเรื่อยๆ ในตอนนั้นเราตกลงกับเพื่อนว่าจะเลือกที่ที่สงบป่าๆเขาๆ เป็นเกสต์เฮ้าส์และมีฟาร์ม/เป็นโรงเรียนสอนภาษา/เป็นสถานที่ใดๆก็ตามที่มีนักท่องเที่ยวมาด้วยเยอะๆ เพราะนอกจากจะได้เรียนรุ้วัฒนธรรมญี่ปุ่นแล้วก็ยังได้เพื่อนต่างชาติอีกเว้ยยยยย คิดว่าตัวเองเลือกได้สุดๆ สุดท้ายมันไม่เป็นไปแบบนั้นอะค่ะ นอกจากเราจะมีสิทธิ์ดูโปรไฟล์ของโฮสแล้ว โฮสเองก็มีสิทธิ์เข้ามาดูของเราประกอบการพิจารณาเหมือนกันนะคะ บางโฮสที่เราส่งไป เค้าปฏิเสธมาเลยเนื่องจากเราไม่รู้ภาษาญี่ปุ่นเลยค่ะ เค้าก็จะส่งเมสเสชมาบอกอย่างสุภาพๆว่า เราต้องการ wwoofer ที่พูดภาษาญี่ปุ่นได้เท่านั้นจ้ะหนู ซึ่งเราก็เข้าใจค่ะ การไปอยู่ด้วยกันนี่สื่อสารกันได้นิดหน่อยก็คงจะดีนะคะ
จากนั้นเราก็ตระหนักในจุดนี้ เลยเริ่มที่จะส่งเฉพาะบ้านโฮสที่พูดภาษาอังกฤษได้เท่านั้น มากน้อยก็ไม่เป็นไร เพื่อความราบรื่นในการอยู่ร่วมกันค่ะ
เราส่งไปทั้งหมดเกิน 10 บ้าน สุดท้ายตอบกลับเรามาแค่ 3บ้านเท่านั้น สองในสามเราไม่สามารถจอยกับเค้าได้เนื่องจากช่วงเวลาไม่ตรงกัน
เเพลนของเรามันมีรวมเที่ยวด้วย ใน 25 วันนั้น สุดท้ายบ้านที่เราเลือกและเลือกเราก็ได้ส่งเมสเสชมาหาเราในวันที่เราสุดจะท้อแท้ในการหาโฮสแล้วค่ะ นางส่งมาแบบเรียบๆ รีบๆ บอกว่าจะมาช่วงไหนก็มาเลย เขาโอเคกับโพรไฟล์เรา และอยากกินอาหารไทย
เราก็โอเคนะคะเพราะว่าโฮสบ้านนี้ค่อนข้างเป็นไปในทิศทางที่เราตั้งใจไว้ คือ นางเป็นเกสต์เฮ้าส์ เป็นคาเฟ่ เป็นร้านอาหาร มีฟาร์มเห็ด มีสวน (ที่นางบอก) ทันใดนั้นเราก็เริ่มหาข้อมูลเกี่ยวกับที่นี่ เนื่องจากนางเป็นเกสต์เฮ้าส์ เราก็เลยพอจะหาข้อมูลได้บ้างจากในอากู๋ค่ะ และ ฟีดแบคบางส่วนจากwwoofer คนเก่าๆของนางต่างก็ชื่นชม และฟีดแบคนางในด้านบวกล้วนๆ ยกเว้นก็แค่ โฮสนั้นยุ่งมวากกมวากมวากมวาก จึงไม่ค่อยมีเวลาดูแลwwoofer เท่าที่ควร (ซึ่งเราโอเคมากแกกกก เพราะว่าเราไม่ชอบให้คนยุ่งกับเรามาก อย่ามาดูแลตูมาก กูอึดอัด ไรงี้)
เราตกลงที่จะไป วูฟที่บ้านเขาอย่างรวดเร็ว และซื้อตั๋วทันทีที่ตอบตกลงค่ะ ซึ่งแน่นอนว่าตั๋วเราแพงมากอะเพราะว่าเราซื้อก่อนวันเดินทางแค่ 1 สัปดาห์เท่านั้น
(เห็นไหม๊คะสุดท้ายไอที่เราเเพลนๆมานานๆนั้นมันไม่เป็นไปตามที่แพลนเลยยยยย เกิดจะได้ก็ได้เลย เกิดจะซื้อก็ซื้อเลย ตั๋วปรงตั๋วโปรน่ะเหรอออออ ไม่ได้ใช้เลยค่ะ ฮือออออ TT )
