ขอบคุณทุกท่านที่กดแชร์ให้กับเรื่องสั้นท่องเที่ยว "ห่มรัก พักใจ ไว้ที่ซาปา" นะคะ
หลังจากที่ป๊อกผิดหวังจากความรัก จึงชักชวนโมเพื่อนสาว มาเที่ยวฮานอย ซาปา
การเดินทางได้ช่วยเยียวยาหัวใจและความคิดของป๊อก และกระชับความสัมพันธ์ของเพื่อนทั้งสองไว้ยิ่งขึ้น
แต่คืนนี้ เป็นคืนแรกที่อยู่ซาปา การนั่งดื่มชิลๆ สไตล์หนุ่มสาวบางกอก มันจะเหมือนเที่ยวกลางคืนเมืองไทยหรือไม่ เราไปเที่ยวพร้อมกับโมและป๊อกกันค่ะ
++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
ซาปาที่จะไม่ลืม
ป๊อกชวนออกมานั่งดื่มที่บาร์ใกล้ร้านชาบูปลาแซลม่อน ร้านที่เราเลือกเป็นบาร์เล็กๆ ขนาดห้องแถว 1 ห้อง มีชานหน้าร้าน ทำเป็นเคาน์เตอร์ไม้และม้านั่งยาวสำหรับนั่งดื่ม นั่งคุย และชมความเคลื่อนไหวบนท้องถนนด้านหน้า แม้จะ 2 ทุ่มกว่าแล้ว แต่นักท่องเที่ยวก็ยังคึกคัก เดินจับจ่ายซื้อของ ส่วนกลุ่มชาวเขาที่มาเดินขายของตอนกลางวัน ไม่อยู่แล้ว คงจะเดินกลับข้ามเขาเข้าบ้านกันไป พรุ่งนี้ก็ออกมาขายของกันใหม่ ร้านรวงสองข้างฝั่งถนนยังเปิดอยู่ และเหมือนว่าจะเปิดไปจนดึกดื่น ป๊อกและฉันเลือกนั่งที่เคาน์เตอร์หน้าร้าน
"แกจะเอาอะไร น้ำเปล่า?" ฉันที่กำลังอ่านเมนูเครื่องดื่มอยู่ ถึงกับเงยหน้าขึ้นมามองป๊อก
"มาถึงนี่ ชวนกินน้ำเปล่า กลับไปโรงแรมกินก็ได้ม้างงง" ป๊อกค้อนให้ 1 วงเล็กๆ "เออ.. ฉันรู้จะฉันจะสั่งอะไรให้แก เอาแบบเซ็กซี่เล็กๆ ละกัน เหล้าข้าวหมัก 29 ดีกรี"
"ถ้าพรุ่งนี้แกยังอยากให้ฉันลุกจากเตียงได้ โปรดหาเครื่องดื่มที่ดีต่อเพื่อนของแก แต่ถ้าจะเหล้าแรงเบอร์นั้น ก็เอาน้ำเปล่ามา" ดูป๊อกจะรักฉันหรือชอบกัดฉันก็ไม่รู้นะ
"จ้าาาาา ทูนหัวของบ่าว บ่าวจะหาเครื่องดื่มชั้นยอดมาให้ในไม่ช้าเจ้าค่ะ" ป๊อกจีบปากจีบคอแบบบ่าวในละครย้อนยุค แล้วก็เดินทิ้งสะโพกนวยนาด ออกไปสั่งเครื่องดื่มด้านใน
อากาศเย็นนิดๆ ลมภูเขาไหวหน่อยๆ ระหว่างที่นั่งทอดอารมณ์ มองสิ่งรอบข้างและซึมซับบรรยากาศซาปาสไตล์ สักพัก ก็มีคนมานั่งลงข้างๆ ฉันในระยะประชิด ฉันไม่ได้หันไปมองแต่บอกไปว่า นั่งใกล้ไปไหมแก แล้วเหลือบตาขึ้นมอง ถึงได้รู้ว่าคนที่มานั่งข้างๆ ไม่ใช่ป๊อก แต่เป็นผู้ชายยุโรปที่ดูแล้วน่าจะเมาได้ที่ ทำหน้ากะลิ้มกะเหลี่ย
