แสวงหา

กระทู้สนทนา
แสวงหา
            ดรัสวันต์

    
       วันนี้แก้วปรางค์ไปทำงานอย่างกระตือรือร้นเป็นพิเศษ ดูซิ แม้แต่เสื้อผ้า หน้า ผม หล่อนก็บรรจงกับมันนักหนาผิดกับทุกวัน พอนึกถึงสาเหตุของความตื่นเต้นครั้งนี้ ก็อดรู้สึกตะหงิดๆ ในใจไม่ได้ ทำไมหล่อนจะต้องตื่นเต้น ทำไมจะต้องแต่งตัวสวยเป็นพิเศษด้วย  รึว่าเพื่อให้ ‘เขา’ ประทับใจและสะดุดตาในตัวหล่อน
    
       ‘เขา’ คือ เจ้าหน้าที่ใหม่ที่จะมาเริ่มงานในหน่วยเดียวกับแก้วปรางค์ในวันนี้เป็นวันแรก และก่อนหน้านี้ สายสืบ ผู้ชอบอยากรู้อยากเห็นเรื่องของชาวบ้านก็จัดแจงไปสืบหาข้อมูลมาเรียบร้อยแล้วว่า ชายหนุ่มผู้นี้เรียนจบปริญญาโทมาจากเมืองนอก หน้าตาดี ร่ำรวย และที่สำคัญ...ยังโสด

       ‘คราวนี้ เอาให้ได้ซะทีนะ’ พวกเพื่อนผู้หญิงพยายามกระเซ้าเย้าแหย่แก้วปรางค์ เพราะใครต่อใครในหน่วยเดียวกับหล่อนก็เป็นนางไปหมดแล้ว เหลือแต่แก้วปรางค์

       ไม่มีใครอยากเชื่อว่า ผู้หญิงที่สวยเพียบพร้อมอย่างแก้วปรางค์จะไม่มีแฟน ตัวหล่อนเองก็ไม่เข้าใจเหมือนกัน

      ‘ก็ไอ้ท่าทางปฏิเสธผู้ชายของเธอนั่นแหล่ะ’ เพื่อนคนหนึ่งเคยบอกหล่อน

      ก็แล้วจะให้แก้วปรางค์ทำอย่างไร  หล่อนถูกอบรมสั่งสอนมาอย่างเข้มงวด กุลสตรีต้องไม่ให้ท่าผู้ชาย จะรักจะชอบใครก็ให้เก็บไว้ในใจ อย่าให้เขารู้ นัดครั้งแรกต้องปฏิเสธไว้ก่อน ฯลฯ นั่นคือสิ่งที่หล่อนได้รับการสอนมา แต่มันน่าขันที่พอหล่อนทำตามคำสอนเหล่านั้น  บรรดาหนุ่มๆ ก็พากันหายหน้าไปจากหล่อน ทั้งที่ยังไม่เริ่มเป็นแฟนกันด้วยซ้ำ

      มันอาจจะเป็นความผิดของหล่อนก็ได้ที่เรียบร้อยและระวังตัวมากเกินไป หล่อนไม่ไวไฟเหมือนสาวๆ สมัยนี้

      แก้วปรางค์คิดและเริ่มสับสนกับสภาพแวดล้อมของสังคมยุคใหม่ การเป็นกุลสตรีที่ดี ดูเหมือนจะไม่ได้อะไรตอบแทนเลย นอกจากความเหงาและเดียวดาย ซึ่งแต่ก่อนแก้วปรางค์ไม่ค่อยรู้สึกอะไรกับมันนัก หล่อนมีความสุขกับชีวิตเรียบง่ายและงานอดิเรกที่หล่อนทำอยู่ก็ช่วยให้ไม่รู้สึกเหงาแต่อย่างใด

      จนเมื่อเพื่อนเริ่มแต่งงานกันไปทีละคน และหลายคนก็เริ่มตั้งคำถามกับหล่อนว่าเมื่อไหร่จะมีแฟน เมื่อไหร่จะแต่งงาน มันทำให้แก้วปรางค์เริ่มคิดมากกับเรื่องนี้ เป็นความคิดที่รบกวนจิตใจหญิงสาวบ่อยครั้งขึ้นทุกที บางที หล่อนควรจะต้องเปลี่ยนแปลงตัวเองใหม่ และต้องมีใครสักคนในชีวิต


