สวัสดีครับ
วันนี้จะมาขอต่อจากกระทู้ที่แล้ว (
https://ppantip.com/topic/37887885 ) นะครับ
กระทู้นี้คาดว่า จะรีวิวเฉพาะประเทศไซปรัสครับ เพราะถ้าควบรวมมอลต้าด้วยน่าจะยาวเกินไป
ความเดิมตอนที่แล้ว หลังจากเที่ยวรอบๆ Sofia, Bulgaria จนหนำใจแล้ว ก็จับไฟลท์ของ Ryanair รอบ ทุ่ม 35 จากสนามบิน Sofia บินตรงมายังเมือง Paphos ประเทศไซปรัส ถึงเวลาประมาณ 3 ทุ่ม 40 ครับ
แผนการเดินทางที่วางไว้ก็จะเป็นดังนี้
8 Mon 19:35 flight, arrive Paphos 21:40
9 Paphos
10 to Nicosia
11 Nicosia + Day trip to Kyrenia
12 to Larnaca
13 Sat 12:20 flight to Malta
สำหรับที่พักที่จองไว้ในคืนแรกสำหรับ Paphos คือ 777 Beach Guest House ครับ เป็น hostel ห้องหนึ่งนอนหลายคน
ตอนจองชั่งใจอยู่ระหว่าง 777 กับ Trip Yard Hostel Paphos ที่ราคาถูกกว่าเกือบเท่าตัว และไม่มีกฎปิดเชคอินหลัง 4 ทุ่ม
แต่อ่านรีวิวของ trip yard พบว่าคะแนนด้านความสะอาดต่ำเรี่ยดินมาก และยังมีความกังวลเรื่องความปลอดภัย เนื่องจากไม่มี locker และประตูต่างๆก็ไม่มี lock กลัวของหายครับ เลยยอมจ่ายแพงคืนละ 27 Euros บวกกับค่า Airport Shuttle อีก 25 Euros (จข guest house บอกว่าต้องมากับ airport shuttle ของเขาเท่านั้นถ้าอยากเชคอินหลัง 4 ทุ่ม)
ผลการไปพัก พบว่าตัว hostel สะอาดดีครับ มีล็อคที่ประตูหน้า แต่จำนวน locker มีไม่เพียงพอต่อผู้พัก ห้องพัก 4 คน มี locker แค่สองตู้เท่านั้น ผมเองโชคร้ายไม่ได้ใช้ โชคยังดีที่ไม่มีอะไรหายทั้งที่วางกระเป๋าคอมพิวเตอร์ทิ้งไว้ตอนไปเที่ยว คงเป็นเพราะคนนอกไขกุญแจเข้ามาไม่ได้ คนที่จะขโมยได้ต้องเป็นพนักงานหรือแขกด้วยกันเท่านั้น
ข้อเสียอีกอย่างคือไม่มี reception แล้วตัวพนักงานก็อยู่ไหนไม่รู้ทั้งวัน หาตัวไม่เจอเลย
ผมซึ่งปกติพึ่งพาข้อมูลเที่ยวจาก hostel จึงต้องเดินไปที่ tourist information center เพื่อขอข้อมูล ซึ่งก็โชคดีอยู่ไม่ไกลนัก
บอกข้อมูลก่อนว่าเมือง Paphos จะมีโซนหลักของนักท่องเที่ยวอยู่สองโซน นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่จะอยู่โซนริมชายหาด ซึ่งก็เป็นโซนที่ผมพัก มีสถานีรถบัสชื่อว่า Kato Paphos
ส่วนโซนที่สองคือโซน 'old town' อยู่ inland เข้าไป มีสถานีรถชื่อ Karavella
รถจากสนามบิน จะไปที่ Karavella ถึงเย็นๆเท่านั้น แต่จะไปที่ Kato Paphos ถึงดึก (อย่างไรก็ดี รถเชื่อมระหว่างสองสถานีก็มีถึงดึกๆเช่นกัน)
เริ่มเลยนะครับ วันที่ 9 คือวันแรกหลังจากวันที่มาถึงใน Paphos ตื่นก็ 10 โมงกว่าแล้ว ผมก็เดินเลาะหาดไปหา tourist information center เขาก็บอกสายรถเมล์ไปที่ต่างๆและให้แผนที่มา พอได้ข้อมูลก็จัดแจงนั่งรถไปแถว 'old town' เลย (เรียกว่า old town แต่ไม่มีความรู้สึกเป็นเมืองเก่าตรงไหนเลยครับ)