“Come alone? Can I join?” ฉันตกใจมาก กระเถิบตัวหนีทันที ฝรั่งคนนั้นคว้าแขนฉันไว้
“Drink Drink” ฝรั่งยังคงไม่ปล่อยมือจากฉัน ฉันตะโกนเสียงดังลั่น “Go away!!” ฉันพยายามจับแขนเขาออก แต่มือไม้ฝรั่งอย่างกับปลาหมึก เขากระเถิบเข้ามาเรื่อยๆ จนตัวฉันชิดกับผนังของร้าน ตั้งแต่เกิดมา ไปเที่ยว กินดื่มกับเพื่อนๆ ไม่เคยเจอแบบนี้มาก่อน ในใจของฉันกลัวมาก จนเรี่ยวแรงที่มีปกติ อยู่ดีๆ มันก็หายไปซะอย่างนั้น
แล้วก็มีมือมือหนึ่งจับหมับที่แขนฝรั่งคนนั้นแล้วกระชากแขนเขาออกไป ฝรั่งคนนั้นหงายหลังล้มลงที่พื้น คนในร้านหันมามอง พนักงานในร้านวิ่งเข้ามาแล้วจับฝรั่งที่เมาป้อแป้คนนั้นไปอีกด้าน
“โมแกเป็นอะไรมั้ย” เสียงป๊อกเรียกสติของฉัน
“หนอย กล้ามากมาทำร้ายเพื่อนกู มันน่า..นัก” ป๊อกทำท่าจะยกเท้าขึ้นไปถีบ ฉันคว้าตัวป๊อกไว้แล้วบอกว่าไปกันเถอะ กลับโรงแรม ไม่อยากอยู่ที่นี่แล้ว
ฉันหน้าซีดเผือดด้วยความตกใจที่ยังมีอยู่ ป๊อกเดินจับแขนฉันออกจากร้าน แล้วส่งสายตาแค้นกลับไปให้ขี้เมาคนนั้นที่ตอนนี้นอนแป้กองอยู่กับพื้น หลังจากที่เดินพ้นออกจากร้านฉันเริ่มร้องไห้ ตั้งแต่เกิดมาไม่เคยถูกคุกคามแบบนี้มาก่อน ถ้าไม่มีป๊อกมาช่วยไว้ ก็ไม่รู้จะเป็นยังไงต่อ
“อะไรจะซวยขนาดนี้ มาเที่ยวทั้งที ดันเจอฝรั่งขี้เมา” ป๊อกบ่นและโอบกระชับไหล่ของฉัน
“ไม่เป็นไรแล้วโม ไม่มีใครมาทำร้ายแกแล้ว เจ๊ป๊อกจะดูแลแกเอง” ความอบอุ่น ปกป้องดูแลของป๊อกถูกถ่ายทอดออกมา ฉันเอ่ยขอบคุณป๊อกขึ้นเบาๆ ขณะที่น้ำตายังไหลรินอยู่
ป๊อกเดินโอบฉันจนกลับเข้ามาถึงโรงแรม หน้าฉันยังคงแดงจากการร้องไห้ ฉันอาบน้ำ เรียกสติตัวเองกลับมา หลังจากออกจากห้องน้ำ ป๊อกเดินเข้ามาหาฉันแล้วถามว่าโอเคหรือยัง ฉันพยักหน้าตอบรับ ก่อนจะขอตัวไปจัดของ เพื่อเตรียมเดินป่าเข้าหมู่บ้าน Ta Van ในวันรุ่งขึ้น
“เฮ้อ.....” ฉันถอนหายใจแรง ใจนึงก็ยังอยากร้องไห้ถึงความซวยของตัวเอง แต่อีกใจก็บอกว่า ดีแล้วที่ไม่เป็นอะไร ต่อไปต้องตั้งสติระมัดระวังตัวเองมากขึ้น ไม่มีใครรู้ว่าอะไรจะเกิดกับเราบ้าง หากเราไม่รู้จักเตรียมพร้อมหรือประมาท เพราะบางอย่างที่อันตราย อาจเกิดขึ้นได้เพียงเสี้ยววินาที
