เมื่อข้าพเจ้าเข้าคุก.. ทำบุญ

ข้าพเจ้ามีโอกาสได้มาเยือนทัณฑสถานหญิง จ.เชียงใหม่ หลายครั้ง ด้วยต้องการบริจาคหนังสือธรรมะดีๆให้คนที่นี่ได้อ่าน และได้รับพลังบวกกลับไปทุกครั้ง แม้ว่าที่นี่อาจจะเป็นสถานที่ที่ไม่ค่อยมีใครอยากมาเยือนสักเท่าไหร่

ก่อนมาข้าพเจ้าเลือกหนังสือแต่ละเล่มด้วยความตั้งใจ และมั่นใจว่าอ่านง่าย อ่านสนุก ไม่เจือด้วยมิจฉาทิฐิ

บางเล่มข้าพเจ้าก็สั่งซื้อเพื่อคนที่นี่โดยเฉพาะ เพราะเป็นหนังสือการ์ตูนธรรมะที่จัดพิมพ์ขึ้นในโอกาสพิเศษ ไม่มีขายตามร้านทั่วไป ระหว่างที่ข้าพเจ้าจดจ่อรอคอยการมาของหนังสือเล่มนั้น จิตใจข้าพเจ้าก็เป็นสุขทุกครั้งที่ระลึกถึง ข้าพเจ้าหวังเพียงให้คนที่ได้อ่านมีความสงบใจ สบายใจ และหากรู้ว่ามันสามารถเปลี่ยนจิตใจใครสักคนในที่นี้ให้เป็นคนที่ดีกว่าเดิมได้ ข้าพเจ้าคงอิ่มเอิมใจมิใช่น้อย..


ขั้นตอนการบริจาคนั้นไม่ยุ่งยากอะไรเลย ข้าพเจ้าเพียงแค่ยื่นบัตรประชาชนให้เจ้าหน้าที่ (ซึ่งสุภาพกับข้าพเจ้ามากๆ) และกรอกแบบฟอร์มสั้นๆ ก่อนจะยื่นหนังสือผ่านลูกกรงไป

เมื่อเดินจากมา ข้าพเจ้าอดสังเกตุใจตัวเองไม่ได้ ว่ามันเบาหวิวและแผ่กว้าง ความสุขจากการให้ด้วยน้ำใสใจจริงมันเป็นแบบนี้เองหนอ ..

แม้ข้าพเจ้าจะไม่มีโอกาสรู้ว่าหนังสือทั้งหมดที่ข้าพเจ้าตั้งใจมามอบให้ผู้ต้องขังที่นี่จะมีคนอ่านรึเปล่า แต่ข้าพเจ้าก็ปลื้มใจที่ได้กระทำกิจของตนเองเสร็จสิ้นสมบูรณ์แล้ว

สมบูรณ์ตั้งแต่ก่อนให้ คือตั้งใจเลือกสรรสิ่งที่ดีที่สุดตามอัตภาพของตน

สมบูรณ์ในขณะให้ คือให้ด้วยความปรารถนาอันดี ประสงค์อยากให้ผู้รับเป็นสุข

และสมบูรณ์หลังให้ คือไม่มีความรู้สึกเสียดาย หรือคาดหวังใดๆจากผู้รับเลย


...............................................

เราได้เกิดมาเป็นมนุษย์นับว่ามีบุญมาก  เกิดมาพบพระพุทธศาสนาในชาตินี้ยิ่งนับว่ามีบุญมหาศาล  เพราะมีโอกาสได้ศึกษาคำสอนเรื่องกรรมและกฎแห่งกรรม  มีโอกาสได้ทำความเข้าใจว่า  “เจ้ากรรมนายเวร”  มีต้นสายปลายเหตุมาจากกรรมที่ตัวเราเองเคยกระทำ ด้วยเจตนาที่ไม่เป็นกุศล  จึงตามมาคอยให้โทษ  ทั้งกีดกันให้ต้องพลัดพรากจากสิ่งที่ปรารถนา  ทั้งผลักไสให้ต้องพบพานกับสิ่งที่ไม่ปรารถนา  ทั้งหมดเกิดจากกรรมแต่หนหลังซึ่งไม่มีทางย้อนกลับไปแก้ไขใดๆได้

แต่กระนั้นคำสอนของพระพุทธองค์ก็ไม่ทำให้คนเราสิ้นหวัง และปล่อยชีวิตไปตามลิขิตของ  “เจ้ากรรมนายเวร”  แต่ฝ่ายเดียว ตรงกันข้ามพระพุทธศาสนาให้ความสำคัญกับกรรมในปัจจุบัน สอนให้เชื่อมั่นในความเพียรของมนุษย์  ว่าสามารถเจริญสติ  สั่งสมสมาธิและปัญญา  ตลอดจนบ่มเพาะความเมตตาซึ่งเป็นคุณธรรมพื้นฐานที่มีอยู่ในจิตของมนุษย์ทุกคนอยู่แล้ว

คุณธรรมทั้งหลายแม้มีอานุภาพมากและสามารถเกื้อหนุนให้ชีวิตพบความสุขสงบ  สามารถดับทุกข์หลุดพ้นจากการเวียนว่ายตายเกิดได้  แต่คุณธรรมมิได้เกิดจากฤทธิ์เดชเวทมนตร์  หากแต่เกิดจากการฝึกฝนพัฒนาตนเองอย่างสม่ำเสมอ  เพียรขัดเกลากิเลสให้เบาบาง

บุคคลที่ใส่ใจการเจริญสติ  หมั่นฝึกสมาธิ  เจริญวิปัสสนา
จนเกิดปัญญารู้แจ้งในสัจธรรม  ขณะเดียวกันก็มีเมตตาต่อเพื่อนมนุษย์ต่อสัตว์เดรัจฉาน  ต่อโอปปาติกะทั้งในภพภูมิที่สูงกว่าและต่ำกว่าย่อมประคับประคองตนอยู่ในมรรคาที่เป็นกุศล  รอดพ้นจากความอาฆาตพยาบาทแต่หนหลัง  ขณะเดียวกันก็ยุติการก่อกรรมทำเข็ญยุติการสร้างเจ้ากรรมนายเวรใหม่ๆ

เส้นทางที่บริบูรณ์ด้วยสติ  สมาธิ  ปัญญา  และเมตตา  ย่อมนำพาบุคคลไปสู่ความคลายทุกข์  ดับทุกข์  และพ้นทุกข์ได้ในที่สุด


จากหนังสือ “เปลี่ยนเจ้ากรรมนายเวรให้เป็นมิตร”
ดร.บรรจบ  บรรณรุจิ



แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่