รถที่วิ่งจาก Kato Paphos ไปเมืองเก่า คือสาย 610 และ 618 โดยสาย 618 จะไปสุดที่ Karavella ส่วน 610 จะไปสุดที่ตลาด
พอดีสาย 610 มาก่อน ก็เลยขึ้นไปลงที่ตลาด ซึ่งจากตลาดไป Karavella และที่ที่ผมตั้งใจจะไปก็เดินไม่ไกลนัก
ที่ที่ผมตั้งใจจะไปคือ อีกหนึ่งร้านอาหารดังบน tripadvisor ซึ่งแน่นอนว่าผมเช็คมาแล้วว่าเปิดเวลาอาหารกลางวัน
ร้านที่ว่าคือร้าน Laona Restaurant อยู่เยื้องกับ Tourist Information ใน old town นิดเดียว ผมหาไม่เจอก็ถามเขา
เมนูอาหาร
เมนูที่เลือกสั่งคือ Cappuccino Freddo กับ Rabbit Stifado
Cappuccino Freddo หรือกาแฟนมเย็นใส่ฟองนม ไม่มีน้ำตาลนะครับ
Rabbit Stifado
Stifado คือการปรุงอาหารโดยเอาเนื้อสัตว์มาผัดกับหอมใหญ่เยอะๆ และปรุงรสด้วยน้ำส้มสายชู
ผลคือ มันก็เปรี้ยวสิครับ เปรี้ยวขัดใจมากๆ เป็นอันว่าผมสั่งผิด อาหารชนิดนี้มันเป็นงี้เอง แต่ผมไม่ชอบ
หลังจากกินอาหาร เดินตลาดซึ่งไม่มีอะไร ก็เดินตากแดดนิดหน่อย ไป Tombs of the Kings ซึ่งเป็น excavation คือแหล่งซากโบราณสถานแห่งหนึ่งซึ่งอยู่ใกล้ๆขนาดพอเดินจากเมืองเก่าได้ (และไม่มีรถไปจากเมืองเก่า)
พบว่า Tomb of the Kings นี่ก็ไม่มีอะไรเหมือนกัน เป็นซากๆ พังๆ แต่ทะเลสวยดี พันธุ์พืชพันธุ์ไม้ต่างๆก็แปลกตาดีครับ
ดูเสร็จก็ นั่งรถเมล์สายอะไรไม่รู้ลืมไปแล้ว ที่ tourist info center บอก เพื่อกลับสถานี Kato Paphos
เดินดูชายหาด เดินดูปราสาท แล้วก็โดนหลอกขายทัวร์ล่องเรือไปดู Shipwreck กับปะการัง
ที่ว่าโดนหลอกเพราะ เรือมีช่องกระจกข้างล่างให้ดู แต่ดูแทบไม่เห็นอะไรเลยครับ
ก็คิดซะว่าไปนั่งเรือเล่น ราคา 10 Euro
แล้วก็กลับที่พักครับ คุย line กับแม่ รอเวลาอาหารเย็น ไม่ได้คิดจะไปเที่ยวที่เที่ยวอะไรที่ไกลๆกว่านั้น
ร้านที่เลือกไปกินตอนเย็นก็เป็นอีกหนึ่งร้านดังครับ ชื่อร้าน Mother's Restaurant
ตัวร้านอาหารจะอยู่ตรงกลางของบลอค ต้องเดินผ่านร้านอื่นๆเข้าไปตรงกลาง
เมนูจานหลักของร้านครับ
สังเกตว่า จะมีอาหารที่เรียกว่า meze คือเป็นอาหารชุดจานเล็กจานน้อยหลายๆอย่างครับ
แต่ เขารับทำเมื่อมีคนสั่ง 2 คนขึ้นไปเท่านั้น ซึ่งเป็นแบบนี้ทุกร้าน
ผมซึ่งเป็น solo traveler ก็อดแxกไปครับ
สั่ง koupepia หรือใบองุ่นยัดใส้ ซึ่งเคยกินในร้านอาหารเลบานอนที่กรุงเทพ มาเป็น appetizer
ผลคือ ออกมามีชิ้นเล็กๆอยู่ 3 ชิ้น แห้ง และไร้รสชาติ (ราคา 4.5 Euros)
ส่วน main ที่สั่งไปคือ Moussaka ครับ ซึ่งอาหารจานนี้ตามที่เคยกินคือจะเป็นมะเขือม่วงอบกับเนื้อสับ ซอสเบชาเมล และโปะด้วยชีส
สาเหตุที่เลือก Moussaka เพราะ เข้าไปอ่านรีวิวร้าน แล้วมีคนนึงที่บ่นว่า Moussaka นั้นใส่ซอส Bechamel เยอะเกินไป ไอ้ผมชอบซอสเบชาเมล ก็เลยอยากลองสิครับ
