....สภาพของอัตตาคือ มีเอง เป็นเอง อยู่เอง ไม่มีเหตุปัจจัยปรุงแต่ง
....ลักษณะของอัตตา คือ เที่ยง มัน่คง ยั่งยืน ไม่มีความแปรปรวน
.....ความหมายของอัตตา คือ เยี่ยม ประเสริฐ เลิศ วิเศษ เป็นที่สุด
เพราะฉนั้นคำว่า อัตตา จึงเป็นเป้าหมาย เป็นความต้องการ เป็นสิ่งที่พึ่ง แก่ผู้เห็นทุกข์เห็นโทษในวัฏฏะสงสาร
เพียงแต่ว่าในสมัยนั้นแสวงหากันแบบผิดด้วยวิธีการต่างนาๆ ตามความเชื่อในลัทธิ และในศาสดาครูบาอาจารย์ของตัวเอง
โดยส่วนมากเอาขันธ์ ๕ เป็นที่ตั้งว่า อัตต มันก็คือตัวเรานี่แหละ อาจเป็นขันธ์ ๕ ทั้งหมด หรือไม่ก็ต้องอย่างใด
อย่างหนึ่งแน่นอน พระพุทธเจ้าก็เป็นหนึ่งในกลุ่มผู้แสวงหาเหล่านั้น...
.....จนกระทั่งสุดท้ายได้ตรัสรู้เองอย่างผมและท่านทั้งหลายทราบกัน...(อันนี้ละไว้ฐานความเข้าใจ) ว่า
ที่แท้แล้วขันธ์ ๕ ทั้งหมดนั่นแหละหาอย่างใดอย่างหนึ่งว่าเป็น อัตตา นั้นไม่มีเลย ทุกอย่างเมื่อพิจารณาแล้ว
มันเป็นของไม่เที่ยงและเป็นทุกข์ทั้งหมด....
.....และแล้ว...อริยสัจจ ๔ ปฏิจจสมุปบาท ความรู้ทุกอย่างมันก็หลั่งไหลออกมาเป็นขบวบ ว่า....
ทุกอย่างเป็นเพราะมีเหตุเป็นที่เกิดนั่นเอง....
ความไม่มีเหตุ ความไม่.... ๆ ๆ ๆ ความไม่ทุกอย่างนั่นเอง เรียกว่า "นิพพาน"
ถ้านิพพานแล้ว ความทุกมันก็ไม่มี นั่นเท่ากับว่าสมความมุ่งหมายแล้ว....
และว่านี่แหละ... คืออัตตาที่แท้จริง มันอยู่ตรงนี้เอง...
ใครว่าไม่ใช่ ก็จงแย้งมา
สภาพ ลักษณะ และความหมาของ "อัตตา"
....ลักษณะของอัตตา คือ เที่ยง มัน่คง ยั่งยืน ไม่มีความแปรปรวน
.....ความหมายของอัตตา คือ เยี่ยม ประเสริฐ เลิศ วิเศษ เป็นที่สุด
เพราะฉนั้นคำว่า อัตตา จึงเป็นเป้าหมาย เป็นความต้องการ เป็นสิ่งที่พึ่ง แก่ผู้เห็นทุกข์เห็นโทษในวัฏฏะสงสาร
เพียงแต่ว่าในสมัยนั้นแสวงหากันแบบผิดด้วยวิธีการต่างนาๆ ตามความเชื่อในลัทธิ และในศาสดาครูบาอาจารย์ของตัวเอง
โดยส่วนมากเอาขันธ์ ๕ เป็นที่ตั้งว่า อัตต มันก็คือตัวเรานี่แหละ อาจเป็นขันธ์ ๕ ทั้งหมด หรือไม่ก็ต้องอย่างใด
อย่างหนึ่งแน่นอน พระพุทธเจ้าก็เป็นหนึ่งในกลุ่มผู้แสวงหาเหล่านั้น...
.....จนกระทั่งสุดท้ายได้ตรัสรู้เองอย่างผมและท่านทั้งหลายทราบกัน...(อันนี้ละไว้ฐานความเข้าใจ) ว่า
ที่แท้แล้วขันธ์ ๕ ทั้งหมดนั่นแหละหาอย่างใดอย่างหนึ่งว่าเป็น อัตตา นั้นไม่มีเลย ทุกอย่างเมื่อพิจารณาแล้ว
มันเป็นของไม่เที่ยงและเป็นทุกข์ทั้งหมด....
.....และแล้ว...อริยสัจจ ๔ ปฏิจจสมุปบาท ความรู้ทุกอย่างมันก็หลั่งไหลออกมาเป็นขบวบ ว่า....
ทุกอย่างเป็นเพราะมีเหตุเป็นที่เกิดนั่นเอง....
ความไม่มีเหตุ ความไม่.... ๆ ๆ ๆ ความไม่ทุกอย่างนั่นเอง เรียกว่า "นิพพาน"
ถ้านิพพานแล้ว ความทุกมันก็ไม่มี นั่นเท่ากับว่าสมความมุ่งหมายแล้ว....
และว่านี่แหละ... คืออัตตาที่แท้จริง มันอยู่ตรงนี้เอง...
ใครว่าไม่ใช่ ก็จงแย้งมา