ผู้ตรวจฯ มีมติยื่นศาลรธน.วินิจฉัยคำสั่งคสช. 53/2560 ปมยืนยันสมาชิกพรรค30 วัน-และประชุมเลือกกก.บห. 90 วันหลังปลดล็อค เข้าข่ายลิดรอนสิทธิ สร้างภาระเกินสมควร ขัดรธน. ม. 25,26,27,และ 45 เตรียมยื่นศาลรธน.ทันทีวันนี้(30 มี.ค.)
วันนี้(30 มีค.) นายรักษเกชา แฉ่ฉาย เลขาธิการสำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดิน แถลงภายหลังการประชุมผู้ตรวจการแผ่นดิน ว่า ที่ประชุมฯ มีมติให้เสนอเรื่องพร้อมความเห็นไปยังศาลรัฐธรรมนูญเพื่อวินิจฉัย ว่าคำสั่งคสช.ที่ 53/2560 เรื่องการดำเนินการตามพ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคการเมือง ขัดหรือแย้งต่อรัฐธรรมนูญหรือไม่ ตามที่พรรคประชาธิปัตย์และพรรคเพื่อไทยยื่นคำร้อง เนื่องจาก หลังผู้ตรวจฯได้รับคำร้องและมี 2 หน่วยงานคือ สภานิติบัญญัติแห่งชาติ และกกต. ยื่นคำชี้แจงมา โดยหัวหน้าคสช.ไม่ได้ส่งคำชี้แจงมา ซึ่งเมื่อพิจารณาคำชี้แจงประเด็นที่มีการร้อง เห็นว่า พรรคประชาธิปัตย์ และพรรคเพื่อไทย เป็นผู้เสียหายและได้รับความเดือดร้อนโดยตรง คสช.มีอำนาจในการออกคำสั่งคสช.ดังกล่าว
เขากล่าวว่า คำสั่งดังกล่าวจึงชอบด้วยกฎหมาย แต่เนื้อหาของคำสั่งที่ 53/2560 ที่มีการแก้ไขแนวปฏิบัติของพรรคการเมืองตาม มาตรา 140 และมาตรา 141 พ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคการเมือง โดยมาตรา 140 เกี่ยวกับการให้สมาชิกพรรคที่ประสงค์จะยังคงเป็นสมาชิกพรรคต่อไปยืนยันตนเองพร้อมแสดงหลักฐานมีคุณสมบัติและไม่มีลักษณะต้องห้ามต่อหัวหน้าพรรคภายใน 30 วันหากพ้นกำหนดไม่มีการยืนยัน ให้ถือว่าพ้นจากการเป็นสมาชิกพรรคนั้น เป็นการรอนสิทธิของสมาชกพรรค และเพิ่มภาระให้กับสมาชิก และมีระยะเวลาดำเนินการกระชั้นชิด
และที่แก้ไขมาตรา 141 (4)ซึ่งเกี่ยวกับการจัดประชุมใหญ่เพื่อแก้ไขข้อบังคับ จัดทำคำประกาศอุดมการณ์ทางการเมือง เลือกหัวหน้าพรรค กรรมการบริหารพรรค (5) เกี่ยวกับการจัดตั้งสาขาพรรคและตัวแทนพรรคการเมืองประจำจังหวัด ให้ครบถ้วนตามที่พ.ร.ป.พรรคการเมืองกำหนดภายใน 90 วัน และกกต.สามารถขยายได้ครั้งหนึ่ง แต่หากครบเวลาแล้วพรรคไม่สามารถดำเนินการได้ให้พรรคการเมืองนั้นสิ้นสภาพไป โดยการดำเนินการดังกล่าวให้ทำเมื่อมีคำสั่งยกเลิกคำสั่งคสช.ที่ 57/2557 และคำสั่งคสช.ที่ 3/2558 แล้วก็เป็นการสร้างภาระให้แก่พรรคการเมืองเกินสมควร จึงเห็นว่าทั้ง 2 ประเด็นเข้าข่ายขัดรัฐธรรมนูญมาตรา 25 ,26,27 ประกอบมาตรา 45 ซึ่งทางผู้ตรวจการแผ่นดินก็จะยื่นคำร้องและหลักฐานต่อศาลรัฐธรรมนูญภายในวันนี้
