พัฒนาคนในองค์กรด้วยแหล่งอำนาจทางจิตวิทยากันเถอะ

พอดีผมรู้จักและเคยเข้าไปอบรมกับนักจิตวิทยาองค์กรชื่อดังคนหนึ่งมา
แล้วได้เนื้อหามาเยอะมาก ก็จะพยายามลงและแชร์ให้เพื่อนๆได้อ่านเรื่อยๆนะครับ

บทความนี้เป็น 1 ในเนื้อหาที่ผมเรียนมาและเห็นว่ามีประโยชน์มากๆหากเราสามารถพัฒนาให้เรามีได้ทั้งหมด
มาดูกันเลยครับว่ามีอะไรกันบ้าง...
.
.
.
.
.
.
เบื้องหลังและความสำคัญ
คุณรู้จักรูปแบบอำนาจเหล่านี้ในคนรอบข้างหรือในตัวคุณเองหรือไม่? และอำนาจเหล่านี้มีอิทธิพลต่อวิธีที่คุณทำงานและใช้ชีวิตของคุณอย่างไร? ไม่ว่าจะเป็นในที่ทำงาน หรือในชีวิตส่วนตัว เราทุกคนล้วนมีรูปแบบอำนาจที่แตกต่างกันออกไป และรูปแบบอำนาจเหล่านี้จะทำให้เราสามารถที่จะมองเห็นและพัฒนาอำนาจที่เรายังอาจจะขาดอยู่รวมถึงบริหารอำนาจที่เรามีอยู่แล้ว ให้อำนาจเหล่านั้นช่วยพัฒนาเราไม่ว่าจะเป็นงานหรือชีวิตส่วนตัวของเราให้ก้าวหน้าและดีขึ้น บ่อยครั้งปัญหาที่เกิดขึ้นระหว่างความสัมพันธ์ของคนเกิดขึ้นเพราะการบริหารอํานาจอย่างไม่เหมาะสม เรามาทำความเข้าใจกับตัวเราเองกันหน่อยนะครับ

ผลลัพธ์
หากคุณตระหนักถึงแหล่งอำนาจเหล่านี้คุณสามารถ ...
- เข้าใจว่าทำไมคนบางคนถึงมีอิทธิพลต่อคุณ และตระหนักว่ารูปแบบอำนาจที่ถูกใช้กับคุณดีต่อตัวคุณหรือเปล่า
- รู้จักแหล่งอำนาจของคุณเอง
- สร้างทักษะความเป็นผู้นำของคุณโดยการสร้างและบริหารอำนาจของคุณเองอย่างเหมาะสมและเพื่อผลที่ดีที่สุด
- สร้าง และส่งเสริมความเคารพและความแน่นแฟ้นของคนในทีม
- ให้คนในทีมสามารถมีประสบการณ์กับการบริหารอำนาจของตนเองอย่างมีประสิทธิภาพ

เกร็ดความรู้  
ผู้นำที่มีประสิทธิภาพมากที่สุดใช้อำนาจเสน่หา (referent) และอำนาจผู้เชี่ยวชาญ (expert) เป็นหลัก เพื่อพัฒนาความสามารถในการเป็นผู้นำของคุณ ผมขอชวนคุณรู้จักวิธีสร้างอำนาจประเภทนี้เพื่อให้คุณสามารถมีอิทธิพลในเชิงบวกต่อเพื่อนร่วมงานทีมของคุณ องค์กรของคุณ และคนทุกคนในชีวิตของคุณนะครับ