แต่ละโฮสเค้าจะมีการเขียนบอกเอาไว้เลยนะคะ ว่าลักษณะกิจการของเค้าจะมีในรูปแบบใดบ้าง เช่น ของบ้านเราคือ ตัดไม้,ทำอาหาร,ปลูกเห็ด,เป็นเกสต์เฮ้าส์,ทำความสะอาดเกสต์เฮ้าส์ และอื่นๆ
วิธีการเลือกโฮส ก็มีหลายวิธีนะคะในเวป
วิธีแรก: มันจะมีโฮสบางคนเนี่ยเค้าต้องการด่วนเค้าก็จะมาโพสบนบอร์ดเลยค่ะ ว่าต้องการด่วน ทำช่วงวันนี้-วันนี้ เดือนนี้-เดือนนี้ ลองกดเข้าไปคุยกับเค้าใน PMก่อนก็ได้ หรือถ่าเรารีบ เราสามารถไปโพสบนบอร์ดได้ด้วยค่ะ ว่าเราเป็นใครมาจากไหน และอยากได้โฮสประมานไห (ทำมาแล้วค่ะก็มีคนติดต่อมาพอสมควรแต่มันไม่ตรงกับที่เราอยาก)
วิธีที่สอง: เราสามารถส่งเมสเสชโดยตรงหาโฮสได้เลย
เราสามารถเข้าไปดูโปรไฟล์ของโฮสบ้านนั้น แล้วส่งเมสเสชไปแนะนำตัว บอกว่าเราจะไปช่วงไหน เราทำอะไรให้เขาได้บ้าง (ดูจากโปรไฟล์ของโฮส)
หลังจากนั้นโฮสจะเข้ามาดูโปรไฟล์ที่เรากรอกไว้ตอนแรก แล้วตัดสินใจ ถ้าช่วงเวลาตรงกัน ไม่มีwwoofer คนอื่น และเป็นช่วงที่เขาต้องการคนเขาจะส่งเมสเสชมาบอกเรา แล้วหลังจากนั้นก็จะเป็นการพูดคุยระหว่างเรากับโฮสค่ะ ถ้าสุดท้ายแล้วตกลงกันว่าจะไปอยู่บ้านเค้าแล้วเนี่ย มันก็จะมีปุ่มนึง ให้เรากดว่าสุดท้ายแล้วเราแมทช์กับโฮสบ้านนี้ค่ะ จากนั้นมันจะมีเอกสารส่งตัวให้เราปริ้นท์ พอเมื่อไปถึงที่บ้านแล้วก็ต้องยื่นใบนี้ให้กับโฮสค่ะ
เรามีสิทธิ์ส่งหาโฮสหลายๆบ้านนะคะ แต่ต้องจำไว้ว่ากว่าโฮสจะตอบบางคนเป็นเดือน เราไปจนกลับมาแล้วเค้าเพิ่งตอบเรามาค่ะ
คือต้องเข้าใจก่อนว่าโฮสเป็นเก๋ษตรกร บางคนใช้เวลาทั้งวันอยู่ในสวน ในไร่ ก็จะไม่มีเวลาตอบเราเลยค่ะ
บางคนเดินทางไปเมืองอื่นเป็นเดือนๆ หรือบางบ้านเค้ายังไม่ต้องการคน เค้าก็จะไม่เข้ามาเชคเลย
แต่ไม่ต้องกลัวนะคะ หากโฮสมีการติดต่อเรากลับมา มันจะแจ้งในอีเมลล์เราโดยที่เราไม่ต้องเข้ามาลุ้นในเวปเลย
เฉลย เมืองที่เราเลือกไปคือเมือง Nikko ที่อยู่ในจังหวัด Tochigi ห่างจากโตเกียวประมาน 2 ชั่วโมงค่ะ ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับประเภทรถไฟที่เราเลือกเดินทางด้วยค่ะ โดยสามารถเดินทางจากโตเกียวโดยรถไฟ มีdirect ไปที่Nikko เลย เป็นสถานีของตัวเอง
**ข้อมูลบางอย่างไม่ละเอียดนะคะเพราะว่ามันผ่านมา3เดือนแล้ว และเราไม่ได้เขียนไดอารี่ทุกวัน บางวันเหนื่อยมาก ลืม ขี้เกียจอะไรแบบนี้**
เดี๋ยวว่างๆแล้วมาเขียนต่อนะคะ
ภาพนี้คือวิวระหว่างการเดินจากที่พักไปที่ทำงานของเราค่ะ
เริ่มรูปแรกกรุบกริบไปก่อน
ดูแผนที่ขนาดใหญ่ขึ้น