ผลคือ เป็น Moussaka ที่สมกับเป็นจานหลัก คือใส่ผักหลายอย่างรวมทั้งมันฝรั่งที่ทำให้อิ่ม ชิ้นใหญ่มาก
แต่ปัญหาอยู่ที่ซอสเบชาเมลครับ คือ มันเป็นเบชาเมลที่ข้นคลั่กจนไม่เหลือความเป็นซอส มันแทบจะเป็นแป้งแพนเค้กอยู่แล้ว
ก็เลยผิดหวังกับร้านนี้โดยสิ้นเชิงครับ (แต่ก็กินจนหมดนะ)
วันที่ 10
ต้องนั่งรถจาก Kato Paphos ไป Karavella เพื่อต่อรถระหว่างเมืองจาก Karavella ไปยังเมืองหลวงคือ Nicosia (บ้างก็เรียก Lefkosia)
ไปถึงประมาณบ่ายโมงพอดี ท้องหิว เลยกิน Gyros (เป็นแบบ Döner kebab คือเคบับแบบฝานๆเนื้อจากเนื้อก้อนใหญ่ๆ แต่ที่นี่จะเรียก Gyros ตามประเทศกรีซ เนื่องจากประชากรส่วนใหญ่เป็นชาวกรีกนั่นเอง) โดยกีรอสนั้นจะมีเนื้อหมูด้วย ส่วนที่นี่ถ้าเรียก Kebab จะหมายถึงเนื้อย่างแบบอื่นๆ เช่นเนื้อเสียบไม้ย่างกับเตา เป็นต้น
Gyros ชิ้นละ 5.3 ยูโร อิ่มมาก
หลังจากนั้นก็เข้าที่พัก คือ Kipros Accommodation ห้องดีมาก เป็นห้องเดี่ยว คืนละ 35 ยูโร
พักพอหายร้อน (อุณหภูมิในร่มช่วงที่ไปคือ 38) ก็ออกมาเดินเที่ยวในเมืองเก่า
ผลคือ ผิดหวังกับเมืองเก่า Nicosia ครับ
ถ้าลองดู google maps จะพบว่าเมืองเก่า Nicosia น่าสนใจมาก คือจะมีกำแพง Venetian ล้อมรอบเป็นแฉกๆ
แต่ความเป็นจริงคือ ไม่มีจุดชมวิวที่จะมองเห็นกำแพงเหล่านี้ได้ครับ และก็มีขยะมั่งอะไรมั่งคอยบดบังทัศนียภาพหมด
ตัวเมืองเก่าในกำแพงก็ คาดหวังว่าจะเป็น mini-Jerusalem คือมีตรอกซอกซอยที่สวยไปหมด
ที่นี่ไม่มีอะไรแบบนั้นครับ เก่าคือเก่า และไม่มีอะไรเลย ไม่มีของวางขาย ฯลฯ
ที่สวยมีแค่ถนนหลัก Ledras street กับถนนคู่กันอีกสายหนึ่งเท่านั้น
ซึ่งสวยก็คือสวยแบบถนนคนเดิน ไม่ได้สวยแบบเมืองเก่า
ก็โอเคครับ พอถ่ายรูปได้บ้าง
ก็เลยลองข้ามไป Nicosia ฝั่ง Northern Cyprus ครับ (เกาะ Cyprus จะมีประเทศสองประเทศนะครับ คือประเทศไซปรัส และประเทศ Northern Cyprus ซึ่งเกิดจากการที่ตุรกีเคยบุกมายึดเกาะนี้ ทางเหนือเลยอยู่ใต้การควบคุมของตุรกีไป)
ประเทศไซปรัส คนไทยใช้วีซ่าเชงเก้นเข้าได้ ส่วนไซปรัสเหนือ เป็นของตุรกี ซึ่งคนไทยฟรีวีซ่าอยู่แล้ว สรุปว่าถ้าเข้าทางใต้ได้ ก็เข้าทางเหนือได้ครับ แค่เดินผ่าน checkpoint ข้ามชายแดน
ฝั่งเหนือของ Nicosia รู้สึกดูสวยกว่าฝั่งใต้นิดหน่อย แต่เนื่องจากไม่มีแผนที่ เลยเดินมั่ว มั่วจนไปเจอ Kyrenia Gate ทางตอนเหนือของเมือง ซึ่งเราสามารถใช้ขึ้นรถไปเมือง Kyrenia เมืองท่าสวยของฝั่งทางเหนือ ในวันหลังได้ครับ ก็จำตำแหน่งจำวิธีเดินไว้ เพื่อจะมาอีกในวันต่อไป
อ้อ พบเจ้านี่ขายที่ฝั่งเหนือด้วย
มันคือลูก Cactus Fig หรืออีกชื่อคือ Prickly Pear ครับ