       ตอนสายวันนั้น หัวหน้าเป็นผู้พาเจ้าหน้าที่ใหม่มาแนะนำตัวกับทุกคนในหน่วย แก้วปรางค์รู้สึกใจเต้นแรงเมื่อได้เห็นหน้าเขาครั้งแรก เขาหน้าตาดีจริงๆ ดูสะอาดสะอ้าน ในชุดเสื้อเชิ้ตสีขาวและเนคไท ดูเป็นหนุ่มนักเรียนนอกที่เนี้ยบไปทั้งตัวอย่างที่หล่อนใฝ่ฝันทีเดียว แถมยามอยู่ใกล้ หล่อนได้กลิ่นอาฟเตอร์เชฟอ่อนๆ กรุ่นมาจากกายเขา เวลาเขายิ้ม ดูเป็นคนเปิดเผย ไม่มีพิษมีภัยกับใคร ทำให้แก้วปรางค์รู้สึกว่าเขาน่าคบ คงไม่เหมือนผู้ชายประเภทเสือ สิงห์ กระทิง แร่ด ทั้งหลาย ที่หล่อนขออยู่ห่างๆ

       “นี่คุณแก้วปรางค์ ส่วนนี่ คุณธนวัฒน์ จะมาร่วมงานกับเรา” หัวหน้าของหล่อนแนะนำ ทั้งสองต่างก้มศีรษะให้กันเล็กน้อยเป็นเชิงทักทาย เพราะคะเนว่าอายุคงไล่เรี่ยกัน หรือจะแก่อ่อนกว่ากันคงไม่เกิน 3 ปี

       “ยินดีที่จะมาร่วมงานกับเราค่ะ” แก้วปรางค์กล่าวอย่างมีพิธีรีตอง พูดไปแล้วก็อดนึกตำหนิตัวเองไม่ได้ว่าพูดอะไรเชยๆ เป็นพิธีการเหลือเกิน


       วันนั้นทั้งวัน แก้วปรางค์เคร่งขรึมและเฉยเมยกว่าปกติ ราวกับจะพรางความรู้สึกในใจ จนเพื่อนร่วมงานแอบมากระซิบเตือนว่าหล่อนวางฟอร์มเฉยเมยกับเขาเกินไปหน่อย

       “แล้วจะให้ทำอย่างไรล่ะ” แก้วปรางค์ถามออกไปซื่อๆ นึกลำบากใจกับตัวเองเหมือนกัน

       “อ้าว ก็พยายามยิ้มแย้ม ชวนเขาพูดคุย ยิ่งมาใหม่ๆ ยังไม่รู้อะไร ก็เป็นโอกาสของเราที่จะเข้าไปแนะนำเรื่องงาน หรือเรื่องเกี่ยวกับที่ทำงานนี้ก็ได้ ไม่เห็นยากเลย อีกหน่อยก็ขี้คร้านจะสนิทกันเอง”

       แก้วปรางค์ได้แต่ถอนหายใจ พลางคิดว่า ทำไมนะ การจะรู้จักกับผู้ชายสักคน ดูเหมือนต้องอาศัยกลยุทธมากมาย และช่างเป็นเรื่องยากเย็นสำหรับผู้หญิงอย่างหล่อนเหลือเกิน เพราะมันขัดกับความรู้สึกอย่างมาก แก้วปรางค์ไม่เคยเป็นฝ่าย ‘เริ่ม’กับผู้ชายก่อน หล่อนขลาดและอายเกินไป รึว่าหล่อนควรจะหัดกล้าแล้วลอง ‘เริ่ม’ กับผู้ชายคนนี้ดูบ้าง เพราะใครๆ ก็มองว่าหล่อนชักช้ามัวแต่คอนเซอร์เวทีฟและคงจะโง่มาก ถ้าไม่สามารถคว้าผู้ชายคนนี้ไว้ได้

       ‘เธอน่ะจะขึ้นเลข 3 แล้วนะ ถ้าไม่รีบหา เธอก็จะหมดโอกาสไปทุกทีแล้ว เด็กสาวๆ รุ่นๆ มันเอาไปกินหมด’

       คำพูดของคนรอบตัวรุมเร้าจนแก้วปรางค์สับสน แล้วพาลหงุดหงิดไปหมด และเมื่อหล่อนถูกเจ้านายเรียกไปสั่งงาน หญิงสาวจึงได้รับรู้เรื่องหนักใจซึ่งยากจะหลีกเลี่ยง นั่นคือ การทำงานร่วมกับเขา..ธนวัฒน์