นายรักษเกชา ยังกล่าวอีกว่า แม้ผู้ตรวจฯจะยื่นเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญ แต่ถ้ายังไม่คำวินิจฉัยออกมา ในวันที่ 1 เม.ย. พรรคการเมืองก็ยังคงต้องปฏิบัติตามคำสั่งคสช.ที่ 53/ 2560 ไปก่อนเพราะการออกคำสั่งดังกล่าวมีกฎหมายรองรับถูกต้องและเป็นคำสั่งที่ชอบด้วยรัฐธรรมนูญและกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญ เมื่อยังไม่มีการเปลี่ยนแปลงใด ๆ ก็ต้องปฏิบัติตาม
เมื่อถามว่า การที่ผู้ตรวจมีมติเช่นนี้ จะทำให้มีปัญหากับคสช.หรือไม่ นายรักษเกชา กล่าวว่า เราปฏิบัติไปตามหน้าที่ ที่ให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย ซึ่งเราก็เห็นว่าคำสั่งคสช.ออกโดยชอบด้วยกฎหมาย เพียงแต่มีปัญหาในเนื้อหาที่ขัดรัฐธรรมนูญกระทบต่อการปฏิบัติเท่านั้น ส่วนหลังจากนี้ถ้าคสช.มีการแก้ไขคำสั่งคสช.ที่ 53/2560 ก็เป็นเรื่องที่ศาลรัฐธรรมนูญจะเป็นผู้วินิจฉัย
https://mgronline.com/politics/detail/9610000031722
ผู้ตรวจฯตบหน้ายื่นตีความคำสั่งคสช.53/60วันนี้ชี้ขัดรธน.-สร้างภาระ
ผู้ตรวจฯ มีมติยื่นศาลรธน.วินิจฉัยคำสั่งคสช. 53/2560 ปมยืนยันสมาชิกพรรค30 วัน-และประชุมเลือกกก.บห. 90 วันหลังปลดล็อค เข้าข่ายลิดรอนสิทธิ สร้างภาระเกินสมควร ขัดรธน. ม. 25,26,27,และ 45 เตรียมยื่นศาลรธน.ทันทีวันนี้(30 มี.ค.)
วันนี้(30 มีค.) นายรักษเกชา แฉ่ฉาย เลขาธิการสำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดิน แถลงภายหลังการประชุมผู้ตรวจการแผ่นดิน ว่า ที่ประชุมฯ มีมติให้เสนอเรื่องพร้อมความเห็นไปยังศาลรัฐธรรมนูญเพื่อวินิจฉัย ว่าคำสั่งคสช.ที่ 53/2560 เรื่องการดำเนินการตามพ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคการเมือง ขัดหรือแย้งต่อรัฐธรรมนูญหรือไม่ ตามที่พรรคประชาธิปัตย์และพรรคเพื่อไทยยื่นคำร้อง เนื่องจาก หลังผู้ตรวจฯได้รับคำร้องและมี 2 หน่วยงานคือ สภานิติบัญญัติแห่งชาติ และกกต. ยื่นคำชี้แจงมา โดยหัวหน้าคสช.ไม่ได้ส่งคำชี้แจงมา ซึ่งเมื่อพิจารณาคำชี้แจงประเด็นที่มีการร้อง เห็นว่า พรรคประชาธิปัตย์ และพรรคเพื่อไทย เป็นผู้เสียหายและได้รับความเดือดร้อนโดยตรง คสช.มีอำนาจในการออกคำสั่งคสช.ดังกล่าว
