มีนิทาน เรื่องสมมติ เรื่องนึง เกี่ยวกับการบริหารงานบริษัท แต่งเองสดๆ อยากให้ ลองอ่านดู ว่าถ้าเป็นท่าน ท่านจะเลือกทางออกแบบไหนครับ ยาวนิดนะครับ
มีพนักงานบริษัทคนนึง เป็นระดับผู้บริหาร ทำงานบริหารตลาดในประเทศ สร้างผลงานให้กับบริษัทมากมาย บริษัทก็ตบเงินรางวัล ขึ้นเงินเดือน เลื่อนตำแหน่ง ต่อสัญญาให้ตามสมควรแก่ผลงาน อยู่มาหลายปี บริษัทเริ่มเติบโตขึ้นมาก ส่วนหนึ่งมาจากผลงานของพนักงานคนนี้ในช่วงเข้ามาใหม่ๆ แต่ก็ไม่ใช่ทั้งหมด ต้องถือว่าพนักงานคนนี้โชคดีด้วย ที่เข้ามาในช่วงที่บริษัทเริ่มมีการเปลี่ยนแปลงประมาณนึง มีทรัพยากรสนับสนุนให้ มีบุคคลากรที่ดีกว่ายุดก่อนๆมากมาย พร้อมทั้งการสนับสนุนอย่างดีจากผู้บริหารระดับสูง จนถึงระดับหนึ่ง ที่บริษัทเริ่มเติบโตจนกลายเป็นระดับข้ามชาติ
เมื่อเข้าสู่ตลาดใหญ่ขึ้น สภาพแวดล้อมการแข่งขันทางธุรกิจเปลี่ยนจากเดิมมาก เพราะตลาดใหญ่ คู่แข่งก็เก่งเขี้ยวกว่าตลาดเล็ก ผลงานของบริษัทเริ่มไม่ดี เนื่องจากพนักงานบริหารคนเดิม ไม่สามารถทำงานได้ดีเหมือนเดิม เพราะไม่มีความชำนาญในการทำตลาดที่ใหญ่กว่า แต่ก็คิดว่าสิ่งที่ตนใช้กับงานมาตลอดนั้น สามารถใช้กับตลาดใหญ่อันใหม่นี่ได้เหมือนกัน จึงดำเนินตามนโยบายของตัวเองที่คิดว่าใช่ต่อไป ท่ามกลางเสียงท้วงติงจากผู้ถือหุ้น และผู้บริหารระดับสูงบางส่วน
นั่นยังไม่เท่ากับ พนักงานคนนี้ เริ่มเปลี่ยนไป เริ่มมีอิทธิพลเหนือผู้บริหารระดับสูง เพราะทำงานกับลูกน้องมานาน มีคนหนุนหลัง เริ่มสร้างเครือข่ายของตัวเอง เลือกใช้คน และเลือกแต่คนที่ตัวเองสนิทเชื่อใจ ปรับขึ้นตำแหน่งให้คนเหล่านั้น หาโปรเจคงานให้ โดยไม่คำนึงถึงประสิทธิภาพของคนๆนั้น ว่าสามารถทำได้ดีจริงหรือเปล่า โดยให้เหตุผลว่า ทำงานกันมานาน รู้ใจกันมากกว่า
อาศัยอิทธิพลของตัวเอง งัดกับผู้บริหารระดับสูง กดดัน ต่อรอง ขอผลประโยชน์เพิ่มเติม ในสิ่งที่บริษัทไม่ควรจะต้องให้ จากที่เคยทุ่มเทให้บริษัท เริ่มรู้มาก เอาเวลาทำงานไปประกอบธุรกิจส่วนตัวหารายได้อย่างอื่น ไม่ตั้งใจทุ่มเทให้บริษัทเหมือนเคย บางวันไม่ออกไปติดต่อ ประสานงานกับลูกค้า ทั้งที่เป็นหน้าที่ ที่ระบุไว้ โดยอ้างว่า คุยผ่านทางโทรศัพท์ หรือส่งลูกน้องไปคุยกับลูกค้าแทนก็ได้ ทั้งที่บางงาน เป็นงานใหญ่ที่สมควรจะต้องไปคุมหน้างานด้วยตัวเอง ทำให้ลูกค้าบางรายเริ่มไม่พอใจ เหมือนไม่ให้ความสำคัญ และ เป็นผลให้งานออกมาไม่ดี เนื่องจากการไม่ได้ไปดิวงานบางงานด้วยตัวเอง ทำให้การประสานงานเรื่องรายละเอียดต่างๆ เกิดความผิดพลาด บ่อยครั้ง เนื่องจากลูกน้องที่ส่งไปดิวลูกค้า ก็เป็นคนที่ตัวเองเลือกจากความสนิท ไม่ได้มีทักษะความสามารถดีพอกับงานที่ต้องรับผิดชอบ และเมื่อตัวเองไม่ได้เห็นด้วยตัวเอง รายละเอียดบางอย่างจึงผิดพลาดไปมาก
จากสาเหตุต่างๆข้างต้น และประกอบกับ ผลประกอบการของบริษัทเริ่มดิ่งเหว ทำให้ผู้บริหารระดับสูง คิดแก้ไขปัญหา ด้วยการปรับเปลี่ยนคนทำงาน โดยจะโยกผู้บริหารคนนี้ออก และจ้างบริษัทที่มีความชำนาญเรื่องตลาดข้ามชาติเข้ามาช่วยบริหาร พร้อมจัดหาผู้บริหารคนใหม่ ที่มีประสบการณ์ในการบริหารตลาดระดับนี้มาแก้ปัญหา และวางระบบ พัฒนาบุคลากรในองค์กรให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น และหวังว่าจะได้ผู้บริหารคนใหม่ที่ตั้งใจทำงาน และเดินไปในทิศทางเดียวกับที่องค์กรมุ่งหวังไว้
ปรากฏว่า พนักงานส่วนหนึ่ง ที่ชื่มชมในความสามารถของผู้บริหารเก่าคนนี้ ออกมาปกป้อง พร้อมติง ผู้บริหารระดับสูง ว่าควรนึกถึงบุญคุณเก่า ผลงานที่พนักงานคนนี้เคยทำให้บริษัท ถึงทำให้บริษัทเติบโตได้จนถึงวันนี้ ตลาดใหญ่อาจเป็นสิ่งใหม่ที่ผู้บริหารคนนี้ไม่ชำนาญ แต่ถ้าให้เวลาเรียนรู้อีก ซํก 5 6 ปี ผลประกอบการของบริษัท ต้องดีขึ้นอย่างแน่นอน ควรจะให้ผู้บริหารคนนี้ทำงานตรงนี้ต่อไป เพราะบริษัทเราเป็นบริษัทใหม่ ไม่ใช่บริษัทยักษ์ใหญ่แบบที่อื่น เปลี่ยนคนบริหารตอนนี้ ก็ไม่ทำให้เราแข่งขันกับบริษัทพวกนี้ได้หรอก
เล่ามาถึงตรงนี้ ไม่มีบทสรุป แต่อยากจะถามคนอ่านว่า ถ้าท่านเป็นผู้บริหารระดับสูงของบริษัทแห่งนี้ ท่านจะเลือกอย่างไหน ระหว่าง
1. เดินหน้าปฏิรูปองค์กรต่อ ให้บริษัทผู้ชำนาญการเข้ามาวางระบบ พัฒนาบุคลากรให้ และหาบุคคลที่มีความชำนาญเฉพาะตลาดข้ามชาติ เข้ามาดูแล
2. สำนึกถึงสิ่งที่ผู้บริหารคนเก่าทำไว้ให้กับบริษัท จึงยังคงให้ผู้บริหารคนนี้ทำงานต่อไปเหมือนเดิม และยอมให้เวลากับผู้บริหารคนนี้ ได้เรียนรู้พัฒนา ไปพร้อมกับการทำงานบริหารบริษํทไปด้วย