       “คุณธนวัฒน์จะมาช่วยปรางค์เกี่ยวกับโปรเจคใหม่” หัวหน้าเอ่ยขึ้น เมื่อทั้งสองนั่งลงตรงหน้าโต๊ะทำงาน “เดี๋ยวขอแรงปรางค์ช่วยอธิบายรายละเอียดเกี่ยวกับงานโปรเจคนี้ให้คุณธนวัฒน์ด้วยนะ ผมอยากจะคุยด้วยเหมือนกันแต่ผมมีประชุม”

        ภาระนี้ทำให้แก้วปรางค์ต้องลอบถอนหายใจ แล้วรับคำ

       “เชิญคุณธนวัฒน์ไปรอที่ห้องประชุมเล็กก่อนนะคะ ดิฉันจะไปเตรียมเอกสารเกี่ยวกับโครงการมาให้”

       หญิงสาวหลีกเลี่ยงที่จะคุยงานที่โต๊ะทำงาน เพราะคงมีสายตาหลายต่อหลายคู่คอยจับจ้องจนหล่อนไม่มีสมาธิก็เป็นได้

       แก้วปรางค์ใช้เวลาหนึ่งชั่วโมงเต็มๆ ในการอธิบายงานในความรับผิดชอบของหล่อน และกำลังจะเป็นความรับผิดชอบร่วมกัน มีหลายคำถามจากธนวัฒน์ซึ่งแก้วปรางค์ก็สามารถอธิบายได้อย่างคล่องแคล่ว เรียกรอยยิ้มและศรัทธาจากผู้ร่วมงานใหม่ที่เริ่มมั่นใจว่ากำลังทำงานกับผู้ที่รู้จริง


       แรกๆ แก้วปรางค์ยังคงขัดเขินกับผู้ร่วมงานหนุ่มหล่ออยู่บ้าง แต่พอได้ร่วมงานกันไปสักพัก หล่อนจึงเริ่มคุ้นเคยกับเขามากขึ้น ความสามารถในการทำงานของชายหนุ่มทำให้แก้วปรางค์ชื่นชมอยู่ในใจ เขาช่วยผ่อนภาระเกี่ยวกับงานไปจากหล่อนได้มาก และยังมีคำแนะนำที่เฉียบแหลมมาเสนออีกด้วย
เวลาทำงาน ธนวัฒน์เป็นคนเอาจริงเอาจัง แต่พอต่างคนต่างเครียดมากๆ อารมณ์ขันของเขาก็ช่วยได้มาก เขาทำให้แก้วปรางค์ยิ้มและหัวเราะออกมาได้บ่อยครั้งจนหล่อนรู้สึกว่าเวลาทำงานร่วมกับเขา หล่อนไม่ต้องระวังตัวหรือรู้สึกอึดอัดอีกต่อไป


       ใกล้ถึงกำหนดส่งไฟนอลรีพอร์ตแล้ว แต่ยังไม่มีท่าทีว่ารายงานจะสำเร็จได้โดยง่ายและทันเวลา แก้วปรางค์ปรึกษาเรื่องนี้กับเพื่อนๆ เพื่อขอแรงช่วย แต่ทุกคนก็มีงานล้นมือเกินกว่าจะสละเวลามาช่วยงานได้

       “อยู่ทำ โอ ที ซิ” ใครคนหนึ่งเสนอขึ้น แล้วลดเสียงทำเป็นกระซิบกระซาบว่า “เป็นโอกาสดีของปรางค์กับคุณธนวัฒน์นะ ทำงานด้วยกันค่ำๆ แบบนี้ เขาจะได้ขับรถไปส่งเธอที่บ้านไง สุภาพบุรุษอย่างเขาคงไม่ปล่อยให้ผู้หญิงกลับบ้านดึกๆ คนเดียวหรอก แล้วถ้าเขาชวนละก้อ อย่าทำเป็นเล่นตัวล่ะ”

       แม้หล่อนจะตะขิดตะขวงใจกับความคิดของเพื่อน แต่สถานการณ์ก็บังคับให้หล่อนต้องทำงานล่วงเวลาร่วมกับเขา เพราะหากไม่ทำเช่นนั้น ก็ไม่มีทางที่งานจะเสร็จทันกำหนด
    
      แล้วสิ่งที่เพื่อนพูดไว้ก็เป็นจริง เมื่อเสร็จงานตอนทุ่มครึ่ง ธนวัฒน์ออกปากจะขับรถไปส่งหล่อนที่บ้าน ครั้งแรกหล่อนอิดเอื้อนด้วยความเกรงใจว่ายังไม่ดึกมากหล่อนกลับเองได้ แต่พอเขาคะยั้นคะยอพร้อมทั้งอ้างว่าค่ำมืดแล้วเกรงจะไม่ปลอดภัย แก้วปรางค์จึงไม่อาจขัดความหวังดีของเขาได้
    
