คู่แท้ (ตอนที่ ๘)

ความเดิมตอนที่แล้ว https://ppantip.com/topic/37720886

ตอนที่ ๘

            เมื่อไปถึงที่แผนกออกแบบลายผ้า คุณปัทมาวดีจึงพาเจนนรีไปแนะนำตัวกับเลขาผู้จัดการแผนกออกแบบลายผ้าผู้จัดการแผนกฯ  จากนั้นก็ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของเลขาผู้จัดการแผนกออกแบบลายผ้า   เนื่องจากมีโทรศัพท์เข้าพอดี   บนหน้าจอโทรศัพท์มือถือของคุณปัทมาวดีปรากฏชื่อรุ่นน้องคนหนึ่งชื่อยุภา     ยุภาเคยทำงานที่นี่มาก่อน แต่หล่อนก็ทำงานบกพร่องบ่อยครั้งจนถูกตัดเงินเดือนและไล่ออก   วันนี้เธอโทรมาเพื่อจะขอยืมเงิน

        ปัทมาวดีจึงรีบขอตัวออกไปคุยโทรศัพท์    และปล่อยให้เจนนรีอยู่กับเลขาผู้จัดการแผนกออกแบบลายผ้าซึ่งชื่อคุณปรางค์   คุณปรางค์จึงพาเจนนรีไปแนะนำตัวกับผู้จัดการแผนกฯ ก่อน    เมื่อเปิดประตูเข้าไปในห้อง คุณปรางค์จึงพูดว่า  “ผู้จัดการคะ นี่คุณเจนนรีพนักงานใหม่   วันนี้มารายงานตัวเริ่มงานวันแรกค่ะ”    เจนนรียกมือไหว้ผู้จัดการแผนกออกแบบลายผ้า     ผู้จัดการรับไหว้ แล้วกล่าวว่า “ยินดีต้อนรับครับ”
    
        จากนั้นคุณปรางค์ก็พาเจนนรีมายังห้องทำงานที่แผนกซึ่งเป็นห้องรวม  แต่มีพาทิชั่นกั้นแยกส่วนไว้  คุณปรางค์แนะนำเจนนรีให้รู้จักกับเพื่อนร่วมงานในแผนก “คุณเจนนรีคะ นี่คุณสมยศค่ะ”  คุณสมยศรีบตอบว่า “เรียก ‘พี่ยศ’ เฉยๆ ก็ได้ครับ”    คุณปรางค์แนะนำคนถัดไปว่า “ส่วนนี่คุณ ‘ริต้า’ ค่ะ”  เจนนรีกล่าวทักทายว่า “สวัสดีค่ะ พี่ริต้า”  แต่อีกฝ่ายกลับรีบแสดงท่าทางปฏิเสธคำเรียกว่า “โอ้ย...ไม่ต้องเรียกเต็มยศซะขนาดนั้นหรอกค่ะ เรียก ‘ต้า’ เฉยๆ ดีกว่าค่ะ

             แต่แล้วก็มีเสียงพนักงานคนหนึ่งพูดว่า “กลัวน้องเค้าเรียก ‘พี่’ แล้วตัวเองจะดูแก่หรอคะพี่ ‘แก้วตา’ ขา...”  “เอ๊ะ! ยัยจี๊ดนี่ ฉันเปลี่ยนชื่อมาตั้งนานแล้วนะยะ มาเรียกแก้วตงแก้วตาอะไรกัน” คุณริต้าพูดใส่เพื่อนร่วมงานคนดังกล่าวพร้อมชายหางตางอนสะบัด    ดูท่าทางคุณริต้าจะไม่ชอบใจเอาจริงๆ  เจนนรีจึงพูดออกไปว่า “งั้นเจนเรียกว่า ‘ต้า’ เฉยๆ นะคะ”   สีหน้าริต้าจึงดูพึงพอใจขึ้นมาก พร้อมกับพูดว่า “ยินดีต้อนรับจ้ะ”  หน้าตาของริต้าดูเหมือนเกร็งๆ    เนื่องจากเธอเพิ่งไปผ่าตัดเสริมความงามมา   แผลยังไม่ค่อยหายดีนัก    งานนี้พี่จี๊ดจึงไม่วายแซวเรื่องเสริมสวยศัลยกรรมของริต้า “ระวังเสพติดศัลยกรรมนะจ๊ะ เดี๋ยวจะหาว่าเค้าไม่เตือน”

