สวัสดีเพื่อนๆที่เข้ามาอ่านทุกท่านนะคะ นี่เป็นครั้งแรกที่ตั้งใจมาเขียนกระทู้ ฟ้าก็อยากจะเล่าเรื่องราวประสพการณ์ดีๆ ที่เคยไปเจอมา มาเล่าให้เพื่อนๆได้อ่านกันนะคะ ซึ่งเรื่องที่อยากจะเอามาแชร์ในครั้งนี้คือการเดินทางคนเดียวครั้งนแรกไป wwoof ที่ญี่ปุ่น
อ๊าาา~เพื่อนๆอาจจะยังสงสัยกันอยู่ว่า "เอ๊ะ wwoof คืออะไร?", "wwoof เป็นโครงการ หรือ กิจกรรมอะไรหรอ?","wwoof ถูกกฏหมายมั้ย ปลอดภัยรึป่าว?"
เดี๋ยวเพื่อนๆจะได้ทราบคำตอบในกระทู้นี้นี่แหละค่ะ
Wwoof คืออะไร??
Wwoof คือโครงการที่สรรหาอาสาสมัครจากทั่วโลกที่มีความสนใจทางด้านการเกษตรให้กับเกษตรกรที่ทำการเกษตรอินทรีย์เพื่อที่จะได้เรียนรู้และเผยแพร่วัฒนธรรม รวมทั้งยังได้รับความรู้และประสพการณ์โดยตรงจากเกษตรกรในท้องที่นั้นๆผ่านการ 'เชื่อใจ' และ 'ไม่มีการแลกเปลี่ยนทางการเงิน' ซึ่งจะช่วยสร้างความมั่นคงให้กับเกษตรกร ใครที่อยากไปลองทำwwoofแต่ไม่อยากไปต่างประเทศ ไม่ต้องกลัว เพราะว่าในไทยก็มีhost ให้เลือกเช่นกัน
ขอสรุปสั้นๆเลยก็คือ Wwoof ก็คือการเอาแรงกายของเรานี่แหละ ไปแลกกับอาหาร3มื้อ และ ที่พัก ตลอดการทำงานให้กับเกษตรกรในแต่ละที่
การทำ wwoof จะมีตัวละครหลักอยู่ 2 ตัวก็คือ
1. Wwoofer คือ อาสาสมัครที่จะเข้าไปอยู่บ้านเดียวกับ host เพื่อช่วยงานต่างๆที่ host มอบหมาย และได้ลองใช้ชีวิตแบบเกษตรกรจริงๆ
2. Host คือ คนที่คอยเปิดบ้านต้อนรับ wwooferจากหลายๆที่ ที่ต้องการมาช่วยทำงาน
แล้วผิดกฏหมายมั้ย??
ตอบชัดตรงนี้เลยนะคะ ว่า "ไม่ผิดกฏหมายค่ะ" **เฉพาะวีซ่านักเรียนที่ได้รับอนุญาติในการทำงานพิเศษ only!! ใช้วีซ่านักท่องเที่ยวไม่ได้นาจาา** (วีซ่านักท่องเที่ยวได้แค่ 15วันเท่านั้น และไม่สามารถทำงานได้นะคะ)
เนื่องจากไม่ได้มีการแลกเปลี่ยนทางด้านการเงินนะคะ เพราะเราไปเพื่อการเรียนรู้การเกษตรและประสพการณ์ค่ะ แต่ว่าก็มีข้อควรระวังกันนิดนึง ตรงที่ว่า เราไปช่วยโฮสทำงานก็จริง แต่ว่าเราไม่ได้ไปเป็นcheap laborนะคะ การที่ใช้แรงงาน wwoofer เกินจำเป็นหรือให้โหมงานหนักเกินไปก็เป็นเรื่องที่ไม่ดีเช่นกันค่ะ แต่โดยส่วนมาก โฮสแต่ละที่จะกำหนดระยะเวลาในการทำงานของแต่ละวันอย่างชัดเจน เช่น ทำงานไม่เกิน 6 ชั่วโมงต่อ1 วัน ในแต่ละวัน โฮสจำเป็นต้องจัดหาอาหารให้กับ wwooferครบทุก3มื้อ ซึ่งแน่นอนค่ะ โฮสให้ข้าวให้น้ำเราขนาดนี้ เราก็ต้องทำงานให้คุ้มค่าอาหารกันหน่อยยย ในเรื่องของการขอวีซ่าหรือตม. ต้องบอกก่อนเลยนะคะว่าเราไปมาทั้งหมด 13 วันถ้วน โดยไปเที่ยวทั้งหมด 4 วันเต็มๆ และทำ wwoof อีกประมาณ 8 วันค่ะ (ไม่รวมระยะเวลาเดินทางต่างๆ)
อ๊าว! ไปแล้วไม่ได้เงิน แล้วได้อะไรอะ??