เขากล่าวว่า คำสั่งดังกล่าวจึงชอบด้วยกฎหมาย แต่เนื้อหาของคำสั่งที่ 53/2560 ที่มีการแก้ไขแนวปฏิบัติของพรรคการเมืองตาม มาตรา 140 และมาตรา 141 พ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคการเมือง โดยมาตรา 140 เกี่ยวกับการให้สมาชิกพรรคที่ประสงค์จะยังคงเป็นสมาชิกพรรคต่อไปยืนยันตนเองพร้อมแสดงหลักฐานมีคุณสมบัติและไม่มีลักษณะต้องห้ามต่อหัวหน้าพรรคภายใน 30 วันหากพ้นกำหนดไม่มีการยืนยัน ให้ถือว่าพ้นจากการเป็นสมาชิกพรรคนั้น เป็นการรอนสิทธิของสมาชกพรรค และเพิ่มภาระให้กับสมาชิก และมีระยะเวลาดำเนินการกระชั้นชิด
และที่แก้ไขมาตรา 141 (4)ซึ่งเกี่ยวกับการจัดประชุมใหญ่เพื่อแก้ไขข้อบังคับ จัดทำคำประกาศอุดมการณ์ทางการเมือง เลือกหัวหน้าพรรค กรรมการบริหารพรรค (5) เกี่ยวกับการจัดตั้งสาขาพรรคและตัวแทนพรรคการเมืองประจำจังหวัด ให้ครบถ้วนตามที่พ.ร.ป.พรรคการเมืองกำหนดภายใน 90 วัน และกกต.สามารถขยายได้ครั้งหนึ่ง แต่หากครบเวลาแล้วพรรคไม่สามารถดำเนินการได้ให้พรรคการเมืองนั้นสิ้นสภาพไป โดยการดำเนินการดังกล่าวให้ทำเมื่อมีคำสั่งยกเลิกคำสั่งคสช.ที่ 57/2557 และคำสั่งคสช.ที่ 3/2558 แล้วก็เป็นการสร้างภาระให้แก่พรรคการเมืองเกินสมควร จึงเห็นว่าทั้ง 2 ประเด็นเข้าข่ายขัดรัฐธรรมนูญมาตรา 25 ,26,27 ประกอบมาตรา 45 ซึ่งทางผู้ตรวจการแผ่นดินก็จะยื่นคำร้องและหลักฐานต่อศาลรัฐธรรมนูญภายในวันนี้
นายรักษเกชา ยังกล่าวอีกว่า แม้ผู้ตรวจฯจะยื่นเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญ แต่ถ้ายังไม่คำวินิจฉัยออกมา ในวันที่ 1 เม.ย. พรรคการเมืองก็ยังคงต้องปฏิบัติตามคำสั่งคสช.ที่ 53/ 2560 ไปก่อนเพราะการออกคำสั่งดังกล่าวมีกฎหมายรองรับถูกต้องและเป็นคำสั่งที่ชอบด้วยรัฐธรรมนูญและกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญ เมื่อยังไม่มีการเปลี่ยนแปลงใด ๆ ก็ต้องปฏิบัติตาม
เมื่อถามว่า การที่ผู้ตรวจมีมติเช่นนี้ จะทำให้มีปัญหากับคสช.หรือไม่ นายรักษเกชา กล่าวว่า เราปฏิบัติไปตามหน้าที่ ที่ให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย ซึ่งเราก็เห็นว่าคำสั่งคสช.ออกโดยชอบด้วยกฎหมาย เพียงแต่มีปัญหาในเนื้อหาที่ขัดรัฐธรรมนูญกระทบต่อการปฏิบัติเท่านั้น ส่วนหลังจากนี้ถ้าคสช.มีการแก้ไขคำสั่งคสช.ที่ 53/2560 ก็เป็นเรื่องที่ศาลรัฐธรรมนูญจะเป็นผู้วินิจฉัย
https://mgronline.com/politics/detail/9610000031722