มีนิทาน เรื่องนึง อยากให้ พี่ซิโก้ และ แฟนๆ ได้อ่านครับ
มีพนักงานบริษัทคนนึง เป็นระดับผู้บริหาร ทำงานบริหารตลาดในประเทศ สร้างผลงานให้กับบริษัทมากมาย บริษัทก็ตบเงินรางวัล ขึ้นเงินเดือน เลื่อนตำแหน่ง ต่อสัญญาให้ตามสมควรแก่ผลงาน อยู่มาหลายปี บริษัทเริ่มเติบโตขึ้นมาก ส่วนหนึ่งมาจากผลงานของพนักงานคนนี้ในช่วงเข้ามาใหม่ๆ แต่ก็ไม่ใช่ทั้งหมด ต้องถือว่าพนักงานคนนี้โชคดีด้วย ที่เข้ามาในช่วงที่บริษัทเริ่มมีการเปลี่ยนแปลงประมาณนึง มีทรัพยากรสนับสนุนให้ มีบุคคลากรที่ดีกว่ายุดก่อนๆมากมาย พร้อมทั้งการสนับสนุนอย่างดีจากผู้บริหารระดับสูง จนถึงระดับหนึ่ง ที่บริษัทเริ่มเติบโตจนกลายเป็นระดับข้ามชาติ
เมื่อเข้าสู่ตลาดใหญ่ขึ้น สภาพแวดล้อมการแข่งขันทางธุรกิจเปลี่ยนจากเดิมมาก เพราะตลาดใหญ่ คู่แข่งก็เก่งเขี้ยวกว่าตลาดเล็ก ผลงานของบริษัทเริ่มไม่ดี เนื่องจากพนักงานบริหารคนเดิม ไม่สามารถทำงานได้ดีเหมือนเดิม เพราะไม่มีความชำนาญในการทำตลาดที่ใหญ่กว่า แต่ก็คิดว่าสิ่งที่ตนใช้กับงานมาตลอดนั้น สามารถใช้กับตลาดใหญ่อันใหม่นี่ได้เหมือนกัน จึงดำเนินตามนโยบายของตัวเองที่คิดว่าใช่ต่อไป ท่ามกลางเสียงท้วงติงจากผู้ถือหุ้น และผู้บริหารระดับสูงบางส่วน
นั่นยังไม่เท่ากับ พนักงานคนนี้ เริ่มเปลี่ยนไป เริ่มมีอิทธิพลเหนือผู้บริหารระดับสูง เพราะทำงานกับลูกน้องมานาน มีคนหนุนหลัง เริ่มสร้างเครือข่ายของตัวเอง เลือกใช้คน และเลือกแต่คนที่ตัวเองสนิทเชื่อใจ ปรับขึ้นตำแหน่งให้คนเหล่านั้น หาโปรเจคงานให้ โดยไม่คำนึงถึงประสิทธิภาพของคนๆนั้น ว่าสามารถทำได้ดีจริงหรือเปล่า โดยให้เหตุผลว่า ทำงานกันมานาน รู้ใจกันมากกว่า
อาศัยอิทธิพลของตัวเอง งัดกับผู้บริหารระดับสูง กดดัน ต่อรอง ขอผลประโยชน์เพิ่มเติม ในสิ่งที่บริษัทไม่ควรจะต้องให้ จากที่เคยทุ่มเทให้บริษัท เริ่มรู้มาก เอาเวลาทำงานไปประกอบธุรกิจส่วนตัวหารายได้อย่างอื่น ไม่ตั้งใจทุ่มเทให้บริษัทเหมือนเคย บางวันไม่ออกไปติดต่อ ประสานงานกับลูกค้า ทั้งที่เป็นหน้าที่ ที่ระบุไว้ โดยอ้างว่า คุยผ่านทางโทรศัพท์ หรือส่งลูกน้องไปคุยกับลูกค้าแทนก็ได้ ทั้งที่บางงาน