จากที่ได้ไปอยู่กับโฮสที่ญี่ปุ่นมา เราบอกเลยว่าได้อะไรกลับมาเยอะมากๆ นอกจากของฝากที่ได้มาแล้ว ก็บอกเลยว่าได้ 'ความรู้สึกดีๆ' ที่มีให้กับโฮสกับเพื่อนๆwwooferทุกคน การได้กินอาหารอร่อยๆทุกมื้อที่ิอยู่กับโฮส การได้เล่น ได้ไปเที่ยวรอบๆ การได้พูดคุยในภาษาที่เราแทบจะไม่รู้เรื่องเลย การได้เปลี่ยนบรรยากาศใหม่ๆ ทำอะไรที่ไม่เคยทำกินอะไรที่ไม่เคยกิน ประสพการณ์ดีๆที่หาได้จากการมาwwoof
ค่าใช้จ่ายแพงมั้ย??
โดยรวมแล้ว ค่าใช้จ่ายที่เราต้องเสียคือ "ค่าสมัครสมาชิคของการเป็น wwoofer" ซึ่งราคาสมาชิคของประเทศญี่ปุ่นคือประมาณ 1,500 บาท สำหรับประเทศอื่นอันนี้เราไม่แน่ใจเหมือนกัน แฮะๆ ส่วนค่ากินกับค่าที่พักไม่ต้องจ่ายใดๆทั้งสิ้นตลอดการทำงานให้กับ host แต่ในส่วนของค่าเดินทางและค่าที่พักหรือค่าขนมจิปาถะอื่นๆแล้ว เราต้องจ่ายเองตามปกติเด้อ พูดง่ายๆก็คือโฮสจะเลี้ยงเราแค่เฉพาะตอนที่เราทำงานเท่านั้นจ้า ซึ่งถ้าเทียบกับเราไปเที่ยวเองแล้วก็นับว่าคุ้มค่ามากๆเลยค่ะ
สมัครยังไง??
https://wwoof.net/#wwoof << เวปนี้เป็นเวปหลักของ wwoof ซึ่งจะมีหลากหลายประเทศที่เข้าร่วมโครงการให้เราได้เลือกกัน
หลังจากที่เราเลือกประเทศที่เราสนใจแล้ว ก็เข้าไปสมัครสมาชิคในเวปไซต์ของประเทศที่เราสนใจ จ่ายค่าสมาชิคของประเทศนั้นๆ (ประมาณ 1,500 บาท)
และสร้างโปรไฟล์เป็นwwoofer ได้เลยย
https://www.wwoofjapan.com/main/index.php?lang=en << นี่เป็นเวปไซต์ของประเทศญี่ปุ่นค่ะ
หน้าตาเวปไซต์ก็จะประมาณนี้ ^^^^
จากนั้น ให้เราศึกษาโฮสแต่ละที่ก่อนจะทำการตกลงหรือนัดแนะกับโฮส
สิ่งสำคัญที่ควรดูจากโปรไฟล์ของโฮสคือ
1. โฮสทำงานเกี่ยวกับอะไร เราสนใจงานนี้มั้ย
2. จำนวนปีที่โฮสได้สมัครเป็น host
3. ประวัติสมาชิคคร่าวๆของโฮส
4. **สถานที่หรือบ้าของโฮส ว่าอยู่ไกลขนาดไหน เดินทางลำบากมั้ย (แนะนำว่า ควรจะเช็คให้ดีๆเลยค่ะ เพราะบางที่อาจจะมีค่าการเดินทางที่สูงมากๆซึ่งต้องจ่ายเองนะคะ #ใครไหวไปก่อนเลยจ้า)
5. ** รีวิวหรือ feedback ของโฮสนั้นๆ ว่าwwooferที่เคยไปโฮสนี้มาเป็นยังไงบ้าง เค้าเทคแคร์wwooferดีมั้ยนู่นนี่นั่น
เมื่อเราตัดสินใจเลือกโฮสได้แล้วว่าจะอยากไปอยู่กับโฮสคนไหน ให้เราทักไปคุยก่อนเลยจย้า ว่าเราจะไปอยู่ด้วยนะ ช่วงเวลานี้ถึงนี้ อยู่กี่วัน บลาๆ เราสามารถเลือกระยะเวลาที่เราสะดวกได้ตลอด แต่ต้องดูระยะเวลาที่โฮสสะดวกด้วยนะจ๊ะ