‘นอน นอน’ ฉันบอกกับตัวเอง หลังจากเอนตัวลงบนเตียง พรุ่งนี้ยังต้องเก็บแรงไว้อีกมาก เพราะทางเดินไปหมู่บ้านยังไม่รู้ว่าจะยากง่ายขนาดไหน ฉันหันกลับไปมองป๊อกที่นอนเตียงข้างๆ ป๊อกกี้ยังคงจัดของเข้ากระเป๋าเป้อยู่ เพราะเราจะไม่ขนของไปมาก เอาแต่ที่จำเป็นไปคนละ 1 ใบก็พอ ส่วนของฉันจัดง่ายๆ แค่เสื้อแขนยาวกันแดด ชุดสำหรับเปลี่ยนวันถัดไป ของใช้ส่วนตัว และเสื้อฝนสีฟ้าจากรถไฟ
“ตึ๊งตึง ตึ๊งตึง” เสียงข้อความจากไลน์ดังขึ้น ฉันหันไปหาต้นเสียง ป๊อกคว้าโทรศัพท์เปิดข้อความอ่าน สีหน้าของป๊อกบอกอารมณ์ที่หลากหลาย ทั้งดีใจและเสียใจพร้อมๆ กัน
“ใครส่งข้อความมาเหรอ ตั้มป่าว?” ฉันถามออกไปเหมือนรู้ว่า ณ เวลานี้ คงมีแค่คนๆ เดียวที่ป๊อกรออ่านข้อความอยู่อย่างใจจดใจจ่อ
ป๊อกพยักหน้ารับ แล้วพูดว่า “มันบอกว่าขอโทษ ที่ทำให้เสียใจ” แล้วน้ำตาใสก็เริ่มคลอหน่วงๆ ที่ดวงตาของป๊อก “ฉันควรตอบไปว่ายังไงวะ” ป๊อกวางโทรศัพท์ลงแล้วเอาหมอนมากอด ซบหน้าลงร้องไห้ ฉันลุกจากเตียงแล้วเดินเข้าไปนั่งข้างๆ พลางปลอบ “ถ้ายังไม่รู้ว่าจะตอบอะไรก็อย่าเพิ่งตอบไปเลย” ก่อนที่จะโอบป๊อกไว้ เหมือนเมื่อตอนที่ป๊อกโอบฉันเดินกลับมาที่โรงแรมหลังจากที่เจอเหตุการณ์ร้ายๆ ที่บาร์แห่งนั้น
ฉันกับป๊อกรู้จักกันมาเกือบ 10 ปี เห็นป๊อกรักๆ เลิกๆ กับหนุ่มน้อยหนุ่มใหญ่มาหลายครั้ง แต่ไม่เคยเห็นครั้งไหนที่ป๊อกจะดูจริงจังเหมือนกับครั้งนี้ เสียงร้องไห้เบาๆ ของป๊อก ดังแทรกขึ้นในความเงียบ ความรักทำให้คนมีความรู้สึกมากมาย ทั้งสุข ทั้งทุกข์ ทั้งเศร้า ทั้งสมหวัง แต่ต้องใช้อะไรหนอ ถึงจะช่วยพ้นจากป่าหิมพานต์ของความรัก ที่เดินวนหลงอยู่ในที่แห่งนั้น บางครั้งเห็นทางออกอยู่รำไร ก็กลับเลือกเดินย้อนกลับทางเดิม ไม่พ้นออกมาเสียที
“ไปแก ล้างหน้าล้างตา แล้วเข้านอน” ฉันเอ่ยขึ้นหลังจากป๊อกหยุดร้องไห้ แต่ยังนั่งนิ่งอยู่อย่างนั้น “แกคิดอะไรตอนนี้มันก็คิดไม่ออก เพราะร้องไห้จนสมองตื้อไปหมดแล้ว” ฉันรุนหลังป๊อกให้ลุกขึ้นไปห้องน้ำ เพื่อให้ป๊อกจัดการล้างคราบน้ำตา