รสสัมผัสจะเหมือนแก้วมังกร คือฉ่ำๆน้ำ หวานอ่อนๆเหมือนกัน แต่ปัญหาคือมันเม็ดเยอะมาก คนชอบอย่างผมก็ชอบครับ แค่กินลำบาก
กลับมาฝั่งใต้ ก็ใกล้เวลาอาหารเย็นครับ เดินเล่นรอ 1 ทุ่ม เพื่อไปกินร้านดัง Piatsa Gourounaki
เมนูของร้านครับ
http://piatsagourounaki.com.cy/wp-content/uploads/2018/04/Express-Menu-Takeaway-eng.jpg
ร้านนี้หลักๆก็จะมีเคบับ และพวกเพสท์ต่างๆแบบอาหารตะวันออกกลาง
ที่ผมสั่งไปก็จะมี eggplant dip และ tahini (งาบด)
มะเขือออกมาอร่อยครับ แต่ Tahini เค็มมากจนกินไม่ได้
จานหลักเป็น Giaourtlou Kebab with Lamb and Veal
ออกมาเป็นเนื้อบดย่าง ราดซอสมะเขือเทศและซอสโยเกิร์ตครับ เสิร์ฟพร้อมกับผักย่างและ French Fries จานนี้ 8.9 Euros เป็นจานที่แพงที่สุดในร้าน
ผล อร่อยครับ แต่เยอะมากกก ผักย่างก็เยอะ เยอะจนกินไม่หมด
แต่ผมว่าซอสโยเกิร์ตไม่เข้ากับเนื้อย่างเลย คหสต นะครับ คนแถวนี้กินโยเกิร์ตกับเนื้อย่างเป็นปกติ
วันที่ 11
ข้ามฝั่งไป Northern Cyprus อีกครั้ง เอาเงินไปแลกเป็น Turkish Lira จำนวน 20 Euros แลกได้ 110 Liras
ค่ารถเมล์ไป Kyrenia แค่ 6 Lira ครับ ถูกมากๆ นั่งรถประมาณ ชม ก็ถึง
ระหว่างหลงทางอยู่ แวะกินกลางวันที่ร้านมั่วๆข้างทาง
บอกกันก่อนนะครับว่าที่ไซปรัสนี่ ทั้งฝั่งเหนือฝั่งใต้ มีร้านขาย English Breakfast เยอะมากๆ
สาเหตุเพราะเคยถูกปกครองโดยจักรวรรดิอังกฤษนั่นเองครับ
ร้านมั่วๆข้างทางที่ว่า แน่นอนว่าเป็นร้านอาหารตุรกี ชื่อนี้ครับ
ชื่อร้าน เมนู และราคาอาหาร
ที่สั่งไปคือ mixed kebab ราคา 40 Liras
หลังจากนั้นก็ เดินดูอ่าว ขึ้นปราสาทถ่ายรูปอ่าว ไปเรื่อย search google images คำว่า Kyrenia กันดูนะครับ สวยมากๆ
เที่ยวเสร็จก็กลับครับ รอกินข้าวเย็น โดยขากลับนั่ง dolmus หรือ shared taxi ค่ารถ 8 ยูโร
ตอนเย็นลองกินร้านดังอีกร้าน ซึ่งอยู่บน Ledras Street ติดกับ border crossing เลย คือร้าน Kathodon
(ร้านนี้แมวเยอะมาก ทาสแมวมีความสุข)
เมนูจานหลัก
ที่สั่งไปคือ appetizer สองอย่าง อย่างแรก mediteranean sand smelt
คือปลาตัวเล็กๆทอดนั่นเอง
อย่างที่สองเป็น Spicy Cyproit Sausage
อันนี้ก็ใช้ได้แต่ผมว่าเค็มไปหน่อย
จานหลัก เนื่องจากคาใจ Moussaka วันก่อน เลยลองสั่ง Moussaka ที่นี่ดู
ผลคือ ออกมาเหมือนร้าน Mother's Restaurant ที่ Paphos เลยครับ
คือ ใส่ผักหลายอย่างรวมทั้งมันฝรั่งเหมือนกัน และซอสเบชาเมลก็ข้นคลั่กจนเป็นแพนเค้กเหมือนกันไม่มีผิดเพี้ยน
เลยได้ข้อสรุปว่า Moussaka ที่ไซปรัส คงจะไม่เหมือนที่อื่นครับ จะมาทานต้องเปิดใจนิดนึง
โควต้าตัวอักษรหมด ต่อที่คอมเมนท์นะครับ