พอตกลงกันเสร็จก็ให้กด request contact information ของโฮส ได้เลยค่ะ แล้วถ้าโฮสเค้ายินยอม เราก็จะสามารถดูข้อมูลส่วนตัวของโฮสได้ เช่น บ้านเลขที่ ที่อยู่ เบอร์โทรศัพท์ สถานีรถไฟและการเดินทางต่างๆ ว่าโฮสสะดวกมารับเราได้ที่ไหน ต้องดูและจำเอาไว้นะจ๊ะ หรือจะแคปหน้าจอเก็บไว้ก้ได้ เพราะ เมื่อเวลาผ่านไปข้อมูลนี้ก็จะหายไปด้วยค่ะ ทำให้เราต้องเสียเวลา request ให้โฮสใหม่อีก ที่เป็นแบบนี้เพราะต้องการความปลอดภัยให้โฮสเช่นเดียวกันค่ะ
หลังจากที่เราตกลงกับโฮสแล้ว ก็เป็นอันว่าเสร็จเรียบร้อยค่ะ ใกล้ถึงวันเดินทางเราก็ทักโฮสไปเพื่อความมั่นใจว่าเค้ายังไม่ลืมเราก็พอค่ะ จัดแจงเวลานัดพบให้เรียบร้อย แค่นี้ก็จัดกระเป๋าและเดินทางได้เลยค่ะ
ใครอยากทราบอะไรเพิ่มเติมก็สามารถถามเข้ามากันได้ตลอดเลยนะคะ ขอบคุณที่อ่านมาถึงตรงนี้นะคะ
ถ้ามีข้อมูลผิดพลาดหรือไม่ครบถ้วนตรงไหน บอกได้ตลอดเลยนะคะ <3
เดี๋ยวต่อไปจะมาเล่าประสพการณ์และการเดินทางไป wwoof ที่ญี่ปุ่น ครั้งแรกค่ะ
ฝากติดตามกันต่อด้วยนะคะ
ขอบคุณค่า
ใครยังไม่รู้ว่า wwoof คืออะไร สมัครยังไง หาได้ที่นี่จ้าาา
อ๊าาา~เพื่อนๆอาจจะยังสงสัยกันอยู่ว่า "เอ๊ะ wwoof คืออะไร?", "wwoof เป็นโครงการ หรือ กิจกรรมอะไรหรอ?","wwoof ถูกกฏหมายมั้ย ปลอดภัยรึป่าว?"
เดี๋ยวเพื่อนๆจะได้ทราบคำตอบในกระทู้นี้นี่แหละค่ะ
Wwoof คืออะไร??
Wwoof คือโครงการที่สรรหาอาสาสมัครจากทั่วโลกที่มีความสนใจทางด้านการเกษตรให้กับเกษตรกรที่ทำการเกษตรอินทรีย์เพื่อที่จะได้เรียนรู้และเผยแพร่วัฒนธรรม รวมทั้งยังได้รับความรู้และประสพการณ์โดยตรงจากเกษตรกรในท้องที่นั้นๆผ่านการ 'เชื่อใจ' และ 'ไม่มีการแลกเปลี่ยนทางการเงิน' ซึ่งจะช่วยสร้างความมั่นคงให้กับเกษตรกร ใครที่อยากไปลองทำwwoofแต่ไม่อยากไปต่างประเทศ ไม่ต้องกลัว เพราะว่าในไทยก็มีhost ให้เลือกเช่นกัน
ขอสรุปสั้นๆเลยก็คือ Wwoof ก็คือการเอาแรงกายของเรานี่แหละ ไปแลกกับอาหาร3มื้อ และ ที่พัก ตลอดการทำงานให้กับเกษตรกรในแต่ละที่
การทำ wwoof จะมีตัวละครหลักอยู่ 2 ตัวก็คือ
1. Wwoofer คือ อาสาสมัครที่จะเข้าไปอยู่บ้านเดียวกับ host เพื่อช่วยงานต่างๆที่ host มอบหมาย และได้ลองใช้ชีวิตแบบเกษตรกรจริงๆ
2. Host คือ คนที่คอยเปิดบ้านต้อนรับ wwooferจากหลายๆที่ ที่ต้องการมาช่วยทำงาน
แล้วผิดกฏหมายมั้ย??
