๛ อานนท์ สงครามระหว่างภิกษุชื่อสุนทรสมุทร กับหญิงแพศยา กำลังเปิดฉากขึ้น บนปราสาท 7 ชั้น ในกรุงราชคฤห์ ๛

ขอกราบไหว้พระรัตนตรัยด้วยความเคารพอย่างสูงยิ่ง

------------------
อรรถกถา ขุททกนิกาย คาถาธรรมบท พราหมณวรรคที่ ๒๖

เรื่องพระสุนทรสมุทรเถระ



               ข้อความเบื้องต้น

               พระศาสดา เมื่อประทับอยู่ในพระเชตวัน ทรงปรารภพระสุนทรสมุทรเถระ ตรัสพระธรรมเทศนานี้ว่า "โยธ กาเม" เป็นต้น.


               กุลบุตรออกบวช               
               
               ในกรุงสาวัตถี มีชายคนหนึ่งชื่อสุนทรสมุทรกุมาร เป็นบุตรของเศรษฐี มีทรัพย์สมบัติ 40 โกฏิ ต่อมาสุนทรสมุทรนี้ได้ออกบวช และได้ออกเดินทางจากกรุงสาวัตถีไปสู่กรุงราชคฤห์ไปปฏิบัติธรรม


               หญิงแพศยารับอาสาจะให้พระเถระสึกให้ได้               
             
               อยู่มาวันหนึ่ง  มีการจัดงานมหรสพอย่างหนึ่งขึ้นในกรุงสาวัตถี  มารดาบิดาของพระสุนทรสมุทรคิดถึงบุตรชายมากถึงกับคร่ำครวญว่าหากบุตรของเรายังไม่บวชก็จะออกไปเที่ยวสนุกสนานในงานมหรสพนี้

               ขณะที่มารดาของพระเถระนั่งร้องไห้อยู่นั้น ก็มีหญิงแพศยานางหนึ่งเข้ามาถามถึงสาเหตุที่นางร้องไห้ เมื่อได้ฟังว่าร้องไห้ถึงบุตรชายที่ออกบวชนั้น นางก็ถามขึ้นว่า หากนางสามารถสึกพระลูกชายออกมาครองชีวิตเป็นฆราวาสได้ ทั้งสองคนจะให้อะไรเป็นสิ่งตอบแทนแก่นาง ทั้งสองคนได้บอกกับนางว่า จะยกทรัพย์สมบัติทั้งหมดให้

               นางแพศยาก็จึงขอเงินจำนวนหนึ่งจากคนทั้งสองแล้วก็ออกเดินทางไปที่กรุงราชคฤห์ พร้อมด้วยผู้ติดตามจำนวนหนึ่ง

               เมื่อเดินทางถึงกรุงราชคฤห์แล้ว นางใช้ปราสาท 7 ชั้นหลังหนึ่งเป็นที่พัก ซึ่งตั้งอยู่ในเส้นทางที่พระสุนทรสมุทรจะบิณฑบาตผ่าน นางได้ตระเตรียมอาหารดีๆ ไว้รอพระสุทรสมุทรเถระมาบิณฑบาต ใน 2-3 วันแรกนางได้ยกอาหารมาถวายพระเถระตรงที่ท่านบิณฑบาต


               หญิงแพศยาออกอุบายเกลี้ยกล่อมพระเถระ               
             
               ต่อมานางได้นิมนต์พระเถระเข้าไปนั่งฉันที่ระเบียง 2-3 วัน โดยอ้างเหตุผลว่าในนี้สะดวกดี

               แล้วได้ไปว่าจ้างพวกเด็กๆ ให้พากันมาเล่นในช่วงเวลาที่พระเถระมารับบิณฑบาต แล้วคุ้ยฝุ่นให้ฟุ้งขึ้น ให้ส่งเสียงอื้ออึง วันรุ่งขึ้นเมื่อเด็กๆ ทำตามแผน นางจึงนิมนต์พระเถระเข้าไปนั่งฉันภายในเรือน และต่อๆ มาก็นิมนต์ท่านขึ้นไปนั่งฉันบนปราสาท โดยอ้างเหตุผลทำนองเดียวกัน

               เมื่อพระเถระรับนิมนต์แล้ว นางก็รีบเข้ามาปิดประตูลั่นดาล แล้วเริ่มยั่วยวนพระเถระด้วยมารยาหญิง