รีวิว (เกือบ) ไร้ภาพ โปรตุเกสใต้-Sevilla-Kosovo-Bulgaria-Cyprus-Malta (3) + ภาพอาหารพร้อมรีวิว
วันนี้จะมาขอต่อจากกระทู้ที่แล้ว ( https://ppantip.com/topic/37887885 ) นะครับ
กระทู้นี้คาดว่า จะรีวิวเฉพาะประเทศไซปรัสครับ เพราะถ้าควบรวมมอลต้าด้วยน่าจะยาวเกินไป
ความเดิมตอนที่แล้ว หลังจากเที่ยวรอบๆ Sofia, Bulgaria จนหนำใจแล้ว ก็จับไฟลท์ของ Ryanair รอบ ทุ่ม 35 จากสนามบิน Sofia บินตรงมายังเมือง Paphos ประเทศไซปรัส ถึงเวลาประมาณ 3 ทุ่ม 40 ครับ
แผนการเดินทางที่วางไว้ก็จะเป็นดังนี้
8 Mon 19:35 flight, arrive Paphos 21:40
9 Paphos
10 to Nicosia
11 Nicosia + Day trip to Kyrenia
12 to Larnaca
13 Sat 12:20 flight to Malta
สำหรับที่พักที่จองไว้ในคืนแรกสำหรับ Paphos คือ 777 Beach Guest House ครับ เป็น hostel ห้องหนึ่งนอนหลายคน
ตอนจองชั่งใจอยู่ระหว่าง 777 กับ Trip Yard Hostel Paphos ที่ราคาถูกกว่าเกือบเท่าตัว และไม่มีกฎปิดเชคอินหลัง 4 ทุ่ม
แต่อ่านรีวิวของ trip yard พบว่าคะแนนด้านความสะอาดต่ำเรี่ยดินมาก และยังมีความกังวลเรื่องความปลอดภัย เนื่องจากไม่มี locker และประตูต่างๆก็ไม่มี lock กลัวของหายครับ เลยยอมจ่ายแพงคืนละ 27 Euros บวกกับค่า Airport Shuttle อีก 25 Euros (จข guest house บอกว่าต้องมากับ airport shuttle ของเขาเท่านั้นถ้าอยากเชคอินหลัง 4 ทุ่ม)
ผลการไปพัก พบว่าตัว hostel สะอาดดีครับ มีล็อคที่ประตูหน้า แต่จำนวน locker มีไม่เพียงพอต่อผู้พัก ห้องพัก 4 คน มี locker แค่สองตู้เท่านั้น ผมเองโชคร้ายไม่ได้ใช้ โชคยังดีที่ไม่มีอะไรหายทั้งที่วางกระเป๋าคอมพิวเตอร์ทิ้งไว้ตอนไปเที่ยว คงเป็นเพราะคนนอกไขกุญแจเข้ามาไม่ได้ คนที่จะขโมยได้ต้องเป็นพนักงานหรือแขกด้วยกันเท่านั้น
ข้อเสียอีกอย่างคือไม่มี reception แล้วตัวพนักงานก็อยู่ไหนไม่รู้ทั้งวัน หาตัวไม่เจอเลย
ผมซึ่งปกติพึ่งพาข้อมูลเที่ยวจาก hostel จึงต้องเดินไปที่ tourist information center เพื่อขอข้อมูล ซึ่งก็โชคดีอยู่ไม่ไกลนัก
บอกข้อมูลก่อนว่าเมือง Paphos จะมีโซนหลักของนักท่องเที่ยวอยู่สองโซน นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่จะอยู่โซนริมชายหาด ซึ่งก็เป็นโซนที่ผมพัก มีสถานีรถบัสชื่อว่า Kato Paphos
ส่วนโซนที่สองคือโซน 'old town' อยู่ inland เข้าไป มีสถานีรถชื่อ Karavella
รถจากสนามบิน จะไปที่ Karavella ถึงเย็นๆเท่านั้น แต่จะไปที่ Kato Paphos ถึงดึก (อย่างไรก็ดี รถเชื่อมระหว่างสองสถานีก็มีถึงดึกๆเช่นกัน)
เริ่มเลยนะครับ วันที่ 9 คือวันแรกหลังจากวันที่มาถึงใน Paphos ตื่นก็ 10 โมงกว่าแล้ว ผมก็เดินเลาะหาดไปหา tourist information center เขาก็บอกสายรถเมล์ไปที่ต่างๆและให้แผนที่มา พอได้ข้อมูลก็จัดแจงนั่งรถไปแถว 'old town' เลย (เรียกว่า old town แต่ไม่มีความรู้สึกเป็นเมืองเก่าตรงไหนเลยครับ)