ตอบชัดตรงนี้เลยนะคะ ว่า "ไม่ผิดกฏหมายค่ะ" **เฉพาะวีซ่านักเรียนที่ได้รับอนุญาติในการทำงานพิเศษ only!! ใช้วีซ่านักท่องเที่ยวไม่ได้นาจาา** (วีซ่านักท่องเที่ยวได้แค่ 15วันเท่านั้น และไม่สามารถทำงานได้นะคะ)
เนื่องจากไม่ได้มีการแลกเปลี่ยนทางด้านการเงินนะคะ เพราะเราไปเพื่อการเรียนรู้การเกษตรและประสพการณ์ค่ะ แต่ว่าก็มีข้อควรระวังกันนิดนึง ตรงที่ว่า เราไปช่วยโฮสทำงานก็จริง แต่ว่าเราไม่ได้ไปเป็นcheap laborนะคะ การที่ใช้แรงงาน wwoofer เกินจำเป็นหรือให้โหมงานหนักเกินไปก็เป็นเรื่องที่ไม่ดีเช่นกันค่ะ แต่โดยส่วนมาก โฮสแต่ละที่จะกำหนดระยะเวลาในการทำงานของแต่ละวันอย่างชัดเจน เช่น ทำงานไม่เกิน 6 ชั่วโมงต่อ1 วัน ในแต่ละวัน โฮสจำเป็นต้องจัดหาอาหารให้กับ wwooferครบทุก3มื้อ ซึ่งแน่นอนค่ะ โฮสให้ข้าวให้น้ำเราขนาดนี้ เราก็ต้องทำงานให้คุ้มค่าอาหารกันหน่อยยย ในเรื่องของการขอวีซ่าหรือตม. ต้องบอกก่อนเลยนะคะว่าเราไปมาทั้งหมด 13 วันถ้วน โดยไปเที่ยวทั้งหมด 4 วันเต็มๆ และทำ wwoof อีกประมาณ 8 วันค่ะ (ไม่รวมระยะเวลาเดินทางต่างๆ)
อ๊าว! ไปแล้วไม่ได้เงิน แล้วได้อะไรอะ??
จากที่ได้ไปอยู่กับโฮสที่ญี่ปุ่นมา เราบอกเลยว่าได้อะไรกลับมาเยอะมากๆ นอกจากของฝากที่ได้มาแล้ว ก็บอกเลยว่าได้ 'ความรู้สึกดีๆ' ที่มีให้กับโฮสกับเพื่อนๆwwooferทุกคน การได้กินอาหารอร่อยๆทุกมื้อที่ิอยู่กับโฮส การได้เล่น ได้ไปเที่ยวรอบๆ การได้พูดคุยในภาษาที่เราแทบจะไม่รู้เรื่องเลย การได้เปลี่ยนบรรยากาศใหม่ๆ ทำอะไรที่ไม่เคยทำกินอะไรที่ไม่เคยกิน ประสพการณ์ดีๆที่หาได้จากการมาwwoof
ค่าใช้จ่ายแพงมั้ย??
โดยรวมแล้ว ค่าใช้จ่ายที่เราต้องเสียคือ "ค่าสมัครสมาชิคของการเป็น wwoofer" ซึ่งราคาสมาชิคของประเทศญี่ปุ่นคือประมาณ 1,500 บาท สำหรับประเทศอื่นอันนี้เราไม่แน่ใจเหมือนกัน แฮะๆ ส่วนค่ากินกับค่าที่พักไม่ต้องจ่ายใดๆทั้งสิ้นตลอดการทำงานให้กับ host แต่ในส่วนของค่าเดินทางและค่าที่พักหรือค่าขนมจิปาถะอื่นๆแล้ว เราต้องจ่ายเองตามปกติเด้อ พูดง่ายๆก็คือโฮสจะเลี้ยงเราแค่เฉพาะตอนที่เราทำงานเท่านั้นจ้า ซึ่งถ้าเทียบกับเราไปเที่ยวเองแล้วก็นับว่าคุ้มค่ามากๆเลยค่ะ
สมัครยังไง??