คืนนี้คงเป็นคืนที่ทั้งฉันและป๊อก มีความคิด ความรู้สึกที่สับสน ซับซ้อน วนเวียนอยู่ ฉันภาวนาว่าขอให้ทุกอย่างผ่านไปได้ด้วยดี ขอให้พรุ่งนี้อย่ามีสิ่งที่ไม่คาดคิดเกิดขึ้นอีก
ห่มรัก พักใจ ไว้ที่ซาปา-เรื่องสั้นท่องเที่ยว (ตอนจบ)
ซาปาที่จะไม่ลืม
ป๊อกชวนออกมานั่งดื่มที่บาร์ใกล้ร้านชาบูปลาแซลม่อน ร้านที่เราเลือกเป็นบาร์เล็กๆ ขนาดห้องแถว 1 ห้อง มีชานหน้าร้าน ทำเป็นเคาน์เตอร์ไม้และม้านั่งยาวสำหรับนั่งดื่ม นั่งคุย และชมความเคลื่อนไหวบนท้องถนนด้านหน้า แม้จะ 2 ทุ่มกว่าแล้ว แต่นักท่องเที่ยวก็ยังคึกคัก เดินจับจ่ายซื้อของ ส่วนกลุ่มชาวเขาที่มาเดินขายของตอนกลางวัน ไม่อยู่แล้ว คงจะเดินกลับข้ามเขาเข้าบ้านกันไป พรุ่งนี้ก็ออกมาขายของกันใหม่ ร้านรวงสองข้างฝั่งถนนยังเปิดอยู่ และเหมือนว่าจะเปิดไปจนดึกดื่น ป๊อกและฉันเลือกนั่งที่เคาน์เตอร์หน้าร้าน
"แกจะเอาอะไร น้ำเปล่า?" ฉันที่กำลังอ่านเมนูเครื่องดื่มอยู่ ถึงกับเงยหน้าขึ้นมามองป๊อก
"มาถึงนี่ ชวนกินน้ำเปล่า กลับไปโรงแรมกินก็ได้ม้างงง" ป๊อกค้อนให้ 1 วงเล็กๆ "เออ.. ฉันรู้จะฉันจะสั่งอะไรให้แก เอาแบบเซ็กซี่เล็กๆ ละกัน เหล้าข้าวหมัก 29 ดีกรี"
"ถ้าพรุ่งนี้แกยังอยากให้ฉันลุกจากเตียงได้ โปรดหาเครื่องดื่มที่ดีต่อเพื่อนของแก แต่ถ้าจะเหล้าแรงเบอร์นั้น ก็เอาน้ำเปล่ามา" ดูป๊อกจะรักฉันหรือชอบกัดฉันก็ไม่รู้นะ
"จ้าาาาา ทูนหัวของบ่าว บ่าวจะหาเครื่องดื่มชั้นยอดมาให้ในไม่ช้าเจ้าค่ะ" ป๊อกจีบปากจีบคอแบบบ่าวในละครย้อนยุค แล้วก็เดินทิ้งสะโพกนวยนาด ออกไปสั่งเครื่องดื่มด้านใน
อากาศเย็นนิดๆ ลมภูเขาไหวหน่อยๆ ระหว่างที่นั่งทอดอารมณ์ มองสิ่งรอบข้างและซึมซับบรรยากาศซาปาสไตล์ สักพัก ก็มีคนมานั่งลงข้างๆ ฉันในระยะประชิด ฉันไม่ได้หันไปมองแต่บอกไปว่า นั่งใกล้ไปไหมแก แล้วเหลือบตาขึ้นมอง ถึงได้รู้ว่าคนที่มานั่งข้างๆ ไม่ใช่ป๊อก แต่เป็นผู้ชายยุโรปที่ดูแล้วน่าจะเมาได้ที่ ทำหน้ากะลิ้มกะเหลี่ย
“Come alone? Can I join?” ฉันตกใจมาก กระเถิบตัวหนีทันที ฝรั่งคนนั้นคว้าแขนฉันไว้