รถที่วิ่งจาก Kato Paphos ไปเมืองเก่า คือสาย 610 และ 618 โดยสาย 618 จะไปสุดที่ Karavella ส่วน 610 จะไปสุดที่ตลาด
พอดีสาย 610 มาก่อน ก็เลยขึ้นไปลงที่ตลาด ซึ่งจากตลาดไป Karavella และที่ที่ผมตั้งใจจะไปก็เดินไม่ไกลนัก
ที่ที่ผมตั้งใจจะไปคือ อีกหนึ่งร้านอาหารดังบน tripadvisor ซึ่งแน่นอนว่าผมเช็คมาแล้วว่าเปิดเวลาอาหารกลางวัน
ร้านที่ว่าคือร้าน Laona Restaurant อยู่เยื้องกับ Tourist Information ใน old town นิดเดียว ผมหาไม่เจอก็ถามเขา
เมนูอาหาร
เมนูที่เลือกสั่งคือ Cappuccino Freddo กับ Rabbit Stifado
Cappuccino Freddo หรือกาแฟนมเย็นใส่ฟองนม ไม่มีน้ำตาลนะครับ
Rabbit Stifado
Stifado คือการปรุงอาหารโดยเอาเนื้อสัตว์มาผัดกับหอมใหญ่เยอะๆ และปรุงรสด้วยน้ำส้มสายชู
ผลคือ มันก็เปรี้ยวสิครับ เปรี้ยวขัดใจมากๆ เป็นอันว่าผมสั่งผิด อาหารชนิดนี้มันเป็นงี้เอง แต่ผมไม่ชอบ
หลังจากกินอาหาร เดินตลาดซึ่งไม่มีอะไร ก็เดินตากแดดนิดหน่อย ไป Tombs of the Kings ซึ่งเป็น excavation คือแหล่งซากโบราณสถานแห่งหนึ่งซึ่งอยู่ใกล้ๆขนาดพอเดินจากเมืองเก่าได้ (และไม่มีรถไปจากเมืองเก่า)
พบว่า Tomb of the Kings นี่ก็ไม่มีอะไรเหมือนกัน เป็นซากๆ พังๆ แต่ทะเลสวยดี พันธุ์พืชพันธุ์ไม้ต่างๆก็แปลกตาดีครับ
ดูเสร็จก็ นั่งรถเมล์สายอะไรไม่รู้ลืมไปแล้ว ที่ tourist info center บอก เพื่อกลับสถานี Kato Paphos
เดินดูชายหาด เดินดูปราสาท แล้วก็โดนหลอกขายทัวร์ล่องเรือไปดู Shipwreck กับปะการัง
ที่ว่าโดนหลอกเพราะ เรือมีช่องกระจกข้างล่างให้ดู แต่ดูแทบไม่เห็นอะไรเลยครับ
ก็คิดซะว่าไปนั่งเรือเล่น ราคา 10 Euro
แล้วก็กลับที่พักครับ คุย line กับแม่ รอเวลาอาหารเย็น ไม่ได้คิดจะไปเที่ยวที่เที่ยวอะไรที่ไกลๆกว่านั้น
ร้านที่เลือกไปกินตอนเย็นก็เป็นอีกหนึ่งร้านดังครับ ชื่อร้าน Mother's Restaurant
ตัวร้านอาหารจะอยู่ตรงกลางของบลอค ต้องเดินผ่านร้านอื่นๆเข้าไปตรงกลาง
เมนูจานหลักของร้านครับ
สังเกตว่า จะมีอาหารที่เรียกว่า meze คือเป็นอาหารชุดจานเล็กจานน้อยหลายๆอย่างครับ
แต่ เขารับทำเมื่อมีคนสั่ง 2 คนขึ้นไปเท่านั้น ซึ่งเป็นแบบนี้ทุกร้าน
ผมซึ่งเป็น solo traveler ก็อดแxกไปครับ
สั่ง koupepia หรือใบองุ่นยัดใส้ ซึ่งเคยกินในร้านอาหารเลบานอนที่กรุงเทพ มาเป็น appetizer
ผลคือ ออกมามีชิ้นเล็กๆอยู่ 3 ชิ้น แห้ง และไร้รสชาติ (ราคา 4.5 Euros)
ส่วน main ที่สั่งไปคือ Moussaka ครับ ซึ่งอาหารจานนี้ตามที่เคยกินคือจะเป็นมะเขือม่วงอบกับเนื้อสับ ซอสเบชาเมล และโปะด้วยชีส
