ณ เคบินผู้โดยสารชั้นประหยัดบนเที่ยวบินระหว่างประเทศเที่ยวบินหนึ่ง
“เจน !”
ก่อนหน้านี้เพียงแค่ไม่กี่วินาที ขณะที่เจนนิญากำลังจะหันไปเปิดม่าน หลังจากที่หล่อนเตรียมจะนำอาหารไปเสิร์ฟผู้โดยสารเสร็จ จู่ ๆ เธอก็รู้สึกง่วงนอนเป็นอย่างมาก และเพียงแค่ประเดี๋ยวเดียวเดียว หญิงสาวก็พบว่าตัวเธอนั้นได้ลืมตาตื่นขึ้นมาอีกครั้งในขณะที่ตัวหล่อนเองกำลังนอนอยู่บนพื้นโดยมีเพื่อนร่วมงานที่ชื่อ ณัทนรา กำลังจับแขนและพยายามจะช่วยประคองให้ตัวหล่อนลุกขึ้น
“เจน ๆ แกเป็นอะไรมากรึเปล่า” สีหน้าของณัทนราดูแตกตื่นตกใจมาก
“ปะ เปล่า ไม่ได้เป็นอะไรมาก แค่เจ็บแขนนิดหน่อยน่ะ”
“เธอนอนไม่พอหรอยัยเจน อยู่ดี ๆ ถึงได้วูบหมดสติไปแบบนี้เนี่ย” กันนรี เพื่อนรัก(เก่า)จอมวายร้ายที่เดินมาเห็นเหตุการณ์เข้าก็เอ่ยถามขึ้นด้วยน้ำเสียงซึ่งดูเหมือนจะเป็นห่วงเป็นใยเธอเสียเต็มประดา แต่หญิงสาวก็รู้ว่าจริง ๆ แล้วมันไม่ใช่แบบนั้นเลยสักนิด เพราะเพื่อนสาวอดีตคนสนิทคนนี้นั้นก็เพิ่งจะแย่งแฟนหนุ่มพี่กัปตันก้ามล่ำสุดหล่อของเธอไป จนเธอนั้นทั้งต้องเสียใจและเสียน้ำตาไปมากโข
“ไปเสิร์ฟอาหารกันเถอะณัท” เจนแสร้งทำเป็นไม่สนใจกันนรี หล่อนรีบผุดลุกขึ้นแล้วก็ชวนณัทนราไปทำงานต่อทันที
เมื่อถูกอดีตเพื่อนสาวคนสนิทเพิกเฉย เพื่อนรักเพื่อนร้ายของหล่อนก็เลยเอาข่าวนี้ไปบอกให้หัวหน้าและผู้ร่วมงานคนอื่น ๆ ของหล่อนทราบถึงเรื่องที่เกิดขึ้น ในวันนั้นเพื่อนร่วมงานก็เข้าใจว่ามันเป็นแค่อาการของคนที่นอนหลับพักผ่อนไม่เพียงพอ เนื่องจากงานพนักงานต้อนรับบนเครื่องบินนั้นเป็นงานที่ค่อนข้างจะหนัก โดยเฉพาะในเที่ยวบินข้ามทวีปที่กินระยะเวลายาวนานหลายชั่วโมงแบบเที่ยวบินนี้
ต่อมาอีก 2 วันเจนก็เกิดอาการวูบหลับอีกตอนขาบินกลับ ทำให้หญิงสาวถูกหัวหน้าตำหนิว่าปฏิบัติหน้าที่ได้ไม่ดี นอกจากเสียใจแล้ว ความรู้สึกแปลก ๆ อีกอย่างที่ทำให้เจนนิญารู้สึกกังวลมากก็คือ
ทำไมตอนที่เราวูบไป มันถึงเกิดจากความรู้สึกง่วงนอนอย่างหนักเสียมากกว่าจะเป็นการเป็นลมหมดสติแบบทั่ว ๆ ไปนะ
หลังจากเที่ยวบินไปกลับต่างประเทศ เจนนิญาก็ได้นัดเพื่อนสนิทชาวสายการบินซึ่งก็คือ คิมหันต์ หรือ ชื่อในแบบสจีสาวว่า คิมมี่ ให้มาทานข้าวด้วยกันเพราะตอนนั้นเจนนิญาอยากจะกินซูซิมาเป็นอาทิตย์ ๆ แล้ว แต่ก็กลับไม่ว่างมาเลยสักครั้ง
ในขณะที่เจนนิญากำลังใช้ตะเกียบคีบซูซิ มาวางลงในจานตรงหน้าของหล่อน พร้อมกันนั้นหญิงสาวก็เอ่ยขึ้นว่า
“ฉันว่าไม่วันนี้ก็พรุ่งนี้ฉันจะไปหาหมอแหละแก”
“แกเป็นอะไรนังเจน ฉันก็เห็นแกดูออกจะปกติดีนี่ ไม่เห็นจะเหมือนคนป่วยเลย” คิมหันต์กินไปพร้อมกับตอบไปอย่างเมามัน
“ก็ตอนไปบินครั้งที่ผ่านมานี่ ตอนทำงานอยู่ อยู่ดี ๆ ฉันก็วูบไป”
“หรือว่าแกจะ…” คิมหันต์ไม่พูดต่อแต่กลับยกมือขึ้นมาปิดปากด้วยสีหน้าที่ดูตกอกตกใจแทน
ตอนแรกของ 'เจ้าหญิงนิทรา...Narcolepsy' จ้า ^^
“เจน !”