       ตลอดระยะเวลาหนึ่งอาทิตย์ที่ทั้งสองทำงานล่วงเวลาด้วยกัน กลับบ้านด้วยกัน บางครั้งก็แวะรับประทานอาหารรองท้องก่อนกลับบ้าน เป็นเช่นนี้จนกระทั่งรายงานเสร็จสมบูรณ์ออกมาเป็นรูปเล่มอันน่าภาคภูมิใจ รอเวลาที่จะส่งในวันรุ่งขึ้น
    
      คืนนั้น ธนวัฒน์รับอาสาไปส่งหล่อนตามเคย แต่มีข้อแม้ว่าจะต้องแวะฉลองงานเสร็จกันก่อน แก้วปรางค์นั้นคุ้นเคยและไว้วางใจเขาแล้ว คิดว่าไม่มีอะไรน่าปฏิเสธ อีกทั้งงานชิ้นนี้ กว่าจะสำเร็จลงได้ ทั้งเขาและหล่อนก็เหน็ดเหนื่อยกันทั้งคู่ สมควรที่จะมีการเลี้ยงฉลองกัน

       กว่าแก้วปรางค์จะกลับถึงบ้านก็เกือบห้าทุ่ม แม้จะดึกและเหนื่อยกับงานมาทั้งวัน แต่หล่อนกลับนอนไม่หลับ ยังคงอิ่มเอมเปรมปรีดิ์กับค่ำคืนอันประทับใจที่เพิ่งผ่านไป ห้องอาหารหรูหรา บรรยากาศซาบซึ้งกับเสียงเพลงจากนักร้องชั้นดี แม้หล่อนจะคุ้นเคยกับความหรูหราเช่นนี้มาบ้าง แต่ก็อดที่จะตื่นเต้นไม่ได้ เพราะครั้งนี้ แก้วปรางค์ไม่ได้มากับญาติหรือเพื่อนฝูง แต่เป็นใครคนหนึ่งซึ่งหล่อนเริ่มรู้สึกมีความหมายพิเศษกับเขา

       ระหว่างรับประทานอาหาร ธนวัฒน์ปฏิบัติต่อหล่อนเช่นเดียวกับสุภาพบุรุษที่ได้รับการอบรมมาอย่างดี มันทำให้หญิงสาวรู้สึกภูมิใจที่เขาให้เกียรติหล่อน นอกจากนี้เขายังมีเรื่องสนุกสนานมาเล่าให้หล่อนรู้สึกเพลิดเพลินจนลืมเรื่องงานที่เคร่งเครียดมาตลอดวัน

      เขาถามถึงครอบครัวของหล่อน ซึ่งแก้วปรางค์เล่าถึงด้วยความภูมิใจ เพราะหล่อนมาจากครอบครัวที่อบอุ่นและประสบความสำเร็จ ยิ่งชายหนุ่มให้ความสนใจซักถามและแสดงความชื่นชมในครอบครัวของหล่อน แก้วปรางค์ก็ยิ่งปลาบปลื้ม

      แต่พอกลับมานอนคิดทบทวนดูแล้ว แก้วปรางค์ระลึกได้ว่า เขารู้เรื่องของหล่อนจนเกือบหมดในขณะที่หล่อนรู้เรื่องของเขาน้อยมาก แก้วปรางค์ยังรู้จักเขาผิวเผินนักเมื่อเทียบกับความรู้สึกในใจที่หล่อนต้องยอมรับกับตัวเองว่าชอบเขามากมาย

       ความสุภาพ เอื้อเฟื้อมีน้ำใจของเขาประทับใจแก้วปรางค์เหลือเกิน และที่สำคัญเขามีน้ำใจให้กับทุกคน อันแสดงถึงอุปนิสัยอ่อนโยนที่มาจากเนื้อแท้ของจิตใจ มิใช่การปรุงแต่งเพื่อเรียกคะแนนนิยมจากใครๆ ทั้งสิ้น จึงไม่ต้องสงสัยเลยว่า หลายคน ไม่ว่าหญิงชายต่างนิยมชมชอบในตัวเขากันทั้งนั้น ส่วนแก้วปรางค์นั้น หล่อนคิดว่าชอบเขาจริงๆ ชอบที่ความเป็นเขา ผู้ชายสุภาพ อบอุ่น มีน้ำใจ ไม่ใช่ชอบเพราะต้องการอยากจะมีใครสักคนในชีวิต
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่