สาเหตุที่เลือก Moussaka เพราะ เข้าไปอ่านรีวิวร้าน แล้วมีคนนึงที่บ่นว่า Moussaka นั้นใส่ซอส Bechamel เยอะเกินไป ไอ้ผมชอบซอสเบชาเมล ก็เลยอยากลองสิครับ
ผลคือ เป็น Moussaka ที่สมกับเป็นจานหลัก คือใส่ผักหลายอย่างรวมทั้งมันฝรั่งที่ทำให้อิ่ม ชิ้นใหญ่มาก
แต่ปัญหาอยู่ที่ซอสเบชาเมลครับ คือ มันเป็นเบชาเมลที่ข้นคลั่กจนไม่เหลือความเป็นซอส มันแทบจะเป็นแป้งแพนเค้กอยู่แล้ว
ก็เลยผิดหวังกับร้านนี้โดยสิ้นเชิงครับ (แต่ก็กินจนหมดนะ)
วันที่ 10
ต้องนั่งรถจาก Kato Paphos ไป Karavella เพื่อต่อรถระหว่างเมืองจาก Karavella ไปยังเมืองหลวงคือ Nicosia (บ้างก็เรียก Lefkosia)
ไปถึงประมาณบ่ายโมงพอดี ท้องหิว เลยกิน Gyros (เป็นแบบ Döner kebab คือเคบับแบบฝานๆเนื้อจากเนื้อก้อนใหญ่ๆ แต่ที่นี่จะเรียก Gyros ตามประเทศกรีซ เนื่องจากประชากรส่วนใหญ่เป็นชาวกรีกนั่นเอง) โดยกีรอสนั้นจะมีเนื้อหมูด้วย ส่วนที่นี่ถ้าเรียก Kebab จะหมายถึงเนื้อย่างแบบอื่นๆ เช่นเนื้อเสียบไม้ย่างกับเตา เป็นต้น
Gyros ชิ้นละ 5.3 ยูโร อิ่มมาก
หลังจากนั้นก็เข้าที่พัก คือ Kipros Accommodation ห้องดีมาก เป็นห้องเดี่ยว คืนละ 35 ยูโร
พักพอหายร้อน (อุณหภูมิในร่มช่วงที่ไปคือ 38) ก็ออกมาเดินเที่ยวในเมืองเก่า
ผลคือ ผิดหวังกับเมืองเก่า Nicosia ครับ
ถ้าลองดู google maps จะพบว่าเมืองเก่า Nicosia น่าสนใจมาก คือจะมีกำแพง Venetian ล้อมรอบเป็นแฉกๆ
แต่ความเป็นจริงคือ ไม่มีจุดชมวิวที่จะมองเห็นกำแพงเหล่านี้ได้ครับ และก็มีขยะมั่งอะไรมั่งคอยบดบังทัศนียภาพหมด
ตัวเมืองเก่าในกำแพงก็ คาดหวังว่าจะเป็น mini-Jerusalem คือมีตรอกซอกซอยที่สวยไปหมด
ที่นี่ไม่มีอะไรแบบนั้นครับ เก่าคือเก่า และไม่มีอะไรเลย ไม่มีของวางขาย ฯลฯ
ที่สวยมีแค่ถนนหลัก Ledras street กับถนนคู่กันอีกสายหนึ่งเท่านั้น
ซึ่งสวยก็คือสวยแบบถนนคนเดิน ไม่ได้สวยแบบเมืองเก่า
ก็โอเคครับ พอถ่ายรูปได้บ้าง
ก็เลยลองข้ามไป Nicosia ฝั่ง Northern Cyprus ครับ (เกาะ Cyprus จะมีประเทศสองประเทศนะครับ คือประเทศไซปรัส และประเทศ Northern Cyprus ซึ่งเกิดจากการที่ตุรกีเคยบุกมายึดเกาะนี้ ทางเหนือเลยอยู่ใต้การควบคุมของตุรกีไป)
ประเทศไซปรัส คนไทยใช้วีซ่าเชงเก้นเข้าได้ ส่วนไซปรัสเหนือ เป็นของตุรกี ซึ่งคนไทยฟรีวีซ่าอยู่แล้ว สรุปว่าถ้าเข้าทางใต้ได้ ก็เข้าทางเหนือได้ครับ แค่เดินผ่าน checkpoint ข้ามชายแดน
ฝั่งเหนือของ Nicosia รู้สึกดูสวยกว่าฝั่งใต้นิดหน่อย แต่เนื่องจากไม่มีแผนที่ เลยเดินมั่ว มั่วจนไปเจอ Kyrenia Gate ทางตอนเหนือของเมือง ซึ่งเราสามารถใช้ขึ้นรถไปเมือง Kyrenia เมืองท่าสวยของฝั่งทางเหนือ ในวันหลังได้ครับ ก็จำตำแหน่งจำวิธีเดินไว้ เพื่อจะมาอีกในวันต่อไป
อ้อ พบเจ้านี่ขายที่ฝั่งเหนือด้วย