เนื้อหา
ฐานแห่งอำนาจ 5 ประเภท


อำนาจตามตำแหน่ง (Legitimate Power)
ประธานาธิบดี นายกรัฐมนตรี หรือพระมหากษัตริย์ รวมถึงซีอีโอ รัฐมนตรี หรือตำรวจ ล้วนมีอำนาจรูปแบบนี้ ผู้ที่ดำรงตำแหน่งอย่างเป็นทางการ จะมีอำนาจที่มาพร้อมกับตำแหน่งที่ถูกแต่งตั้งมา
อำนาจรูปแบบนี้มีข้อเสียคือความยั่งยืนที่สามารถถูกจำกัดทิ้งโดยระยะเวลาที่ได้ถือตําแหน่ง หากคุณสูญเสียหรือพ้นตำแหน่งอำนาจรูปแบบนี้จะหายไปทันที นอกจากนี้ขอบเขตอำนาจของคุณจะจำกัดอยู่ในสถานการณ์ที่คนอื่น ๆ เชื่อว่าคุณมีสิทธิ์ในการควบคุม ตัวอย่างนะครับ ถ้าหัวหน้าหน่วยดับเพลิงบอกให้ผู้คนอยู่ห่างจากอาคารที่กำลังถูกไฟไหม้ ผู้คนพวกนั้นอาจจะฟัง แต่ถ้าหัวหน้าหน่วยดับเพลิงดังกล่าวพยายามที่จะห้ามไม่ให้คนตีกันในผับ เขาอาจจะตกเป็นเหยื่อของการวิวาทนั้นซะเอง
ดังนั้นการพึ่งพาแต่อำนาจตามตำแหน่งเพื่อให้มีอิทธิพลต่อผู้อื่นจึงเป็นกลยุทธ์ที่ไม่สามารถตอบโจทย์ทุกสถานการณ์ ในการเป็นผู้นำคุณต้องมีมากกว่านี้  และในความเป็นจริงคุณอาจไม่จำเป็นต้องใช้อำนาจตามตำแหน่งเลยก็ได้

อำนาจผู้ให้ (Reward Power)
ผู้มีอำนาจสามารถให้รางวัลเช่น การโปรโมทเลื่อนขั้น มอบหมายโอกาสด้านการงาน สนับสนุนการฝึกอบรม รวมถึงการให้คำชมต่อคนอื่น – นี่เป็นตัวอย่างของรางวัลที่อยู่ในความควบคุมของคนที่ ‘’มีอำนาจ‘’ หากคนอื่นคาดหวังว่าคุณจะตอบแทนพวกเขา ถ้าพวกเขาทำสิ่งที่คุณต้องการ ก็จะมีโอกาสสูงที่พวกเขาจะทำ
ปัญหาเกี่ยวกับพื้นฐานของอำนาจนี้คือคุณอาจไม่สามารถควบคุมผลตอบแทนได้เท่าที่คุณต้องการ ผู้บังคับบัญชาอาจไม่มีอำนาจในการเพิ่มเงินเดือนได้อย่างเต็มร้อย และผู้จัดการมักไม่สามารถควบคุมการโปรโมทเลื่อนตำแหน่งได้ทั้งหมดด้วยตัวเอง และแม้กระทั่ง CEO เองก็ต้องได้รับอนุญาตจากคณะกรรมการบริหารเพื่อดำเนินการบางอย่าง
ดังนั้นเมื่อคุณใช้รางวัลที่มีอยู่จนหมด หรือผู้คนไม่เห็นคุณค่าของรางวัลที่คุณสามารถให้ อำนาจของคุณก็จะอ่อนลง อีกข้อเสียของการใช้รางวัลกระตุ้นคนก็คือ ของรางวัลมักจะต้องมีขนาดใหญ่ขึ้นในแต่ละครั้ง คนจะเกิดอาการ “ดื้อยา” การให้ของรางวัลบ่อยๆก็สามารถทำให้ผู้รับรู้สึกอิ่มตัว และทำให้ของรางวัลนั้นหมดคุณค่า

อำนาจการลงโทษ (Coercive Power)
อำนาจรูปแบบนี้มีข้อเสียเยอะและมักจะถูกใช้ในทางที่ผิด การลงโทษเป็นเครื่องมือที่ใช้ในการบีบบังคับ การข่มขู่ว่าจะมีคนถูกไล่ออก ลดเงินเดือน ปฏิเสธสิทธิหรือโอกาสบางอย่าง หรือได้รับมอบหมายงานที่ไม่พึงประสงค์ ล้วนเป็นตัวอย่างของการใช้อำนาจการลงโทษ ในขณะที่ตำแหน่งของคุณอาจทำให้คุณสามารถลงโทษคนอื่นได้ แต่บ่อยครั้งการลงโทษเพื่อให้เกิดผลลัพธ์เชิงบวกเป็นกลยุทธ์ที่ละเอียดอ่อนและมีความเสี่ยงสูง
เห็นได้ชัดว่าการพึ่งพารูปแบบของอำนาจรูปแบบนี้เพียงอย่างเดียวจะส่งผลให้เกิดความเป็นผู้นำที่เย็นและโหดร้าย เพื่อเป็นผู้นำที่มีประสิทธิภาพและมีคนอยากติดตาม คุณต้องมีรูปแบบอำนาจที่มากกว่า อำนาจที่ได้มาจากตำแหน่ง การให้ หรือการลงโทษ

