จาก จูฬสาโรปมสูตร ๑๒/๓๗๔
"อนึ่ง บุคคลบางคนอออกบวช มีลาภสักการะชื่อเสียงเกิดขึ้น ก็ไม่อิ่มใจ
ไม่เต็มปรารถนาด้วยลาภสักการะชื่อเสียงนั้น
ได้ความสมบูรณ์ด้วยศีล ก็อิ่มใจ
แต่ไม่เต็มปรารถนาด้วยสีลสัมปทา (ความสมบูรณ์ด้วยศีล) นั้น
ได้ความสมบูรณ์ด้วยสมาธิ ก็อิ่มใจ
แต่ไม่เต็มปรารถนาด้วยสมาธิสัมปทา (ความสมบูรณ์ด้วยสมาธิ) นั้น
ได้ญาณทัสสนะ (หรือปัญญา) ก็อิ่มใจ
แต่ไม่เต็มปราถรนาด้วยญาณทัสสนะนั้น
ไม่ยกตน ข่มผู้อื่นเพราะญาณทัสสะนั้น คุณธรรมอื่น ๆ ที่ยิ่งกว่า
ประณีตกว่าญาณทัสสนะ ก็ปลูกความพอใจพยายามเพื่อทำให้แจ้ง
ซึ่งคุณธรรมนั้น ๆ ไม่มีความประพฤติย่อหย่อนหละหลวม
ดูก่อนพราหมณ์ ธรรมอะไรบ้าง ที่ยิ่งกว่า ประณีตกว่าญาณทัสสนะ
ดูก่อนพราหมณ์ ภิกษุในพระธรรมวินัยนี้เข้าปฐมฌาน๔ (ฌานที่ ๑)
เข้าทุติยฌาน (ฌานที่ ๒) เข้าตติยฌาน (ฌานที่ ๓) เข้าจตุตถฌาน (ฌานที่ ๔)
เข้าอากาสานัญจายตนะ (อรูปฌาน กำหนดอากาศไม่มีที่สิ้นสุดเป็นอารมณ์)
เข้าวิญญาณัญจายตนะ (อรูปฌาน กำหนดวิญญาณไม่มีที่สิ้นสุดเป็นอารมณ์)
เข้าอากิญจัญญายตนะ (อรูปฌาน กำหนดว่าไม่มีอะไรแม้แต่นิดหน่อย)
เข้าเนวสัญญานาสัญญายตนะ (อรูปฌาน ที่มีสัญญาความจำได้หมายรู้ ก็ไม่ใช่ ไม่มีสัญญา ก็ไม่ใช่)
เข้าสัญญาเวทยิตนิโรธ (สมาบัติชั้นสูงสุดในพระพุทธศาสนา
ซึ่งเมื่อเข้าแล้วทำให้ดับสัญญาความจำได้หมายรู้
และเวทนาความเสวยอารมณ์สุขทุกข์ หรือไม่ทุกข์ ไม่สุขได้)
อาสวะของภิกษุนั้นสิ้นไปแล้ว เพราะเห็นด้วยปัญญา
คุณธรรมเหล่านี้แล ที่ยิ่งกว่า ประณีตกว่าญาณทัสสนะ
ดูก่อนพราหมณ์ เรากล่าวบุคคลนี้ ว่าเปรียบเหมือนผู้ต้องการแก่นไม้ ก็ตัดเอาแต่แก่นไม้ไปฉะนั้น"
เห็นทั่วไปก็เน้นแต่ทำบุญ พิธีกรรม ฯลฯ
พระพุทธเจ้าทรงสรรเสริญฌาน แต่ทำไมไม่ค่อยเห็นหรือได้ยินคนพูดถึงกันครับ
"อนึ่ง บุคคลบางคนอออกบวช มีลาภสักการะชื่อเสียงเกิดขึ้น ก็ไม่อิ่มใจ
ไม่เต็มปรารถนาด้วยลาภสักการะชื่อเสียงนั้น
ได้ความสมบูรณ์ด้วยศีล ก็อิ่มใจ
แต่ไม่เต็มปรารถนาด้วยสีลสัมปทา (ความสมบูรณ์ด้วยศีล) นั้น
ได้ความสมบูรณ์ด้วยสมาธิ ก็อิ่มใจ
แต่ไม่เต็มปรารถนาด้วยสมาธิสัมปทา (ความสมบูรณ์ด้วยสมาธิ) นั้น
ได้ญาณทัสสนะ (หรือปัญญา) ก็อิ่มใจ
แต่ไม่เต็มปราถรนาด้วยญาณทัสสนะนั้น
ไม่ยกตน ข่มผู้อื่นเพราะญาณทัสสะนั้น คุณธรรมอื่น ๆ ที่ยิ่งกว่า
ประณีตกว่าญาณทัสสนะ ก็ปลูกความพอใจพยายามเพื่อทำให้แจ้ง
ซึ่งคุณธรรมนั้น ๆ ไม่มีความประพฤติย่อหย่อนหละหลวม
ดูก่อนพราหมณ์ ธรรมอะไรบ้าง ที่ยิ่งกว่า ประณีตกว่าญาณทัสสนะ
ดูก่อนพราหมณ์ ภิกษุในพระธรรมวินัยนี้เข้าปฐมฌาน๔ (ฌานที่ ๑)
เข้าทุติยฌาน (ฌานที่ ๒) เข้าตติยฌาน (ฌานที่ ๓) เข้าจตุตถฌาน (ฌานที่ ๔)
เข้าอากาสานัญจายตนะ (อรูปฌาน กำหนดอากาศไม่มีที่สิ้นสุดเป็นอารมณ์)
เข้าวิญญาณัญจายตนะ (อรูปฌาน กำหนดวิญญาณไม่มีที่สิ้นสุดเป็นอารมณ์)
เข้าอากิญจัญญายตนะ (อรูปฌาน กำหนดว่าไม่มีอะไรแม้แต่นิดหน่อย)
เข้าเนวสัญญานาสัญญายตนะ (อรูปฌาน ที่มีสัญญาความจำได้หมายรู้ ก็ไม่ใช่ ไม่มีสัญญา ก็ไม่ใช่)
เข้าสัญญาเวทยิตนิโรธ (สมาบัติชั้นสูงสุดในพระพุทธศาสนา
ซึ่งเมื่อเข้าแล้วทำให้ดับสัญญาความจำได้หมายรู้
และเวทนาความเสวยอารมณ์สุขทุกข์ หรือไม่ทุกข์ ไม่สุขได้)
อาสวะของภิกษุนั้นสิ้นไปแล้ว เพราะเห็นด้วยปัญญา
คุณธรรมเหล่านี้แล ที่ยิ่งกว่า ประณีตกว่าญาณทัสสนะ
ดูก่อนพราหมณ์ เรากล่าวบุคคลนี้ ว่าเปรียบเหมือนผู้ต้องการแก่นไม้ ก็ตัดเอาแต่แก่นไม้ไปฉะนั้น"
เห็นทั่วไปก็เน้นแต่ทำบุญ พิธีกรรม ฯลฯ