มันคือลูก Cactus Fig หรืออีกชื่อคือ Prickly Pear ครับ
รสสัมผัสจะเหมือนแก้วมังกร คือฉ่ำๆน้ำ หวานอ่อนๆเหมือนกัน แต่ปัญหาคือมันเม็ดเยอะมาก คนชอบอย่างผมก็ชอบครับ แค่กินลำบาก
กลับมาฝั่งใต้ ก็ใกล้เวลาอาหารเย็นครับ เดินเล่นรอ 1 ทุ่ม เพื่อไปกินร้านดัง Piatsa Gourounaki
เมนูของร้านครับ http://piatsagourounaki.com.cy/wp-content/uploads/2018/04/Express-Menu-Takeaway-eng.jpg
ร้านนี้หลักๆก็จะมีเคบับ และพวกเพสท์ต่างๆแบบอาหารตะวันออกกลาง
ที่ผมสั่งไปก็จะมี eggplant dip และ tahini (งาบด)
มะเขือออกมาอร่อยครับ แต่ Tahini เค็มมากจนกินไม่ได้
จานหลักเป็น Giaourtlou Kebab with Lamb and Veal
ออกมาเป็นเนื้อบดย่าง ราดซอสมะเขือเทศและซอสโยเกิร์ตครับ เสิร์ฟพร้อมกับผักย่างและ French Fries จานนี้ 8.9 Euros เป็นจานที่แพงที่สุดในร้าน
ผล อร่อยครับ แต่เยอะมากกก ผักย่างก็เยอะ เยอะจนกินไม่หมด
แต่ผมว่าซอสโยเกิร์ตไม่เข้ากับเนื้อย่างเลย คหสต นะครับ คนแถวนี้กินโยเกิร์ตกับเนื้อย่างเป็นปกติ
วันที่ 11
ข้ามฝั่งไป Northern Cyprus อีกครั้ง เอาเงินไปแลกเป็น Turkish Lira จำนวน 20 Euros แลกได้ 110 Liras
ค่ารถเมล์ไป Kyrenia แค่ 6 Lira ครับ ถูกมากๆ นั่งรถประมาณ ชม ก็ถึง
ระหว่างหลงทางอยู่ แวะกินกลางวันที่ร้านมั่วๆข้างทาง
บอกกันก่อนนะครับว่าที่ไซปรัสนี่ ทั้งฝั่งเหนือฝั่งใต้ มีร้านขาย English Breakfast เยอะมากๆ
สาเหตุเพราะเคยถูกปกครองโดยจักรวรรดิอังกฤษนั่นเองครับ
ร้านมั่วๆข้างทางที่ว่า แน่นอนว่าเป็นร้านอาหารตุรกี ชื่อนี้ครับ
ชื่อร้าน เมนู และราคาอาหาร
ที่สั่งไปคือ mixed kebab ราคา 40 Liras
หลังจากนั้นก็ เดินดูอ่าว ขึ้นปราสาทถ่ายรูปอ่าว ไปเรื่อย search google images คำว่า Kyrenia กันดูนะครับ สวยมากๆ
เที่ยวเสร็จก็กลับครับ รอกินข้าวเย็น โดยขากลับนั่ง dolmus หรือ shared taxi ค่ารถ 8 ยูโร
ตอนเย็นลองกินร้านดังอีกร้าน ซึ่งอยู่บน Ledras Street ติดกับ border crossing เลย คือร้าน Kathodon
(ร้านนี้แมวเยอะมาก ทาสแมวมีความสุข)
เมนูจานหลัก
ที่สั่งไปคือ appetizer สองอย่าง อย่างแรก mediteranean sand smelt
คือปลาตัวเล็กๆทอดนั่นเอง
อย่างที่สองเป็น Spicy Cyproit Sausage
อันนี้ก็ใช้ได้แต่ผมว่าเค็มไปหน่อย
จานหลัก เนื่องจากคาใจ Moussaka วันก่อน เลยลองสั่ง Moussaka ที่นี่ดู
ผลคือ ออกมาเหมือนร้าน Mother's Restaurant ที่ Paphos เลยครับ
คือ ใส่ผักหลายอย่างรวมทั้งมันฝรั่งเหมือนกัน และซอสเบชาเมลก็ข้นคลั่กจนเป็นแพนเค้กเหมือนกันไม่มีผิดเพี้ยน
เลยได้ข้อสรุปว่า Moussaka ที่ไซปรัส คงจะไม่เหมือนที่อื่นครับ จะมาทานต้องเปิดใจนิดนึง
โควต้าตัวอักษรหมด ต่อที่คอมเมนท์นะครับ