ก่อนหน้านี้เพียงแค่ไม่กี่วินาที ขณะที่เจนนิญากำลังจะหันไปเปิดม่าน หลังจากที่หล่อนเตรียมจะนำอาหารไปเสิร์ฟผู้โดยสารเสร็จ จู่ ๆ เธอก็รู้สึกง่วงนอนเป็นอย่างมาก และเพียงแค่ประเดี๋ยวเดียวเดียว หญิงสาวก็พบว่าตัวเธอนั้นได้ลืมตาตื่นขึ้นมาอีกครั้งในขณะที่ตัวหล่อนเองกำลังนอนอยู่บนพื้นโดยมีเพื่อนร่วมงานที่ชื่อ ณัทนรา กำลังจับแขนและพยายามจะช่วยประคองให้ตัวหล่อนลุกขึ้น
“เจน ๆ แกเป็นอะไรมากรึเปล่า” สีหน้าของณัทนราดูแตกตื่นตกใจมาก
“ปะ เปล่า ไม่ได้เป็นอะไรมาก แค่เจ็บแขนนิดหน่อยน่ะ”
“เธอนอนไม่พอหรอยัยเจน อยู่ดี ๆ ถึงได้วูบหมดสติไปแบบนี้เนี่ย” กันนรี เพื่อนรัก(เก่า)จอมวายร้ายที่เดินมาเห็นเหตุการณ์เข้าก็เอ่ยถามขึ้นด้วยน้ำเสียงซึ่งดูเหมือนจะเป็นห่วงเป็นใยเธอเสียเต็มประดา แต่หญิงสาวก็รู้ว่าจริง ๆ แล้วมันไม่ใช่แบบนั้นเลยสักนิด เพราะเพื่อนสาวอดีตคนสนิทคนนี้นั้นก็เพิ่งจะแย่งแฟนหนุ่มพี่กัปตันก้ามล่ำสุดหล่อของเธอไป จนเธอนั้นทั้งต้องเสียใจและเสียน้ำตาไปมากโข
“ไปเสิร์ฟอาหารกันเถอะณัท” เจนแสร้งทำเป็นไม่สนใจกันนรี หล่อนรีบผุดลุกขึ้นแล้วก็ชวนณัทนราไปทำงานต่อทันที
เมื่อถูกอดีตเพื่อนสาวคนสนิทเพิกเฉย เพื่อนรักเพื่อนร้ายของหล่อนก็เลยเอาข่าวนี้ไปบอกให้หัวหน้าและผู้ร่วมงานคนอื่น ๆ ของหล่อนทราบถึงเรื่องที่เกิดขึ้น ในวันนั้นเพื่อนร่วมงานก็เข้าใจว่ามันเป็นแค่อาการของคนที่นอนหลับพักผ่อนไม่เพียงพอ เนื่องจากงานพนักงานต้อนรับบนเครื่องบินนั้นเป็นงานที่ค่อนข้างจะหนัก โดยเฉพาะในเที่ยวบินข้ามทวีปที่กินระยะเวลายาวนานหลายชั่วโมงแบบเที่ยวบินนี้
ต่อมาอีก 2 วันเจนก็เกิดอาการวูบหลับอีกตอนขาบินกลับ ทำให้หญิงสาวถูกหัวหน้าตำหนิว่าปฏิบัติหน้าที่ได้ไม่ดี นอกจากเสียใจแล้ว ความรู้สึกแปลก ๆ อีกอย่างที่ทำให้เจนนิญารู้สึกกังวลมากก็คือ
ทำไมตอนที่เราวูบไป มันถึงเกิดจากความรู้สึกง่วงนอนอย่างหนักเสียมากกว่าจะเป็นการเป็นลมหมดสติแบบทั่ว ๆ ไปนะ
หลังจากเที่ยวบินไปกลับต่างประเทศ เจนนิญาก็ได้นัดเพื่อนสนิทชาวสายการบินซึ่งก็คือ คิมหันต์ หรือ ชื่อในแบบสจีสาวว่า คิมมี่ ให้มาทานข้าวด้วยกันเพราะตอนนั้นเจนนิญาอยากจะกินซูซิมาเป็นอาทิตย์ ๆ แล้ว แต่ก็กลับไม่ว่างมาเลยสักครั้ง
ในขณะที่เจนนิญากำลังใช้ตะเกียบคีบซูซิ มาวางลงในจานตรงหน้าของหล่อน พร้อมกันนั้นหญิงสาวก็เอ่ยขึ้นว่า
“ฉันว่าไม่วันนี้ก็พรุ่งนี้ฉันจะไปหาหมอแหละแก”
“แกเป็นอะไรนังเจน ฉันก็เห็นแกดูออกจะปกติดีนี่ ไม่เห็นจะเหมือนคนป่วยเลย” คิมหันต์กินไปพร้อมกับตอบไปอย่างเมามัน
“ก็ตอนไปบินครั้งที่ผ่านมานี่ ตอนทำงานอยู่ อยู่ดี ๆ ฉันก็วูบไป”
“หรือว่าแกจะ…” คิมหันต์ไม่พูดต่อแต่กลับยกมือขึ้นมาปิดปากด้วยสีหน้าที่ดูตกอกตกใจแทน