               หญิงแพศยาแสดงอาการ ๔๐ อย่างเกี้ยวพระเถระ
             
               นางให้พระเถระนั่งแล้ว แสดงแง่งอนของหญิง ด้วยลีลาของหญิงคือ
                         สะบัดสะบิ้ง ๑ ก้มลง ๑ กรีดกราย ๑ ชมดชม้อย ๑
                         เอาเล็บดีดเล็บ ๑ เอาเท้าเหยียบเท้า ๑ เอาไม้ขีดแผ่นดิน ๑
                         ชูเด็กขึ้น ๑ ลดเด็กลง ๑ เล่นเอง ๑ ให้เด็กเล่น ๑ จูบเอง ๑
                         ให้เด็กจูบ ๑ รับประทานเอง ๑ ให้เด็กรับประทาน ๑
                         ให้ของเด็ก ๑ ขอของคืน ๑ ล้อเลียนเด็ก ๑ พูดดัง ๑
                         พูดค่อย ๑ พูดคำเปิดเผย ๑ พูดลี้ลับ ๑
                         (ทำนิมิต) ด้วยการฟ้อน ด้วยการขับ ด้วยการประโคม
                         ด้วยการร้องไห้ ด้วยการเยื้องกราย ด้วยการแต่งตัว ๑
                         ซิกซี้ ๑ จ้องมองดู ๑ สั่นสะเอว ๑ ยังของลับให้ไหว ๑
                         ถ่างขา ๑ หุบขา ๑ แสดงถัน ๑ แสดงรักแร้ ๑ แสดงสะดือ ๑
                         ขยิบตา ๑ ยักคิ้ว ๑ เม้มริมฝีปาก ๑ แลบลิ้น ๑ เปลื้องผ้า ๑
                         นุ่งผ้า ๑ สยายผม ๑ เกล้าผม ๑

               นางได้กล่าวกับพระเถระว่า ท่านก็ยังหนุ่ม ส่วนดิฉันก็ยังสาว เราควรมาเป็นสามีภรรยากัน เอาไว้เมื่อตอนชราจึงค่อยมาบวชเถิด  


               พระเถระชนะหญิงแพศยาเพราะอาศัยพระศาสดา
          
               ครั้งนั้น ความสังเวชใหญ่ได้เกิดขึ้นแก่พระเถระว่าตนหลวมตัวทำผิดพลาดอย่างใหญ่หลวงเพราะความประมาทเลินเล่อ ว่า

               "โอหนอ! กรรมที่เราไม่ใคร่ครวญแล้วทำหนัก"

               ในขณะนั้น พระศาสดาประทับนั่งอยู่ในพระเชตวัน ณ ที่ไกลประมาณ ๔๕ โยชน์ ทรงเห็นเหตุนั้นแล้ว ได้ทรงทำความยิ้มแย้มให้ปรากฏ

               เมื่อพระอานนทเถระกราบทูลถามถึงสาเหตุของการที่ทรงยิ้มแย้มนั้น ได้ตรัสว่า

               อานนท์ สงครามของภิกษุชื่อสุนทรสมุทรและของหญิงแพศยา กำลังเป็นไปอยู่ บนพื้นปราสาท ๗ ชั้น ในกรุงราชคฤห์

               พระอานนท์ทูลถามว่า ความชนะจักมีแก่ใคร ความปราชัยจักมีแก่ใคร

               พระศาสดาตรัสว่า "อานนท์ ความชนะจักมีแก่สุนทรสมุทร, ความปราชัยจักมีแก่หญิงแพศยา"

               ดังนี้แล้ว ทรงประกาศความชนะของพระเถระ ประทับนั่งในพระเชตวันนั้นนั่นเอง ทรงแผ่พระรัศมีไป ตรัสว่า

               "ภิกษุ เธอจงหมดอาลัย ละกามแม้ทั้งสองเสีย"

               ดังนี้แล้ว ตรัสพระคาถานี้ว่า :-

โยธ  กาเม  ปหนฺตฺวาน
อนาคาโร  ปริพฺพเช
กามภวปริกฺขีณํ
ตมหํ  พฺรูมิ  พฺราหฺมณํ ฯ


บุคคลใดละกามทั้งหลายในโลกนี้แล้ว
เป็นผู้ไม่มีเรือน  งดเว้นเสียได้
เราเรียกบุคคลนั้น  ผู้มีกามและภพสิ้นแล้ว
ว่า  เป็นพราหมณ์.


               เมื่อพระธรรมเทศนาจบลง   พระเถระ  บรรลุพระอรหัตตผล.




เรื่องพระสุนทรสมุทรเถระ
http://www.84000.org/tipitaka/attha/attha.php?b=25&i=36&p=32

อ่านเนื้อความในพระไตรปิฎก
http://www.84000.org/tipitaka/attha/v.php?B=25&A=1301&Z=1424





แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่