         ริต้าทำหน้าตาเชิดใส่พี่จี๊ดแล้วพูดว่า “เชอะ! ขอแค่ฉันสวยได้แต่ชาตินี้เลย  ไม่ต้องรอชาติหน้าเหมือนหล่อนก็พอย่ะ”    พี่จี๊ดรีบตอบกลับว่า “อ้อเหรอ...!  ระวังผลข้างเคียงด้วยนะจ๊ะ    เดี๋ยวจะซวยแต่ชาตินี้ ไม่ต้องถึงรอชาติหน้า”   คุณปรางค์เกรงว่าสองคนจะไปกันใหญ่จึงรีบแนะนำคนต่อไปทันทีว่า “ส่วนนี่...” พนักงานที่เพิ่งแซวริต้าเมื่อสักครู่นี้ก็ชิงพูดแนะนำตัวเองเสียก่อนว่า  “เรียก ‘พี่จี๊ด’ ได้เลยค่ะน้องเจน”

             แล้วพี่จี๊ดก็ทำหน้าที่แทนคุณเลขาปรางค์ต่อในทันใด  โดยแนะนำเพื่อนร่วมงานในแผนกอีกคนหนึ่งว่า “ส่วนคนนี้น่ะ ชื่อ ‘แพม’ ค่ะ”  “สวัสดีค่ะ” เจนนรีกล่าวทักทายแพม   แพมทักทายกลับ “ยินดีต้อนรับค่ะ”  แพมเป็นคนรูปร่างค่อนข้างอวบ      หล่อนแต่งหน้าเพียงอ่อนๆ   สีเสื้อผ้าที่ใส่ก็เน้นเป็นโทนสีอ่อนๆ  ทั้งเสื้อและกระโปรงเข้าชุดกัน   ทำให้ดูตรงข้ามกับพี่จี๊ดที่เน้นแต่งกายด้วยเสื้อผ้าสีสดมากทีเดียว

             จากนั้นพี่จี๊ดก็แนะนำคนต่อไปว่า   “ส่วนนี่ก็ ‘พี่แป๋ว’ ค่ะ”   พี่แป๋วเป็นผู้ชายแบบเอวบางร่างน้อย   มือไม้เขากรีดกรายยามที่พี่พูดต้อนรับเจนนรี “ยินดีต้อนรับสู่แผนกออกแบบลายผ้านะฮะคุณน้อง”  เจนนรีตอบ “ขอบคุณค่ะพี่แป๋ว”   การมีเพื่อนร่วมงานแบบนี้เจนนรีไม่ได้ต่อต้านเลย   เพราะตอนที่เรียนออกแบบแฟชั่นนั้น   หล่อนเองก็มีเพื่อนร่วมชั้นเรียนที่เป็นเกย์   ซึ่งหลายคนเป็นเพื่อนที่ดีและมีน้ำใจกับเธอ

             พี่แป๋วทักทายต่อโดยพูดกับเจนนรีว่า “พี่ชอบผิวคุณน้องจังเลยฮ่ะ ผิวเนียนผ่องยังกะผิวเด็กเลยนะฮะ   แหม...เห็นแล้วน่าอิจฉา”  เจนนรีจึงตอบว่า “พี่แป๋วเองก็ผิวดีเช่นกันค่ะ”   พี่จี๊ดตอบแซวว่า “โถ...จะไม่ให้ดีได้ยังละคะน้องเจน   ก็คุณพี่แป๋วเธอเล่นเข้าร้านนวดหน้านวดตัวแทบทุกอาทิตย์เลยละฮ่ะ” แต่พี่แป๋วกลับพูดว่า “อ้าว ทำไมฉันจะไปร้านทุกอาทิตย์ไม่ได้ละยะ   ก็ในเมื่อฉันก็เป็นหุ้นส่วนของร้าน”    เจนนรีกล่าวกับพี่แป๋วว่า “พี่แป๋วมีร้านเป็นของตัวเองด้วยหรือคะเนี่ย เก่งจังค่ะ”
  