“Drink Drink” ฝรั่งยังคงไม่ปล่อยมือจากฉัน ฉันตะโกนเสียงดังลั่น “Go away!!” ฉันพยายามจับแขนเขาออก แต่มือไม้ฝรั่งอย่างกับปลาหมึก เขากระเถิบเข้ามาเรื่อยๆ จนตัวฉันชิดกับผนังของร้าน ตั้งแต่เกิดมา ไปเที่ยว กินดื่มกับเพื่อนๆ ไม่เคยเจอแบบนี้มาก่อน ในใจของฉันกลัวมาก จนเรี่ยวแรงที่มีปกติ อยู่ดีๆ มันก็หายไปซะอย่างนั้น
แล้วก็มีมือมือหนึ่งจับหมับที่แขนฝรั่งคนนั้นแล้วกระชากแขนเขาออกไป ฝรั่งคนนั้นหงายหลังล้มลงที่พื้น คนในร้านหันมามอง พนักงานในร้านวิ่งเข้ามาแล้วจับฝรั่งที่เมาป้อแป้คนนั้นไปอีกด้าน
“โมแกเป็นอะไรมั้ย” เสียงป๊อกเรียกสติของฉัน
“หนอย กล้ามากมาทำร้ายเพื่อนกู มันน่า..นัก” ป๊อกทำท่าจะยกเท้าขึ้นไปถีบ ฉันคว้าตัวป๊อกไว้แล้วบอกว่าไปกันเถอะ กลับโรงแรม ไม่อยากอยู่ที่นี่แล้ว
ฉันหน้าซีดเผือดด้วยความตกใจที่ยังมีอยู่ ป๊อกเดินจับแขนฉันออกจากร้าน แล้วส่งสายตาแค้นกลับไปให้ขี้เมาคนนั้นที่ตอนนี้นอนแป้กองอยู่กับพื้น หลังจากที่เดินพ้นออกจากร้านฉันเริ่มร้องไห้ ตั้งแต่เกิดมาไม่เคยถูกคุกคามแบบนี้มาก่อน ถ้าไม่มีป๊อกมาช่วยไว้ ก็ไม่รู้จะเป็นยังไงต่อ
“อะไรจะซวยขนาดนี้ มาเที่ยวทั้งที ดันเจอฝรั่งขี้เมา” ป๊อกบ่นและโอบกระชับไหล่ของฉัน
“ไม่เป็นไรแล้วโม ไม่มีใครมาทำร้ายแกแล้ว เจ๊ป๊อกจะดูแลแกเอง” ความอบอุ่น ปกป้องดูแลของป๊อกถูกถ่ายทอดออกมา ฉันเอ่ยขอบคุณป๊อกขึ้นเบาๆ ขณะที่น้ำตายังไหลรินอยู่
ป๊อกเดินโอบฉันจนกลับเข้ามาถึงโรงแรม หน้าฉันยังคงแดงจากการร้องไห้ ฉันอาบน้ำ เรียกสติตัวเองกลับมา หลังจากออกจากห้องน้ำ ป๊อกเดินเข้ามาหาฉันแล้วถามว่าโอเคหรือยัง ฉันพยักหน้าตอบรับ ก่อนจะขอตัวไปจัดของ เพื่อเตรียมเดินป่าเข้าหมู่บ้าน Ta Van ในวันรุ่งขึ้น
“เฮ้อ.....” ฉันถอนหายใจแรง ใจนึงก็ยังอยากร้องไห้ถึงความซวยของตัวเอง แต่อีกใจก็บอกว่า ดีแล้วที่ไม่เป็นอะไร ต่อไปต้องตั้งสติระมัดระวังตัวเองมากขึ้น ไม่มีใครรู้ว่าอะไรจะเกิดกับเราบ้าง หากเราไม่รู้จักเตรียมพร้อมหรือประมาท เพราะบางอย่างที่อันตราย อาจเกิดขึ้นได้เพียงเสี้ยววินาที