https://wwoof.net/#wwoof << เวปนี้เป็นเวปหลักของ wwoof ซึ่งจะมีหลากหลายประเทศที่เข้าร่วมโครงการให้เราได้เลือกกัน
หลังจากที่เราเลือกประเทศที่เราสนใจแล้ว ก็เข้าไปสมัครสมาชิคในเวปไซต์ของประเทศที่เราสนใจ จ่ายค่าสมาชิคของประเทศนั้นๆ (ประมาณ 1,500 บาท)
และสร้างโปรไฟล์เป็นwwoofer ได้เลยย
https://www.wwoofjapan.com/main/index.php?lang=en << นี่เป็นเวปไซต์ของประเทศญี่ปุ่นค่ะ
หน้าตาเวปไซต์ก็จะประมาณนี้ ^^^^
จากนั้น ให้เราศึกษาโฮสแต่ละที่ก่อนจะทำการตกลงหรือนัดแนะกับโฮส
สิ่งสำคัญที่ควรดูจากโปรไฟล์ของโฮสคือ
1. โฮสทำงานเกี่ยวกับอะไร เราสนใจงานนี้มั้ย
2. จำนวนปีที่โฮสได้สมัครเป็น host
3. ประวัติสมาชิคคร่าวๆของโฮส
4. **สถานที่หรือบ้าของโฮส ว่าอยู่ไกลขนาดไหน เดินทางลำบากมั้ย (แนะนำว่า ควรจะเช็คให้ดีๆเลยค่ะ เพราะบางที่อาจจะมีค่าการเดินทางที่สูงมากๆซึ่งต้องจ่ายเองนะคะ #ใครไหวไปก่อนเลยจ้า)
5. ** รีวิวหรือ feedback ของโฮสนั้นๆ ว่าwwooferที่เคยไปโฮสนี้มาเป็นยังไงบ้าง เค้าเทคแคร์wwooferดีมั้ยนู่นนี่นั่น
เมื่อเราตัดสินใจเลือกโฮสได้แล้วว่าจะอยากไปอยู่กับโฮสคนไหน ให้เราทักไปคุยก่อนเลยจย้า ว่าเราจะไปอยู่ด้วยนะ ช่วงเวลานี้ถึงนี้ อยู่กี่วัน บลาๆ เราสามารถเลือกระยะเวลาที่เราสะดวกได้ตลอด แต่ต้องดูระยะเวลาที่โฮสสะดวกด้วยนะจ๊ะ
พอตกลงกันเสร็จก็ให้กด request contact information ของโฮส ได้เลยค่ะ แล้วถ้าโฮสเค้ายินยอม เราก็จะสามารถดูข้อมูลส่วนตัวของโฮสได้ เช่น บ้านเลขที่ ที่อยู่ เบอร์โทรศัพท์ สถานีรถไฟและการเดินทางต่างๆ ว่าโฮสสะดวกมารับเราได้ที่ไหน ต้องดูและจำเอาไว้นะจ๊ะ หรือจะแคปหน้าจอเก็บไว้ก้ได้ เพราะ เมื่อเวลาผ่านไปข้อมูลนี้ก็จะหายไปด้วยค่ะ ทำให้เราต้องเสียเวลา request ให้โฮสใหม่อีก ที่เป็นแบบนี้เพราะต้องการความปลอดภัยให้โฮสเช่นเดียวกันค่ะ
หลังจากที่เราตกลงกับโฮสแล้ว ก็เป็นอันว่าเสร็จเรียบร้อยค่ะ ใกล้ถึงวันเดินทางเราก็ทักโฮสไปเพื่อความมั่นใจว่าเค้ายังไม่ลืมเราก็พอค่ะ จัดแจงเวลานัดพบให้เรียบร้อย แค่นี้ก็จัดกระเป๋าและเดินทางได้เลยค่ะ
ใครอยากทราบอะไรเพิ่มเติมก็สามารถถามเข้ามากันได้ตลอดเลยนะคะ ขอบคุณที่อ่านมาถึงตรงนี้นะคะ
ถ้ามีข้อมูลผิดพลาดหรือไม่ครบถ้วนตรงไหน บอกได้ตลอดเลยนะคะ <3
เดี๋ยวต่อไปจะมาเล่าประสพการณ์และการเดินทางไป wwoof ที่ญี่ปุ่น ครั้งแรกค่ะ
ฝากติดตามกันต่อด้วยนะคะ
ขอบคุณค่า