             พี่แป๋วรีบตอบกลับว่า “เป็นร้านเล็กๆ ที่พี่หุ้นกะเพื่อนน่ะจ๊ะ  แต่ถ้าน้องเจนสนใจ  เอาไว้วันหลังพี่แป๋วพาไปด้วยตัวเองเลยค่ะ รับรองว่าใช้บริการแค่ครั้งเดียวก็ติดใจ”    พี่จี๊ดแซวเล่นทันทีว่า “ขายของอีกแล้วนะพี่แป๋ว"  แต่พี่แป๋วกลับว่า “เขาเรียกว่าประชาสัมพันธ์ย่ะหล่อน”  พี่จี๊ดไม่ได้ต่อล้อคำพูดอะไรอีก  แต่ก็หันแนะนำเพื่อนร่วมงานคนสุดท้ายของแผนก   “ส่วนท่านผู้นี้...คือ  ‘พี่ตาล’ ส.ว. สูงสุดของแผนกเราจ้า” ท่าทางพี่จี๊ดเป็นคนอารมณ์ดีสนุกสนาน   ส่วนพี่ตาลนั้นกลับดูสุขุมใจเย็นเหมาะสมตามวัยของเธอ
  
             เมื่อได้ทำความรู้จักกับทุกๆ คนในห้องนั้นเป็นที่เรียบแล้ว  คุณปรางค์จึงพาเจนนรีมายังโต๊ะทำงานที่ทางบริษัทจัดไว้ให้หล่อน   เจนนรีนั่งลงกับโต๊ะที่ทำงานของตนเอง   แต่เหมือนหล่อนจะได้ยินเสียงแว่วมาจากทางด้านหลัง แม้จะมีพาทิชั่นกั้นไว้ก็ตาม เป็นเสียงเพื่อนรวมงานคนนึงคุยกับอีกคนว่า “น้องใหม่ของแผนกเราเนี่ย สวยจังเนอะ”  อีกคนก็พูดเอออวยไปด้วยว่า “แหม่...ก็ช่วยมาเพิ่มสีสันให้กับแผนกเราไงล่ะจ๊ะ” แล้วพูดแซวต่อไปว่า “จริงมั้ยคะพี่ยศ”  

         พอถึงเวลาพักเที่ยง บรรดาเพื่อนร่วมงานในแผนกก็พาหล่อนไปเลี้ยงอาหารกลางวันที่ร้านอาหารแห่งหนึ่ง นอกตึกทีทำงาน   เมื่อมาถึงร้าน พี่ตาลซึ่งอาวุโสสุดในแผนก ซึ่งดูเป็นคนที่สุขุมใจเย็น ก็กล่าวกับเจนนรีว่า “ถือเป็นการเลี้ยงรับน้องใหม่นะคะน้องเจน”   ส่วนเพื่อนร่วมงานที่ชื่อ ‘แพม’ ซึ่งเป็นคนรูปร่างท้วมสักหน่อย เลยแซวเล่นว่า “เย้...วันนี้พี่ตาลเป็นเจ้ามือ  กินตามสบายเลยพวกเรา”  แต่อันที่จริงแล้วก็เป็นการแชร์กันจ่าย   ยกเว้นเจนนรีที่ไม่ต้องแชร์ค่าอาหาร
  