‘นอน นอน’ ฉันบอกกับตัวเอง หลังจากเอนตัวลงบนเตียง พรุ่งนี้ยังต้องเก็บแรงไว้อีกมาก เพราะทางเดินไปหมู่บ้านยังไม่รู้ว่าจะยากง่ายขนาดไหน ฉันหันกลับไปมองป๊อกที่นอนเตียงข้างๆ ป๊อกกี้ยังคงจัดของเข้ากระเป๋าเป้อยู่ เพราะเราจะไม่ขนของไปมาก เอาแต่ที่จำเป็นไปคนละ 1 ใบก็พอ ส่วนของฉันจัดง่ายๆ แค่เสื้อแขนยาวกันแดด ชุดสำหรับเปลี่ยนวันถัดไป ของใช้ส่วนตัว และเสื้อฝนสีฟ้าจากรถไฟ
“ตึ๊งตึง ตึ๊งตึง” เสียงข้อความจากไลน์ดังขึ้น ฉันหันไปหาต้นเสียง ป๊อกคว้าโทรศัพท์เปิดข้อความอ่าน สีหน้าของป๊อกบอกอารมณ์ที่หลากหลาย ทั้งดีใจและเสียใจพร้อมๆ กัน
“ใครส่งข้อความมาเหรอ ตั้มป่าว?” ฉันถามออกไปเหมือนรู้ว่า ณ เวลานี้ คงมีแค่คนๆ เดียวที่ป๊อกรออ่านข้อความอยู่อย่างใจจดใจจ่อ
ป๊อกพยักหน้ารับ แล้วพูดว่า “มันบอกว่าขอโทษ ที่ทำให้เสียใจ” แล้วน้ำตาใสก็เริ่มคลอหน่วงๆ ที่ดวงตาของป๊อก “ฉันควรตอบไปว่ายังไงวะ” ป๊อกวางโทรศัพท์ลงแล้วเอาหมอนมากอด ซบหน้าลงร้องไห้ ฉันลุกจากเตียงแล้วเดินเข้าไปนั่งข้างๆ พลางปลอบ “ถ้ายังไม่รู้ว่าจะตอบอะไรก็อย่าเพิ่งตอบไปเลย” ก่อนที่จะโอบป๊อกไว้ เหมือนเมื่อตอนที่ป๊อกโอบฉันเดินกลับมาที่โรงแรมหลังจากที่เจอเหตุการณ์ร้ายๆ ที่บาร์แห่งนั้น
ฉันกับป๊อกรู้จักกันมาเกือบ 10 ปี เห็นป๊อกรักๆ เลิกๆ กับหนุ่มน้อยหนุ่มใหญ่มาหลายครั้ง แต่ไม่เคยเห็นครั้งไหนที่ป๊อกจะดูจริงจังเหมือนกับครั้งนี้ เสียงร้องไห้เบาๆ ของป๊อก ดังแทรกขึ้นในความเงียบ ความรักทำให้คนมีความรู้สึกมากมาย ทั้งสุข ทั้งทุกข์ ทั้งเศร้า ทั้งสมหวัง แต่ต้องใช้อะไรหนอ ถึงจะช่วยพ้นจากป่าหิมพานต์ของความรัก ที่เดินวนหลงอยู่ในที่แห่งนั้น บางครั้งเห็นทางออกอยู่รำไร ก็กลับเลือกเดินย้อนกลับทางเดิม ไม่พ้นออกมาเสียที
“ไปแก ล้างหน้าล้างตา แล้วเข้านอน” ฉันเอ่ยขึ้นหลังจากป๊อกหยุดร้องไห้ แต่ยังนั่งนิ่งอยู่อย่างนั้น “แกคิดอะไรตอนนี้มันก็คิดไม่ออก เพราะร้องไห้จนสมองตื้อไปหมดแล้ว” ฉันรุนหลังป๊อกให้ลุกขึ้นไปห้องน้ำ เพื่อให้ป๊อกจัดการล้างคราบน้ำตา
คืนนี้คงเป็นคืนที่ทั้งฉันและป๊อก มีความคิด ความรู้สึกที่สับสน ซับซ้อน วนเวียนอยู่ ฉันภาวนาว่าขอให้ทุกอย่างผ่านไปได้ด้วยดี ขอให้พรุ่งนี้อย่ามีสิ่งที่ไม่คาดคิดเกิดขึ้นอีก