๒๓. อตฺตานํ น ทเท โปโส.
บุรุษไม่พึงให้ซึ่งตน.
สํ. ส. ๑๕๖๐.
“หากจะพูดถึงความน่ายกย่อง ก็ควรจะต้องยอมรับว่า “เกียรติยศคือประพฤติแห่งพระวินัย” และความเคารพที่แท้จริง ก็คือความซื่อสัตย์ ซึ่งอาจหาญแสดงตนได้โดยไม่ปกปิด ดั่งเถระวินัย ที่ไม่ผิดจากเถระวินัย ที่เป็นแท้ทั้งประพฤติแห่งปฏิญาณ และเป็นแท้โดยประพฤติแห่งพฤติกรรม เพราะทางแห่งเกียรติยศทุกสิ่งนั้น จะต้องพลอยได้เกียรติยศด้วยบ้าง จึงสมควร จะใช้ใจประพฤติ แต่หาให้มีพฤติการณ์อย่างไรออกมา เห็นจะไม่ได้
เถระวินัย ควรจะต้องเป็น “ดุมล้อแกนเพลา” แม้ให้แก่นักบวชนักพรต นอกศาสนาก็ตาม เพราะจะหาผู้ดีจริง พอผู้ใดที่จะกล่าวดูหมิ่นผู้ประพฤติวินัยนั้นย่อมไม่มี ไม่มีผู้ใดจะหมิ่นต่อเกียรติยศอันแท้ ของการอาจหาญใฝ่ดี แม้ข้าพเจ้าเอง ที่เป็นนักบวชนักพรตที่ตั้งตนแล้วให้แตกต่างกันจากนักบวชทางศาสนาพุทธ ก็ได้ให้ความเคารพจากหัวใจเหมือนกัน หากพระเถระประพฤติธรรมนั้น จะประกอบอยู่ซึ่งเถระวินัยด้วย แต่!นั้น
หากเถระธรรม เถระวินัย เป็นสิ่งหลอก พ้นจากประพฤติแห่งปฏิญาณทุกเมื่ออย่างนั้นแล้ว พ้นจากพระวินัยแห่งเถระวาททุกเมื่อด้วยใจอย่างนั้นแล้ว ข้าพเจ้าผู้เป็นนักบวชซึ่งเป็นฟากฟ้าของชาวบาดาล ตามคติ ก็หาให้ติดตาม ใส่ใจ สนใจ ถูกใจ เถระดั่งนั้นไม่ จะควรมีแต่จะตะเพิดให้พ้นเสียมาก ด้วยผู้เช่นนั้นปลอมตัวอยู่ จำต้องตะเพิด เพื่อมิให้พฤติการที่กระทำมาเป็นมรดกสิ่งชั่ว ต้องประพฤติตกลงมายังผืนปฐพีแห่งพรต ที่ข้าพเจ้าตั้งใจจะประพฤติ และบำเพ็ญตนให้อยู่”
ด้วยผู้เช่นนั้นปลอมตัวอยู่ จำต้องตะเพิด
บุรุษไม่พึงให้ซึ่งตน.
สํ. ส. ๑๕๖๐.
“หากจะพูดถึงความน่ายกย่อง ก็ควรจะต้องยอมรับว่า “เกียรติยศคือประพฤติแห่งพระวินัย” และความเคารพที่แท้จริง ก็คือความซื่อสัตย์ ซึ่งอาจหาญแสดงตนได้โดยไม่ปกปิด ดั่งเถระวินัย ที่ไม่ผิดจากเถระวินัย ที่เป็นแท้ทั้งประพฤติแห่งปฏิญาณ และเป็นแท้โดยประพฤติแห่งพฤติกรรม เพราะทางแห่งเกียรติยศทุกสิ่งนั้น จะต้องพลอยได้เกียรติยศด้วยบ้าง จึงสมควร จะใช้ใจประพฤติ แต่หาให้มีพฤติการณ์อย่างไรออกมา เห็นจะไม่ได้
เถระวินัย ควรจะต้องเป็น “ดุมล้อแกนเพลา” แม้ให้แก่นักบวชนักพรต นอกศาสนาก็ตาม เพราะจะหาผู้ดีจริง พอผู้ใดที่จะกล่าวดูหมิ่นผู้ประพฤติวินัยนั้นย่อมไม่มี ไม่มีผู้ใดจะหมิ่นต่อเกียรติยศอันแท้ ของการอาจหาญใฝ่ดี แม้ข้าพเจ้าเอง ที่เป็นนักบวชนักพรตที่ตั้งตนแล้วให้แตกต่างกันจากนักบวชทางศาสนาพุทธ ก็ได้ให้ความเคารพจากหัวใจเหมือนกัน หากพระเถระประพฤติธรรมนั้น จะประกอบอยู่ซึ่งเถระวินัยด้วย แต่!นั้น
หากเถระธรรม เถระวินัย เป็นสิ่งหลอก พ้นจากประพฤติแห่งปฏิญาณทุกเมื่ออย่างนั้นแล้ว พ้นจากพระวินัยแห่งเถระวาททุกเมื่อด้วยใจอย่างนั้นแล้ว ข้าพเจ้าผู้เป็นนักบวชซึ่งเป็นฟากฟ้าของชาวบาดาล ตามคติ ก็หาให้ติดตาม ใส่ใจ สนใจ ถูกใจ เถระดั่งนั้นไม่ จะควรมีแต่จะตะเพิดให้พ้นเสียมาก ด้วยผู้เช่นนั้นปลอมตัวอยู่ จำต้องตะเพิด เพื่อมิให้พฤติการที่กระทำมาเป็นมรดกสิ่งชั่ว ต้องประพฤติตกลงมายังผืนปฐพีแห่งพรต ที่ข้าพเจ้าตั้งใจจะประพฤติ และบำเพ็ญตนให้อยู่”