        ในระหว่างทานอาหารนั้น เจนนรีทานแค่พอเป็นมารยาท   จนพี่สมยศถึงกับถามว่า “ไม่อร่อยหรือครับน้องเจน”   เจนนรีรีบปฏิเสธว่า “อร่อยค่ะ แต่เจนทานข้าวเช้ามาเยอะมาก เลยยังไม่ค่อยหิวค่ะ”   พี่แป๋วรีบแซวขึ้นมาทันที “แหม...พี่ยศขา ไม่ห่วงแป๋วบ้างหรอคะ  เมื่อเช้านี้แป๋วก็ยังไม่ได้ทานข้าวเช้าเลยนะคะ” พี่จี๊ดจึงพูดบ้างว่า “จี๊ดก็ฮิ้วหิวนะคะพี่ยศขา...”    

       พี่ตาลจึงชิงตอบแทนพี่ยศไปว่า “อ้าว ไหนว่าหิวกันไงล่ะ  ก็รีบกินกันตามสบายทั้งสองคนนั่นแหล่ะ  ว่าแต่อย่าให้เลยบ่ายโมงละกัน    เดี๋ยวจะเข้างานสาย”    ทุกคนลงมือทานอาหารกันต่ออย่างเอร็ดอร่อย    จนถึงเวลาเสิร์ฟผลไม้    จังหวะนั้นพี่ตาลสังเกตเห็นคุณปัทมาวดีเดินเข้ามาในร้านพอดี    พี่ตาลจึงกล่าวทักทายและเชิญชวนให้นั่งร่วมวงโต๊ะอาหารด้วยกัน “ทานผลไม้ด้วยกันนะคะคุณปัท”

            ปัทมาวดีเห็นบรรดาพนักงานแผนกออกแบบลายผ้าพาเจนนรีมาเลี้ยงข้าวต้อนรับ   หล่อนจึงตอบไปว่า “งั้นขอนั่งใกล้ๆ น้องใหม่ของบริษัทเราก็แล้วกันนะคะ”   จากนั้นหล่อนก็เบียดตัวลงนั่งข้างพี่ตาลเพื่อแทรกตัวลงนั่งข้างๆ เจนนรี    ทำเอาพี่ตาลต้องขยับตัวไปนั่งเก้าอี้ถัดไปที่วางกระเป๋าสะพายอยู่    ปัทมาวดีเห็นถาดผลไม้พร้อมส้อมจิ้มแล้วก็อดนึกสนุกขึ้นมาไม่ได้    “ผลไม้น่าทานจังเลยนะคะ   คุณเจนนรีทานเยอะๆ นะคะ”

       เจนนรีรู้สึกว่าท่าทีและคำพูดของคุณปัทมาวดีไม่ค่อยจะจริงใจสักเท่าไร    แต่ก็ขี้เกียจจะใส่ใจ    หล่อนคิดว่ารีบๆ ทานให้เสร็จ    เรื่องจะได้จบๆ ไป แล้วจะได้รีบลุกจากโต๊ะกลับไปทำงาน    แต่ขณะที่เจนนรีกำลังใช้มือซ้ายที่หล่อนถนัดหยิบส้อมเพื่อจะจิ้มผลไม้ขึ้นมาชิ้นหนึ่งนั้น    ปัทมาวดีกลับทำท่าว่าตั้งใจจะจิ้มผลไม้ชิ้นเดียวกันกับหล่อน    แต่แกล้งทำพลาดโดยจิ้มส้อมลงบนหลังมือของเจนนรีแทน
    