อำนาจผู้เชี่ยวชาญ (Expert Power)
เมื่อคุณมีความรู้และทักษะที่ช่วยให้คุณสามารถเข้าใจสถานการณ์ แนะนำวิธีแก้ปัญหา ใช้วิจารณญาณโดยมีประสิทธิภาพกว่าคนอื่น ๆ คนจะฟังคุณมากขึ้น เมื่อคุณแสดงความเชี่ยวชาญคนจะไว้วางใจคุณและเคารพสิ่งที่คุณพูด ในสถานการณ์ที่คุณเป็นผู้เชี่ยวชาญ ความคิดของคุณจะมีคุณค่ามากขึ้นและคนอื่น ๆ จะมองว่าคุณเป็นผู้นำโดยธรรมชาติ
ยิ่งไปกว่านั้นคุณยังสามารถใช้ความเชื่อมั่น ความแน่วแน่ และชื่อเสียงของคุณในการคิดอย่างมีเหตุผลและขยายประเด็นเหล่านี้ไปยังประเด็นอื่น ๆ นี่เป็นวิธีที่ดีในการสร้างและรักษาอำนาจของผู้เชี่ยวชาญ คุณไม่จำเป็นต้องพึ่งพาอำนาจตาม ตำแหน่ง ให้รางวัล หรือลงโทษ ดังนั้นความเป็นผู้นำของคุณไม่ได้ถูกจำกัดในพื้นที่ทำงานหรือแวดวงคนรู้จักของคุณเท่านั้น

อำนาจเสน่หา (Referent Power)
ความรู้สึกดึงดูด ชื่นชม เคารพ หรือชอบใครบางคนล้วนเป็นผลลัพธ์ของอำนาจรูปแบบนี้ ดาราคนดังมีอำนาจเสน่หาซึ่งเป็นเหตุผลที่พวกเขาสามารถมีอิทธิพลต่อทุกสิ่งทุกอย่าง เช่นสิ่งที่เราซื้อ รวมถึงการรับเลือกให้เข้าทำงาน ในที่ทำงานคนที่มีเสน่ห์มักจะทำให้ทุกคนรู้สึกดี ดังนั้นเขาจึงมีแนวโน้มที่จะมีอิทธิพลมาก

คนที่มีและใช้รูปแบบอำนาจนี้หลายคนสามารถทำรายได้สูงโดยไม่ต้องทำงานหนัก ข้อเสียคือถ้าคนที่มีอำนาจรูปแบบนี้ขาดความซื่อสัตย์สุจริต การกระทำที่เอาเปรียบคนอื่นและผิดศีลธรรม เมื่อถูกจับได้ อำนาจรูปแบบนี้จะถูกทำลายหายไปทันที
อาศัยอำนาจเสน่หาอย่างเดียวไม่ใช่กลยุทธ์ที่ดีสำหรับผู้นำที่ต้องการความยั่งยืนและความเคารพ แต่เมื่อบริหารร่วมกับรูปแบบอำนาจรูปแบบอื่น ๆ คุณก็จะสามารถกลายเป็นผู้นำที่มีอิทธิพลเชิงบวกกับคนรอบกายของคุณอย่างมาก

ผมมีเอกสาร HOW TO สำหรับการเทรนและพัฒนาคนในองค์กรรวมถึงรู้ถึงจุดอ่อนจุดแข็งแหล่งอำนาจของตัวเองด้วยนะครับ
ถ้าเกิดใครอ่านแล้วสนใจหรืออยากสอบถามตรงจุดไหนเพิ่มเติม ทัก INBOX ผมมาใน PANTIP ได้เลยนะครับ หรือจะแอดไลน์มาถามก็ได้น้าา ยินดีครับ(ID LINE: detthana.)
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่