เป็นงานใหญ่ที่สมควรจะต้องไปคุมหน้างานด้วยตัวเอง ทำให้ลูกค้าบางรายเริ่มไม่พอใจ เหมือนไม่ให้ความสำคัญ และ เป็นผลให้งานออกมาไม่ดี เนื่องจากการไม่ได้ไปดิวงานบางงานด้วยตัวเอง ทำให้การประสานงานเรื่องรายละเอียดต่างๆ เกิดความผิดพลาด บ่อยครั้ง เนื่องจากลูกน้องที่ส่งไปดิวลูกค้า ก็เป็นคนที่ตัวเองเลือกจากความสนิท ไม่ได้มีทักษะความสามารถดีพอกับงานที่ต้องรับผิดชอบ และเมื่อตัวเองไม่ได้เห็นด้วยตัวเอง รายละเอียดบางอย่างจึงผิดพลาดไปมาก
จากสาเหตุต่างๆข้างต้น และประกอบกับ ผลประกอบการของบริษัทเริ่มดิ่งเหว ทำให้ผู้บริหารระดับสูง คิดแก้ไขปัญหา ด้วยการปรับเปลี่ยนคนทำงาน โดยจะโยกผู้บริหารคนนี้ออก และจ้างบริษัทที่มีความชำนาญเรื่องตลาดข้ามชาติเข้ามาช่วยบริหาร พร้อมจัดหาผู้บริหารคนใหม่ ที่มีประสบการณ์ในการบริหารตลาดระดับนี้มาแก้ปัญหา และวางระบบ พัฒนาบุคลากรในองค์กรให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น และหวังว่าจะได้ผู้บริหารคนใหม่ที่ตั้งใจทำงาน และเดินไปในทิศทางเดียวกับที่องค์กรมุ่งหวังไว้
ปรากฏว่า พนักงานส่วนหนึ่ง ที่ชื่มชมในความสามารถของผู้บริหารเก่าคนนี้ ออกมาปกป้อง พร้อมติง ผู้บริหารระดับสูง ว่าควรนึกถึงบุญคุณเก่า ผลงานที่พนักงานคนนี้เคยทำให้บริษัท ถึงทำให้บริษัทเติบโตได้จนถึงวันนี้ ตลาดใหญ่อาจเป็นสิ่งใหม่ที่ผู้บริหารคนนี้ไม่ชำนาญ แต่ถ้าให้เวลาเรียนรู้อีก ซํก 5 6 ปี ผลประกอบการของบริษัท ต้องดีขึ้นอย่างแน่นอน ควรจะให้ผู้บริหารคนนี้ทำงานตรงนี้ต่อไป เพราะบริษัทเราเป็นบริษัทใหม่ ไม่ใช่บริษัทยักษ์ใหญ่แบบที่อื่น เปลี่ยนคนบริหารตอนนี้ ก็ไม่ทำให้เราแข่งขันกับบริษัทพวกนี้ได้หรอก
เล่ามาถึงตรงนี้ ไม่มีบทสรุป แต่อยากจะถามคนอ่านว่า ถ้าท่านเป็นผู้บริหารระดับสูงของบริษัทแห่งนี้ ท่านจะเลือกอย่างไหน ระหว่าง
1. เดินหน้าปฏิรูปองค์กรต่อ ให้บริษัทผู้ชำนาญการเข้ามาวางระบบ พัฒนาบุคลากรให้ และหาบุคคลที่มีความชำนาญเฉพาะตลาดข้ามชาติ เข้ามาดูแล
2. สำนึกถึงสิ่งที่ผู้บริหารคนเก่าทำไว้ให้กับบริษัท จึงยังคงให้ผู้บริหารคนนี้ทำงานต่อไปเหมือนเดิม และยอมให้เวลากับผู้บริหารคนนี้ ได้เรียนรู้พัฒนา ไปพร้อมกับการทำงานบริหารบริษํทไปด้วย