        เจนนรีไม่ได้รู้สึกเจ็บแต่อย่างใดขณะที่ส้อมนั้นถูกกดลงบนมือของหล่อน    ส่วนปัทมาวดีกลับต้องประหลาดใจที่ส้อมนั้นกลับเหมือนถูกแรงสะท้อนกลับ    ส้อมนั้นกระเด็นลอยหลุดจากมือของหล่อน แล้วร่วงตกลงบนพื้น    หล่อนรีบแก้ตัวทันทีก่อนที่ใครๆ จะสังเกตเห็นเหตุการณ์เมื่อครู่ “ตายแล้ว! ปัทนี่ซุ่มซ่ามจังเลย ทำส้อมตกพื้นเลอะเทอะซะแล้ว”    พี่ตาลซึ่งนั่งอยู่ข้างๆ ตอบว่า “ไม่เป็นหรอกค่ะ เดี๋ยวพี่เรียกบริกรให้เขาเอาช้อนส้อมมาให้ใหม่นะคะ”

        ปัทมาวดีกลับรีบห้ามพี่ตาลว่า “ไม่ต้องหรอกค่ะพี่ตาล   เผอิญว่าปัทต้องไปแล้วละค่ะ    ปัทสั่งขนมของที่ร้านนี้ไว้    ขอตัวไปรับของก่อนนะคะ    แล้วเจอกันที่ออฟฟิสค่ะ”     หล่อนลุกจากโต๊ะทันทีที่พูดจบ    เจนนรีรู้สึกแปลกๆ   หล่อนเอามือขวาแตะดูที่หลังมือซ้าย    แต่ก็ไม่ได้รู้สึกว่าเจ็บหรือมีแผลจากปลายส้อมเมื่อครู่แต่อย่างใด  เมื่อหล่อนหงายมือซ้ายขึ้น    เจนนรีก็ต้องตกใจเมื่อเห็นรอยปานแดงนั่นชัดเจนขึ้นมาอีกครั้ง    พี่สมยศสังเกตเห็นสีหน้าของเจนนรี พลันถามว่า “มือเป็นอะไรหรือเปล่าครับ”

        เจนนรีรีบวางมือซ้ายลงบนตักเพื่อหลบสายตาคนอื่น แล้วตอบพี่สมยศไปว่า “ไม่เป็นไรค่ะ”    พี่แป๋วกลับยิ่งส่งสัยว่า “เอ...เมื่อกี๊เหมือนคุณปัทมาวดีเธอจะจิ้มส้อมพลาดไปโดนมือน้องเจนนี่คะ”    

พี่จี๊ดก็สังเกตเห็น จึงพูดบ้างว่า “ไหน..พี่ขอดูมือหน่อยซิ   เป็นแผลอะไรหรือเปล่า”    เจนนรีรีบปฏิเสธทุกคนทันทีว่า “ไม่มีอะไรค่ะพี่   ส้อมไม่ได้โดนมือเจนหรอกค่ะ    มันร่วงตกพื้นไปแล้วนี่คะ”    
พี่ตาลก้มลงดูช้อนส้อมที่ร่วงตกลงไปที่พื้นแล้วก็ยังแปลกใจอยู่ดี

        เจนนรีรีบตัดบทสนทนาทันทีว่า “เอ่อ...เจนอิ่มแล้วน่ะค่ะ    แล้วนี่ก็จะบ่ายโมงแล้วด้วย     เจนว่าเรารีบกลับออฟฟิศกันเถอะค่ะ    เดี๋ยวจะเลยเวลาพักเที่ยง”    แพมรู้สึกเสียดายว่ายังทานผลไม้ได้จุใจ    เลยขอจิ้มมะละกออีกสักชิ้นก่อน     ส่วนพี่ตาลนั้นก้มดูนาฬิกาข้อมือก็เห็นว่าใกล้จะบ่ายโมงแล้วจริงๆ    หล่อนจึงเรียกบริกรมาเพื่อคิดเงินค่าอาหารทั้งหมด    ระหว่างนั้นเจนนรีก็แอบเหลือบดูที่มือซ้ายหล่อนอีกครั้ง   แต่โชคดีว่าคราวนี้รอยปานแดงนั่นจางหายไปเสียแล้ว  
--------------------------------------
ประพันธ์โดย กานต์ระพี

ขอบคุณคนอ่านค่ะ ฝากติชมด้วยนะคะ
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่