...เมือพูดถึงนิพพานคนที่เจ้าใจในความหมายจริงๆนั้นมันหาคนที่จะเข้ายาก พระพุทธเจ้าท่านก็เปลี่ยนคำเป็นอย่างอื่นบ้าง
เช่นเรียกว่าฝั่งบ้าง บกบ้าง ที่ไม่เคยไปบ้าง ธรรมชาติบ้าง อายตนะบ้าง เพื่อให้ถูกกับภาษาของแต่ละถิ่น
ในที่นี้มีความหมายที่สามารถเข้าใจได้ง่ายเช่นกันในถิ่นนั้น
เช่นประเทศไทย บางที่คำเดียวกันดูเหมือนจะมีความหมายคล้ายๆกันแต่ความลึกซึ้งมันไม่เหมือนกัน แต่ถ้าเป็นภาษาถิ่น
พอพูดออกไปปุ้บเขาจะเข้าใจได้ทันทีและอย่างลึกซึ้งถึงบางอ้อทันที
อายตนะ กลางๆแล้วก็แปลว่าที่ต่อ หรือที่เชื่อมต่อ ต่อทำไม ต่อกับอะไร มันก็ขึ้นกับบริบทอื่นด้วยอย่างแน่นอน
ในที่นี้พระพุทธเจ้าท่านตรัสว่า เป็นที่ที่มันมีอยู่ แต่มันไม่มีอะไรในนั้นเลย + เราสามารถรู้ได้ เข้าถึงได้
สรูปคำว่า อายตนะ ก็แปลว่า ที่ที่มันมีอยู่ และสามารถเข้าถึงมันได้
ไม่ใช่สิ่งลมๆแล้ง ไร้ตัวตน ที่ไม่สามารถเข้าถึงได้
การที่สำนักวัดธรรมกายพูดถึงอยตนะนิพพานน่าจะมาในความหมายนี้
อายตนะนิพพาน คือ
เช่นเรียกว่าฝั่งบ้าง บกบ้าง ที่ไม่เคยไปบ้าง ธรรมชาติบ้าง อายตนะบ้าง เพื่อให้ถูกกับภาษาของแต่ละถิ่น
ในที่นี้มีความหมายที่สามารถเข้าใจได้ง่ายเช่นกันในถิ่นนั้น
เช่นประเทศไทย บางที่คำเดียวกันดูเหมือนจะมีความหมายคล้ายๆกันแต่ความลึกซึ้งมันไม่เหมือนกัน แต่ถ้าเป็นภาษาถิ่น
พอพูดออกไปปุ้บเขาจะเข้าใจได้ทันทีและอย่างลึกซึ้งถึงบางอ้อทันที
อายตนะ กลางๆแล้วก็แปลว่าที่ต่อ หรือที่เชื่อมต่อ ต่อทำไม ต่อกับอะไร มันก็ขึ้นกับบริบทอื่นด้วยอย่างแน่นอน
ในที่นี้พระพุทธเจ้าท่านตรัสว่า เป็นที่ที่มันมีอยู่ แต่มันไม่มีอะไรในนั้นเลย + เราสามารถรู้ได้ เข้าถึงได้
สรูปคำว่า อายตนะ ก็แปลว่า ที่ที่มันมีอยู่ และสามารถเข้าถึงมันได้
ไม่ใช่สิ่งลมๆแล้ง ไร้ตัวตน ที่ไม่สามารถเข้าถึงได้
การที่สำนักวัดธรรมกายพูดถึงอยตนะนิพพานน่าจะมาในความหมายนี้